ตอนที่ 58 : ตอนที่ 58
“พักฟื้นสักระยะก็จะหายดีครับ อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ระวังอย่าขยับร่างกายบ่อย ๆ จนกระทบกระเทือนแผลก็พอ” นายแพทย์ประจำตระกูลผู้สืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นพ่อของตัวเองบอกกับมาดามของโอ คอนเนอร์ ก่อนที่สายตาของผู้เป็นแพทย์จะลอบมองสำรวจผู้ที่ยืนอยู่ข้างภรรยาคนไข้ของเขา
จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของนายน้อยแห่งโอ คอนเนอร์
“คุณหมอคงรู้ใช่ไหมคะว่าอะไรที่ควรพูด อะไรที่ควรเงียบ” น้ำเสียงของมาดามไม่ได้มีความข่มขู่เลยสักนิด แต่อินทัชสัมผัสได้ถึงความน่ากลัว
ถึงจะไว้ใจให้เป็นผู้รักษาคุณมิคาเอลผู้เป็นนายใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้วางใจเสียทีเดียว
อำนาจของเม็ดเงินนั้นมันหอมยั่วยวนใจ จนทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
“ผมรู้ดี มาดามวางใจได้” นายแพทย์วัยกลางคนพูดอย่างหนักแน่น เขาไม่มีทางทรยศต่อโอ คอนเนอร์แน่ ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าครอบครัวของเขาซื่อสัตย์และภักดีขนาดไหน เอาแค่ว่าเขาไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองไปแลกเงินหรอก
“ฉันให้เด็กจัดห้องไว้แล้ว ช่วงสามสี่วันนี้หมอก็พักที่นี่ไปก่อนนะคะ”
“ครับ” นายแพทย์วัยกลางคนรู้ดีว่าการที่เขาได้พักอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ใช่แค่เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่การที่เขาเข้ามาในบ้านหลังนี้และไม่ได้ออกไปในวันเดียวกัน มันจะทำให้ฝั่งตรงข้ามคาดการณ์ได้ว่าอาการของนายใหญ่แห่งโอ คอนเนอร์นั้นหนักหนาสาหัสจนต้องรั้งตัวนายแพทย์ประจำตระกูลเอาไว้เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
ไม่ใช่แค่เพียงนายแพทย์วัยกลางคนเท่านั้นที่รับรู้ถึงความนัยในเรื่องนี้ อินทัชเองก็เดาได้เช่นกัน เขาเพิ่มความนับถือในเรื่องการจัดการและการรับมือของมาดามนิลามากยิ่งขึ้นไปอีก
“ไป เข้าไปดูแด๊ดเขาสักหน่อย” เมื่อคล้อยหลังคุณหมอที่เดินตามสาวใช้ไปยังห้องพักของตัวเองที่อยู่อีกฝากหนึ่งของคฤหาสน์อันกว้างขวางแห่งนี้ มาดามนิลาก็หันมาพูดกับอินทัชที่กำลังจะอ้าปากขอตัวไปพักผ่อนก่อน
“จะดีเหรอครับ” อินทัชกลืนคำพูดที่จะพูดในตอนแรกลงคอไปแล้วถามอย่างไม่แน่ใจแทน
ในช่วงเวลาอย่างนี้ให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของตระกูลศัตรูเข้าไปในห้องที่มีนายใหญ่ของโอ คอนเนอร์นอนบาดเจ็บอยู่จะดีหรือ
ไม่กลัวว่าเขาจะมีความคิดที่เลวทรามอยู่ในหัวบ้างหรืออย่างไร
“ไปเถอะ” ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้นแต่มาดามผู้ยังสวยสง่ายังคว้ามือของนที่มีสีหน้าลังเลให้เดินไปยังห้องที่ผู้เป็นสามีนอนพักรักษาตัวอยู่
อินทัชกวาดสายตามองห้องที่มาดามนิลาพาเขาเข้ามา ห้องสีขาวสะอาดตาและกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่จมูกของเขา
ดู ๆ แล้วห้องห้องนี้คงจะจัดเตรียมไว้เพื่อใช้รักษาโดยเฉพาะ
เดินตามแรงจูงมือของมาดามนิลาเข้าไปจนไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับเตียงนอนที่มีร่างสูงแกร่งนอนอยู่ ทั้ง ๆ ที่สีหน้าซีดเซียว และดวงตาพริ้มหลับไม่เห็นดวงตาที่ทรงอำนาจนั่น แต่อินทัชก็ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง อำนาจบารมีที่แผ่ออกมาจากคนบนเตียง
“เพิ่งจะได้เจอครั้งแรก แต่ก็ต้องมาเจอกันในรูปแบบนี้” มาดามนิลาพูดเสียงเบา ดวงตาที่เข้มแข็งนั้นมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหันไปมองสามีที่แต่งงานกันมากว่ายี่สิบปี
“เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณคอนเนอร์ก็ตื่นขึ้นมาครับ” อินทัชไม่รู้จะพูดอะไรดี นิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา และเขาก็เรียกคนบนเตียงด้วยสรรพนามเดียวกันกับที่เขาได้ยินคิงใช้เรียก
“นั่นสิ เขามีเรื่องจะพูดกับเราเยอะเลย” มาดามนิลายิ้มบางแล้วพูดประโยคที่ทำให้อินทัชตัวแข็งทื่อ
มีเรื่องจะพูดกับเขา? เยอะเลยด้วย?
ทวนประโยคของมาดามนิลาในใจ สมองจินตนาการไปแล้วร้อยแปดอย่าง รวมถึงเรื่องการสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้ลูกชายผู้เป็นทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียวของตัวเอง
และเขาอาจจะโดนจับถ่วงน้ำ เผานั่งยาง โดนลอบยิง จัดฉากว่าเขาฆ่าตัวตายหากเขาปฏิเสธ!
อินทัชเริ่มจินตนาการไปไกล
“เจ้าอิน อย่าฟุ้งซ่านขนาดนั้น” มาดามนิลายิ้มขำ รู้เท่าทันความคิดที่เหลวไหลของเด็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เจ้าเด็กคนนี้ ความสามารถไม่ใช่แค่แต่งเพลงละมั้ง แต่งบทละครก็คงจะดีด้วยเหมือนกัน
“แหะๆ” อินทัชได้แต่เกาหัวแล้วยิ้มแหย ๆ เมื่อถูกจับได้ว่าตัวเองกำลังมีความคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่
แต่บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความคิดเพ้อเจ้อก็ได้นี่ มันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ใช่ไหม
เขาว่าเขาควรจะหาทางรับมือ
“คุณป้ายังไม่ลงมาเหรอครับ” อินทัชที่ตื่นเช้ามาแล้วลงมาที่ห้องอาหาร แต่ไม่เจอผู้เป็นมาดามเจ้าของบ้านนั่งอยู่ เขาเหลือบมองเวลาแล้วก็พบว่าตลอดสัปดาห์ที่เขามาอยู่ที่นี่ เมื่อลงมาที่ห้องอาหารเวลานี้ก็จะเจอกับมาดามนั่งรออยู่แล้ว แต่คราวนี้ไม่เหมือนวันก่อนหน้า เขาจึงได้ออกปากถามสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“มาดามลงมาแล้วค่ะ แต่ว่าอยู่ในครัว” สาวใช้ตอบเสียงเบา
“อ่อ ขอบคุณครับ” อินทัชพูดขอบคุณเบา ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังห้องครัวเพื่อที่จะไปดูว่ามีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้บ้าง ก่อนจะชะงักเท้าเมื่อยังมีอีกข้อสงสัยหนึ่ง เขาหมุนตัวกลับไปหาสาวใช้คนเดิม
“เอ่อ คุณมาร์คกลับบ้านมาหรือยังครับ”
“ยังไม่เห็นเลยนะคะ” สาวใช้ตอบด้วยท่าทีไม่มั่นใจ
อินทัชพยักหน้ารับแล้วพูดขอบคุณก่อนที่จะพาตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องครัวตามความตั้งใจเดิม โดยที่ในใจก็นึกสงสัยไปด้วย
ไปไหนนะ จะปลอดภัยดีใช่หรือเปล่า
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” อินทัชถามหญิงวัยกลางคนที่ยังคงความสวยสง่ากว่าวัยเอาไว้ มองคนที่อยู่กำลังยุ่ง ๆ อยู่หน้าเตาและมีสาวใช้อีกสองคนคอยเป็นลูกมือ
“เจ้าอิน หิวหรือยัง มัมทำบะกุ๊ดเต๋ให้แด๊ดอยู่ กินเป็นไหม มัมทำเผื่อเราด้วยนะ” มาดามนิลาหันมามองผู้เข้ามาใหม่ก่อนจะหันกับไปใส่ใจอาหารในหม้อเหมือนเดิมแล้วถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ทานเป็นครับ หอมจัง” อินทัชเดินเข้ามาใกล้จนกลิ่นหอมเครื่องยาจีนหลายชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมของบะกุ๊ดเต๋ลอยเตะจมูก
“ใกล้เสร็จแล้ว เราไปรอที่โต๊ะอาหารก็ได้ เดี๋ยวมัมให้เด็กยกไปให้”
“คุณป้าจะขึ้นไปดูคุณคอนเนอร์หรือครับ ผมรอทานพร้อมคุณป้าดีกว่า” ให้เขากินข้าวในขณะที่เจ้าของบ้านยังคงมีเรื่องให้จัดการ มาดามนิลาต้องดูแลป้อนอาหารให้สามี เขาทำไม่ลงหรอก
“งั้นอินเอาบะกุ๊ดเต๋นี่ไปให้แด๊ดที เดี๋ยวมัมจะทำอาหารเพิ่มอีกสักอย่างสองอย่าง จะได้ทันกันพอดี” หากเป็นคนอื่น เธอจะไม่มีทางยินยอมให้เข้าใกล้สามีเธอในเวลานี้ แต่สำหรับเด็กคนนี้ เธอมั่นใจว่าเธอไว้ใจคนไม่ผิด
ที่จริงเธอไม่ได้เชื่อมั่นในตัวอินทัชจนไม่ระวังอะไร แต่เชื่อใจและมั่นใจว่าลูกชายของเธอรักคนไม่ผิดมากกว่า
“เอ่อ คือ คือ” อินทัชเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ ยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ แต่คำพูดอึกอักอยู่ในลำคอ ไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาอ้างและไม่คิดว่าตัวเองจะขวัญกล้าถึงขนาดไปดูแลยกอาหารให้นายใหญ่แห่งโอ คอนเนอร์ถึงห้องได้
“เอ้านี่ เสร็จพอดี” มาดามนิลาทำเป็นไม่เห็นสีหน้าท่าทางที่อยากจะร้องไห้เต็มแก่ของอินทัช ตักบะกุ๊ดเต๋ที่ส่งกลิ่นหอมใส่ถ้วยแก้วสีใสใบหรู วางลงบนจานลองพร้อมช้อนก่อนจะนำไปใส่ในถาดที่มีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่จากการเตรียมของสาวใช้ แล้วเลื่อนไปตรงหน้าอินทัช
“ไว้ใจผมมากเกินไปแล้ว” อินทัชที่รู้ตัวว่าปฏิเสธไม่ได้แล้วมองถ้วยบะกุ๊ดเต๋ตรงหน้า ถอนหายใจแผ่วเบาแล้วพูดออกมา
“มัมเชื่อมั่นในลูกชายตัวเอง เขาไม่มีทางรักคนที่จะทำร้ายครอบครัวของเขาหรอก” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของมาดามนิลาทำให้อินทัชรู้สึกจุกแน่นในอกอีกครั้ง เขาควรจะรู้สึกดีที่ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความไว้ใจนี้ แต่เขากลับมีอีกหนึ่งความรู้สึกที่มันแฝงตัวอยู่ในอกลึก ๆ
ขอโทษ
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้อยากจะขอโทษนัก และเขามั่นใจว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรให้ต้องขอโทษ ต้องรู้สึกผิดต่อครอบครัวนี้เลยสักนิด แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่ว่าจะเป็นคิงหรือมาดามนิลาแสดงออกถึงความรัก ความอบอุ่นที่มีต่อเขา เขาถึงได้มีความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาทุกครั้งด้วยก็ไม่รู้
“ไปเถอะ ใกล้จะได้เวลาทานยาของแด๊ดเขาแล้ว” มาดามนิลารู้ได้จากปฏิกิริยาของอินทัชที่แสดงออกมาว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึก กำลังคิดอะไรอยู่ แต่นี่มันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะพูดอะไรได้มากนักจึงได้แต่พูดให้อีกฝ่ายไปสนใจในเรื่องอื่นแทน แทนที่จะจมอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น
“ครับ” อินทัชสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อเรียกสติและความกล้าให้กับตัวเองก่อนที่จะเดินยกถาดอาหารไปยังห้องที่มีคนป่วยนอนอยู่
“คุณป้าให้ผมยกอาหารมาให้คุณคอนเนอร์ครับ” อินทัชบอกกับการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าห้องอยู่
ขนาดอยู่ในบ้านของตัวเองแท้ ๆ ยังต้องมีคนคอยเฝ้าระวังความปลอดภัยให้อีก ช่างเป็นชีวิตที่น่าลำบากจริง ๆ
อินทัชคิดในใจ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในห้องเมื่อการ์ดหน้าเข้มเปิดประตูให้
“เอ่อ สวัสดีครับคุณคอนเนอร์ คุณป้าให้ผมยกอาหารขึ้นมาให้ครับ” เดินเข้ามาจนถึงเตียงที่มีร่างสูงแกร่ง องอาจน่าครั่นคร้ามนั่งอยู่ สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานที่เขาเห็น อินทัชก็พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความกลัวหลุดรอดออกมา
ไม่ให้กลัวได้ยังไง นอกจากรังสีความน่ากลัวที่แผ่กระจายออกมาจากตัวแล้ว ดวงตาคู่คมที่เปล่งประกายออำนาจก็ยังมองมาที่เขาไม่วางตาอีก
มองแบบที่เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผู้มองกำลังคิดอะไรอยู่
มิคาเอลมองคนที่ถือถาดอาหารเข้ามาก่อนจะพยักหน้าและชี้ไปทางโต๊ะล้อเลื่อนที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เป็นเชิงว่าให้อีกฝ่ายวางถาดอาหารเอาไว้ที่นั่นแล้วเลื่อนมาให้เขา
อินทัชเองก็รับรู้ถึงความต้องการนี้และจัดการทำตามอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ ทานไม่สะดวกหรือครับ เดี๋ยวผมลงไปเชิญคุณป้าให้นะครับ” อินทัชถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะอาหารวางอยู่ตรงหน้าแล้วแต่นายใหญ่แห่งโอ คอนเนอร์ยังคงไม่มีท่าทีที่จะยกช้อนมาตักกิน เขาจึงได้ถามและเสนอตัวที่จะไปเชิญผู้เป็นภรรยาของคนเจ็บให้ขึ้นมา
“นั่งลงก่อนสิ” น้ำเสียงทรงอำนาจไม่ตอบคำถามแต่สั่งให้คนอายุน้อยกว่านั่งลงแทน
อินทัชชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินไปทำอย่างที่พูด เผลอมองคนมากอำนาจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตามคำสั่งอย่างยำเกรง
“ได้เจอกันสักทีนะ”
“ครับ” อินทัชตอบรับสั้น ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองสมควรจะพูดอะไรบ้าง ได้แต่รอให้ผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านหลังนี้เปิดเผยความต้องการออกมา
“นิลาคงบอกนายแล้วว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย”
“ครับ คุณป้าบอกผมแล้วว่าคุณคอนเนอร์มีเรื่องจะคุยกับผม” อินทัชตอบไปตามตรง ก่อนจะเกร็งตัวขึ้นเมื่อถูกดวงตาคู่คมมองมาด้วยสายตาดุ ๆ
เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
อินทัชถามตัวเองด้วยความระแวง เหงื่อชื้นที่แผ่นหลัง
“เรียกนิลาว่าคุณป้า แต่เรียกฉันว่าคุณคอนเนอร์งั้นเหรอ” น้ำเสียงเข้มที่เปล่งออกมาทำให้อินทัชยิ่งชะงักไปมากกว่าเดิม
เรื่องนี้ ปัญหาอยู่ที่สรรพนามเรียกงั้นเหรอ แล้วเขาควรจะเรียกยังไงดี
“เอ่อ มิสเตอร์โอ คอนเนอร์” ทดลองเรียกตามแบบที่ได้รับการยอมรับเบา ๆ ด้วยความไม่แน่ใจ
“ปกตินิลาพูดแทนตัวเอง แทนตัวฉันกับนายว่ายังไง” น้ำเสียงทรงอำนาจถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง อินทัชกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะตอบออกไป
“มัมกับแด๊ดครับ”
“แล้วทำไมไม่เรียกตามนั้น ยังไงก็จะมาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้อยู่แล้ว ฝึกเรียกให้คุ้นชินซะ”
สิ้นคำพูดของผู้เป็นใหญ่ในบ้านหลังนี้ อินทัชก็ได้แต่อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง
นี่ นี่!
แม้กระทั่งในใจอินทัชก็ยังคงไม่สามารถเรียบเรียกประโยคหรือถ้อยคำใด ๆ ได้
เขาไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะพบกับเหตุการณ์นี้เลยสักนิด
ไม่ใช่ต้องห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้คิงหรอกเหรอ ไม่ใช่ต้องข่มขู่เขาในฐานนะลูกหลานของศัตรูเหรอ
นี่ทำเขาพูดไม่ออกอย่างแท้จริง
“ดีที่ห้องนี้สะอาด” น้ำเสียงเรียบเรื่อยที่ดังออกมาพร้อมกับที่คนพูดใช้ช้อนตักน้ำซุปส่งเข้าปากทำให้อินทัชได้สติขึ้นมา
“ครับ” อินทัชถามด้วยความงุนงงปนหวาดระแวงมากกว่าเดิม กลัวว่าจะได้รับคำพูดอะไรที่ทำให้เขาไปไม่เป็นมากกว่าเดิม
“อ้าปากค้างจนน่ากลัวว่าแมลงวันจะบินเข้าปาก” รอยยกยิ้มที่มุมปากพร้อมคำพูดที่ชัดเจนว่ากำลังแกล้งหยอกล้อเขานั้นทำให้ความตื่นเต้น ความกังวลที่อินทัชมีอยู่หายไปไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดจากแผ่นหลังที่เคยเหยียดตรงจนตัวเกร็งนั้นผ่อนคลายเอนพังพนักเก้าอี้ไปเรียบร้อยแล้ว
คิดไม่ถึงว่านายใหญ่ของโอ คอนเนอร์จะมีมุมที่ช่างแกล้งแบบนี้
“คิดหรือยังว่าจะเอายังไงต่อไป”
“ครับ คือยังไงนะครับ” น้ำเสียงหยอกเย้าที่เปลี่ยนเป็นจริงจัง รอยยกยิ้มมุมปากที่หายไปทำให้อินทัชปรับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน เขาถามอย่างสงสัย
“เรื่องของนายกับลูกชายของฉัน คิดหรือยังว่าจะเอายังไงต่อไป”
“ผม..ไม่ทราบ” อินทัชกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา
เขายังไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเอายังไงต่อไป
“ฉันไม่ได้ถามว่านายรู้หรือไม่รู้ แต่ถามว่านายคิดหรือยัง ยังไม่รู้น่ะไม่เป็นไร แต่ยังไม่คิดไม่ได้ ลูกชายของฉันแสดงออกชัดเจนแล้ว” คนเป็นพ่อแต่ไม่เคยได้ยินลูกชายเรียกตัวเองว่าพ่อเลยสักครั้งพูดอย่างจริงจัง
ถ้าถามว่าเขายินดีหรือเปล่าที่จะได้คนตรงหน้านี้มาเป็นลูกสะใภ้ หากตอบในฐานะผู้นำของโอ คอนเนอร์ เขาปรารถนาอยากจะได้ลูกสะใภ้ที่ให้กำเนิดทายาทแก่โอ คอนเนอร์ได้
แต่หากตอบในฐานะของคนเป็นพ่อ แค่ในฐานะพ่อของนายเมธัส โอ คอนเนอร์ เขาปรารถนาจะให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาอยู่กับคนที่เขารักและรักเขาไปชั่วชีวิต
มิคาเอลรู้ดีว่าจุดที่เขายืนอยู่นั้นมันเสี่ยงอันตรายและกดดันขนาดไหน ภาระที่ต้องแบกรับไว้บนบ่ามันหนักหนาสาหัสมากเพียงไร คนกี่พันกี่หมื่นชีวิตที่ต้องปกครองดูแล หากมีใครสักคนที่คอยเคียงข้าง เป็นเหตุผลที่อยากจะทำให้เราอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องต่อไป ก็นับเป็นเรื่องที่ดีหากเราจะมีเขาอยู่ข้าง ๆ ไปจนสิ้นลมหายใจ
และเขาโชคดีที่มีนิลาอยู่เคียงข้าง ดังนั้นเขาจึงยินดีที่ลูกของเขาจะมีเด็กคนนี้มาเคียงข้าง แม้ใคร ๆ จะบอกว่ามันคือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ก็ตาม
“เก็บไปคิดดู ถามตัวเองดูดี ๆ ว่ารู้สึกยังไงกับลูกชายของฉัน หากยังไม่ได้รักแล้วมีโอกาสจะรักไหม” เห็นว่าอินทัชยังคงนิ่งเงียบ มิคาเอลจึงได้พูดต่อแต่น้ำเสียงไม่ได้เข้มงวดแล้ว ติดจะแนะนำเสียมากกว่า
ตอนนี้เขาคือมิคาเอลผู้เป็นพ่อของมารค์ เมธัสก็เท่านั้น ถอดหัวโขน วางภาระที่ต้องแบกรับบนบ่าเอาไว้
“ถ้าที่สุดแล้วผมไม่ได้รัก” อินทัชช้อนตาถามเสียงเบาในลำคอ
หากที่สุดแล้วเขาไม่สามารถรักคิงได้ มันจะเป็นอย่างไร
“รู้ไหมว่ามาร์คน่ะ ใคร ๆ ก็บอกว่าเขาเพอร์เฟค ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ ฉันเชื่อว่าลูกชายของฉันสามารถทำให้นายรักเขาได้ไม่ยาก”
“เขาสมบูรณ์แบบ แต่ผมมีข้อบกพร่องหลายอย่างนะครับ” คำตอบของอินทัชไม่ได้ต้องการจะแฝงความนัยใด ๆ ทั้งสิ้น เขาเพียงแค่พูตามตรงว่าเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีข้อบกพร่องหลายอย่าง
อย่างน้อยก็ตอนนี้ เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนกล้าคนแกร่งคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็แค่คนขี้ขลาดอ่อนแอก็เท่านั้น
“สำหรับฉัน ข้อบกพร่องคือส่วนที่ทำให้เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ เชื่อฉันเถอะว่าไม่มีมนุษย์คนไหนไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลย”
อินทัชทบทวนคำพูดของนายใหญ่แห่งโอ คอนเนอร์ในใจและนึกย้อนไปถึงคำพูดของมาดามนิลาที่พูดกับเขาเมื่อวานนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมคิงถึงได้กล้าที่จะรักเขาอย่างเปิดเผยแบบนั้น
เพราะมีคนที่พร้อมจะเข้าใจอยู่ข้าง ๆ เสมอแบบนี้
น่าอิจฉา หากพ่อกับแม่เขายังอยู่ก็คงจะดี
“ผมเป็นลูกหลานของตระกูลพิทักษ์ดำรงกุล คุณตา ผู้นำของพิทักษ์ดำรงกูลในตอนนี้พยายามที่จะใช้ผมเป็นเครื่องมือทำลายโอ คอนเนอร์ ผมไม่เชื่อว่าคุณจะไม่ทราบในเรื่องนี้ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางเรื่องของผมกับคิง” อินทัชถามสิ่งที่ติดค้างและยังสงสัยในใจ ทำไมถึงไม่มีใครคิดจะขัดขวางเรื่องระหว่างคิงและเขาเลยสักนิด ทำไมถึงได้แสดงออกชัดเจนว่าพร้อมที่จะต้อนรับเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
ทำไมกัน
“วันหนึ่งทุก ๆ อย่างก็ต้องตกเป็นของมาร์ค หากเขาคนที่เขาเลือกมาแล้วจะทำทุกอย่างให้มันย่อยยับพังทลาย เขาก็ต้องรับผิดชอบมันเอง”
“คิด คิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือครับ” อินทัชกลืนน้ำลายลงคอ ลิ้นร้อนชื้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองแล้วถามออกไป
คำตอบนั่นมันเหมือนกับบอกให้เขารู้เลยว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เชื่อใจในตัวเขาเท่าไหร่นัก
“หึ ไม่จริง” แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้อินทัชสะดุด ความวูบโหวงในใจหายไปและถูกแทนที่ด้วยความมึนงง
ยังไงกันแน่
“ฉันเชื่อว่าลูกกับเมียฉันมองคนไม่ผิดหรอก นายเองก็อย่าทำให้ฉันเชื่ออะไรผิด ๆ ด้วยเหมือนกัน” มิคาเอลยิ้มที่มุมปากแล้วให้คำตอบที่แท้จริงออกไป ก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
“ลงไปกินข้าวเถอะ แล้วค่อยให้เด็กขึ้นมาเก็บถ้วยพวกนี้”
อินทัชกระพริบตาปริบ ๆ รวบรวมสติแล้วตอบรับอย่างว่าง่าย
เขาอยากจะออกจากห้องมาเพื่อตั้งตัว ตั้งสติจะแย่แล้ว
คนบ้านนี้รับมือยากจริง ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อร๊ายยยยย อิพี่น่ารักขึ้นทุกวัน