ตอนที่ 3 : บทที่ 2 - ภพแรก -
นี่คือสารคดียุง...
---------------------------
บทที่ 2
ภพแรก
ตัวข้ากำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ
หากข้าอยู่ในร่างมนุษย์ ข้าคงคิดว่าตนตกอยู่ในห้วงฝัน แต่ครั้นอยู่ในร่างยุง ข้าผู้นี้กำลังมุ่งมั่นที่จะสานฝัน
ข้าตั้งมั่นแล้วว่าจะต้องบินขึ้นไปบนสวรรค์ อย่างไรก็ต้องกัดเปลือกตาของโอรสสวรรค์บัดซบนั่นให้จงได้ หากแต่ฝันของข้ากลับถูกดับลงอย่างง่ายดายเมื่อข้าถูกก่อกวนด้วยบางสิ่ง เป็นกลิ่นที่หอมหวนชวนให้ข้าหลงใหล
อ่า... กลิ่นนี้ช่างหอมหวนยิ่งนัก
กว่าจะรู้ตัวอีกที ข้าก็โฉบร่างลงเพื่อดอมดมเสียแล้ว ครั้นปากของข้าได้สัมผัสรสชาติ สติของข้าจึงคล้ายกลับคืนหลังตกอยู่ในภวังค์ ข้ากำลังดื่มกินน้ำจากหนึ่งในผลไม้โปรดของข้า ผิงกั่วครึ่งเสี้ยวที่ตกอยู่บนพื้นในยามนี้ช่างมีรสเลิศยิ่งนัก
อาจเพราะความขุ่นเคืองที่ทำให้ข้าหิวโหยมากถึงเพียงนี้ ข้าดื่มกินอย่างตะกละตะกลาม ร่างยุงกำลังสอนให้ข้ารู้จักใช้ขาหลังเพื่อสำรวจว่าท้องของข้าป่องแล้วหรือไม่พร้อมด้วยเสียงลึกๆภายในที่คอยย้ำเตือนให้ข้าระมัดระวังอย่าได้กินจนท้องแตกตาย
วิถีการดื่มกินนี้ช่างเป็นวิถีที่แปลกใหม่และสร้างความอดสูแก่ข้ายิ่งนัก ผิงกั่วผลนี้จวนเจียนจะบูดเน่าแล้ว หากแต่กลับเป็นอาหารโอชะสำหรับข้าผู้ถือกำเนิดเป็นยุง ช่างแตกต่างกับยามที่ข้าเคยเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีลั่วอย่างสิ้นเชิง
ยามข้าคือลั่วเลี่ยงเฟิง บิดามารดาล้วนเพียรคัดสรรแต่ของสดใหม่และสูงค่าให้ข้าได้ลิ้มลอง ไม่ว่าอาหารจะหายาก ราคาแพงเพียงใด แค่เพียงข้าเอ่ยปาก สิ่งนั้นย่อมมากองอยู่เบื้องหน้า แต่หากมีเพียงเสี้ยวเดียวของอาหารที่รสชาติแตกต่างไปจากเดิม ข้ามักอาละวาดใส่บิดามารดาจนกว่าจะได้อาหารจานใหม่ และหากข้ามิอยากตักกินเอง อาหม่า แม่นมผู้ชุบเลี้ยงข้าย่อมกระวีกระวาดสั่งให้เสี่ยวนู่เป็นคนป้อนให้กินถึงปาก ในยามนั้น แม้อาหารเบื้องหน้าจะมีทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ แต่ข้ารึเลือกกิน กินเหลือกินทิ้ง ทว่าในยามที่ต้องดิ้นรนเพียงลำพัง แม้แต่ผลผิงกั่วเน่า กลับหอมหวนและโอชะเกินกว่าจะหักห้ามใจ
หลังดื่มด่ำกับน้ำผิงกั่วจนเปรมปรีดิ์ ความขุ่นเคืองในใจของข้านั้นคล้ายจะลดหายลงไปมากถึงห้าส่วน ทว่าความคับแค้นยังคงอยู่ เมื่ออิ่มท้อง ข้าจึงหมายโผบินขึ้นฟ้าอีกครั้ง ด้วยอาหารที่มีเต็มท้อง ในคราวนี้ข้าย่อมบินไปถึงสวรรค์ได้อย่างแน่แท้!
ทว่า... ท้องฟ้ากว้างนัก กว่าข้าจะไปถึงสวรรค์เห็นจะมืดค่ำเสียก่อน ข้าควรหลับพักเสียหน่อย หลับนอนอยู่ใกล้ผิงกั่วเน่า ดื่มน้ำผิงกั่วเป็นมื้อเช้าแล้วค่อยบินขึ้นสวรรค์ก็ยังไม่สาย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ข้าผู้จิตใจเต็มไปด้วยความคั่งแค้นในโอรสสวรรค์บัดซบจนหลงลืมเรื่องอู๋ซีจึงถลาไปยังพุ่มไม้ใกล้ๆ เลือกใบไม้ใบหนึ่งและนอนหลับไปบนใบไม้นั่น แต่ยังไม่ทันได้หลับสนิท ข้ากลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่วูบไหว ครั้นเหลือบมอง ข้าจึงพบสหายยุงที่พากันโผบินและทยอยออกจากที่ซ่อน หากข้ามีคิ้ว ยามนี้คิ้วของข้าคงขมวดจนยับย่นไปแล้ว
เหตุใดพวกเขาจึงมิเข้านอนกัน กลางดึกเช่นนี้ จะบินไปหาสวรรค์วิมานหรืออย่างไร?!
หากแต่เมื่อคิดได้ว่าตัวข้าเองก็ตั้งใจจะบินขึ้นสวรรค์เช่นกัน ข้าจึงได้แต่ใช้มือลูบหัวตัวเองสองทีพลางเพ่งพินิจและสังเกตได้ว่ายุงเหล่านั้นมีรูปลักษณ์ต่างจากข้า ยุงเหล่านั้นต่างมีสีดำสนิท ทั้งเรียวขา ทั้งบั้นท้าย หาได้มีลวดลายเช่นข้า ถึงสายตายุงของข้าจะมิชัดเจนเท่ามนุษย์ หากแต่ข้าก็เห็นได้ถึงความแตกต่างนี้
มิเคยคิดเลยว่ายุงจะมีหลากสายพันธุ์เช่นสุนัข
ข้าเฝ้ามองพวกเขาบินไปทั่วฟ้า ก่อนตัวข้าจะหลับใหลไปในที่สุด และครั้นตื่นมาในเช้าของวันถัดไป ยุงที่มีความแค้นติดตัวเช่นข้าจึงบินไปยังผิงกั่วเน่า แม้จะตกใจเล็กน้อยที่ผิงกั่วแห้งจนมิหลงเหลือสภาพเดิม แต่ยังดีที่พอมีน้ำเหลือ ข้าจึงอาศัยน้ำเหล่านั้นในการหล่อเลี้ยงท้องน้อยๆ แล้วจึงโผบินขึ้นฟ้า
เช้านี้ฟ้าช่างแจ่มใส ข้าบินร่อนไปตามแรงลมท่ามกลางแสงแดดอุ่นของฤดูร้อน เกิดเป็นยุงก็ดีไม่น้อย นอกจากจะบินได้แล้ว ยังมิรู้สึกร้อนหนาวมากเท่ามนุษย์ ข้าหลงเพลิดเพลินไปกับสิ่งรอบกาย บินผ่านดอกไม้กอหนึ่งที่ข้าเข้าใจว่าเป็นทุ่งดอกไม้แสนกว้างขวางอย่างสนุกสนาน จากนั้น ความหิวจึงรั้งให้ข้ากลับมาได้สติอีกหน
ร่างอ่อนแอนี้หาได้มีเสียงท้องร้องเฉกเช่นร่างมนุษย์ มีเพียงความรู้สึกเร่งเร้าที่เรียกร้องให้ข้าเร่งหาผิงกั่วมาเติมท้องที่ว่างเปล่าเพียงเท่านั้น ทว่ายังมิทันบินพ้นกอดอกไม้ ข้าพลันเหลือบเห็นยุงตัวหนึ่งติดตามมา
ยุงตัวนั้นเป็นตัวผู้ เหตุที่ข้ารู้เพศของเขานั่นด้วยเพราะตัวผู้นั้นจะมีขนบนหนวดข้างปากที่ยาวกว่าตัวเมีย อีกทั้งยังเป็นพุ่มดูงดงามตระการตา เขาจัดเป็นยุงที่มีหนวดหล่อเหลาเลยทีเดียว ทว่าปากของเขาเล็กเหลือเกิน ข้าจึงอาจรับรู้ได้ว่าเขาต้องการสื่อสารสิ่งใด ได้แต่กระพือปีกไปมาในอากาศขณะมองเขากระพือปีกถี่รัวจนสะท้อนแสงวาววับและโผกลับไปที่กอดอกไม้
เขาเชื้อเชิญให้ข้าติดตามไปมิผิดแน่...
เพราะความสงสัยใครรู้ ข้าจึงยอมบินกลับไปหาเขา ยามอยู่ใกล้ ข้าเพิ่งได้พินิจว่าเขามิใช่พวกเดียวกับข้า เขาไม่มีลายที่ขา ปีกของเขาสะท้อนเกล็ดสี ข้าจึงคิดว่าเขาคือหนึ่งในพวกยุงไม่ยอมนอนเมื่อวาน และเพียงข้าแกะลงบนกลีบดอกไม้ ข้าก็ถึงอยากมีคิ้วเพื่อจะได้ขมวดแน่นอีกคราเมื่อเขาใช้ปากเคลื่อนเข้าไปใจกลางดอกไม้และดื่มกินน้ำจากดอกไม้มิต่างกับผีเสื้อและผึ้งที่ข้าเคยพบเห็นยามข้าเที่ยวเก็บดอกไม้ในสวนของอู๋ซีจนร้อนให้เขาต้องคอยรั้งมิให้ข้าถูกผึ้งต่อยอยู่หลายครั้ง หากแต่ชาติก่อนข้ามิเคยสังเกตเลยว่ายุงจะสามารถดื่มกินน้ำจากดอกไม้ได้
ครั้นระลึกได้ว่าตัวข้าที่เป็นยุงยังถูกน้ำจากผิงกั่วล่อลวง แม้กลิ่นดอกไม้ชนิดนี้จะมิได้หอมหวาน เย้ายวนเท่าผิงกั่ว แต่ด้วยความหิวโหย กว่าจะตระหนักรู้อีกครั้ง ปากของข้าก็จุ่มลงที่ดอกไม้เฉกเช่นยุงตัวนี้เสียแล้ว
น้ำหวานนับว่าไม่เลวสำหรับท้องที่ว่างเปล่า หลังข้าวางขาลงบนท้องเพื่อระมัดระวังไม่ให้ตัวข้าตะกละตะกลามมากเกินไป ข้าจึงส่งดวงตาเพื่อหมายขอบคุณ
ยามที่ข้าสบตาเขา เขาสบตาข้า มิรู้เพราะความเงียบหรืออย่างไร ข้าจึงรู้สึกกระดากอายขึ้นมาอย่างห้ามมิอยู่ เมื่อความขัดเขินเกิดขึ้น ข้าจึงเบนสายตาออกไปทิศอื่นแล้วถึงให้ประหลาดใจกับท่าทางของเขา
บั้นท้ายของเขามีรูปร่างแปลกตานัก ปลายบั้นท้ายมีทรงแหลมอีกทั้งยังชี้สูงและคล้ายจะสูงขึ้นเรื่อยๆยามเขาเติมน้ำหวานลงท้อง ข้าผู้เสียมารยาทจ้องมองบั้นท้ายเขาตลอดการร่วมมื้ออาหารโดยมิอาจบังคับสายตาออกจากปลายแหลมและก้นป่องๆของเขาได้เลย
ครั้นข้าและเขาต่างอิ่มท้อง ความกระดากอายในความเสียมารยาทของข้าจึงกลับหวนคืนสู่สำนึกรู้คิด หากอู๋ซีรู้ เขาคงมิวายต่อว่าข้าเสียยกใหญ่เป็นแน่ที่ข้าจ้องบุรุษตาเป็นมันเยี่ยงเมื่อครู่ เมื่อคล้ายเสียงของอู๋ซีจะหวนกลับเข้ามาให้ข้าระลึกได้ถึงเป้าประสงค์ของการเวียนว่ายตายเกิด ข้าจึงเร่งผงกหัวขอโทษขอโพยยุงที่เชิญชวนข้ามาร่วมดื่มกินและชี้มือเพื่อหมายอำลา หากแต่ยุงก็คือยุง เขามิได้ตอบโต้สิ่งใดข้ามากไปกว่าการกระพือปีกและทะยานกายขึ้นฟ้า บินจากไปอย่างรวดเร็ว
ช่างเป็นยุงที่หล่อเหลาเอาการ...
เป็นอีกครั้งที่ข้าเอาขากดหัวตัวเองหลังความคิดชั่วครู่เข้าครอบงำ
นี่ข้าคิดสิ่งใดอยู่! ยังมิทันได้เจออู๋ซี ข้าก็กลับปันใจให้ยุงตัวอื่นเสียแล้ว! น่าขายหน้าเสียจริง!
หากแต่ข้ากลับต้องยุติความขายหน้าลงเมื่อข้าเพิ่งระลึกได้
จริงด้วย ในเมื่อปากข้าเล็กจนมิอาจพูดคุยได้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ายุงตัวใดคืออู๋ซี?! โอรสสวรรค์บัดซบ! จงใจกลั่นแกล้งข้าชัดๆ
ข้าสาปแช่งบุรุษผู้นั้นต่ออีกหลายอึดใจ รอจนสติของข้าหวนคืน ข้าจึงโผบินอีกครั้ง หากแต่ครานี้มิใช่เพื่อบินสวรรค์ ทว่าข้ากำลังกวาดดวงตาเพื่อมองหาอู๋ซี เพื่อนยามยากผู้ช่วยเหลือข้าทุกเมื่อเชื่อวัน
คนที่ข้าตามเกี้ยวคืออู๋ซี คือเพื่อนยามยากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งแต่ฝึกเดิน เขาคือเพื่อนที่ร่วมเติบโตและอยู่เคียงข้างข้า คอยปกป้องดูแลข้ามาตั้งแต่เล ็ก บุรุษเช่นอู๋ซีมีหรือที่น้ำแกงยายเมิ่งจะทำให้เขาหลงลืมตัวตนของข้าได้?!
มิแน่แค่เพียงแรกสบตา ย่อมเป็นเขาที่ถลามาหาข้า ดั่งเช่นทุกครั้งที่เขามายืนรอส่งยิ้มในห้องโถงเพื่อพาข้าไปเดินเที่ยวและนั่งชมพระอาทิตย์อัสดงด้วยกัน เสวนาเรื่องต่างๆ นั่งฟังนิทานที่เขาเล่า เฝ้ามองดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า และเดินจูงมือกลับบ้านไปด้วยกัน
ข้ามิรู้ตัวเลยว่าปีกของข้าขยับช้าลงยามข้าคำนึงถึงชาติภพก่อน ต้องขอบคุณแรงลมวูบหนึ่งที่พาให้ข้าไหวตัวหลบได้ทัน ข้าตื่นจากภวังค์ เหลือบดวงตาก่อนจะบินถลา กระวีกระวาดหลบฝ่ามือของมนุษย์ยักษ์ที่หมายเอาชีวิตข้า!
“คิดหรือว่าเจ้าจะหลบพ้น เจ้ายุง!”
ข้าถลาบินสูงต่ำหลบฝ่ามือคู่นั้นเป็นพัลวัล ดวงตาข้าเบิกโพลงเหลือบมองเด็กอ้วนที่กำลังไล่กวดข้าราวกับตัวข้านี้เพิ่งสังหารบรรพบุรุษของเขาจนวอดวาย ยังดีที่ก่อนหน้านี้ ข้าบินแล่นลมจนเชี่ยวชาญอีกทั้งข้ายังอิ่มท้อง ข้าจึงสามารถหลบเลี่ยงฝ่ามือนั้นได้นับครั้งไม่ถ้วน ข้าบินซ้ายหลบขวาไปมา เมื่อเห็นเจ้าเด็กนั่นหอบข้าก็ย่ามใจ หากใบหน้าของข้ามีริมฝีปากเช่นมนุษย์ ข้าย่อมแสยะยิ้มให้เจ้าเด็กนั้นตระหนักถึงความพ่ายแพ้ของตน ทว่า น่าเศร้าที่ตัวข้าลำพองใจจนเกินงาม
พรึ่บ!
เพราะแรงลมที่เกิดจากการกวาดมือแทนการไล่ตบ ตัวข้าจึงเซและดิ่งลงไปเบื้องหน้าเด็กอ้วน กว่าจะตระหนักรู้ สติข้าก็ราวกับแตกกระเจิงเมื่อครานี้ข้ามิอาจหลบเลี่ยงฝ่ามือคู่นั้นได้พ้น
บัดนั้น เสียงแห่งความตายจึงดังขึ้นพร้อมกับเสียงรำพึงของข้า
บัดซบ...
เพียะ!
--------------------to be continued--------------------------
100%
- ไว้อาลัยให้น้อง 555555555555+
- นางเอกที่ตลกมากที่สุดของไรท์ก็ยัยน้องยุงนี่แหละ!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องยุงนี่เจ้าชู้เหมือนกันนะแอบไปมองก้นยุงหนุ่มอีกด้วย สงสัยเป็นยุงก้นปล่อง ส่วนน้องเป็นยุงลาย น่าเสียดายยังไม่ได้พบกันอู๋ซีเลยชาตินี้จะตายซะก่อนละมั้ง 555 แต่เรื่องราวของน้องยุงน่ารักค่ะ ขอบคุณค่ะไรท์
เดี๋ยวค่ะะะะ ยังตายไม่ได้ 5555+ ให้ไรท์ได้เขียนสารคดียุงก่อนนนน // ขอบคุณน้าค้า
แค่รู้ว่านางเอกเกิดเป็นยุงก็ฮาแล้ว