ตอนที่ 59 : ตอนที่ 59
“มัมขึ้นไปดูแด๊ดก่อน ถ้าเราเบื่อก็ไปห้องสตูดิโอทำเพลงหรือไม่ก็เดินเล่น นั่งเล่นหรือหาอะไรทำในบ้านหลังนี้ได้เลย” มาดามนิลาพูดหลังจากอาหารมื้อเช้าจบลง เน้นย้ำที่คำว่าในบ้านหลังนี้อย่างชัดเจนจนอินทัชอยากจะถอนหายใจ
“คิงยังไม่กลับมาเลยนะครับ” อินทัชพูดเบา ๆ ทำไมถึงได้ดูไม่กังวลกับการที่ลูกชายไม่กลับบ้านข้ามคืนกันเลยนะ
“เขาปลอดภัยดี ถ้าเขาเกิดอันตรายอะไรที่ยากจะรับมือ ต้องส่งสัญญาณมาแล้ว” มาดามนิลาบอกเหตุผลที่เธอไม่แสดงออกถึงความกังวลมากนัก
ถามว่าเป็นห่วงไหม ในฐานะที่เธอเป็นแม่ เป็นผู้ให้กำเนิด แน่นอนว่าเธอต้องห่วงมาก ๆ อยู่แล้ว แต่เมื่อไม่มีสัญญาณส่งมาจากคนที่อยู่ข้างกายของมาร์ค นั่นก็ทำให้เธอคลายความกังวลใจไปได้บ้างว่าลูกชายของเธอตอนนี้ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสใด ๆ
“อย่างนั้นสินะครับ” อินทัชพูดเบา ๆ ในลำคอ สีหน้าแววตามีความเข้าใจมากขึ้น ก่อนที่มาดามนิลาจะแยกตัวเดินขึ้นชั้นสองไปหาผู้เป็นสามี
พอมาดามของเจ้าของบ้านแยกตัวออกไป อินทัชก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารบ้าง เขาเดินไปยังบริเวณหน้าบ้าน วนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหันไปหาสาวใช้ที่คอยเดินตามเขาอยู่ไม่ห่าง
“ผมรบกวนขอหนังสืออ่านเล่นสักเล่มได้ไหมครับ หนังสืออะไรก็ได้”
“สักครู่นะคะ” สาวใช้ที่ได้รับคำสั่งมาว่าให้คอยดูแลและไม่ว่าอินทัชอยากจะได้อะไรก็ให้ไปจัดหามาให้พูดกับอินทัชก่อนจะเดินไปหาหนังสือตามคำร้องขอ โดยมีสาวใช้อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเข้ามายืนแทนที่
อินทัชส่ายหน้าน้อย ๆ ให้กับการดูแลที่ใกล้ชิดจนชวนให้รู้สึกอึดอัดนี้ เขาเข้าใจดีถึงการอำนวยความสะดวกเขาอย่างเต็มที่ แต่นี่มันอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่ามันเกินไปหน่อย
“ผมไปนั่งรอตรงนั้นนะ” ชี้ไปที่ศาลาไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ข้างตัวบ้าน
“ค่ะ”
หลังจากการรับคำสั้น ๆ ของสาวใช้อินทัชก็พาตัวเองไปยังจุดหมายที่เขาชี้เมื่อสักครู่ทันที
“ลมเย็นจริง ๆ” อินทัชพูดกับตัวเองเมื่อลมเย็น ๆ พัดมาปะทะใบหน้าของเขาหลังจากที่เขานั่งลงบนเก้าอี้ในศาลา
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ มองผ่านดอกไม้หลากสีสันที่ได้รับการจัดตกแต่งอย่างลงตัวจากผู้เป็นมืออาชีพไปยังบริเวณรั้วบ้านที่มองเห็นจากตรงนี้ได้ชัดเจน
เป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเมื่อมีใครเข้าออกบ้านหลังนี้
“รับของว่างไหมคะ” สาวใช้ที่กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มบาง ๆ สามเล่มในมือถามพร้อมกับค่อย ๆ วางหนังสือลงบนโต๊ะให้กับอินทัช
“ขอแค่ชาคาโมมายล์ก็พอครับ ขอบคุณ” อินทัชพูดขอบคุณในตอนท้ายแล้วหยิบหนังสือที่เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่าน
เป็นหนังสือท่องเที่ยวที่แนะนำสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกเอาไว้
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ดวงตาคู่สวยที่ควรจะจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือกลับถูกส่งไปยังบริเวณประตูรั้วบ้านอยู่บ่อย ๆ จนทำให้การอ่านหนังสือที่ตัวเองเป็นผู้ร้องขอมาแท้ ๆ นั้นไปไม่ถึงไหน ยังอ่านได้ไม่ถึงครึ่งหน้าด้วยซ้ำ เมื่อคนอ่านไม่มีสมาธิพอที่จะสนใจสิ่งที่อยู่ในมือ
“เฮ้อ”
คนที่ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ ภายในอกมันกระวนกระวายแปลก ๆ ในแบบที่เขาไม่ชอบเลยสักนิด
สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลลอบสบตากันเมื่อเป็นปฏิกิริยาของผู้เป็นแขกคนสำคัญซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานจะกลายเป็นเจ้านายอีกคนหนึ่งของพวกเธอ
สบกันอย่างรู้ความนัยว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เด็กหนุ่มนั้นไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ หรือหากจะพูดให้ถูก ให้ชัดก็คือรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวออกมานั่งที่ศาลาแห่งนี้เพราะอะไร ไม่สิเพราะใครมากกว่า
ไม่ว่าจะเจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่เธอดีใจแทนนายน้อยของพวกเธอที่อินทัชเป็นห่วงจนต้องออกมานั่งรอที่ศาลาในสวนแห่งนี้ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นได้เร็วที่สุดว่าใครเข้าบ้านมาแล้ว ไม่นับรวมจุดเฝ้ายามที่ประตูรั้ว
อินทัชที่สายตาส่งไปที่ประตูรั้วไม่เห็นท่าทีลอบสบตากันของสาวใช้ เขาผุดลุกขึ้นยืนตัวตรงเมื่อเห็นรถยนต์คันหรูสีดำวาววับสามคันแล่นเข้ามาในบ้าน เร็วกว่าความคิด หนังสือในมือถูกวางทิ้งอย่างไม่ใยดี ขาเรียวสองข้างก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปยังจุดที่รถจะจอด
เป็นความพอเหมาะพอดีที่เมื่ออินทัชเดินมาถึงหน้าตึกบ้าน คนที่อยู่บนรถก็ก้าวเท้าลงมาพอดี
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพของคนที่เพิ่งจะกลับเข้าบ้านมาหลังจากหายไปทั้งคืน โดยที่ไม่รู้เลยว่าหายไปไหนมา หรือไปทำอะไรมา
เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เปอะเปื้อนไปด้วยสีแดงจนแทบจะมองไม่เห็นสีที่แท้จริงของเสื้อ กลิ่นคาวเลือดที่โชยมาปะทะจมูก ทำให้อินทัชเผลอร้องตะโกนออกพร้อมกับการวิ่งเข้าหาร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือด
“คิง!”
เห็นร่างสูงโปร่งวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตะหนกและร้องเรียกเขาเสียงดัง มาร์คก็ก้าวเท้าถอยหลัง ไม่ต้องการให้คนที่เรียกเขาเข้ามาประชิดโดนตัวเขา
“คิงเป็นอะไร ทำไมเลือดเต็มตัวขนาดนี้ หมอล่ะ ใครก็ได้ไปตามหมอมา” อินทัชพูดเสียงสั่น สีหน้าร้อนรนจนน่าสงสาร
“มะ..”
“คิง! อย่าถอยหนีสิ เดี๋ยวเจ็บหนักกว่าเดิม เร็ว รีบพาคิงขึ้นบ้าน คุณหมอยังพักอยู่ที่นี่ คิงเจ็บตรงไหนบ้าง โดนยิงมาใช่ไหม….” อินทัชไม่ฟังคำตอบของมาร์ค ดุคนที่เอาแต่เดินถอยหลังหนีเขาแล้วหันไปพูดกับอัศวินทั้งสี่ที่เอาแต่ยืนมองไม่รีบพาคนที่เขาเห็นว่ามีเลือดชุ่มตัวขึ้นไปให้หมอได้รักษาบนบ้านก่อนจะวกกลับไปซักถามหาบาดแผลของมาร์ค
“อิน อินทัช น้อง น้องฟังพี่ก่อน ใจเย็น ๆ แล้วฟังพี่ก่อน” มาร์คจับไหล่บางทั้งสองข้างของคนที่สีหน้าร้อนรนแล้วเอาแต่ถามเขาไม่หยุดว่าเขาเจ็บที่ตรงไหน
ไม่ปฏิเสธหรอกว่ารู้สึกดีที่อีกฝ่ายแสดงออกว่าห่วงกันมากขนาดนี้ แต่เขาเองก็ไม่ต้องการให้อินทัชเป็นห่วงเขาจนใจเสีย
“ครับ..” อินทัชหยุดชะงักนิ่งเมื่อโดนจับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้ สรรพนามที่ใช้เรียก น้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนที่ได้ยินไม่บ่อยนัก
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่เลือด!” ทันทีที่มาร์คบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร อินทัชก็พูดแทรกขึ้นโดยที่ยั้งตัวเองไม่อยู่
ก็จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง เขาเห็นเลือดชุ่มตัวมาขนาดนี้
“เลือดของคนอื่น” มาร์คยิ้มบาง ๆ แล้วตอบ
ที่เขาถอยห่างไม่ยอมให้อินทัชได้แตะต้องตัวเขาก็เพราะอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะอ้าแขนรับอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด แต่เขาไม่ต้องการให้อินทัชได้สัมผัสกับเลือดโสโครกพวกนี้
“ยะ ยังไงนะครับ” อินทัชถามเสียงไม่แน่ใจ สีหน้าที่ซีดเซียวเมื่อครู่เริ่มปรากฏสีเลือดซับขึ้นมา เมื่อเริ่มตะหงิดในใจแล้วว่าอาจจะเป็นเขาที่เข้าใจผิดไปเอง
เป็นเขาที่แสดงออกอย่างน่าขายหน้าออกไป!
และคำตอบของคิงก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะเอาหน้ามุดดินลงไปให้ลึกที่สุด
“เลือดของคนอื่น ไม่ใช่เลือดของพี่ แต่ดีใจนะที่เป็นห่วงกันขนาดนี้” มาร์คพูดด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
สาวใช้และคนอื่น ๆ เห็นรอยยิ้มของนายน้อยก็ค่อย ๆ พากันทยอยเดินออกไป ไม่อยู่เป็นก้าง เป็นส่วนเกิน
“ใคร ใครเป็นห่วง ผมแค่ ผมแค่กลัวว่าจะไม่มีคนพากลับบ้านหรอก” อินทัชรีบปฏิเสธ สีแดงเรื่อบนใบหน้าเข้มขึ้นอีกหนึ่งระดับ พูดจบก็หันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านในทันที
“หึหึ” มาร์คหัวเราะในลำคออยู่สองสามครั้ง แววตาที่มองตามหลังคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงเขานั้นเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าบ้านไปอาบน้ำจัดการตัวเอง
“น่าขายหน้า น่าขายหน้าจริง ๆ” อินทัชที่วิ่งกลับเข้าห้องนอนของตัวเองมาพูดกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกกอับอายกับการที่เผลอแสดงออกไปอย่างนั้น
โอ๊ยยยยย ทำไมไม่ดูให้ดี ๆ ก่อนนะ ป่านนี้คนบ้านนั่นได้ใจไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
อินทัชตีอกชกหัวกับตัวเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าในใจของตัวเองตอนนี้ไม่เหลือความกังวลใด ๆ อยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงก่อนหน้าที่คิงจะกลับมา เขากังวลจนไม่มีสมาธิจะทำอะไร
“ก๊อก ๆๆ” เสียงเคาะประตูห้องทำอินทัชสะดุ้ง มือที่ปิดหน้าอยู่ค่อย ๆ เลื่อนลง ค่อย ๆ พาตัวเองลุกขึ้นนั่ง สายตามีความหวาดระแวง บอกตามตรงว่ายังไม่พร้อมจะเจอหน้าคิงในตอนนี้
“ครับ” แต่เสียงเคาะประตูที่ดังซ้ำขึ้นอีกครั้งทำให้อินทัชต้องเดินมาที่ประตูแล้วส่งเสียงตอบรับออกไป ก่อนจะเปิดประตู
“คะ คิง” ร้องเรียกคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง เร็วกว่าความคิด อินทัชพยายามจะปิดประตูโดยอัตโนมัติ แต่ไม่เร็วเท่าคิง เพราะคนตัวโตร่างสูงแกร่งแทรกตัวเองเข้ามาในห้องได้ก่อน
“ไหน เป็นห่วงกันจนต้องออกไปนั่งรอด้านนอกเลยไม่ใช่เหรอ มาดูสิว่าพี่ปลอดภัยจะได้หายห่วง จะได้สบายใจไง” คนที่แต่ก่อนกว่าจะเปิดปากพูดได้แต่ละครั้ง มาตอนนี้พูดยืดยาวจนอินทัชอยากจะหาอะไรมาอุดปาก โดยเฉพาะใจความที่พูดออกมา
ไอ้คนหลงตัวเอง!
“ก็บอกว่าไม่ได้เป็นห่วงไงเล่า” ปากปฏิเสธ สองเท้าก็ก้าวถอยหลังหนีคนที่เอาแต่เดินหน้าเข้าหา คราวนี้อินทัชระวังตัวกว่าเมื่อวาน เขาถอยหนีไปทางประตูเพื่อที่จะได้หนีออกจากห้องไปเลย
แต่คิงก็รู้เท่าทันความคิดของผู้เป็นเจ้าของห้องในตอนนี้ เขายื่นแขนแกร่งทั้งสองข้างออกไปรวบตัวคนมาไว้ในอ้อมกอด ไม่สนท่าทางดิ้นรนที่จะหนีออกจากอ้อมแขนของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการให้อินทัชได้แตะต้องเลือดโสโครกนั่น เขาคงจะมีอินทัชอยู่ในอ้อมกอดตั้งแต่เขาได้เจอหน้าอินทัชเมื่อตอนนั้นแล้ว
“คิง ปล่อย” ทั้งดิ้น ทั้งส่งเสียงบอก แต่เจ้าของอ้อมแขนกลับขยับรัดแน่นมากกว่าเดิม
“อยู่นิ่ง ๆ” เสียงของมาร์คไม่ได้ดุเลย มันแฝงความอ้อนวอนไว้เสียมากกว่า และเพราะน้ำเสียงแบบนั้นมันจึงทำให้อินทัชลืมตัว หยุดดิ้นรนที่จะออกจากอ้อมกอดอุ่น ยอมยืนอยู่นิ่ง ๆ ในอ้อมแขนของคิงแต่โดยดี
ตึก ๆ
ในอ้อมกอดที่แนบแน่นจนไม่มีช่องว่างให้แม้กระทั่งสายลมได้แทรกผ่าน อินทัชได้ยินเสียงหัวใจของคิงที่เต้นอยู่ด้วยจังหวะที่หนักแน่นมั่นคง
มันให้ความรู้สึกมั่นคงแก่เขาจริง ๆ มั่นคงแบบที่ถ้าหากคิดจะฝากหัวใจไว้ที่ผู้ชายคนนี้ คงจะไม่มีวันที่จะต้องผิดหวังเสียใจ
“ขอบคุณนะ”
“ครับ?” อินทัชงุนงงเมื่ออยู่ ๆ มาร์คก็พูดขอบคุณออกมา
“ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเป็นห่วงพี่แค่ไหน ขอบคุณที่รอพี่กลับมา” มาร์คพูดอย่างมั่นใจว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง
“ขอบคุณเหมือนกัน”
“หืม”
“ขอบคุณที่พี่กลับมา”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มีความเป็นห่วงพี่มาร์ค
ถ้าพี่มาร์ครู้ดีใจตายเลยน้องเป็นห่วงด้วย