ตอนที่ 76 : ตอนที่ 76
“พี่มาร์คกลับห้องตัวเองไป” อินทัชกลอกตาพูดประโยคนี้เป็นครั้งที่สามแล้วเมื่อคนที่แยกตัวไปอาบน้ำหลังกลับมาจากงานเลี้ยงนั้นมาเคาะประตูห้องเขาขอเข้ามาพูดคุยในห้อง เขาก็คิดว่าจะเป็นเรื่องสำคัญอะไร ที่ไหนได้จะขอนอนด้วย
แน่นอนว่าเขาจะต้องปฏิเสธ อินทัชรู้ดีว่าหากเขายอมให้พี่มาร์คนอนด้วยมันจะต้องไม่ใช่แค่นอนธรรมดาแน่ ๆ ซึ่งเขายังไม่พร้อม
ไม่สิ เขายังไม่อยากจะยอมตอนนี้มากกว่า
อ่า ก็เพิ่งจะคบกันเมื่อคืนเองนี่นะ
“จะนอนด้วย” มาร์คยังคงหน้านิ่งเรียบเสมือนว่าไม่ได้ยินถ้อยคำปฏิเสธเป็นครั้งที่สามของอินทัช ยืนกอดอกแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของตัวเองว่าอย่างไรคืนนี้เขาก็จะต้องได้นอนในห้องของอินทัช หรือไม่อย่างนั้นอินทัชจะต้องไปนอนที่ห้องเขา สรุปก็คือไม่ว่ายังไงก็ตามวันนี้เขาจะต้องได้นอนกับคนรักของเขา
ร่างสูงที่อยู่ในชุดพร้อมนอนทิ้งตัวลงนอนแผ่ลงบนเตียงนอนหลังนุ่ม กินพื้นที่ไปเกินครึ่งเตียง
“พี่มาร์ค ผมง่วง” อินทัชตีหน้ายุ่ง สีหน้าเริ่มจะตึงขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อคนตัวโตกว่าไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกออกจากที่นอนของเขาและกลับห้องของตัวเองไป
“ง่วงก็มานอน” ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น มาร์คยังตบมือลงเบา ๆ บนเตียงนอนพื้นที่ข้างตัวเอง ก่อนจะพลิกตัวตะแคงหันมาทางอินทัชแล้วใช้แขนข้างหนึ่งตั้งฉากรองศีรษะตัวเองเอาไว้
“มานอนสิ” เอ่ยปากเรียกคนที่ไม่ยอมเดินมาที่เตียงตามที่เขาบอก
“ผมต้องทำยังไงพี่ถึงจะยอมกลับห้องไป” อินทัชกอดอกถามน้ำเสียงจริงจัง มองเมินผ่านท่าตบเตียงเรียกเขาให้ไปนอนข้าง ๆ ของคนหน้ามึน
ฮื่อ น่าจะกลับไปหน้านิ่งเป็นหินเหมือนเดิม
“ไม่ต้องทำอะไร นอกจากมานอนดี ๆ ที่บนเตียงนี่”
“ถ้าผมไปนอนแล้วพี่จะกลับห้องไปใช่ไหม” อินทัชถามทันทีแต่สีหน้าไม่เชื่อใจ
“ไม่กลับ” และนั่นก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อคำตอบที่เขาได้รับมาทันทีหลังจากสิ้นเสียงคำถามของเขาเป็นถ้อยคำที่แสนจะหนักแน่นจนน้ำตาจะไหล
อือ ง่วง หาวจนน้ำตาจะไหลออกมาแล้วเนี่ย
เหนื่อยก็เหนื่อย งานเลี้ยงนั่นไปไม่นานแต่ดูดพลังงานไปไม่น้อยเลย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม ไหนจะต้องทนกับสายตาของใครต่อใครที่จ้องมองมา และยังเรื่องอื่น ๆ อีก
“มานอนเถอะ ไม่ทำอะไรหรอก” มาร์คเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของคนน้องก็พูดเสียงทุ้มต่ำ แววตาอ่อนโยนกว่าเดิม ให้คำยืนยันว่าจะไม่ทำอะไร
“ก็ได้” อินทัชหรี่ตามองอย่างต้องการความมั่นใจว่าคนบนเตียงจะไม่ทำอะไรเขาจริง ๆ ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้ายอมแพ้ที่จะไล่อีกคนกลับห้องของตัวเองไปแล้วพาตัวเองไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง โดยที่มาร์คที่นอนอยู่ก่อนนั้นขยับตัวเว้นพื้นที่ให้
“ไหนบอกไม่ทำอะไรไง” คนที่ง่วงนอนถามเมื่อทันทีที่แผ่นหลังเขาสัมผัสกับความนุ่มของที่นอน ตัวเขาก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ใบหน้าซบลงบนอกแข็ง ๆ แน่น
“แค่นอนกอด” มาร์คพูดพร้อมกับขยับท่าทางให้สบายที่สุด เขาขยับศีรษะของอินทัชให้นอนหนุนอยู่บนแขนข้างซ้ายของเขา ส่วนแขนข้างขวาก็ขยับพาดผ่านบนเอวคอด
“นอนแบบนี้ต้องเมื่อยแน่ ๆ” อินทัชกลอกตาพูดบ่นแต่ก็ไม่ได้ขยับถอยห่างหรือเปลี่ยนท่าทางการนอน นอกจากนั้นยังขยับตัวของตัวเองให้ได้มุมที่ถนัดมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ริมฝีปากสีคล้ำของคนตัวโตยกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่ออินทัชไม่ได้ต่อต้านการกระทำของเขา นอกจากการพูดเชิงบ่นนิด ๆ เท่านั้น ยกยิ้มก่อนที่จะกดริมฝีปากของตัวเองลงบนกลุ่มผมนุ่มของคนที่นอนหนุนแขนตัวเองอยู่
“ฮื่อ” อินทัชครางในลำคอเหมือนจะขัดใจ แต่ก็ขัดกับสีหน้าที่ปรากฏสีแดงระเรื่องชัดเจนของตัวเอง
“ร้อนเหรอ” มาร์คถามเสียงทุ้มต่ำและเผยรอยยิ้มออกมาอย่างคนที่ไม่พยายามจะเก็บซ่อนอาการไว้เลยสักนิด
“อือ ร้อน” อินทัชก็รู้ดีว่าที่คนพี่ถามอย่างนั้นเพราะว่าต้องการจะแซวเขา แต่แล้วยังไงล่ะ บอกไปว่าร้อนยังดีกว่าที่จะยอมรับว่าเขากำลังเขินอยู่จริง ๆ
“งั้นเพิ่มแอร์” พูดจบมือข้างที่ก่ายกอดอินทัชไว้ก็ขยับไปยังหัวเตียง ความหารีโมทแอร์ก่อนที่จะปรับลดอุณหภูมิลงต่ำจนอินทัชรู้เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแช่แข็ง
“ไม่ร้อนแล้วใช่ไหม” ถามพร้อมกับที่พาดแขนของตัวเองกลับเข้าที่เดิม
ดวงตาคู่สวยลอบมองค้อนคนเจ้าเล่ห์ที่ลดอุณภูมิของแอร์ลงต่ำแบบเพื่อที่จะต้องการแกล้งเขา ทำไมเขาจะรู้ไม่ทัน ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ริมฝีปากของคนที่ก่อนหน้านั้นแทขจะไม่เคยยิ้มให้เห็นเลยอินทัชก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้
ในระหว่างที่อินทัชกำลังรู้สึกหมั่นไส้คนที่เขานอนหนุนแขนอยู่นั้น อุณหภูมิที่ลดต่ำลงเรื่อย ๆ จากการทำงานของเครื่องปรับอากาศ แอร์เย็น ๆ ที่ตกกระทบลงบนร่างกายทำให้อินทัชตัวสั่นสะท้านขึ้นมาไม่น้อยเลย และคนที่กำลังนอนกอดอินทัชอยู่ก็รับรู้ได้ มาร์คขยับอ้อมแขนของตัวเองให้กระชับแน่นขึ้นอีก
เขารู้ว่าอินทัชกำลังหนาว และวิธีการแก้ปัญหาที่ดีก็คือ
หนาวเนื้อต้องห่มเนื้อ
จงใจลืมผ้าห่มผืนหนานุ่มที่เลื่อนไปอยู่ปลายเตียง
ลืมมันทั้งสองคน
กลางดึกที่ทุกคนควรจะหลับไหลหมดแล้วยังมีดวงตาคู่หนึ่งที่เปิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงไฟริบรี่ที่ส่องผ่านม่านเข้ามาเพียงเล็กน้อยทำให้เขาพอจะมองเห็นคนที่ทำให้เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก
ดวงตาคู่คมไม่ปรากฏความง่วงงุนเลยสักนิด ในแววตามีแต่ความเป็นห่วงและเป็นกังวลเมื่อคนที่บ่นว่าง่วงนอนและเหนื่อยล้าจากงานเลี้ยงนั้นควรจะนอนหลับสนิทแต่กลับมีท่าทางกระสับกระส่าย บางครั้งยังมีถ้อยคำบางอย่างหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบาง แต่มาร์คที่นอนแนบชิดอยู่นั้นก็ยังจับใจความไม่ถูก คำเพียงคำเดียวที่เขาพอจะจับใจความได้คือคำว่า
“ขอโทษ”
มาร์คเดาว่าคนรักของเขากำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน และคงเป็นฝันที่เจ็บปวดไม่น้อยจากคราบน้ำตาที่เขาพอจะมองเห็นได้จากแสงไฟสลัว ๆ นั่น
ขอโทษใคร ขอโทษเรื่องอะไร และกำลังฝันถึงอะไรอยู่
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในของมาร์ค ข้อนิ้วเรียวสวยถูกยื่นไปเกลี่ยหยาดน้ำตา ก่อนที่เขาจะขยับแขนของตัวเองเพื่อรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดให้แนบแน่นกว่าเดิม มือข้างที่ว่างอยู่นั้นลูบไล้แผ่นหลังบางอย่างปลอบประโลม ริมฝีปากสีคล้ำกดจูบลงแผ่วเบาที่กระหม่อมบาง เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนถูกปล่อยออกมา
“คนดี อย่าร้องไห้อีกเลย ไม่ต้องขอโทษอะไรแล้ว ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลย” มาร์คไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้คนที่เขาอยากจะเห็นแต่รอยยิ้มมีน้ำตา มาร์คไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอินทัชกำลังฝันอะไรอยู่กันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เขาไม่ประสงค์จะให้คนรักของเขารู้สึกผิดกับมันอีกแล้ว
คล้ายกับว่าคนที่กำลังตกอยู่ในความฝันถึงอดีตอันเลือนลางจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่ร่างสูงส่งมาเพื่อปลอบประโลมเขา หยาดน้ำตา เสียงพร่ำคำว่าขอโทษก็ค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่ความนิทราอันสงบสุขจะมาเยือนอีกครา แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้มาร์คข่มตาหลับลงได้เหมือนกับที่อินทัชเป็น
จวบจนเช้า แสงแดดที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาก็ทำให้คนที่ฝันร้ายจนมีน้ำตาตื่นขึ้นมา เปลือกตาสีขาวมุกขยับน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกให้เห็นดวงตาคู่สวยที่มีความง่วงงุนปรากฏอยู่
อินทัชกลอกลูกตาของตัวเองไปมาอย่างเรียกสติ และเมื่อรับรู้ว่าหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่นั้นควรจะนิ่มอย่างทุกครั้งกลับกลายเป็นแข็งเกร็ง เขาก็ค่อย ๆ เลื่อนตาไปมอง ก่อนจะจำได้ว่าเขาไม่ได้กำลังนอนหนุนหมอน แต่มันคือแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมาร์ค
เมื่อคืนเขานอนหนุนแขนพี่มาร์ค เช้ามาเขาก็ยังคงอยู่ในท่าเดิม
มาร์คมองคนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วแต่ดูท่าว่าสติยังคงไม่ตื่นตามขึ้นมาเต็มร้อย คนตัวบางนอนหนุนแขนจ้องตากับเขาไม่มีถอย และในแววตานั้นเขาดูแล้วเหมือนว่าอินทัชจะจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนตัวเองฝันร้ายจนทำให้เขาตื่นขึ้นมากลางดึกและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจจะนอนหลับลงอีกครั้งได้
ดีแล้ว จำไม่ได้ก็ดีแล้ว ให้เช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดชื่นของเจ้าตัวก็ดีกว่า
คิดได้อย่างนั้นมาร์คก็คลี่ยิ้มที่ริมฝีปาก โน้มหน้าตัวเองลงต่ำจนริมฝีปากของตัวเองแนบชิดกับคนที่เพิ่งตื่นนอนและสติยังคงไม่ตื่นเต็มร้อย
“Morning kiss” ฉวยโอกาสที่คนเพิ่งตื่นนอนยังตั้งตัวไม่ทันประทับริมฝีปากของตัวเองลงไปที่ริมฝีปากสีสวย แตะเบา ๆ แล้วถอนออกมาก่อนจะประทับแนบลงไปใหม่และครั้งนี้มันแนบแน่นกว่าเดิม
ริมฝีปากสีคล้ำขยับเม้มเลาะชิมความหวานจากริมฝีปากบาง ชิมจนตัวเองพอใจ ชิมจนรับรู้ว่าคนรักเริ่มที่จะหายใจไม่ทัน เขาจึงได้ถอนริมฝีปากกลับไป
อินทัชดวงตาปรือปรอย เมื่อความหวานที่ลิ้มรสอยู่นั้นหายไป เขายังตั้งตัวไม่ทัน ยังคงมึนงงว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน จนกระทั่งผ่านไปหลายลมหายใจเขาจึงรับรู้ทุกอย่างได้กระจ่างชัด
ริมฝีปากบางที่เพิ่งถูกลิ้มชิมรสไปขบเม้มเข้าหากัน ก่อนจะปล่อยคลายให้เป็นอิสระแล้วเอ่ยแผ่วเบาออกมา
“พี่มาร์ค” ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกทำไม อาจเป็นความต้องการลึก ๆ ของหัวใจที่อยากจะยืนยันว่าคนที่นอนอยู่เคียงข้างเขา เป็นเจ้าของอ้อมกอด เป็นคนแรกที่เขาตื่นขึ้นมาเจอ นั้นคือพี่มาร์คจริง ๆ
“ครับ” เสียงทุ้มต่ำขานรับอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปประทับจูบนิ่งที่หน้าผากมน
อินทัชระบายรอยยิ้มออกมาไม่พูดอะไร เขาไม่รู้ตัวว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกดีใจ โล่งใจนักเมื่อเห็นว่าพี่มาร์คนอนเคียงข้างเขาอยู่ตอนนี้ เขารู้สึกดีใจยิ่งกว่าอะไรเมื่อตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของพี่มาร์ค ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบพี่มาร์คเป็นคนแรก
มันเหมือนกับว่าเขาอยากจะให้ทุกอย่างนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้ว ในใจของเขามันบอกว่าในที่สุด ในที่สุดสิ่งที่เขาต้องการก็เกิดขึ้นจริง ๆ
และเขาอยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่ต้องการให้อะไรก็ตามมาทำให้ทุกอย่างเหล่านี้หายไป
ไม่ต้องการให้ใครมาพรากมันไปจากเขา
“ลงมาทำไมครับ” อินทัชถามคนที่ก้าวลงจากรถมาพร้อมกับเขา ทั้ง ๆ ที่ควรจะนั่งรถไปที่ตึกเรียนของตัวเอง
ตอนนี้ทั้งอินทัชและมาร์คกำลังอยู่หน้าตึกเรียนอันเป็นสถานที่จัดคลาสบรรยายพิเศษ เชิญผู้บรรยายสุดพิเศษมาเป็นผู้ดำเนินคลาสเรียน
เป็นคลาสเรียนพิเศษที่อินทัชรอคอยไม่น้อยเลย
มาร์คไม่ตอบคำถามของคนรัก แต่คว้ามือของอินทัชมากุมเอาไว้แนบแน่นก่อนจะพาก้าวเดินไปข้างหน้า จูงมืออินทัชให้เดินตามเขามายังที่นั่งหน้าสุดอันเป็นที่นั่งที่ควรจะมีแค่เพียงคณาจารย์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
มาร์คนั่งลงโดยไม่มีความลังเลใด ๆ เสมือนว่าที่นั่งตรงนี้มันเป็นที่นั่งของเขา ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อเขาและคนรักอย่างอินทัช
ซึ่งแน่นอนว่ามันถูกจัดเตรียมไว้เพื่อเขา จัดเตรียมไว้ด้วยอำนาจของเขาจริง ๆ นั่นแหละ
ท่ามกลางนักศึกษาหลายร้อยคนที่ตื่นเต้นว่ากำลังจะได้เจอกับศิลปินผู้มีชื่อเสียงระดับโลก มีผลงานเพลงที่ไม่ธรรมดา ก็ยังมีคนบางคนที่รอคอยจะเจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างใจจดใจจ่อ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พับเพียบ
เปรอะเปื้อน
ปรางแก้ม
เตรียมรับมือความดราม่า แอแงงง
เปิดปมมาอีกละ