ตอนที่ 75 : ตอนที่ 75
พอถึงเวลาที่งานเริ่มอย่างเป็นทางการและถึงช่วงเวลาแห่งการประมูล อินทัชก็ได้รู้ว่าการที่ถามอะไรกับคนพูดน้อยอย่างพี่มาร์คทำให้เขาเข้าใจผิดอะไรบางอย่างได้ หรือไม่บางที่พี่มาร์คก็อาจจะเข้าใจผิดแบบเขาก็ได้เหมือนกัน
งานเลี้ยงการกุศลมีเป้าหมายเพื่อหาเงินบริจาคให้กับมูลนิธิเด็กยากไร้นั้นเป็นรูปแบบของการประมูลจริง ๆ แต่ไม่ใช่การประมูลผู้หญิงไปเต้นรำด้วยแบบนั้น แต่จะใช้วิธีการที่ผู้ชายนั้นหากอยากจะเต้นรำกับผู้หญิงคนไหนก็ประมูลช่อดอกไม้ที่ผู้หญิงคนนั้นถือ แล้วใช้ดอกไม้ช่อนั้นขอผู้หญิงคนนั้นเต้นรำ หากผู้หญิงที่ถือช่อดอกไม้ไม่ต้องการก็สามารถปฏิเสธได้โดยการให้ตัวแทนเป็นผู้ส่งมอบช่อดอกไม้แทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเป็นงานเลี้ยงที่มีแต่เหล่าไฮโซและคนในวงการบันเทิง การปฏิเสธจึงอาจจะไม่เกิดขึ้นบ่อย เพราะถึงอย่างไรก็ต้องรักษาหน้ากันไว้บ้าง
อินทัชคิดว่าอย่างนั้น
“เอาล่ะค่ะ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะมาร่วมสร้างกุศลกัน ขอเชิญแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่านสนับสนุนงานดี ๆ ในวันนี้ด้วยการเริ่มประมูลช่อดอกไม้ช่อแรกกันเลยค่ะ” หลังจากที่เจ้าภาพของงานขึ้นพูดถึงจุดประสงค์ที่จัดงานนี้ขึ้นมา ขอบคุณแขกที่มางานก็ถึงเวลาของการเริ่มประมูล พิธีกรสาวที่อินทัชรู้สึกคุ้นหน้าว่าเคยเห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์พูดเข้าสู่ช่วงการประมูลด้วยน้ำเสียงที่ชวนฟัง และแสดงออกให้เห็นถึงการเป็นพิธีกรมืออาชีพ
สิ้นเสียงของพิธีกรแสงไฟบนเวทีก็ดับลงจนเกิดความมืดมิด ก่อนที่จะไฟจะค่อย ๆ กลับมาสว่างขึ้น แล้วจึงได้เห็นผู้ถือช่อดอกไม้สำหรับประมูลคนแรกในค่ำคืนนี้
อินทัชมองก่อนที่จะละความสนใจเมื่อเขาไม่รู้จักเธอ ในขณะที่อินทัชยังคงมองอย่างอยากรู้อยู่บ้างว่าใครเป็นผู้ถือดอกไม้สำหรับให้ประมูลคนแรก คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างมาร์คกลับไม่แม้แต่จะปรายหางตามอง ดวงตาคู่คมยังคงจดจ้องไปยังใบหน้าด้านข้างของอินทัช จนคนถูกจ้องมองรู้สึกถึงสายตาที่มองมา
“มองไปที่เวทีสิครับ” อินทัชพูดไปอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ แล้วพึงพอใจไม่น้อยเลยที่สายตาของมาร์คมีแค่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
เป็นธรรมดาที่เราจะไม่ชอบให้คนรักของเราไปจ้องมองผู้หญิงสวย ๆ ใช่ไหมล่ะ
“บนเวทีไม่มีนาย” มาร์คพูดตอบเสียงเบาทว่าดังก้องไปทั่วทั้งใจของอินทัช ริมฝีปากบางขยับยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
เป็นคนนิ่ง ๆ ที่ขยับทำให้ใจเต้นชะมัด ไม่รู้ไปเรียนรู้มาจากไหน
อินทัชเสสายตาหลบดวงตาคู่คมที่เปิดเปลือยความรู้สึกผ่านแววตาจนสิ้น
เขาควรจะชินกับแววตาที่แสดงให้เห็นถึงความรักนั้น แต่กลับไม่ชินเสียที
อินทัชคิดก่อนที่จะเรียกความสนใจของตัวเองกลับมาที่งานและก็พบว่าการประมูลช่อดอกไม้ช่อแรกนั้นจบลงที่สามแสนบาท
อืม นี่ขนาดแค่ช่อแรกเท่านั้น และช่อต่อไปถึงช่อสุดท้ายจะไปจบลงที่เท่าไหร่นั้นอินทัชไม่อยากจะคิด
แต่จะว่าไปพอมาเห็นงานประมูลช่อดอกไม้แบบนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะคิดถึงดอกกุหลาบสามสิบช่อที่พี่มาร์คเหมามาให้เขาเพื่อที่จะให้เขาชนะการประกวดร้องเพลงในวันนั้น
กุหลาบถูกขายดอกละหนึ่งพัน หนึ่งช่อมีหนึ่งร้อยดอก เขาได้มาสามสิบช่อ สามพันดอก คิด ๆ เป็นเงินแล้วก็ตกอยู่ที่สามล้านบาท
อืม ดอกไม้มูลค่าสามล้านบาทเขาก็ได้มาแล้ว ฉะนั้นดอกไม้มูลค่าสามแสนนั้นก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ล่ะมั้ง
อินทัชคิดเสร็จก็หันไปสนใจว่าใครกันที่เป็นผู้ประมูลช่อดอกไม้ช่อแรกไป ก่อนจะพบว่าเป็นชายวัยประมาณสามสิบกลาง ๆ แต่งตัวหรูหราไม่น้อย นั่งเยื้องไปทางด้านหลังเขาประมาณเจ็ดแถว เมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้ประมูลช่อดอกไม้ไปได้ อินทัชก็สนใจต่อว่าคู่เต้นคู่แรกที่ไม่นับรวมคู่เปิดอย่างเจ้าภาพและสามีนั้นจะเกิดขึ้นเลยหรือเปล่า ก่อนที่เสียงปรบมือเบา ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อสาวสวยที่เป็นผู้ถือช่อดอกไม้นั้นเดินลงเวทีมาเพื่อมอบช่อดอกไม้ด้วยตัวเอง
หลังจากการประมูลช่อดอกไม้แรกผ่านไป ช่อต่อมาก็เริ่มต้นทันทีและดำเนินไปในลักษณะคล้าย ๆ กันต่อเรื่อย ๆ จนผ่านไปได้สิบช่อแล้ว และช่อที่ถูกประมูลไปด้วยมูลค่าสูงที่สุดในสิบช่อนั้น ผู้ถือคือนางเอกแถวหน้าของวงการ ช่อดอกไม้ที่เธอถือนั้นถูกประมูลไปด้วยมูลค่ากว่าเก้าแสนบาท
ในขณะที่การประมูลดำเนินไปอย่างคึกคัก สิ่งหนึ่งที่คนในงานให้ความสนใจไม่แพ้กันนั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาต่างสงสัยและอยากรู้ว่าวันนี้ครอบครัวโอ คอนเนอร์นั้นจะประมูลช่อดอกไม้ของใคร เป็นที่แน่นอนว่ามาร่วมงานทั้งทีจะไม่ร่วมประมูลเพื่อสบทบทุนก็เห็นจะไม่ได้ แต่ที่อยากรู้ที่สุดก็คือจะประมูลช่อดอกไม้ที่ใครถือ และใครที่จะเป็นผู้ยกป้ายประมูล
แน่นอนว่าทั้งคนในงานทั้งหญิงสาวที่ถือช่อดอกไม้ต่างคาดหวังว่าผู้ที่จะยกป้ายประมูลนั้นคือนายน้อยของโอ คอนเนอร์ หากแต่ความหวังนั้นดูเหมือนจะน้อยลงไปทุกทีเพราะคนที่ถูกคาดหวังนั้นไม่มีทีท่าว่าจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด สายตาคู่คมของเจ้าตัวนั้นไม่เคยละออกจากอินทัชผู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยสักชั่วขณะ
การประมูลยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ มีทั้งผู้ที่สมหวังได้เต้นรำกับสาวสวย และยังมีผู้ที่ผิดหวัง แต่นั่นก็ส่วนน้อยมากนัก
อินทัชจ้องมองไปบนเวทีเพื่อรู้ว่ายังเหลือช่อดอกไม้ที่จะถูกนำออกมาประมูลเพียงแค่สองช่อเท่านั้น และเพิ่งจะได้รับรู้ว่านที่จะถือช่อดอกไม้ช่อสุดท้ายนั่นคือลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้เป็นเจ้าภาพ สายตาของอินทัชจ้องมองไปบนเวที ก่อนจะมองไปยังมาดามนิลาสลับกับมาร์คเมื่อเขาเองก็สงสัยว่าเมื่อไหร่จะยกป้ายประมูลเพราะเหลือเพียงแค่สองคนแล้วเท่านั้น
หรือว่าจะยกช่อสุดท้าย
อินทัชคิดอย่างสงสัย ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อหันกลับมาที่เวทีแล้วพบว่าผู้ถือดอกไม้ช่อรองสุดท้ายนั้นเป็นใคร
เฌอแตม เฌอแตม อัศวะราช ผู้ที่ถูกหมายมาดให้หมั้นกับเขาคนนั้น
อินทัชเผลอจ้องมองเธอจนได้สบสายตากับเฌอแตม จนเขาได้พบกับความคาดหวังในแววตา อินทัชเสสายตาหลบ
แม้ว่าเขาไม่รู้ความรู้สึกจริง ๆ ของเธอที่มีให้เขา แต่เขาก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเธอคงจะรู้สึกดีกับเขาไม่น้อยและคงจะเห็นด้วยกับสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่คุยกันโดยที่เขาไม่รู้ไม่เห็น และไม่มีทางยอมรับ
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร อินทัชคิดว่าระหว่างเขาและเธอจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่เมื่อเขารู้แล้วว่าเธอเป็นใคร เขาก็ไม่อยากที่จะเข้าใกล้เธออีก
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขารังเกียจหรือเกลียดเธอ แต่เขาไม่ต้องการให้มันกลายเป็นเครื่องมือเพื่อใช้บีบบังคับทำในสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำ
การที่เขาอยู่ห่างเธอ และพูดคุยกันเฉพาะในเรื่องที่จำเป็นเท่านั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดี
ดังนั้นอินทัชจึงตั้งใจว่าเขาจะไม่ร่วมประมูลในครั้งนี้แม้ว่าสายตาของเธอที่เขาเห็นเมื่อครู่จะเต็มไปด้วยความคาดหวังมากมายก็ตาม
“หนึ่งล้านห้าแสนบาทแล้วค่ะ มีใครจะให้เพิ่มอีกไหมคะ หนึ่งล้านห้าแสนบาทครั้งที่หนึ่ง…” เสียงพิธีกรในงานดังขึ้นพร้อมก ๆ กับเสียงของมาดามนิลาที่ดังขึ้นข้างหูเขาพอดี
“ถ้าผู้ชายคนนั้นชนะการประมูล ทายาทของอัศวะราชคนนั้นก็น่าเป็นห่วง”
“ทำไมครับ” อินทัชถามอย่างสงสัยก่อนจะมองหาว่าใครกันคือผู้ที่กำลังจะชนะการประมูล ก่อนจะพบกับชายหนุ่งที่ดูท่าทางแล้วจะร้ายไม่เบา ดูจากการแต่งตัวและสายตาที่จ้องมองขึ้นไปยังคนที่อยู่บนเวทีแล้ว อินทัชรู้เลยว่านี่คือเสือผู้หญิงตัวยง และเป็นคนที่ผู้หญิงควรจะหลีกห่างให้ไกลที่สุด
“นั่นน่ะตัวร้าย ผู้หญิงคนไหนก็ไม่ควรไปยุ่งด้วย ทำผู้หญิงดี ๆ เสียคน ข่าวว่าทำให้ผู้หญิงฆ่าตัวตายมาแล้วก็มี ล่าสุดเห็นว่าทางบ้านวิ่งเต้นปิดข่าวเรื่องพาผู้หญิงไปรุมโทรม”
คำตอบจากมาดามนิลาทำเอาอินทัชเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงเฌอแตม เขาหันหน้ามองไปยังเวที เห็นสีหน้าแววตาที่อยากจะร้องไห้จนปิดไม่มิดของเธอ อินทัชก็กำมือแน่น เขาควรจะช่วยเธอ
ระหว่างที่อินทัชคิดอยู่นั้น เสียงพิธีกรก็ดังขึ้นเป็นการนับครั้งที่สามเพื่อจะปิดดีลการประมูล ก่อนที่พิธีกรจะเคาะปิดจบ อินทัชที่คว้าป้ายประมูลมาจากมือของมาร์คและยกขึ้นชูพร้อมกับพูดเสียงดัง
“สองล้าน!” สิ้นเสียงของอินทัชทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที ก่อนที่พิธีกรจะดำเนินงานต่ออย่างเป็นมืออาชีพ
“สองล้านบาทค่ะ สองล้านบาทจาก เอ่อ คุณอันโนน มีใครจะให้เพิ่มมากกว่านี้หรือเปล่าคะ” พิธีกรสาวลังเลว่าจะพูดที่มาของผู้ประมูลอย่างไรดีเมื่อป้ายที่ยกขึ้นนั้นมีตราสัญลักษณ์ของครอบครัวโอ คอนเนอร์ปรากฏอยู่ แต่ผู้ที่ยกประมูลนั้นกลับไม่ใช่คนในครอบครัว
อืม อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่อย่างเป็นทางการ
อินทัชหันไปมองผู้ชายที่ทำให้เขาต้องเข้าร่วมการประมูลและหลังจากนี้มันคงจะนำความยุ่งยากมาให้เขานั้นด้วยความอยากรู้ว่าจะประมูลสู้กับเขาหรือไม่ และเขาก็เห็นสายตาแห่งความไม่พอใจถูกส่งมาให้ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
แต่ทว่าสายตาแห่งความหวาดกลัวนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นยามที่จ้องมองเขาแต่เป็นชั่ววินาทีที่เจ้าตัวหันสายตาไปยังด้านข้างเขาแทน อินทัชจึงได้ดึงสายตากลับมาที่คนข้าง ๆ ของเขาและเขาก็ได้รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ผู้ชายคนนั้นหวาดกลัว และล่าถอยไปจนทำให้เขาชนะการประมูลในครั้งนี้
นายน้อยของโอ คอนเนอร์ แค่ปรายหางตามองคนก็หวาดกลัวแล้ว
ไม่รู้จะอิจฉาดีหรือเปล่า
เมื่ออินทัชเป็นผู้ชนะการประมูล เขาจะได้ช่อดอกไม้ และหากผู้ถือช่อดอกไม้เต็มใจที่จะเต้นรำกับเขา เขาก็จะได้คู่เต้นรำมาอีกหนึ่งคน
และแน่นอนว่าเฌอแตมที่ตอนแรกกำลังหวาดกลัวอยู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นดีใจและยิ่งกว่าเต็มใจที่จะไปส่งมอบช่อดอกไม้ให้แก่ผู้ที่ชนะการประมูลด้วยตัวเอง
ร่างบอบบางของทายาทเพียงคนเดียงของอัศวะราชก้าวลงเวทีมาท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างอิจฉาของบรรดาชายหนุ่มคนอื่น ๆ
ในตอนแรกพวกเขาก็อยากที่จะแข่งประมูล แต่เมื่อคู่แข่งเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องเล่นนอกเกม ชอบลอบกัดคนที่ทำให้ไม่พอใจมากที่สุด พวกเขาต่างก็ไม่มีใครอยากจะพาตัวไปเจอกับปัญหาแบบนั้น แต่เมื่อมีคนคนหนึ่งที่เข้าไปต่อสู้แย่งชิง ทั้งยังแย่งมาได้สำเร็จ ก็เป็นพวกเขาเองที่รู้สึกเสียดาย
มันไม่ใช่แค่การเต้นรำกับทายาทอัศวะราช แต่เป็นโอกาสอันดีที่จะใช้มันสานสัมพันธ์ต่อไปด้วย นับว่าเป็นขั้นเบิกทางขั้นหนึ่ง
แต่พวกเขาก็เสียมันไปแล้ว
ในขณะที่คนอื่น ๆ อิจฉา อินทัชนั้นไม่ได้มีความยินดีเลยสักนิด เขาที่ต้องการจะอยู่ให้ห่าง และกลัวว่าจะโดนใช้โอกาสนี้มัดมือชกก็ได้แต่ทอดถอนใจ
เขาไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ทำใจปล่อยให้ผู้หญิงไปเจอผู้ชายแย่ ๆ แบบนั้นไม่ได้ อีกทั้งลึก ๆ ในใจของเขา เขารู้สึกว่าตัวเองติดค้างผู้หญิงคนนี้อย่างน่าประหลาดใจ
ระหว่างที่อินทัชคิดไปนั้น ร่างบอบบางของเฌอแตมก็มาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าเขาแล้วพร้อมกับช่อดอกไม้ รอยยิ้มหวานที่งดงามจับตาถูกส่งมาให้กับอินทัช ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุขแบบที่คนมองอย่างอินทัชไม่กล้าที่จะพูดปฏิเสธเรื่องที่เขาไม่อยากจะเต้นรำกับเธอ
อันที่จริง ไมว่าจะกับใครเขาก็ไม่อยากทั้งนั้น
ในขณะที่ช่อดอกไม้ถูกยื่นออกมา และอินทัชก็ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะรับช่อดอกไม้นั่น ก็ถูกมือหนาของใครคนดึงแย่งรับช่อดอกไม้ไปเสียก่อนท่ามกลางสายตาที่มองมาของคนมากมาย
“ป้ายประมูลเป็นของโอ คอนเนอร์” น้ำเสียงราบเรียบที่ถูกปล่อยออกมาทำให้ทุกคนที่กำลังงุนงงอยู่นั้นไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
ทว่าคนที่เป็นผู้ที่ส่งยื่นดอกไม้นั้นมีความผิดหวังอยู่ท่วมท้นหัวใจ
“แต่อินเป็นผู้ประมูล” น้ำเสียงหวานถูกปล่อยออกมา แม้จะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว แต่ความไม่ยินยอมในน้ำเสียงก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
“เธอกล้า” คิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะที่พูด
อินทัชที่ยืนอยู่หันหน้ามองคนที่พูดสองคำนั้น เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำถามหรือคำข่มขู่กันแน่
“กล้าอะไรคะ ฉันเพียงแค่ทำตามกติกา” เฌอแตมพูดโต้กลับ
“กล้าที่จะเต้นรำกับแฟนฉัน” น้ำเสียงที่ไม่ดังแต่ก็ไม่เบา และมั่นใจได้เลยว่านอกจากเฌอแตมกับเขาแล้ว มีคนอีกหลายคนที่ได้ยินแน่นอน โดยเฉพาะคุณหญิงคุณนายที่ท่าทางสนใจเรื่องชาวบ้านไม่เบาที่อยู่เยื้อง ๆ ไปทางด้านหลังนี้
อินทัชอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้สลบไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้หลุดพ้นออกจากสถานการณ์นี้
สรุปแล้วว่านี่พาเขามางานการกุศล หรือพาเขามาเพื่อเปิดตัวกันแน่ ก่อนเริ่มงานก็มาดาม มาตอนนี้ก็พี่มาร์ค
โอ๊ยยยยย ทำไมไม่จัดงานแถลงข่าวเรื่องของเขากับพี่มาร์คไปเลยล่ะ
อืม ดูเหมือนว่าอินทัชก็จะโฟกัสผิดจุดเหมือนกัน
หลังจากที่นายน้อยแห่งโอ คอนเนอร์ประกาศสถานะอันชัดเจนของตัวเองกับชายหนุ่มด้านข้างออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่ต้องให้ใครเดาไปต่าง ๆ นานา นั้น แววตาของแขกคนอื่น ๆ ก็ฉายความอัดอั้นอยากจะพูด อยากจะคุยในเรื่องนี้เต็มแก่ แต่ติดที่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดเรื่องของเขาต่อหน้าเจ้าตัว
อินทัชสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วเก็บสีหน้าแววตาอยากจะบีบคอแฟนตัวเองเอาไว้ภายใน เขาเองก็คิดวิธีรับมือเอาไว้บ้างแล้ว แต่พี่มาร์คกลับทำให้เขาเสียแผน
อินทัชเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาขณะที่หันหน้าไปยังร่างบอบบางที่มีสีหน้าแววตาดื้อดึงและแฝงความเศร้าเอาไว้
ก่อนที่อินทัชจะพูดในสิ่งที่เขาเตรียมเอาไว้ แต่ก็มีเสียงของนายใหญ่แห่งโอ คอนเนอร์ดังขึ้นก่อน
“ในเมื่อมันถูกประมูลโดยโอ คอนเนอร์ ฉันก็จะถือว่าฉันเป็นผู้ประมูลดอกไม้ช่อนี้เอง มาร์ค ส่งดอกไม้มาให้แด๊ด”
น้ำเสียงไม่หนักไม่เบาของมิคาเอลนั้นคนที่อยู่รอบข้างได้ยินกันชัดเจน สายตาหลาย ๆ คู่ที่จับจ้องอยู่นั้นมองอย่างสงสัยว่านายใหญ่ของโอ คอนเนอร์จะยอมช่วยลูกชายของตัวเองจนต้องเต้นรำกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเลยหรือเปล่า ในขณะที่มาร์คผู้ถือช่อดอกไม้ไว้อยู่ในมือก็ขยับยิ้มมุมปากเมื่อเดาได้ว่าพ่อของตัวเองนั้นจะทำอย่างไรต่อไป เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวแล้วก็ส่งดอกไม้ในมือให้กับผู้ที่ต้องการ
“เราไม่ได้เต้นรำกันนานแล้ว ถือโอกาสนี้เต้นรำกันสักเพลงดีไหม” ชายวัยกลางคนที่ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเหลาและสง่างามถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและอ่อนโยน ต่างจากประโยคก่อนหน้า
มาดามนิลาเผยรอยยิ้มสวยที่แม้ว่าวัยจะล่วงเลยคำว่าหญิงสาวมาแล้ว แต่เธอก็ยังคงงดงามเฉกเช่นวันแรกที่ผู้เป็นสามีเอ่ยปากของเธอเต้นรำด้วยกัน ใบหน้างามพยักหน้าพร้อมกับเปล่งเสียงเป็นถ้อยคำยืนยันการตัดสินใจ
“ได้ค่ะ หนูเฌอคงไม่ติดขัดอะไรใช่ไหมที่ฉันจะขอใช้ช่อดอกไม้ช่อนี้รำลึกความหลังกับคุณมิคาเอลหน่อย รู้ไหม ดอกไม้ช่อแรกที่เขาให้ฉันก็คือดอกไม้ชนิดเดียวกับดอกไม้ช่อนี้” มาดามนิลาตอบตกลงผู้เป็นสามี ก่อนจะหันมาหาหญิงสาวที่ยังคงมีท่าทางมึนงงไม่น้อยอยู่
เฌอแตมที่ถูกส่งคำถามมาโดยไม่ทันตั้งตัวก็สมกับที่เป็นทายาทตระกูลเก่าแก่และเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง เธอรู้ดีว่านี่เป็นทางลงที่ดีที่สุดของเธอในตอนนี้แล้ว ทั้งรักษาหน้าของตัวเอง ทั้งเผยความใจกว้าง อีกทั้งเธอไม่มีอะไรที่จะต้องโกรธ เพราะแต่แรกอินทัชก็ไม่ได้ต้องการที่จะประมูลช่อดอกไม้ช่อนี้เพื่อเต้นรำกับเธอ แต่เขาประมูลเพราะเธอส่งแววตาขอร้องไป เนื่องจากเธอกลัวที่จะต้องเป็นคู่เต้นรำให้กับผู้ชายที่เลื่องชื่อเรื่องเล่นไม่ซื่อและมีเล่ห์เลี่ยมมากมายเพื่อหลอกลวงผู้หญิง
“เป็นเกียรติอย่างมากเลยค่ะที่ได้ถือช่อดอกไม้ช่อนี้ ยินดีที่จะได้เห็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดได้เต้นรำด้วยกัน” เฌอแตมพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มสวยงาม ทำให้ผู้ที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะชื่นชม
เหมาะสมแล้วที่เกิดมาในตระกูลเก่าแก่ รู้จักวางตัวและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ขอบใจจ้ะ” มาดามนิลายิ้มน้อย ๆ พูดขอบใจหญิงสาว
อินทัชที่มองดูอยู่รู้สึกโล่งใจไม่น้อยกับปัญหาที่ถูกแก้ไปด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเขาจะคิดวิธีหลีกเลี่ยงไว้ได้แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิธีการของคุณมิคาเอลนั้นดีกว่าวิธีการที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ
ในขณะที่อินทัชลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก มาร์คก็ขยับเข้าประชิดแล้วยกแขนโอบรอบเอวคอดเอาไว้โดยที่คนโดนโอบนั้นแทบจะไม่รู้สึกตัว แต่หากคนที่มองเห็นมันชัดเจนอย่างเฌอแตมนั้นเผลอขบเม้มริมฝีปากแน่น
เธอยอมรับว่าภาพที่เธอเห็นอยู่นี้ อินทัชที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาร์คนั้นเป็นภาพที่ไม่มีอะไรขัดตา ทั้งคู่เหมาะสมกันดี
หากแต่เธอเองก็อยากจะเป็นคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของอินทัช เป็นคนที่มีสิทธิ์ใช้คำว่าแฟนแบบนั้นบ้าง
มันผิดตรงไหนที่เธอแอบชอบเขามาตั้งนานแล้ว ชอบตั้งแต่ที่ยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของอินทัช และเมื่อมีโอกาสเธอก็ลองสานสัมพันธ์ ลองเข้าหาแล้ว แล้วเมื่อวันหนึ่งเธอรู้ว่าเขาคือคนที่ถูกหมายไว้ให้เป็นคู่ชีวิตของเธอ มันผิดตรงไหนที่เธอจะดีใจและมีความหวัง
หากแต่วันนี้ความหวังของเธอดูเหมือนจะเลือนลางยิ่งกว่าเดิม คนที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม เย็นชา ไร้หัวใจ ประกาศสถานะชัดเจนว่าเป็นอะไรกับคู่หมายของเธอ
เฌอแตมไม่อยากจะยินยอม
ไม่ใช่ว่ามาร์คไร้หัวใจหรอกหรือ คนที่มือเปื้อนเลือดแบบนั้นจะรักใครได้จริง ๆ หรือ
เฌอแตมมีคำถามอยู่เต็มหัวใจ นอกจากมีคำถามและเธอยังมีความเป็นห่วงอีกด้วย
พิทักษ์ดำรงกุลเป็นศัตรูคู่ปรับแต่ช้านานของโอ คอนเนอร์ แม้ว่าอินทัชจะไม่ได้ใช้นามสกุลพิทักษ์ดำรงกุล แม้เขาจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลทางฝ่ายแม่ แต่เขาสามารถปฏิเสธได้หรือว่าตัวเองไม่ได้มีสายเลือดของพิทักษ์ดำรงกุลอยู่ในร่างกาย
อีกทั้งผู้นำของพิทักษ์ดำรงกุลก็ไม่ต้องการจะปล่อยอินทัชไป
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของอินทัช เพื่อความรักของเธอ หากเธอเลือกที่จะเห็นแก่ตัว
เธอจะผิดมากหรือไม่
ความคิดหลายอย่างตีวนอยู่ในหัวของหญิงสาว ก่อนที่จะถูกขัดจังหวะโดยการที่เสียงพิธีกรเชิญให้เริ่มเปิดการประมูลในรอบถัดไป ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย เฌอแตมคลี่รอยยิ้มน้อย ๆ ส่งให้อินทัชก่อนที่พาตัวเองเดินกลับเข้าหลังเวทีไป
อินทัชที่เห็นแววตาหลากหลายอารมณ์ ทั้งเศร้า ทั้งอาวรณ์ ทั้งมีความหวัง ทั้งเป็นห่วงของเฌอแตม เขาก็ได้แต่ทอดถอนใจและไม่เข้าใจว่าทำไมเฌอแตมถึงดูเหมือนจะรักเขามากนักและเขาเองก็รู้สึกเหมือนว่าติดค้างอะไรบางอย่างกับเธอ
“คนที่สมควรได้รับการชดใช้ เขาก็มาทวงในสิ่งที่เขาควรจะได้รับการชดใช้”
“อะไรนะครับ” อินทัชหันไปถามมาดามนิลาเมื่อได้ยินในสิ่งที่เธอพูดไม่ชัดเจน แต่เขาไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา มาดามนิลาเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบให้เขา
อินทัชย่นคิ้วเมื่อเขาได้ยินเพียงแค่คำว่าชดใช้ ชดใช้อะไรกัน
ในขณะที่อินทัชผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างมาดามนิลาได้ยินไม่ชัดเจน แต่มาร์คที่นั่งอยู่ถัดไปกลับได้ยินชัดทุกถ้อยทำ นั่นเป็นเพราะเขาที่ต้องฝึกฝนประสาทสัมผัสทุกส่วนมาจึงมีการได้ยินที่ดีกว่าคนอื่น ๆ
คิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อย ๆ กับคำพูดนั้น และเพราะเขารู้บางอย่างเช่นเดียวกับที่มาดามรู้ เขาจึงไม่ได้เลือกที่จะกำจัดเฌอแตมทิ้งทั้ง ๆ ที่หากเป็นคนอื่นจะไม่มีทางได้เข้าใกล้คนของเขาด้วยความรู้สึกแบบนี้
ต้องยอมรับว่าทั้งเขาและอินทัชติดค้างเธอ
ไม่สิ ต้องบอกว่าชาติที่แล้วอินทัชติดค้างเธอไม่น้อยเลย เมื่อชาตินี้เธอมาทวงคืน เขาก็จะชดใช้แทนให้ แต่นั่นต้องไม่ใช่หัวใจของเขา เขาไม่มีทางยกหัวใจของเขาอย่างอินทัชให้เธอ
“การประมูลช่อดอกไม้ดำเนินไปจนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ลำดับต่อไปก็เป็นเวลาที่หลาย ๆ คนรอคอย ช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำกับเสียงดนตรีและการเต้นรำ ขอเริ่มขึ้น ณ บัดนี้” หางเสียงของพิธีกรหญิงลากยาว หลังจากนั้นแขกร่วมงานหลาย ๆ คู่ก็คอย ๆ ทยอยพาตัวเองและคู่เต้นรำไปยังบริเวณที่เตรียมไว้สำหรับเต้นรำกันโดยเฉพาะ
อินทัชยิ้มตามหลังมาดามนิลาและคุณมิคาเอลเมื่อทั้งคู่เดินควงกันออกไป เขาเห็นรอยยิ้มสดใสที่ริมฝีปากของมาดามนิลา และเห็นรอยยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับแววตาที่มีความรักแสดงออกมายามทอดมองภรรยาของตัวเองของคุณมิคาเอล
อินทัชรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนนั้นรักกันดี เมื่อตอนที่คุณพ่อและคุณแม่ของเขาอยู่ ท่านก็แสดงให้เขารับรู้ว่าพวกท่านก็รักกันแบบนี้ โดยเฉพาะพ่อของเขาที่รักแม่ของเขามากจนพร้อมจะยอมตายด้วยทุกเวลา
อินทัชนั่งมองคู่เต้นรำหลาย ๆ คู่ก่อนจะรู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขานั้นลุกขึ้นและมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแทน
อินทัชเงยหน้าขึ้นเพื่อมองอย่างสงสัย และเมื่อเห็นมือที่ยื่นมาพร้อมกับตัวที่โค้งต่ำลงของคนรัก เขาก็รับรู้ได้ในทันทีถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อเขาลังเลและคิดว่าการตอบตกลงต่อความต้องการของคนรักนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจวางมือลงบนฝ่ามือหนา ขยับตัวลุกขึ้นยืน
นั่นคือการตกลงที่ไม่ต้องมีคำพูด
มาร์คยิ้มรับกับการกระทำของคนรัก ในตอนแรกเขายังไม่มั่นใจว่าอินทัชจะตอบตกลงการชวนไปเต้นรำของเขา แต่เมื่ออินทัชยื่นมือมาวางลงบนฝ่ามือของเขา วินาทีนั้นเขาก็บอกกับตัวเองเป็นรอบที่พันว่าเขาจะไม่ยินยอมที่จะปล่อยมือเล็ก ๆ นี่ให้หลุดไปไหน
ร่างสูงแกร่งและสูงโปร่งของคนสองคนเดินเคียงข้างกันไปยังฟลอร์เต้นรำ ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างคาดไม่ถึงของใครหลายคน และสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของคนบางกลุ่ม
แน่นอนว่าการที่ทั้งสองคนนั้นเป็นผู้ชายทั้งคู่ที่มาเต้นรำด้วยกันท่ามกลางคู่อื่น ๆ ที่เป็นคู่ชายหญิงนั่นทำให้ให้มาร์คและอินทัชตกเป็นเป้าสายตามากยิ่งขึ้นหลังจากที่ใคร ๆ ก็ล้วนแล้วแต่จับตามอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาร์คเป็นผู้ชายที่มีคุณสมบัติหลาย ๆ ตรงตามที่หลาย ๆ ครอบครัวต้องการที่จะเกี่ยวดองด้วย ติดแต่ปัญหาที่เจ้าตัวขึ้นชื่อเรื่องความไร้หัวจิตหัวใจและไม่เคยที่จะชายตาแลใครที่ไหน นั่นจึงทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะเข้าหาเขามากนัก แต่เมื่อวันนี้มาร์คแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เป็นคนธรรมดามคนหนึ่งที่สามารถรักใครได้ นั่นจึงมีคนหลายคนที่เริ่มมีความหวัง หวังว่าวันข้างหน้าที่ที่อินทัชยืนอยู่ จะเป็นที่ของพวกเขา
ในขณะที่คนอื่น ๆ คิดกันไปในหลาย ๆ ทาง อินทัชและมาร์คก็แค่ปล่อยตัวไปตามจังหวะดนตรี อินทัชก้าวเท้าตามการนำของคนรัก
“ตกเป็นเป้าสายตาเลย” อินทัชพูดกับมาร์คเบา ๆ น้ำเสียงไม่ได้แสดงความเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่นัก
“ยังไม่ชิน?” มาร์คเลิกคิ้วถาม ดวงตาคู่คมไม่ได้ละไปจากใบหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมแขน แขนแกร่งกระชับเอวคอดของคนรักให้แนบแน่นขึ้นอีก
“ก็ ชินนั่นแหละ” อินทัชยักไหล่ตอบ นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาไม่เดือดเนื้อร้อนใจมากนักเวลาที่ถูกสายตาหลาย ๆ คู่จับจ้องมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งก็รำคาญไม่น้อย
“ทำไมผมไม่เห็นควีนเลย ครอบครัวของเธอก็ด้วย” อินทัชถามอย่างนึกขึ้นได้ งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยบรรดาไฮโซ มหาเศรษฐีแบบนี้ ปัญจวัตพลาดได้ยังไงกัน
มาร์คส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ และนั่นทำให้อินทัชไม่ได้คำตอบที่สามารถไขข้อข้องใจของเขาได้ แต่นั่นแหละ อินทัชไม่เซ้าซี้ถามต่อ เขาเงียบเสียงลงและปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลง จนกระทั่งเพลงที่สองนั้นจบลง ทั้งคู่จึงตัดสินใจพากันเดินออกจากฟลอร์
ไม่เพียงแค่อินทัชและมาร์คเท่านั้นที่ออกจากฟลอร์ นายใหญ่และมาดามก็พากันเดินควงคู่ออกมาด้วย พวกเขาเห็นควรว่าจะกลับบ้านกันเสียที
“จะกลับกันแล้วเหรอคะ น่าเสียดาย” คุณหญิงผู้เป็นเจ้าภาพพูดอย่างเสียดาย ซึ่งไม่ได้พูดออกมาว่าอะไรที่น่าเสียดาย มาดามนิลายิ้มรับคำพูดนั้นและไม่ได้ตอบโต้อะไร เอ่ยลาเจ้าภาพของงานอีกครั้งก่อนจะพากันเดินออกจากงานท่ามกลางสายตาที่มองส่งท้ายของคนอื่น ๆ
“อิน” ขาเรียวสวยยังไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นรถก็เป็นอันต้องชะงักเมื่อเสียงหวานที่เรียกชื่อเขาดังขึ้นก่อน
“เฌอแตม” อินทัชหันมามองคนที่เรียกเขาไว้ก่อนจะส่งรอยยิ้มบางเบาไปให้
เฌอแตมอยู่ในชุดคนละชุดกับตอนถือช่อดอกไม้ประมูล ชุดสีขาวที่พริ้วไหวทำให้เธอเหมือนนางฟ้าตามจินตนาการของเขาในตอนเด็ก ๆ
“จะกลับแล้วเหรอ” ผู้ที่เรียกเอาไว้ถามเสียงเบา สายตาเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างอินทัชเพียงแค่แวบเดียว ก่อนที่สายตาและความสนใจทั้งหมดจะถูกส่งให้อินทัชอีกครั้ง
“อื้ม เธอก็จะกลับแล้วเหมือนกันเหรอ” อินทัชถามพลางมองว่ามีรถมาจอดรอรับเธอหรือยัง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่านอกจากขบวนรถของโอ คอนเนอร์แล้ว ยังไม่มีรถคันไหนมาจอดรออีกเลย
“รอรถมารับน่ะ โทรตามแล้ว” เฌอแตมพยักหน้าแล้วตอบ
“เธอมาคนเดียวเหรอ” อินทัชถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ เขายังจำสายตาของผู้ชายคนนั้นได้ดี คนที่เขาแย่งประมูลช่อดอกไม้มา
“มากับคุณแม่น่ะ เดี๋ยวท่านจะตามออกมา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว รีบกลับเข้าไปหาท่านก่อนเถอะ รถมาแล้วค่อยออกมาพร้อมท่าน” อินทัชแนะนำด้วยความหวังดี
เฌอแตมมีรอยยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอินทัชกำลังห่วงใยเธอ ในขณะที่มาร์คนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นเรื่อย ๆ ขยับพาตัวเข้าไปยืนใกล้ชิดอินทัชมากกว่าเดิมจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน
อินทัชก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รับรู้ เขาขยับมือเรียวของตัวเองเข้ากอบกุมมือหนาของคนรักก่อนจะพูดบอกให้เฌอแตมเดินกลับเข้างานไปก่อนอีกครั้ง
มันเป็นการแสดงความห่วงใยที่เขามีให้เธอในฐานะที่เขามองเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันเขาก็แสดงออกให้เธอเห็นว่าเขามีคนของเขาอยู่แล้ว และอยากจะให้เธอตัดใจ
เมื่อเฌอแตมแสดงออกถึงความรู้สึกของเธอให้เขารับรู้ เขาก็แสดงออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาให้กับเฌอแตมได้รับรู้ด้วยเช่นกัน และคิดว่าหากวันไหนที่เธอพูดจากปากมาชัด ๆ ว่าคิดอย่างไรกับเขา ถึงวันนั้นเขาก็ไม่ลังเลเช่นกันที่จะบอกเธอว่าเขาไม่มีวันรักเธอ และหัวใจของเขานั้นอยู่ที่ใคร
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปาง ใช้กับสถานที่ เช่น ปางช้าง
ปาง ใช้กับพระพุทธรูป คือใช้บอกท่าทางของพระพุธรูป
ส่วน ปราง แปลว่าแก้มค่ะ
ยอมมม
นาทีนี้พี่มาร์คต้องยอมน้องอินไปก่อนนะ อดใจไว้ก่อนเนาะ อดเปรี้ยวไว้กินหงานอีกไม่นานหรอก อิอิ
นั่นคือพี่มาร์ค