ตอนที่ 61 : ตอนที่ 61
วันนี้ผู้เป็นนายของบ้านอยู่ครบทั้งสามคนรวมทั้งยังมีแขกคนสำคัญที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวเองแต่คนทั้งบ้านนั้นรู้ดีอยู่ด้วย มื้อกลางวันควรจะได้นั่งทานกันพร้อมหน้าพร้อมตา กลับเหลือเพียงแค่นายน้อยและผู้เป็นแขกคนสำคัญเท่านั้น เนื่องจากมาดามทานอาหารพร้อมกับนายใหญ่ในห้อง
สาวใช้สามคนที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารลอบสบตากันเมื่อเห็นความเอาใจใส่ที่คนทั้งสองมีให้กัน ผลัดกันตักอาหารใส่จานของอีกฝ่าย
ช่างดูเหมือนคู่รักที่เพิ่งจะแต่งงานกันมาไม่มีผิด
“ไปสตูดิโอทำเพลงเถอะ ฉันจะไปคุยกับคุณคอนเนอร์สักหน่อย” มาร์คพูดหลังจากดื่มน้ำตามข้าวคำสุดท้ายที่เขากลืนลงคอไปเรียบร้อยแล้ว
“ครับ” อินทัชมองคนที่ออกปากให้เขาไปสตูดิโอทำเพลงชั่วแวบหนึ่งก่อนจะตอบตกลงอย่างว่าง่าย
คิงคงจะไปคุยกับคุณคอนเนอร์เรื่องที่คุณคอนเนอร์โดนลอบทำร้าย
อินทัชเดาถูก เพราะเรื่องที่มาร์คต้องการจะไปคุยกับผู้เป็นพ่อคือหนทางการตอบโต้อีกฝ่ายกลับไป และจะเป็นการตอบโต้ที่จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป
แน่นอนว่าการตอบโต้แรกที่เขาทำคือการส่งร่างไร้วิญญาณที่ผิวหนังโดนชำแหละจนไม่อาจจำได้กลับไปให้เจ้านายของมันได้ดู
ดูว่ามันจะเป็นรายต่อไปที่ต้องเป็นอย่างนั้น
ดวงตาคู่คมเรืองรองประกายอำมหิตวูบหนึ่งก่อนจะเก็บซ่อนมันอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าอินทัชมองมา
แม้จะไม่ทันเห็นแววตาอำมหิต แต่อินทัชก็สัมผัสได้ถึงรังสีที่ต้องการฆ่าอย่างรุนแรงแผ่ออกมาจากตัวของมาร์ค ร่างกายเขาสะท้านไปวูบหนึ่ง อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้
“ไปเถอะ” มาร์คพูด เมื่อรับรู้ได้ถึงความกลัวจากอีกฝ่ายที่มีต่อเขา
อินทัชเป็นเพียงคนคนเดียวที่เขาไม่ต้องการให้กลัวเขา
ความรู้สึกเดียวที่เขาต้องการจากอินทัชคือ รัก และเขาเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะได้รับมัน
อินทัชเม้มปาก ดวงตาหลุบลงอย่างครุ่นคิด แม้คิงจะไม่แสดงออก แม้ว่าดวงตาของคิงจะไม่บอกอะไร แต่การที่เขารู้สึกกลัวคิงไปวูบหนึ่งเมื่อครู่นี้ คนที่สัมผัสไวแบบคิงจะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาคิดมากขนาดนี้ว่าคิงจะรู้สึก จะคิดเช่นไร กับการกระทำของเขา
“คิง” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้อินทัชหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เขาหันไปยังต้นทางของเสียงก่อนจะเจอเข้ากับสีอัศวินที่ยืนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
“ดูแลคุณอินทัชให้ดี” มาร์คลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองคนที่ยังคงนั่งอยู่ ไม่ไปที่สตูดิโอตามที่พูดกันไว้ ก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ที่ยืนอยู่ให้คอยดูแลคนของเขาให้ดี เสร็จแล้วจึงเดินนำอัศวินทั้งสี่คนของตัวเองขึ้นไปยังชั้นบน ไปหาผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านหลังนี้
อินทัชมองตามคนที่เดินขึ้นบ้านไปชั่งขณะก่อนจะดึงสายตากลับมา ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาอย่างใช้ความคิด
“คุณอินทัชต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ หรือจะไปที่สตูดิโอเลย” สาวใช้ที่ยืนอยู่ถามเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแขกคนสำคัญยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวทำอะไร
“ไม่ไปแล้ว” อินทัชที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้หันไปพูดตอบสาวใช้ เรียกสายตางุนงงจากอีกฝ่าย
“คะ? ไม่ไปแล้วหรือคะ” สาวใช้คนเดิมทวนคำอย่างสงสัยปนแปลกใจ ก็ไม่ใช่ว่าเธอได้ยินคุณอินทัชตอบตกลงกับนายน้อยไปแล้วไม่ใช่หรือว่าจะเข้าไปที่สตูดิโอที่นายน้อยของเธอลงทุนสร้างมันขึ้นมาเพื่อคนคนเดียว
คนคนเดียวที่ใคร ๆ ในบ้านหลังนี้ต่างก็รู้ดีว่าทั้งสำคัญ ทั้งพิเศษขนาดไหน
“ใช่ไม่ไปแล้ว ผมจะไปเข้าครัวแทน” อินทัชคิดแล้วว่ามื้อเย็นวันนี้เขาจะเป็นผู้ลงมือเอง
“นายน้อยคงจะทานอาหารได้เยอะขึ้นกว่าทุกวันนะคะ” สาวใช้ที่อยู่มานาน เพราะเป็นลูกหลานของคนเก่าคนแก่พูดยิ้ม ๆ แววตาเปล่งประกายหยอกล้อเมื่อเห็นว่าวัตถุดิบที่เตรียมไว้นั้นล้วนแล้วแต่มีขึ้นเพื่อประกอบเมนูที่เป็นของโปรดของนายน้อย
อินทัชชะงักมือที่กำลังจะเตรียมวัตถุดิบเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงการหยอกล้อเขาผ่านประโยคนั้น เขาทำเพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ แล้วไม่พูดตอบโต้อะไรก่อนที่จะลงมือเตรียมวัตถุดิบต่อไป
อินทัชไม่ได้ของร้องให้ใครช่วยทำอะไร เขาต้องการที่จะลงมือเองในทุกขั้นตอน และดูเหมือนทุกคนจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของเขาจึงไม่มีใครอาสาของเป็นลูกมือเลยแม้แต่คนเดียว
“เอ๊ะ วันนี้มัมต้องเตรียมอาหารของตัวเองกับของแด๊ดเพิ่มสิใช่ไหม” เสียงหวาน ๆ ของมาดามนิลาทำให้อินทัชละความสนใจจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ เขาหันไปหาเจ้าของเสียงแล้วพูดตอบด้วยรอยยิ้ม
“ผมทำเผื่อไว้เยอะเลยครับ ถ้ามัมไม่รังเกียจ”
“หึ ไม่ใช่ว่ามัมจะรังเกียจแต่เป็นเพราะอาหารพวกนี้คงจะไม่มีทางได้ถึงมือถึงปากของมัม” มาดามนิลาส่ายหน้าพูดยิ้ม ๆ สาวเท้าเดินเข้ามาใกล้คนที่วุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร
อินทัชทำหน้างง ถ้าไม่รังเกียจอาหารของเขา แล้วทำไมจะทานไม่ได้เล่าถ้าอย่างนั้น
“ตามาร์คจะต้องหวงจนไม่ยอมแบ่งให้ใครได้ทานแน่ ๆ” คำพูดของอินทัชทำให้เขานึกย้อนไปถึงข้าวกล่องที่เขาฝากไปให้อัศวินทั้งสี่ของคิงเมื่อตอนนั้น
เขาเข้าใจว่าคิงโยนทิ้งถังขยะไป จึงไม่ได้ถึงมืออัศวินทั้งสี่ แต่จากคำพูดของมาดามนิลาแล้ว เกรงว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นเรื่องที่ผิด
แต่ถ้าสิ่งที่เขากำลังคิด สิ่งที่เขาคิดได้จากคำพูดของมาดามนิลาเป็นจริง ไม่ใช่ว่าคิงจะทำตัวเป็นเด็กไปสักหน่อยเหรอ
เด็กขี้หวง
คิดอย่างนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นยังมุมปากโดยไม่รู้ตัว
และเมื่อถึงเวลาของมื้อเย็น อินทัชถึงได้รับคำยืนยันจากสิ่งที่คิด เมื่ออาหารที่เขาตั้งใจทำทั้งหมด ไม่ได้ตกถึงท้องใครเลยนอกจากคิง
อย่าว่าแต่คนอื่น แม้กระทั่งผู้ลงมือปรุงมันขึ้นมาอย่างเขาก็ยังไม่ได้แตะแม้แต่คำเดียว!
คิงนี่มันคิงจริง ๆ เลย
“เจ้าอินมาดูเพชรกับมัมดีกว่ามา” หลังจากมื้ออาหารเย็นจบลงมาร์คและอัศวินทั้งสี่คนก็แยกตัวกลับไปคุยงานกับผู้เป็นนายใหญ่อีกครั้ง โดยที่มาร์คไม่ลืมที่จะฝากฝังอินทัชไว้กับมารดาของตัวเอง
เมื่อคล้อยหลังคนทั้งห้า มาดามนิลาก็พูดชักชวนคนที่สายตายังคงมองตามลูกชายตัวเองไปให้หันมาสนใจตัวเอง
“ครับ เอ่อ ผมไม่ค่อยถนัด” อินทัชกะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงงกับถ้อยคำชวนนั้นก่อนจะพูดบอกเสียงอ่อยว่าตัวเองไม่ถนัดที่จะดูเพชรเลยจริง ๆ
“ไปเถอะ เดี๋ยวมัมสอน” มาดามนิลาไม่เพียงแค่พูดเปล่าแต่ยังขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่มาจูงมือคนสำคัญของลูกชายไปยังห้องที่มีเอาไว้เพื่อเก็บของมีค่าโดยเฉพาะ
อินทัชรีบหลับตาเมื่อเห็นว่ามาดามกดรหัสเพื่อเปิดประตูเข้าห้องโดยที่ไม่พยายามจะปิดบังให้พ้นจากสายตาของเขา และการกระทำอย่างนั้นทำให้มาดามนิลายกยิ้มอย่างเอ็นดู
ตั้งใจจะให้รู้รหัสแท้ ๆ เพราะถ้าเธอไม่ต้องการให้รู้รหัส การแสกนม่านตาเข้าห้องแห่งนี้นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“เข้าไปกันเถอะ” พูดยิ้ม ๆ
เพียงแค่เดินเข้าไปในห้อง ห้องก็สว่างไสวโดยอัตโนมัติ อินทัชพยายามที่จะไม่กวาดตาสำรวจไปทั่ว แต่แม้จะไม่กวาดตาเพื่อสำรวจ แต่เขาก็ยังเห็นอยู่ดีว่าห้องนี้มันกว้างมาก และยังเต็มไปด้วยตู้นิรภัยอีกมากมายหลายตู้
นับว่าเป็นห้องที่ไม่ควรให้ใครเข้ามาอย่างมั่ว ๆ จริง ๆ
ว่าแต่การที่มาดามนิลาพาเขาเข้ามาที่ห้องนี้จะดีจริง ๆ หรือ
คิดในใจยังไม่ทันไรอินทัชก็ต้องรู้สึกตาพร่าเบลอกับประกายเพชรที่แยงตาเมื่อผู้ที่พาเขามาเปิดตู้นิรภัยหยิบกล่องเพชรมาเปิดให้เขาดูกล่องหนึ่ง
เพียงแค่เครื่องเพชรชุดแรกก็ทำเอาเขาตาพร่าเบลอแล้ว!
“ชุดนี้เอาไว้ใส่ออกงานขำ ๆ พวกงานที่ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก อย่างงานเลี้ยงสังสรรค์บรรดาคุณหญิงคุณนายต่าง ๆ แบบนั้น” เสียงพูดของมาดามนิลาเรียบเรื่อย แต่ในใจของอินทัชไม่รู้สึกเรียบเรื่อยไปด้วย
ใส่ขำ ๆ
อ่า แม้ว่าจะไม่สันทัดเรื่องพวกนี้มากนัก แต่เขาก็สนใจในเครื่องประดับไม่น้อยและเขามั่นใจมากว่าราคาเพชรชุดนี้ไม่ใช่ราคาขำ ๆ แน่นอน
มันไม่ต่ำว่าสิบล้าน
ว่าแต่มาดามนิลาดูไม่เหมือนพวกคุณหญิงคุณนายที่ออกงานแต่ละทีต้องใส่เครื่องเพชรไปอวดชาวบ้านเลยนี่
ดูเหมือนความคิดของอินทัชจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป เพราะมาดามนิลาวางเครื่องเพชรที่ถืออยู่ไว้บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยิบทยอยหยิบเครื่องเพชรชุดอื่น ๆ ออกมาแล้วปากก็พูดบอกไปด้วย
“เวลาอยู่ที่บ้านของตัวเอง เราจะทำตัวยังไงก็ได้ จะแต่งตัวยังไงก็ได้ แต่เมื่อออกงาน สิ่งที่เราต้องจำได้คือเรามีนามสกุลอะไรต่อท้ายอยู่ เรากำลังจะไปพบผู้คนแบบไหน มันอาจจะฟังเป็นดูเป็นเรื่องที่แย่ แต่มันก็เป็นความจริงว่าในสังคมที่เรายืนอยู่ เราต้องมีหน้ากาก มีหัวโขนไว้ใส่เพื่อป้องกันตัวเอง” น้ำเสียงของมาดามนิลาแฝงความสั่งสอนเอาไว้ไม่น้อยเลย
อินทัชฟังแล้วก็ได้แต่คิดตาม
ก็จริงอย่างที่มาดามพูด ขนาดเขาเองที่เป็นเพียงแค่ศิลปินคนหนึ่ง เมื่อเปิดเผยตัวตนแล้ว สิ่งที่เขาแสดงออกกับคนอื่น ๆ ก็ต่างกับที่เขาแสดงออกกับคิง กับมาดาม
คนเรามีหลายบทบาท มีหลายหัวโขน อยู่แค่จะหยิบหัวโขนไหนมาใส่เมื่อไหร่ก็เท่านั้น
“แต่มัมก็ออกงานไม่ค่อยบ่อยหรอก เลือกเฉพาะงานที่อยากจะไปจริง ๆ หรือไม่ก็เป็นงานที่ส่งผลต่อธุระกิจเท่านั้น” มาดามนิลาผู้ไม่ค่อยออกงานสังคม และงานไหนที่เธอไปมักจะได้รับการยกย่องอย่างลับ ๆ ว่าเป็นงานที่มีระดับนั้นพูดต่อ
“มัมมีกำหนดการจะไปงานเลี้ยงเร็ว ๆ นี้เหรอครับ” อินทัชถามเมื่อนึกสงสัยขึ้นมาและเดาว่าเพราะมีงานเลี้ยงที่จะต้องไปจึงได้ชวนเขาเข้ามาดูเพชรในวันนี้ทั้ง ๆ ที่ก็เย็นมากแล้ว
“ฉลาด” มาดามนิลายิ้มแล้วพูดชมในความฉลาดของคนที่ลูกชายรัก
“ช่วงนี้ออกงานจะดีเหรอครับ” อินทัชขมวดคิ้วขณะถาม ไม่ใช่ว่าช่วงนี้ควรจะเก็บตัวเงียบ ๆ เพื่อความปลอดภัยก่อนหรอกหรือ
“ความเชื่อมั่นของผู้ร่วมธุระกิจกำลังสั่นคลอน แม้ว่าจะไม่ออกข่าวครึกโครม แต่มั่นใจได้เลยว่าข่าวที่คุณมิคาเอลโดนลอบยิงจะต้องแพร่กระจายไปในหมู่นักธุระกิจแล้วแน่ ๆ ดังนั้นการที่มัมออกงานก็เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าเรายังสบายดี ไม่มีอะไรที่ต้องหวาดกลัวและกังวล” มาดามนิลาพูดอธิบายในสิ่งที่เธอต้องทำ
อินทัชเข้าใจอะไรมากขึ้นเมื่อได้ฟังอย่างนั้น การเป็นมาดามของตระกูลผู้ทรงอิทธิพลไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกก้าวที่ขยับเดินล้วนต้องคิดให้รอบคอบ
อินทัชไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังได้รับการสั่งสอนให้เข้าใจในสิ่งที่ผู้อยู่ข้าง ๆ ผู้นำของโอ คอนเนอร์ต้องแบกรับ
“งานจะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า อินไปกับมัมด้วยนะ”
“ครับ? ผมเหรอ” อินทัชชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามย้ำว่าเขาเหรอที่จะต้องไปงานกับมาดามนิลา
“เบื่อจะออกงานคนเดียวแล้ว อยากจะควงหนุ่มหล่อสักคนไปด้วย” มาดามนิลาพูดยิ้ม ๆ แน่นอนว่าที่บอกว่าออกงานคนเดียวนั้นมันไม่ใช่เรื่องไม่จริง ถ้าไม่นับการ์ดนับสิบคนที่เดินตามหลังเธอ คุณมิคาเอลกับเจ้าลูกชายหน้านิ่งก็ไม่ชอบที่จะออกงานกับเธอมากนักหรอก นานทีปีหนจะยอมไปด้วยสักครั้งหนึ่ง
และแน่นอนว่าเป้าหมายหลักของการพาอินทัชไปด้วยไม่ใช่การที่เธออยากจะควงหนุ่มหล่อ แต่การไปประกาศให้ทุก ๆ คนได้รู้ว่าเธอมีว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว คุณหญิงคุณนายคนอื่น ๆ เลิกยัดเยียดลูกสาวของตัวเองมาให้ลูกชายเธอได้แล้ว
ลูกชายของเธอเลือกแล้ว เขาเลือกคนที่เขารักเองแล้ว
เลือกมานานแล้วด้วย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอยยยย ละลายหมดแล้ว
รับรักได้แล้วเนอะ
น่ารักจัง
อ่านแล้วระทวยไปกองกับพื้น
มันจะดีกว่านี้ถ้าพิมพ์ถูก ._.