NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 9 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.65K
      75
      5 ม.ค. 66

    ขณะที่เฟิงชิงถิงเดินตามซย่าเจี่ยลุ่ยไป สตรีในอาภรณ์หรูหรานางหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาขวาง ยิ้มให้นางด้วยท่าทางนอบน้อม

    ท่านแม่หมอ ที่บ้านข้า แม่สามีของข้าเพิ่งจะเสียไปไม่นาน นางไม่ค่อยชอบข้าเท่าใดนัก อีกทั้งก่อนตายยังบอกอีกว่าหากนางตายนางจะมาหลอกหลอนข้า ท่านแม่หมอ ท่านจะช่วยไปดูที่บ้านข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าท่านแม่สามียังอยู่ที่บ้านหรือไม่ หากอยู่ ข้าก็อยากให้ท่านช่วยทำพิธีส่งวิญญาณให้นางไปอยู่ในภพภูมิที่ดีด้วยเถิด เรื่องเงินทำบุญข้าจ่ายไม่อั้น

    ท่านก็เห็นอยู่ว่าข้ายังทำกิจไม่เสร็จเฟิงชิงถิงนำหมวกกลับมาสวม

    แล้วท่านจะทำกิจเสร็จเมื่อใดเล่าสตรีนางนั้นยังไม่เลิกล้มความคิดที่จะเชิญเฟิงชิงถิงไปที่บ้าน

    ข้ายังไม่แน่ใจเอ่ยแล้วนางก็รีบจับชายแขนเสื้อของสือซานเหลียงให้เขาเดินตามนางไปติดๆ

    แม่หมอ ท่านอยู่สำนักใด หากเสร็จกิจจะมาช่วยดูวิญญาณของแม่สามีให้ข้าได้หรือไม่

    ขออภัยข้าไม่มีสำนักเฟิงชิงถิงเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ รีบพาสือซานเหลียงก้าวเดินเร็วกว่าเดิม

    บ้านของซย่าเจี่ยลุ่ยอยู่ไม่ไกลเช่นที่นางบอก ระหว่างทางที่เดินไปนางก็เอาแต่พร่ำขอบคุณเฟิงชิงถิงเป็นการใหญ่ เมื่อพาเด็กน้อยกลับไปถึงบ้าน เฟิงชิงถิงก็ตรวจอาการของเด็กหญิงอีกครั้ง นางให้ซย่าเจียลุ่ยเช็ดตัวให้เด็กหญิงเพื่อลดความร้อนในร่างกายอีกทั้งยังเตือนเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็น ไม่นานเด็กคนนั้นก็หลับไป

    หากเด็กมีอาการไข้สูง ท่านควรเช็ดตัวลดความร้อนให้แก่นาง พักผ่อนมากๆ และอย่าให้นางเลือกกินแต่อาหารที่ชอบเพียงอย่างเดียว เพราะหากกินอาหารซ้ำๆ จะทำให้ร่างกายนางของนางเจริญเติบโตได้ไม่ดีและป่วยง่าย

    แล้วนางจะเป็นอีกหรือไม่ซย่าเจี่ยลุ่ยถามอย่างกังวลใจ

    ท่านบอกว่าเคยเป็นตอนมีไข้สูง ครั้งนี้นางก็มีไข้สูงเช่นกัน คาดว่าหากมีครั้งต่อไปก็อาจจะเป็นตอนที่นางมีไข้สูง ดังนั้นตอนที่นางมีไข้ท่านต้องดูแลนางให้ดี ห้ามให้นางออกไปเล่นข้างนอกเช่นครั้งนี้

    เป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ ทั้งที่รู้ว่าคุณหนูไม่สบายอยากกินน้ำตาลปั้น บ่าวรับปากกับคุณหนูว่าจะออกไปซื้อให้หลังจากทำงานอย่างอื่นเสร็จ แต่ไม่คิดว่าตอนที่บ่าวออกไปทำงานอย่างอื่นคุณหนูจะแอบหนีออกไปสาวใช้ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ เอ่ยเบาๆ อย่างสำนึกผิด

    ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกไฉ่เอ๋อร์ เป็นข้าเองที่เอาแต่สนใจเรื่องในโรงปัก รู้ว่าลี่เอ๋อร์ไม่สบายก็ยังทิ้งนางไปซย่าเจี่ยลุ่ยมองเด็กน้อยที่หายใจอย่างสม่ำเสมออยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน

    หมั่นโถวเสียงทุ้มที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจดังขึ้นมา ทำเอานายบ่าวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

    เฟิงชิงถิงรีบลุกจากเก้าอี้เดินไปทางสือซานเหลียงที่มุมห้องอย่างรวดเร็ว ตอนแรกที่พาสือซานเหลียงมานางก็บอกเขาให้รอนาง สือซานเหลียงไม่ตอบแต่เขาก็ยืนนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด ยามนี้เอ่ยออกมาคำเดียวว่าหมั่นโถว จะเป็นอะไรไปได้เล่าหากไม่ใช่เขาหิวจนจะทนไม่ไหวแล้ว

    เห็นสายตาดุดันที่มองมา เฟิงชิงถิงก็รู้แล้วว่าเห็นท่าจะไม่ดีหากไม่หาสิ่งใดให้เขากินโดยเร็ว นางหันกลับไปทางสองนายบ่าวอีกครั้ง หากไม่มีสิ่งใดแล้วข้าขอตัว

    พวกท่านจะไปที่ใดซย่าเจี่ยลุ่ยลุกจากเตียงแล้วเดินตามมา

    ยังไม่ทันที่เฟิงชิงถิงจะตอบ เสียงท้องร้องดังโครกครากก็ดังขึ้นจากร่างใหญ่ ซย่าเจี่ยลุ่ยได้ยินชัดเจน นางคลี่ยิ้มให้เฟิงชิงถิงแล้วเอ่ยว่า แม่นางโปรดรอสักครู่

    พูดจบซย่าเจี่ยลุ่ยก็เดินออกไปนอกห้อง ไม่นานนางก็กลับเข้ามาบอกกับเฟิงชิงถิงอีกครั้ง

    หากไม่รังเกียจ ขอให้ข้าได้เลี้ยงอาหารตอบแทนพวกท่านสักมื้อเถิด เมื่อครู่ข้าให้คนไปเตรียมอาหารไว้ให้พวกท่านแล้ว ตอนนี้พวกเขาคงเตรียมของว่างเสร็จแล้ว ไปที่ห้องอาหารกันเถิด

    ซย่าเจี่ยลุ่ยหันไปสั่งให้สาวใช้คอยดูแลลี่เอ๋อร์ ส่วนนางก็เชื้อเชิญแขกทั้งสองอีกครั้งก่อนจะเดินนำไป

    ตอนแรกเฟิงชิงถิงยังลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาดุร้ายน่ากลัวที่กำลังมองร่างของนางอยู่ เฟิงชิงถิงก็เลิกคิดจะปฏิเสธ เดินตามซย่าเจี่ยลุ่ยโดยที่ในใจคิดว่า ขอให้ถึงห้องอาหารโดยไว และขอให้อาหารนำมาส่งให้ไวที่สุด ไม่เช่นนั้นนางอาจจะกลายเป็นอาหารเสียเอง

    เฟิงชิงถิงรู้สึกเกรงใจซย่าเจี่ยลุ่ยไม่น้อย เพราะอาหารที่ถูกลำเลียงมาส่งล้วนเป็นอาหารชั้นดีทั้งสิ้น อีกทั้งสือซานเหลียงก็กินเอากินเอาเหมือนคนไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน ทั้งที่เขากินอาหารอยู่ทุกวัน แต่เพียงแค่จำกัดอาหารเท่านั้นเอง แต่สือซานเหลียงก็ไม่ลืมที่จะคีบอาหารให้เฟิงชิงถิงจนเต็มชามของนางเช่นกัน

    จานเปล่าจานแล้วจานเล่าถูกยกออกไปพร้อมกับอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จจานใหม่ยกมาแทนที่ ซย่าเจี่ยลุ่ยทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีกับคนทั้งสอง นางแนะนำตัวว่านางแซ่ซย่านามว่าเจี่ยลุ่ย เป็นแม่หม้ายสามีตาย ลูกสาวของนางมีนามว่าลี่เอ๋อร์ ส่วนเฟิงชิงถิงก็แนะนำตัวกับซย่าเจี่ยลุ่ยว่านางแซ่เลี่ยง มีนามว่าเฟิง  ส่วนสือซานเหลียงนางก็เรียกเขาว่าอาเหลียง เดินทางมาที่ด่านชายแดนต้าหลวนเพราะต้องการมาตามหาญาติ 

    ตั้งแต่สามีของข้าจากไป ลี่เอ๋อร์ก็เป็นสิ่งมีค่าสิ่งเดียวที่ข้ามี นางเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของข้า หากนางเป็นอะไรข้าคงไม่กล้าไปสู้หน้าสามีที่จากไปแล้ว และก็คงจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีลี่เอ๋อร์ซย่าเจี่ยลุ่ยสีหน้าเศร้าสลดลงหลังจากเอ่ยถึงสามีของนาง แต่ก็เพียงไม่นานใบหน้างดงามก็กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยได้ ขอให้แม่นางเลี่ยงบอกกับข้า ข้ายินดีช่วยเหลือพวกท่านทุกอย่าง ต่อให้แลกด้วยชีวิตข้าก็ยินดี

    ข้าเพียงไม่สามารถเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาได้เท่านั้น เป็นฮูหยินหากเจอเหตุการณ์ที่พอจะช่วยผู้อื่นได้ก็คงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเช่นกัน ดังนั้นโปรดอย่าเห็นเป็นบุญคุณใดเลยเฟิงชิงถิงบอก

    แม่นางเลี่ยงช่างจิตใจดีงามนัก นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว พวกท่านเป็นคนต่างถิ่น ยามนี้หาโรงเตี๊ยมเข้าพักคงลำบากเพราะมีชาวยุทธ์เดินทางมามาก โรงเตี๊ยมทุกแห่งแทบจะไม่มีห้องว่างเหลือ หากแม่นางเลี่ยงไม่ถือสาที่บ้านข้าคับแคบไม่สะดวกสบาย ข้าจะยินดีอย่างยิ่งหากพวกท่านให้เกียรติพักที่นี่ จนกว่าจะตามหาญาติของแม่นางเลี่ยงพบ

    บ้านของซย่าเจี่ยลุ่ยห่างไกลจากคำว่าคับแคบและไม่สะดวกสบายไปมาก แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเทียบเท่าคฤหาสน์ของคหบดี แต่ก็ถือว่าใหญ่โตพอสมควรสำหรับชาวบ้านธรรมดา แต่จะให้นางผู้ถูกทหารแคว้นเจิ้งต้องการตัวกับสือซานเหลียงผู้ถูกเหล่าชาวยุทธ์ตามล่าเข้ามาอยู่ เห็นทีจะเป็นเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นมากกว่า

    เกรงว่าหากพักที่บ้านของท่านแล้วจะนำความเดือดร้อนมาให้ท่านเสียมากกว่า ดังนั้นความหวังดีของฮูหยินข้าขอรับไว้ด้วยใจเฟิงชิงถิงบอกตามตรง

    ความเดือดร้อนหรือซย่าเจี่ยลุ่ยมีสีหน้างงงวยแต่ไม่ได้ถามต่อ นางนิ่งไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับเฟิงชิงถิงอีกครั้ง เช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ที่จริงข้ามีโรงผ้าปักอยู่แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้เท่าใดนัก ที่นั่นมีห้องพักคนงาน แต่เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกคนงานเป็นคนในพื้นที่ห้องพักจึงไม่มีผู้ใดเข้าพัก หากแม่นางเลี่ยงไม่สะดวกใจจะพักที่บ้านนี้ ท่านก็สามารถไปที่โรงผ้าปักของข้าได้ ที่นั่นมีเพียงท่านป้าซินที่ทำหน้าที่ดูแลเรือนพักและโรงผ้าปักเท่านั้น

    เฟิงชิงถิงคิดว่าก็ดีเหมือนกัน หากเป็นโรงผ้าปัก ผู้คนเข้าออกมากมายหากนางจะเข้าออกก็คงไม่สะดุดตาเท่าใดนัก ตัวนางเองก็มีเงินเหลือติดตัวไม่มากแล้ว หากพักที่โรงเตี๊ยมค่าใช้จ่ายก็คงพอดู อีกทั้งแม้โรงเตี๊ยมจะมีผู้คนพลุกพล่านแต่หากมีการตรวจสอบโรงเตี๊ยมคือสถานที่แรกที่ถูกตรวจสอบก่อน ส่วนโรงผ้าปักนั้นคงไม่มีคนคิดว่าจะมีคนต่างถิ่นมาเข้าพัก ดังนั้นเฟิงชิงถิงจึงตัดสินใจ

    หากเป็นเช่นนั้นก็ขอรบกวนแล้ว

    ซย่าเจี่ยลุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างด้วยความยินดี ให้คนเตรียมรถม้าเพื่อพาเฟิงชิงถิงและสือซานเหลียงที่อิ่มแปร้ไปยังโรงผ้าปักในทันที

    จวนใกล้ค่ำแล้ว โรงผ้าปักจึงเหลือเพียงซินฝูหรือป้าซินที่เป็นผู้เฝ้าเรือนพักเพียงคนเดียว สตรีวัยเกือบห้าสิบออกมาต้อนรับซย่าเจี่ยลุ่ยอย่างกระตือรือร้น ส่วนซย่าเจี่ยลุ่ยก็เอ่ยกับนางอย่างเป็นกันเอง

    ท่านป้า พวกเขาทั้งสองคือแขกคนสำคัญของข้า ท่านโปรดดูแลพวกเขาแทนข้าด้วย ส่วนห้องพักที่ข้าให้คนมาเตรียมการไว้เรียบร้อยดีหรือไม่

    เรียบร้อยดีเจ้าค่ะฮูหยิน ปัดกวาดเรียบร้อยแล้ว เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดและสะอาดที่สุดเจ้าค่ะซินฝูเอ่ยพลางมองแขกของฮูหยิน

    สตรีนางนั้นไม่เท่าใด แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ยังคงสวมหมวกอยู่เหตุใดจึงมีท่าทางดุดันน่ากลัว ขนาดสตรีอายุมากอย่างนางยังไม่อยากเข้าใกล้

    นี่คือแม่นางเลี่ยงเฟิง นางเป็นหมอ เอ่อหมอผี ส่วนท่านผู้นี้มีนามว่าท่านเหลียง ญาติของแม่นางเลี่ยงแม้แต่ซย่าเจี่ยลุ่ยเองก็หวาดกลัวชายร่างสูงใหญ่ผู้นี้เช่นกัน แต่เห็นว่าเขาเป็นคนที่แม่นางเลี่ยงพามาด้วย อย่างไรก็คงไม่ใช่คนไม่ดี

    พวกท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย เขาอาจจะดูดุดันแต่เขาไม่ทำร้ายผู้ใดเฟิงชิงถิงบอกกับสตรีต่างวัยทั้งสอง

    เช่นนั้นก็เชิญทางนี้เถิด ข้าจะพาพวกท่านไปที่ห้องพักซินฝูเอ่ยก่อนจะเดินนำไปที่ห้องพัก

    ห้องพักที่ซย่าเจียลุ่ยสั่งให้คนมาปัดกวาดเป็นห้องที่กว้างที่สุดในบรรดาห้องที่มี หลังจากบอกสถานที่จำเป็นต่างๆ อย่างเช่นห้องสุขาอยู่ทางใด บ่อน้ำอยู่ที่ใดให้เฟิงชิงถิงฟัง ซย่าเจี่ยลุ่ยก็ลากลับไป แต่ก่อนกลับซย่าเจี่ยลุ่ยยังคงย้ำกับเฟิงชิงถิงอีกครั้งว่า

    แม่นางเลี่ยงเชิญพักอยู่ตามสบายจนกว่าจะตามหาญาติของพวกท่านเจอ ส่วนเรื่องญาติของท่านเป็นหน้าที่ให้ข้าช่วยตามหาอีกแรง

    ขอบคุณท่านมาก แต่เรื่องที่ข้ามาพักที่นี่ขอให้ปิดเป็นความลับได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าจะมีคนมาเชิญให้ข้าปราบวิญญาณร้าย ที่จริงแล้วความสามารถของข้าไม่ได้เก่งกาจถึงเพียงนั้น คนอื่นรู้ก็ขายหน้าเขาเปล่าๆเฟิงชิงถิงอ้างเรื่องปราบวิญญาณร้าย

    ข้าจะกำชับคนที่นี่ให้ปิดเป็นความลับ แม่นางเลี่ยงไม่ต้องกังวล

    ได้ยินเช่นนั้นเฟิงชิงถิงก็สบายใจ นางรู้สึกว่าช่างเป็นโชคดีเสียเหลือเกิน หากไม่ได้ซย่าเจี่ยลุ่ยให้ที่พักแก่นาง นางคงต้องไปค้างที่วัดร้างหรือศาลเจ้าร้าง แต่ที่นั่นคงไม่ใช่นางคนเดียวที่ไปค้างแรม เพราะน่าจะมีชาวยุทธ์อีกไม่น้อยที่ไม่มีที่พัก วัดร้างและศาลเจ้าร้างจึงเป็นสถานที่เดียวที่พวกเขาคิดได้เช่นกัน แล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากพวกเขาจำสือซานเหลียงได้

    ก่อนเข้านอนเฟิงชิงถิงก็ไม่ลืมตรวจอาการและฝังเข็มให้สือซานเหลียงโดยสางผมให้เขาไปพลางรักษาไปพลาง แต่ระหว่างที่ฝังเข็มนางก็ครุ่นคิดไปถึงอาการที่เพิ่งจะตรวจไปก่อนหน้านี้ ทุกอย่างไม่ได้บอกว่าอาการลมปราณตีกลับของสือซานเหลียงแย่ลงแต่อย่างใด แต่เหตุใดอาการสติไม่ดีของเขาจึงดูเพิ่มขึ้นเล่า เฟิงชิงถิงพยายามหาคำตอบแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงเวลานอน

    ห้องที่ถูกเตรียมไว้ให้มีสองเตียงนางจึงเลือกเตียงเล็กและให้สือซานเหลียงนอนเตียงใหญ่ เพราะเฟิงชิงถิงเคยชินกับการนอนห้องเดียวกับสือซานเหลียงไปแล้ว นางจึงไม่ค่อยรู้สึกแปลกอะไร หากไม่รวมเหตุการณ์ตอนเช้าที่เกิดขึ้นในถ้ำ ทุกวันเขามักจะตื่นก่อนนางแต่จะไม่ลุกไปไหน เพียงแต่นั่งเหม่อ จนเมื่อนางตื่นเขาจึงจะหันมามองนางและทักทายนางด้วยคำที่เคยชินว่า หมั่นโถว ดังนั้นคืนนี้จึงไม่ต่างกัน คิดว่าเขาอิ่มแล้วคงจะไม่คิดทำสิ่งใดกับนาง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็เตรียมเข็มเอาไว้พร้อมเสมอ

    เฟิงชิงถิงนอนไปพร้อมกับลอบฟังเสียงของคนที่อยู่บนเตียงอีกฟาก ไม่ได้ยินเสียงเขาเคลื่อนไหว นางก็หลับลงอย่างสบายใจ ไม่ได้ล่วงรู้ว่าหลังจากที่นางหลับไปแล้ว ร่างใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่อีกเตียงจะลุกขึ้นมา

    ในม่านราตรีอันเงียบสงัด ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงหลังเล็ก แหวกม่านที่กั้นเตียงให้แยกออก แสงจันทร์สีเงินยวงที่สาดส่องเข้ามาอาบไล้ร่างบางที่หลับสนิทเป็นประกายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ร่างที่ทอประกายนั้นทำให้คนมองคิดว่านางคือนางฟ้าที่กำลังหลับใหลอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า ขณะที่ร่างใหญ่ขยับเข้าไปใกล้แสงวาววับบางอย่างทำให้ร่างนั้นชะงักนิ่งก่อนจะคำรามหึ่มในลำคอด้วยความไม่พอใจ สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในตาของสือซานเหลียงก็คือประกายของเข็มเล่มเล็กในมือของเฟิงชิงถิงนั่นเอง

    ดวงตาคู่ดุดันมองเข็มเล่มจิ๋วคล้ายกับมันเป็นศัตรูตัวฉกาจ มือใหญ่เคลื่อนออกไปคีบเข็มเล่มนั้นออกจากมือเล็กช้าๆ เป็นเพราะเฟิงชิงถิงหลับไปแล้วมือของนางจึงคลายออก จึงไม่รู้เรื่องว่าเข็มที่ใช้ป้องกันตัวถูกดึงออกไป อาวุธหลักของหญิงสาวถูกโยนทิ้งส่งๆ และเมื่อมันหายไปในความมืด เสียงทุ้มก็หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

    ในที่สุดคนผู้นั้นก็ขยับขึ้นไปบนเตียงอย่างแผ่วเบา นอนตะแคงมองร่างบางที่หลับใหล ขยับเข้าใกล้แต่ไม่สัมผัสโดนนาง และเมื่อได้ที่เหมาะแล้วเขาก็สูดกลิ่นหอมที่แผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาวหลับตาลงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ไม่นานลมหายใจของร่างใหญ่ก็ประสานกับลมหายใจของร่างเล็กอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าร่างของคนทั้งสองได้หลอมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็ไม่ปาน...


    ++++++++

    นิยายเรื่องนี้มีสองเล่มจบค่ะ ตอนนี้วางขายเล่ม 1 อยู่ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×