ตอนที่ 70 : ตอนที่ 70
“ทางนี้” อินทัชก้าวลงจากรถมาแล้ว และยังยืนงงอยู่หน้าตึกสูง รูปทรงสวยงามที่ได้รับการดีไซน์มาอย่างดีทั้งยังได้รับการยกย่องขนานนามว่าเป็นตึกที่ดีที่สุดตึกหนึ่งในประเทศ คนดัง คนมีอำนาจมากมายแวะเวียนมาที่นี่ไม่ขาดสาย และไม่ใช่แค่ว่ามีเงินจะเข้ามาได้ หากแต่ต้องมีอำนาจและเส้นสายด้วย
“คิงคงไม่ได้จองทั้งตึกเอาไว้ใช่ไหม” อินทัชอดที่จะถามไม่ได้
“ไม่ได้จองทั้งตึก” แต่จองชั้นดาดฟ้าเอาไว้ทั้งชั้น
บอดี้การ์ดผู้มีหน้าที่มารับและนำทางอย่างโฬมไม่ได้เฉลยในประโยคท้าย และยังไม่ได้บอกอีกว่าชั้นดาดฟ้าทั้งชั้นเป็นชั้นที่อยู่ในความดูแลของมาดามนิลาผู้เป็นเจ้าของภัตราคารอาหารที่ตั้งอยู่ในตึกแห่งนี้ด้วย
หรืออยากจะพูดให้ถูกก็คือ ครอบครัวโอ คอนเนอร์เป็นเจ้าของตึกนี้ครึ่งหนึ่งร่วมกับหุ้นส่วนอีกราย
อินทัชพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามโฬมเข้าไปยังข้างใน
อินทัชกวาดสายตามองภายในตึกที่ถูกตกแต่งอย่างสวยหรู รูปภาพที่ประดับอยู่ตามผนังเมื่อมองดี ๆ จะเห็นลายเซ็นกำกับอยู่ว่ามาจากศิลปินมากฝีมือระดับโลกคนไหน การตกแต่งแบบนี้ งบประมาณต้องมหาศาลขนาดไหนกัน
อินทัชเดินตามโฬมจนไปหยุดที่ลิฟต์ตัวหนึ่ง สายตาเริ่มมีความสงสัยเมื่อเห็นว่าลิฟต์ที่กำลังขึ้นนั้นไม่มีใครมายืนรอต่างจากลิฟต์อีกฝั่งหนึ่งที่เขาเดินผ่านมา เห็นผู้คนยืนรออยู่ไม่น้อยเลย
ยังไม่ทันจะได้สงสัยอะไรเพิ่มขึ้น อินทัชก็เป็นต้องงุนงงเมื่อผ้าสีดำผืนหนึ่งถูกยื่นมาให้เขา
“อะไรครับ” อินทัชถามโฬม ผู้ที่ยื่นผ้าสีดำผืนยาวให้เขา สังหรณ์ใจแปลก ๆ ชอบกล ดวงตากวาดมองมันและไม่ยอมยื่นมือไปรับ
“ปิดตา รอเซอร์ไพรส์ไง” โฬมผู้ที่ได้รับหน้าที่นี้มาพูดตอบ เขายื่นผ้าส่งให้อินทัชและหวังว่าอินทัชจะรับไปโดยเร็วและคาดปิดตาตัวเองแต่โดยดี เพราะหากอินทัชไม่ยินยอมเขาเองก็ไม่กล้าหาญที่จะบังคับ
ไม่ได้กลัวอินทัชหรอกนะ กลัวคนที่ยอมให้อินทัชอยู่เลยนั่นต่างหาก
โฬมคิดอย่างหน่ายใจ
“ไม่เอา ผมไม่ปิด” อินทัชส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธทันที เขากลัวว่าจะโดนทำอะไรแปลก ๆ
“ปิด ๆ ไปเถอะ จะได้เซอร์ไพรส์ไง” โฬมลองดูอีกที แต่ในใจนึกยอมแพ้ไปแล้ว และกล่าวโทษตัวเองที่เป่ายิงฉุบแพ้ลอยซ์ ตัวเองจึงได้มาทำหน้าที่นี้แทนที่จะอยู่รอข้างบน
“ไม่ปิด แค่นี้ก็เซอร์ไพรส์พอแล้ว” อินทัชยังคงส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธเสียหนักแน่น และที่บอกว่าแค่นี้ก็เซอร์ไพรซ์พอแล้วนั่นเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ
แค่รู้ว่าคิงรักเขาก็ถือว่าเซอร์ไพรส์จนน่ากลัวว่าจะเป็นเพียงความฝัน แค่คิงลงทุนจีบเขาตามที่เขาบอก และด้วยวิธีการต่าง ๆ
ถามว่ามีใครไม่เซอร์ไพรส์บ้าง
“ตามใจ” โฬมยักไหล่ ยอมแพ้ เขาเชื่อว่าคิงไม่โกรธหรอก
อ้อ หมายถึงไม่โกรธอินทัชหรอก ส่วนเขาน่ะเหรอ ลุ้นเอา
หวังว่าวันนี้คิงจะอารมณ์ดี มีความสุขจนลืมเรื่องนี้ไปแล้วกัน
เห็นว่าโฬมละมือไปแล้ว อินทัชก็โล่งใจ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เคลื่อนตัวมาหยุดที่ชั้นจุดหมายแล้ว อินทัชสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสยบความตื่นเต้นที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้งของตัวเอง
เขาตื่นเต้นจนมือสั่น ใจสั่นไปหมดแล้ว
ตึก ๆๆ
อินทัชเริ่มไม่รู้แล้วว่าระหว่างเสียงรองเท้ากระทบพื้นยามก้าวเดินกับเสียงหัวใจของเขานี่อะไรมันดังกว่ากัน
พยายามบอกตัวเองว่าก็แค่ดินเนอร์ แค่ทานมื้อค่ำธรรมดา แต่เมื่อสายตามองเห็นดอกกุหลาบที่มีอยู่เต็มทางเดิน ใจเขามันก็นึกย้อนไปถึงคำพูดของมาดามนิลาก่อนที่เขาจะออกจากบ้านมา
อินทัชคิดว่าเขาพอจะเดาได้ว่าวันนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าเขาจะตั้งรับมันยังไงก็เท่านั้น
“ถึงแล้ว” อินทัชคิดอะไรมากมายอยู่ในหัวสมอง จนกระทั่งได้ยินเสียงของโฬมบอกว่ามาถึงจุดหมายแล้วนั่นแหละเขาถึงได้หลุดจากความคิดของตัวเอง
สวย สวยมาก!
ความคิดนี้ผุดเข้ามาในหัวของอินทัชทันทีที่ได้เห็นสถานที่ตรงหน้า ดอกไม้ แสงเทียน ถูกจัดแต่งอย่างลงตัวโดยฝีมือของมืออาชีพ โต๊ะอาหารสีขาวเรียบหรูถูกตั้งอยู่ริมดาดฟ้าที่มีระเบียบเป็นกระจกกั้นเอาไว้
แต่ไหนคิง
“กึก” อินทัชที่กวาดสายตามองโดยรอบแล้วยังไม่เห็นคนที่มาดินเนอร์กับเขาในวันนี้ก็เกิดคำถาม ก่อนจะชะงักตัวและสะดุ้งเล็ก ๆ เมื่อมีแขนแกร่งโอบมาที่เอวของเขา ก่อนจะรู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองถูกทาบทับโดยอกแกร่ง แน่นหนาของใครบางคน
ลมหายใจ ๆ ถูกปล่อยมากระทบต้นคอ
ตกใจแต่ไม่หวาดกลัว เมื่อรับรู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมองว่าคนที่ฉวยโอกาสกอดเขาจากทางด้านหลังนั้นเป็นใคร
“ชอบหรือเปล่า” เสียงนุ่มทุ้มที่ถามข้างหูทำให้อินทัชขนลุกขึ้นมาบ้าง เขากัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะให้คำตอบออกไป
“ครับ คนทำเก่งมาก” อินทัชชื่นชมฝีมือของคนที่จัดบรรยากาศแบบนี้ออกมาได้ถูกใจเขา
“ฉันหมายถึงชอบฉันหรือเปล่า”
ฉันหมายถึงชอบฉันหรือเปล่า?
อินทัชทบทวนคำพูดที่ตัวเองได้ยินในใจอย่างสงสัยว่าเขาได้ยินอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
คิงถาม? ถามตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลยนี่นะ
ไม่ใช่ว่าหลังจากทานอาหารไปสักพัก
ไม่ใช่ว่าหลังจากมีดนตรีเพราะ ๆ ให้ได้ฟัง
ไม่ใช่ว่ามีเซอร์ไพรส์ดับไฟ คิงร้องเพลงบอกความรู้สึกแทนใจ คุกเข่าขอเขาเป็นแฟน
อ่า หลัง ๆ อินทัชเริ่มคิดอย่างเลอะเลือนไปเองไม่น้อย
แต่ทุกอย่างที่เขาคิดมักจะพบเจอได้ตามนิยายหรือละครที่เคยผ่านหูผ่านตามาทั้งนั้น แล้วคิงแปลกแยกแตกต่างไปได้ยังไง
อ่อ หรือที่บอกว่าเซอร์ไพรส์ก็คืออย่างนี้
อินทัชรู้สึกเซอร์ไพรส์จนแทบจะช็อคอยู่แล้วกับคำถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมอย่างนี้
“ว่ายังไง นาย ไม่สิ อินชอบพี่หรือเปล่า” เห็นว่าคนในอ้อมกอดตัวเองยืนนิ่งเงียบ ตัวแข็งและไม่มีคำตอบให้เขา ฝ่ามือร้อน ๆ ของคิงที่วางแนบอยู่กับหน้าท้องแบนราบภายใต้เสื้อสูทและเสื้อยืดสีขาวเนื้อนิ่มก็ลูบไล้ไปมา กล่าวถามอีกครั้งเสียงนุ่ม ทั้งยังเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานอย่างเอาแต่ใจ
อินทัชที่ยังคงตั้งหลักไม่ทันกับคำถามที่ส่งมาจู่โจมในทันที ไม่ปล่อยให้เขาได้เตรียมตัวรับมือ มาเจอฝ่ามือร้อน ๆ ที่ลูบไล้หน้าท้องก็พลันหดเกร็งโดยอัตโนมัติ ไม่มีสติจะคิดหาคำตอบอะไรทั้งนั้น
มาร์คเองก็รับรู้ได้ถึงอาการของคนในอ้อมกอด ริมฝีปากยกยิ้ม แววตาทอประกาย ไม่เร่งรัดเอาคำตอบ เพลิดเพลินอยู่กับฝ่ามือที่ลูบไล้หน้าท้องแบนราบ ภายในสมองอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงความรู้สึกที่เขาจะได้รับหากไม่มีเสื้อผ้าเนื้อดีขวางกั้นเอาไว้
เพียงแค่คิด ลมหายใจของเขาก็กระชั้นขึ้น จนอินทัชรับรู้ได้และพลันได้สติขึ้นมา
คนร่างสูงโปร่งขืนตัวเองออกจากอ้อมแข็งแกร่ง และเจ้าของอ้อมแขนก็ไม่ได้ดึงนั้งเอาไว้ ยินยอมที่จะคลายอ้อมกอดแต่โดยดี
อินทัชที่หลุดออกจากอ้อมแขนมาแล้วยังไม่ได้หันหน้าไปเผชิญหน้ากับมาร์ค สองข้างแก้มยังรู้สึกร้อนผ่าว ทั้ง ๆ ที่ลมพัดบนดาดฟ้าจนเส้นผมปลิวไสว
ต่างคนต่างยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ต่างคนต่างพยายามสงบติอารมณ์ที่แตกต่างกัน
มาร์คพยายามระงับความแข็งขืนที่เกิดขึ้นมาเพียงแค่จินตนาการของเขา ส่วนอินทัชก็ตั้งสติ พยายามทำให้ใจที่เต้นแรงอยู่นั้นกลับคืนจังหวะที่ปกติ และเป็นอินทัชที่ทำได้สำเร็จก่อน เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับมาร์ค ริมฝีปากบางสวยเปิดพูด
“ผมหิว” เขาพูดแค่สองคำ และไม่ใช่คำตอบของคำถามที่ได้รับมา
มาร์คถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ใช่คำตอบนั้น มองไปที่เจ้าของคำพูดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินนำอินทัชไปที่โต๊ะอาหารซึ่งได้รับการจัดแต่งอย่างดีจากมืออาชีพและเขาที่ควบคุมอยู่ทุกขั้นตอน
มือหนาที่จับปืนปลิดชีพศัตรูมาไม่น้อยจับเก้าอี้เลื่อนออก ส่งสายตาบอกให้อินทัชมานั่ง
“ขอบคุณครับ” อินทัชขอบคุณอย่างไม่คุ้นชินนัก เขารู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูแลเหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่สำหรับมาร์คแล้ว เขาไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น มันก็แค่เขาอยากจะทำให้อินทัชก็เท่านั้น
เมื่ออินทัชนั่งลงเรียบร้อยแล้ว มาร์คก็พาตัวเองไปนั่งยังฝั่งตรงกันข้าม เพียงแค่ยกมือขึ้นครั้งหนึ่งหลังจากนั้นไม่นานอาหารก็ทยอยนำมาเสิร์ฟในทันที
อินทัชกวาดตามองจานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเอง เมนูที่เขาคุ้นเคย เมนูที่เขาโปรดปราน เมนูที่เขาไม่สามารถทานจากฝีมือของคนอื่นได้อีก
คิงลงมือทำอาหารให้เขาอย่างที่พูดจริง ๆ
จะว่าไปตั้งแต่ที่ตกลงกันเรื่องแลกเปลี่ยนเมนูอาหาร ทั้งเขาและคิงต่างก็มีโอกาสได้ทานฝีมือของอีกฝ่ายไม่บ่อยนัก
ยังไม่ทันจะได้ลงมือทาน เสียงดนตีจากเปียโนและไวโอลินก็ดังขึ้นด้วยท่วงทำนองที่สุดแสนจะโรแมนติกเสียก่อน
อ้อ ที่แท้ก็ยังมีบรรยากาศแบบในละครอยู่ด้วย
อินทัชคิดขำ ๆ ในใจ ก่อนจะลงมือทานอาหารจานโปรดของตัวเอง และแกล้งเมินไม่สนใจสายตาที่จับจ้องมองมาของคิง
มาร์คไม่ยอมลงมือทานอาหารของตัวเอง เขายกแก้วแชมเปญของตัวเองขึ้นดื่ม สายตาจดจ้องไปยังคนที่ส่งอาหารจานโปรดเข้าปากไม่ขาดสาย
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่อาหารจานโปรดของอินทัชได้หมดลงแล้ว เจ้าตัวยกเครื่องดื่มไวน์แดงของตัวเองขึ้นจิบ ก่อนจะช้อนดวงตาขึ้นมองหน้าคนที่ไม่ทานอาหารของตัวเองเลยสักคำ
จ้องมองจนมั่นใจว่าเจ้าตัวจะต้องรู้สึก แต่ยังเห็นมาร์คยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบ ไม่พูดอะไร อินทัชก็นั่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกัน
ไม่พูด แต่สมองคิดอะไรอยู่มากมาย
หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งคู่เกิดขึ้นอยู่นาน อินทัชก็พ่นลมหายใจออกแผ่วเบา ริมฝีปากขยับเม้มแน่นแล้วเปิดอ้าออกอย่างคนที่ต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ต้องกลืนคำพูดลงคอไปเมื่อเสียงนุ่มทุ้มของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามถูกส่งออกมา
“ชอบหรือเปล่า”
คำถามนี้อีกแล้ว! อินทัชคิดในใจอย่างฉิว ๆ
ริมผีปากบางที่เปิดออกเมื่อครู่นี้ถูกขมเม้มเข้าหากันใหม่อีกรอบ สายตามองต่ำลงจดจ้องจานอาหารที่หรือเพียงจานเปล่า ๆ ตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ
“ชอบครับ”
“โอเค นายชอบฉัน งั้นเราก็เป็นแฟนกัน” มาร์คพูดรวบรัดตัดความโดยไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ ดวงตามองไปที่อินทัชอย่างรอคอยถ้อยคำปฏิเสธที่เจ้าตัวควรจะต้องพูดออกมาเมื่อถูกเขามัดมือชกแบบนี้
เขารู้ว่าอินทัชคิดว่าเขาหมายถึงอาหารที่เขาทำให้ว่าเจ้าตัวชอบหรือเปล่า ถึงได้ตอบอย่างนั้นออกมา
แต่เหมือนคราวนี้มาร์คจะรู้ไม่จริง เพราะผ่านไปหลายลมหายใจเข้าออก เสียงดนตรีบรรเลงเงียบหายไปแล้ว เขาก็ยังคงไม่ได้ยินถ้อยคำปฏิเสธกลับมา
“นายไม่ปฏิเสธ” มาร์คถามอย่างอดไม่ได้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัย
“ปฏิเสธทำไมครับ”
“ไม่ใช่ว่านายหมายถึงชอบอาหาร?” มาร์คขยายความ
หากบรรดาอัศวินทั้งสี่อยู่ใกล้จนได้ยินบทสนทนา จะต้องยกมือขึ้นตบหน้าผากกับบทสนทนานี้เป็นแน่
“เปล่า ผมหมายถึง ผมชอบคิง ไม่สิ หมายถึงอินชอบพี่มาร์ค” พูดจบก็ปล่อยรอยยิ้มกว้างจนเกือบจะกลายเป็นหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสายตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดของมาร์ค
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหน้านิ่งเป็นหินอย่างพี่มาร์คเสียอาการขนาดนี้
อืม เขาชอบพี่มาร์คที่เป็นอย่างนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ค้างมาก
น้องตอบ ตกลง เลยนะคะตอนคิงขอเป็นแฟนอ่ะ อย่าให้พี่เขาคอยนานกว่านี้เลย จะลงแดงแล้วนั่น 5555+
แล้วก็ถ้าเกิดพี่เขาขอเป็นแฟนตกลงเลยนะลูก เราต้องได้ครอบครองของดี 55555
มะลิเธอต้องช่วยน้องอินนะ