ตอนที่ 54 : ตอนที่ 54
“อินทัช” มาร์คส่งเสียงเรียกคนที่มีสีหน้าเจ็บปวดอีกครั้ง และครั้งนี้มันดึงสติของอินทัชกลับมา ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนหายไปจากสมองของเขา
“ผม…ไม่เป็นอะไรแล้ว” อินทัชกะพริบตารัวเร็วอยู่ชั่วครู่ และเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสร้อน ๆ ที่โอบรัดรอบเอวตัวเองอยู่ก็ขยับตัวถอยห่าง ปากพูดบอกเบา ๆ
มาร์คคลายวงแขนปล่อยคนตัวบางกว่าไปอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคู่คมมองสำรวจเมื่อเห็นว่าอินทัชมีสีหน้าที่ดีขึ้นมานิดหน่อยก็ค่อยวางใจปล่อยอีกคนให้เดินถอยห่างไป
“ยังจะลงสระอยู่หรือเปล่า” มาร์คถาม ส่วนหนึ่งเพราะด้วยความเป็นห่วง แต่อีกส่วนก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอินทัชจากเรื่องที่ทำให้เจ้าตัวเกิดอาการอย่างเมื่อสักครู่
เรื่องในอดีต มาร์ครู้ เขาสังเกตในทุก ๆ ครั้งที่อินทัชถูกกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องราวในชาติที่แล้วของพวกเขา เจ้าตัวจะมีการเจ็บปวดปรากฏให้เห็นเสมอ
และเขาไม่ต้องการให้อินทัชกลับไปนึกถึงมันอีก เขาบอกแล้วว่าเขาจะเริ่มต้นใหม่ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
“ลงครับ” อินทัชที่ทุเลาจากอาการปวดหัวลงแล้ว พูดตอบเบา ๆ
“งั้นก็รอก่อน ค่อยออกไปพร้อมกัน” มาร์คพูดสั่งแบบนั้นเพราะเขายังไม่ได้เปลี่ยนไปใส่กางเกงว่ายน้ำเลย
“ครับ” อินทัชไม่ปฏิเสธ เขาตอบรับแล้วพาตัวเองไปนั่งรอที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแห่งนี้ เขาเองก็ยังต้องการเวลาที่จะรวบรวมสติอยู่เหมือนกัน
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของคุณอชิระและคุณแม็กซิมัสอีกแล้ว และเพราะอะไรที่ทำให้เขาเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็น
เพียงแค่ความสงสารชะตาชีวิตรักของทั้งคู่งั้นเหรอ ไม่น่าจะใช่แบบนั้น
ถ้าเป็นแค่เพียงความสงสาร ทำไมเขาจะต้องเจ็บปวดแทบจะขาดใจและรู้สึกผิดในเรื่องที่เขาไม่ได้ทำถึงขนาดนี้
อินทัชตั้งคำถามกับตัวเองในใจ และยังไม่ทันจะได้คำตอบก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้งโดยคนคนเดิม เขาหันไปมองคนที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว
ร่างสูงแกร่งที่มีเพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้นเลยเข่าขึ้นมาหนึ่งคืบปกปิดส่วนล่างอยู่ ท่อนบนเปลือยเปล่าเหมือนกันกับเขาโชว์หน้าท้องที่มีมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งและเห็นรอยปานแดงอย่างเด่นชัดบริเวณอกด้านซ้าย
อินทัชจ้องมองมันอีกครั้ง คราวนี้ภาพในอดีตไม่ได้ฉายชัดขึ้นมาอีก
“ทำไมไม่ใส่เสื้อ” มาร์คถามเมื่อตอนแรกคิดว่าเจ้าตัวยังไม่ทันใส่เสื้อเขาก็เข้ามาเสียก่อน แต่เมื่อเขาเปลี่ยนไปใส่กางเกงว่ายน้ำเสร็จแล้ว อินทัชก็ยังคงไม่ได้ใส่เสื้อว่ายน้ำอยู่ดี ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นว่ามันมีอยู่
“ไม่อยากใส่” อินทัชไหวไหล่เล็กน้อยน้อยขณะที่ตอบทั้งยังลอบมองปฏิกิริยาของมาร์คด้วยอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรกับคำตอบของเขา
ก็ไม่ใช่ว่าจะหลงตัวเองมากไปหรอก แต่ว่าเมื่อคิงรักเขามากขนาดนั้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนที่จะเกิดการหึงและหวง ซึ่งเขาที่คิดจะเปือยท่อนบนไปลงสระแบบนี้ ต้องมีปฏิกิริยาอะไรสักอย่างของคิงตอบกลับมาแน่นอน
ซึ่งเขาอยากจะเห็นมัน การได้เห็นคิงหัวเสียนิดหน่อยเพราะเขามันก็ได้เป็นการแก้แค้นอย่างหนึ่งสำหรับการที่คิงชอบมัดมือชกในเรื่องต่าง ๆ ของเขา
อินทัชคิดอย่างซุกซน และความคิดนี้ทำให้เขาลืมเลือนเรื่องราวที่ตั้งข้อสงสัยไปก่อนหน้าเสียสิ้น
“อืม” แต่คำตอบของมาร์คทำให้อินทัชแปลกใจ เขาเบิกตากว้างขึ้นนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคิงไม่ทักท้วงอะไร ทั้งยังมีทีท่ายินยอมอย่างง่ายดาย
ไม่เห็นเหมือนกับละครที่เขาเคยดูมาสักนิด
อินทัชย่นคิ้วพร้อมกับคิดในใจอย่างสงสัยในปฏิกิริยาตอบรับจากคิง ก่อนเขาจะได้ความกระจ่างในข้อสงสัยเมื่อเขาเดินออกมาถึงบริเวณสระน้ำแล้ว
ดวงตาคู่สวยกวาดตามองไปรอบ ๆ สระน้ำที่ได้ขนาดตามมาตรฐาน สระว่ายน้ำที่ควรจะมีนักศึกษาอยู่ไม่น้อยแม้ว่านี่จะยังอยู่ในช่วงเวลาเรียน แต่จากที่เขาคิดเอาไว้เมื่อคิงมาถึงที่นี่ไม่น่าจะใช้เวลานานนักที่ข่าวจะแพร่ออกไป แล้วทำไมถึงยังไม่มีใครที่นี่อีก ทั้ง ๆ ที่คิดว่าสระว่ายน้ำจะแตกเสียแล้ว หรือว่า
อินทัชหันสายตาไปมองยังคนที่เดินตามมาหยุดยืนข้าง ๆ เขา มองคนที่มีสีหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติแล้วก็เดาได้ถึงสาเหตุที่ไม่มีคนในสระว่ายน้ำนี้เลย เดาได้ว่าทำไมคิงถึงได้ดูเป็นปกติเมื่อเขาเลือกจะสวมใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว
“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” อินทัชเอียงคอถาม
“หึหึ” มาร์คไม่ตอบอะไร เขาส่งเสียงในลำคอเบา ๆ อยู่สองครั้งก่อนจะเริ่มยืดเส้นยืดสายเพื่อเตรียมตัวที่จะลงสระ
อินทัชส่ายศีรษะเบา ๆ เมื่อเห็นอย่างนั้น รู้ดีว่าไม่ได้คำตอบจากปากของคิงแน่นอนก็ไหวไหล่ครั้งหนึ่ง เลิกให้ความสนใจแล้วขยับตัวยืดเส้นยืดสายบ้าง
เมื่ออุ่นร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็พาตัวเองไปยืนอยู่ใต้ฝักบัวที่มีอยู่ข้างสระ ทำให้ตัวเปียกชื้นก่อนที่จะลงไปในสระจริง ๆ
“ตูม!” ท่ามกลางสระว่ายน้ำกว้างที่มีคนอยู่เพียงแค่สองคน เมื่ออินทัชกระโดดลงสระน้ำ เสียงน้ำกระจายก็ดังก้องไปทั่วในทันที
มาร์คที่ยังคงล้างตัวก่อนที่จะลงสระอยู่หันไปมองที่กระโดดลงสระว่ายน้ำไปก่อนเขาด้วยรอยยิ้มบางเบา มองคนที่เพลิดเพลินอยู่ในสระว่ายน้ำด้วยสายตาที่มีความเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ก่อนจะพาตัวเองกระโดดลงสระตามไป
ทั้งอินทัชและมาร์คต่างฝ่ายต่างว่ายไปจนถึงอีกฝากของขอบสระ โดยที่อินทัชว่ายไปถึงก่อนและมาร์คตามมาติด ๆ
“แข่งกันไหม” มาร์คถามเสียงเรียบเรื่อย เขารู้มาว่าอินทัชว่ายน้ำได้เก่งไม่เลวเลย แต่เมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งคู่ต่างว่ายกันแบบสบาย ๆ ไม่ได้คิดทำเวลาอะไร นั่นทำให้มาร์คไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วความสามารถในการว่ายน้ำของอินทัชมีอยู่ขนาดไหนกันแน่
“เดิมพันล่ะ” อินทัชถามด้วยดวงตาแวววาว ริมฝีปากขยับยิ้ม
แข่งกันธรรมดาจะไปสนุกได้ยังไง มันต้องมีอะไรเป็นเดิมพันด้วยสิ
“นายแพ้ เป็นแฟนพี่ แต่ถ้าพี่แพ้ พี่จะเป็นแฟนนาย เป็นไง เดิมพันน่าสนใจใช่ไหม” มาร์คยกยิ้มที่มุมปากกว้างกว่าทุกที
“ลืมมันไปเถอะ” อินทัชส่ายหน้าเล็กน้อยขณะที่พูดแบบนั้นก่อนจะใช้เท้าสัมผัสไปที่ผนังสระด้านหลัง ส่งแรงให้ตัวเองพุ่งไปข้างหน้า ว่ายหนีคนที่ยื่นข้อเสนอชวนปวดหัวมาแบบนั้น
สีหน้าของอินทัชคราวนี้ไม่ได้มีความมึนงงหรือเขินอายอะไร แต่ออกแนวระอาใจเสียมากกว่า
ว่าแต่ว่าอยู่ ๆ อุณหภูมิน้ำในสระก็สูงขึ้นแปลก ๆ แฮะ
อินทัชคิดในใจ
“หึหึ” มาร์คไม่ได้โกรธอะไรที่อินทัชตอบกลับมาแบบนั้น เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนจะว่ายน้ำตามอินทัชไปยังอีกฝั่งของขอบสระว่ายน้ำอีกครั้ง
ไม่ต้องรีบร้อนมากนักก็ได้ เพราะยังไงเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้อินทัชหลุดมืออยู่แล้ว และอย่าหวังว่าจะมีใครมายุ่งกับคนของเขาได้
มาร์คบอกกับตัวเองในใจ
“ผมว่าผมคิดออกแล้วว่าจะเดิมพันอะไรดี” หลังจากที่ว่ายไปมาเล่น ๆ อยู่สองรอบ อินทัชก็พูดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่อยากจะเดิมพันขึ้นมาได้
“อะไร” มาร์คถามเสียงเรียบเรื่อย แต่สีหน้าแววตาแสดงออกให้เห็นว่ากำลังตั้งใจฟังสิ่งที่อินทัชจะพูด
“ถ้าผมชนะ ผมขอกลับไปอยู่ที่บ้านของผม” อินทัชจ้องตาของมาร์คขณะที่พูดเสนอเดิมพันสิ่งที่เขาต้องการ การได้อยู่บ้านของคิงมาจนครบหนึ่งสัปดาห์ทำให้เขาค่อนข้างที่จะเกรงใจและรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวเท่าที่ควร เขาต้องเกรงใจเจ้าของบ้านแม้ว่าตัวเจ้าของบ้านจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องเกรงใจและพยายามทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านตัวเอง
จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ แต่การที่อยู่คนเดียวมาหลายปีตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตนั่นทำให้อินทัชไม่คุ้นชินที่จะร่วมบ้านกับคนหลายคน แม้ว่าลึก ๆ มันจะทำให้เขาหายเหงาก็ตาม
สีหน้าของมาร์คขรึมลงทันทีที่ได้ยินสิ่งที่อินทัชต้องการใช้เป็นเดิมพัน เขานิ่งคิดไปอยู่เกือบนาทีก่อนจะตกลง
“เพื่อความยุติธรรมให้ใครสักคนเข้ามาเป็นกรรมการให้สัญญาณดีกว่านะครับ” อินทัชพูดเสนอเสียงจริงจัง
“อืม” มาร์คตอบรับอย่างตามใจพร้อมกับยกมือส่งสัญญาณเรียกให้คนของตัวเองเข้ามา
เจตวิชน์ที่อยู่ในจุดที่ใกล้ผู้เป็นนายมากกว่าเดินเข้ามา
อินทัชเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าอัศวินของคิงเดินเข้ามาโดยที่ไม่ต้องส่งเสียงตะโกนเรียกเลยสักนิดเดียว นี่แสดงให้เห็นว่าพวกอัศวินยืนอยู่ในจุดที่มองเห็นผู้เป็นนายได้ชัด มีแต่เขาเท่านั้นที่ไม่เห็นอีกฝ่าย และหากพวกนี้เป็นมือสังหารที่ต้องการจะฆ่าเขาให้ตายแล้ว อินทัชคิดว่าตัวเองคงไม่รอด
“นายให้สัญญาณ” มาร์คออกคำสั่งสั้น ๆ ที่แบบหากเป็นคนอื่นคงจะไม่เข้าใจ แต่เจตวิชน์เป็นทั้งเพื่อนทั้งบอดี้การ์ดที่อยู่กับมาร์คมาตั้งแต่เด็กนั้นเข้าใจได้ในทันที เขาขยับตัวถอยไปที่โต๊ะ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ยังไม่ผ่านการใช้งานมาถือไว้ในมือ
“ผมจะสะบัดผ้าส่งสัญญาณ” เจตวิชน์พูดอธิบายให้อินทัชฟัง ซึ่งอินทัชพยักหน้ารับพร้อมกับขยับตัวเตรียมความพร้อม
มาร์คเองก็เตรียมความพร้อมให้กับตัวเองเหมือนกัน เขาไม่คิดจะประมาท ถ้าอินทัชกล้าแข่งกับเขาแบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวต้องมีฝีมือพอที่คิดว่าจะชนะเขาได้แน่ ๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนอยู่ในท่าที่พร้อมจะเริ่มการแข่งขันแล้วเจตวิชน์ก็เริ่มนับถอยหลังก่อนจะสะบัดผ้าเป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ในน้ำทั้งสองคนออกตัวได้
เป็นอินทัชที่ออกตัวได้ไวกว่าแต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เจตวิชน์มองตามคนสองคนที่ไม่มีใครยอมใคร ดวงตาเขาฉายความแปลกใจเมื่อเห็นว่าอินทัชสามารถว่ายน้ำอยู่เคียงข้างคิงได้ ไม่ได้โดนทิ้งห่างนำไปก่อนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ แม้ว่าคิงจะไม่ได้เอาจริงเต็มร้อย แต่ก็ไม่ควรที่อินทัชจะสูสีตีคู่คิงมาได้ขนาดนี้
น่าประหลาดใจมากจริง ๆ
สองร่างที่ขับเคี่ยวกันมาอย่างดุเดือดสูสีจนอัศวินที่ลอบมองอยู่แปลกใจใกล้จะเข้าใกล้จุดหมายเส้นชัยเข้าไปทุกที และในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันอินทัชก็รวบรวมพลังทั้งหมดของตัวเองแล้วใช้มันออกมาก่อนจะพาตัวเองไปแตะขอบสระได้ก่อนคิงเพียงเสี้ยววินาที คว้าชัยชนะไปได้
“ผมชนะแล้ว” อินทัชหันมาพูดกับคนที่แพ้เขา น้ำเสียงมีความหอบเล็กน้อยแต่ริมฝีปากแย้มยิ้มกว้างอย่างสดใส
“อืม” มาร์คส่งเสียงรับในลำคอเท่านั้นก่อนจะพาตัวเองขึ้นจากสระ
อินทัชที่กำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจในชัยชนะและจะได้กลับไปอยู่บ้านของตัวเองเสียทีค่อย ๆ ลดรอยยิ้มลงเมื่อเห็นท่าทางของคิง เห็นแววตาที่เคร่งขรึม เห็นสีหน้าที่เย็นชา
เขารู้ดีว่าคิงต้องการให้เขาอยู่ที่บ้านของคิงเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง เขารู้ดีถึงความรู้สึกของคิงที่มีให้เขา แต่มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเองก็อึดอัดที่จะอยู่บ้านของคิงต่อไป
พวกเขายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แม้ว่าคิงจะสารภาพรักที่ไม่มีคำว่ารักกับเขาไปแล้วก็ตาม
“ทำไมถึงยอมแพ้ล่ะครับ” เจตวิชน์ถามผู้เป็นนาย แม้ว่าอินทัชจะมีฝีมือ แต่ถ้าคิงลงแรงมากกว่านี้อีกหน่อย แสดงความสามารถเพิ่มขึ้นอีกนิด คิงจะชนะได้อย่างแน่นอน
และในเมื่อคิงต้องการให้อินทัชอยู่ที่บ้านของคิง อยู่ในสายตาของคิงตลอดเวลา แล้วทำไมคิงถึงได้ยอมแพ้ง่าย ๆ กัน
เจตวิชน์สงสัยไม่น้อยเลยถึงได้ถามออกไปทั้ง ๆ ที่ปกติจะไม่สงสัยในการตัดสินใจของคิงมากนัก
“ในเมื่อเขาไม่อยากอยู่บ้านฉัน ฉันก็ไปอยู่กับเขาแทน” มาร์คยกยิ้มบางเบาขณะตอบ
มันไม่สำคัญว่าจะอยู่ที่ไหน สำคัญว่าอยู่กับใครต่างหาก
“วันนี้ผมว่าจะเข้าครัวเอง คิงอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม นอกจากน้ำพริกกุ้งเสียบแล้ว” อินทัชถามคนที่ขึ้นจากสระน้ำมาก่อนเขา และตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อย เตรียมตัวที่จะกลับบ้านแล้ว
ถึงแม้ว่าอินทัชจะชนะการแข่งขันและเดิมพันของพวกเขาก็คือการที่เขาจะได้กลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง แต่อินทัชก็รู้ในเรื่องของมารยาทดีว่าเขาไม่สามารถกลับไปที่บ้านของเขาได้เลยในวันนี้ อย่างน้อยเขาก็ควรจะไปที่บ้านของคิง ไปบอก ไปกล่าวลามารดาของคิงก่อนด้วย และอีกทั้งสีหน้าของคิงที่ยังคงราบเรียบและแววตานิ่งเฉยนั้นทำให้เขารู้สึกไม่ดีพอสมควร
อินทัชคิดว่าถ้าเขาไม่รู้ถึงความรู้สึกของคิงที่มีให้เขามันคงจะดีกว่านี้ เพราะเขาจะได้ไปต้องใส่ใจความรู้สึกของคิงมากนัก
เขาลอบคิดอย่างนั้น ก่อนจะมีส่วนลึกของจิตใจที่สวนกลับมาว่า
มันจะดีกว่าจริง ๆ เหรอ
มาร์คที่เดินเคียงข้างอินทัชเพื่อไปขึ้นรถที่มารอรับอยู่หน้าตึกชมรมแล้วยังคงเงียบขรึมไม่พูดตอบอะไร ไม่แม้แต่จะหันสายตามามองคนที่พูดถามด้วยซ้ำ
“คิง” อินทัชเรียกคนที่ยังคงเงียบไม่ตอบคำถามของเขา เมินเฉยสายตาหลายต่อหายคู่ที่ลอบมองมาระหว่างทางเดิน
ตอนนี้พวกอัศวินเลิกขวางไม่ให้คนเข้ามาใช้ตึกชมรมแล้ว ดังนั้นที่บริเวณตึกชมรมจึงได้มีคนอยู่เยอะพอสมควร
พวกคนที่ลอบมองเห็นท่าทางเมินเฉยของคิงที่มีต่ออินทัชและท่าทางของอินทัชที่มีต่อคิงก็หันไปซุบซิบกันว่าทั้งสองคนนี้อาจจะมีปัญหากันอยู่
มีทั้งคนที่สงสัยว่าเรื่องอะไร มีทั้งคนที่ภายในใจนึกยินดีถ้าหากว่าคิงกำลังไม่พอใจอินทัชอยู่จริง ๆ นั่นเพราะว่าพวกเขาไม่พอใจที่อินทัชได้ใกล้ชิดกับคิง และแน่นอนว่าคนจำพวกหลังนี่ไม่ใช่แฟนคลับของอันโนน
“คิก ๆ คิดว่าจะเชิดหน้าได้เพราะคิง ดูนี่สิ ต้องโดนคิงเขี่ยทิ้งแล้วแน่ ๆ”
“พูดอะไรบ้า ๆ คนอย่างอันโนนจะโดนคิงเขี่ยทิ้งได้ไง”
“เขาทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า ทำไมคิงเมินอันโนนอย่างนั้น”
“อันโนนเหมือนกำลังง้อคิงอยู่เลย”
“สะใจชะมัด ขอให้โดนเขี่ยทิ้งจริง ๆ เถอะ”
“อาจจะโดนเขี่ยทิ้งจริง ๆ ก็ได้นะ ได้ฟังสัมภาษณ์ไหมล่ะ คิงบอกหมอนั่นเป็นคนที่รักคิง ไม่ได้พูดว่าเป็นคนที่คิงรักสักหน่อย”
อินทัชว่าจะไม่สนใจต่อสายตาและคำพูดนินทาตามหลังแล้ว แต่พอได้ยินจริง ๆ เขาก็สีหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันทีด้วยความโกรธ
พวกไม่รู้จริง
ไม่สิ อาจจะรู้จริงอยู่อย่างหนึ่งก็คือตอนนี้คิงกำลังโกรธเขาอยู่จริง ๆ
มาร์คเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ยินสิ่งที่คนพวกนั้นพูดตามหลังเขามา แม้ว่าจะพูดพึมพำแต่เขาก็ยังได้ยินและจับใจความได้อยู่ดี ดวงตาคู่คมไม่ได้มองไปทางคนพวกนั้นสักนิดแต่ปรายตามองอัศวินของตัวเองที่เดินเยื้องอยู่ทางด้านหลังแทน และเป็นอันรู้กันว่าคนพวกนี้จะได้รับการสั่งสอนจากอัศวินหลังจากนี้แน่นอน
“โดยเขี่ยทิ้งก็ดีแล้ว เป็นอันโนนแล้วไง ยังไงคิงก็ต้องคู่กับควีนอยู่ดี เป็นแค่ใครที่ไหนก็ไม่รู้กล้าชูคอมาแข่งกับควีน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หมาขี้เรื้อน”
และประโยคที่ดังลอยลมตามหลังมานี้ทำให้คนที่ส่งสายตาให้ลูกน้องไปจัดการทีหลังหยุดชะงักเท้าลง ร่างสูงแกร่งค่อย ๆ หันหลังไปกวาดสายตามองหาคนที่พูดประโยคนั้น
ดวงตาคู่คมมืดมิดราวกับหุบเหวที่สูงชันจนมองไม่เห็นแสงสว่าง เหมือนกับหลุมดำที่ดูดกลืนสิ่งมีชีวิตและแผ่ความน่ากลัวออกมาจนคนที่มองตัวสั่นสะท้าน รู้สึกหนาวเย็น
พวกกลุ่มคนที่พูดซุบซิบกันอยู่นั้นหุบปากฉับเหมือนมีคนกดปิดสวิตซ์ สีหน้าซีดเซียวเมื่อโดนมองด้วยสายตาแห่งความเย็นชา ในใจนั้นล้วนแล้วแต่ภาวนาให้สาเหตุที่คิงหันมามองไม่ใช่ตัวเอง
โดนมองด้วยสายตาอย่างนี้ใครจะอยากเป็นคนที่โดนมองคนนั้น
และหลาย ๆ คนมั่นใจมากว่าตัวเองไม่ใช่คนโชคร้ายที่กำลังจะหมดอนาคตคนนั้น ส่วนคนที่กำลังจะหมดอนาคตนั้นสีหน้าซีดเซียว ขาสั่นจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ในใจร่ำร้องด้วยความหวาดกลัวและไม่เข้าใจว่าทำไมคิงถึงได้หยุดเดินและหันมามองหลังจากที่ตัวเองพูดจบในเมื่อก่อนหน้าที่เขาจะพูดก็มีคนอื่นพูดเหมือนกัน และเขาว่าเขาก็พูดเสียงเบาแล้ว
คนที่อยู่ข้าง ๆ ผู้ชายที่ทำให้คิงหยุดเดินและหันมามองได้ค่อย ๆ เคลื่อนตัวก้าวเท้าถอยห่าง ไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย
อินทัชที่เดินตามหลังเยื้อง ๆ กับคิงเห็นคิงหยุดเดิน เขาก็หยุดชะงักด้วย และแน่นอนว่าเขาก็ได้ยินในสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูด
ตึก ๆ
เสียงก้าวย่างของมาร์คที่เดินเข้าหาผู้ชายคนนั้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่แม้กระทั่งเสียงลมหายใจยังแทบจะไม่ได้ยิน
แน่นอนว่ามีหลาย ๆ คนเกือบที่จะลืมหายใจไปแล้วด้วยซ้ำ
“นายเป็นตัวอะไร” กล้าที่จะว่าคนของเขาเป็นหมาขี้เรื้อน แล้วตัวเองเป็นตัวอะไร
น้ำเสียงเยียบเย็นของมาร์คพร้อมกับแววตาที่เผยร่องรอยความอำมหิตทำให้คนที่โดนถามขาสั่นยิ่งกว่าเดิมจนในที่สุดก็ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะไม่มีแรงทรงตัว ในใจเต้นกระหน่ำไปด้วยความหวาดกลัว
“ผะ ผม ผม” เสียงสั่น น้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว
“อ้อ หมาที่กำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน” พูดโดยที่ไม่แม้แต่จะก้มหน้ามองคนที่ทรุดตัวนั่งอยู่แทบเท้าของตัวเอง
เฮือก!
เสียงสูดลมหายใจด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นจากรอบข้างทันที ทุกคนรู้ได้เลยว่าหลังจากที่คิงพูดอย่างนี้แล้ว ผู้ชายคนนี้จะต้องไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ต่อไปแน่นอน
อินทัชก้มหน้ามองคนที่อยู่แทบเท้าคิง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้เกลียดเขานัก เขามั่นใจว่าไม่ได้ไปทำอะไรให้แน่นอน หรือจะว่าเขาเป็นศัตรูหัวใจก็ไม่น่าใช่ เพราะดูยังไงผู้ชายคนนี้ก็ไม่น่าจะมีรสนิยมเพศเดียวกัน หรือพูดชัดเจนก็คือผู้ชายคนนี้ไม่มีทางเป็นคนที่แอบรักคิงอย่างแน่นอน
หรือจะเป็นสาวกของควีน
อินทัชครุ่นคิดในใจ เมื่อควีนก็เป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมคนหนึ่งทั้งรูปร่างหน้าตาและชาติตระกูล ผู้ชายในมหาวิทยาลัยนี้ส่วนมากก็ชอบเธอ
ถ้าคนคนนี้ชอบควีนจริงก็อาจจะเป็นไปได้ที่ไม่พอใจเขาแทนควีน แทนคนที่ตัวเองชอบ
อินทัชเงยหน้าขึ้นหลังจากคิดได้อย่างนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้คิง ยื่นมือขาวนวลของตัวเองไปแตะลงที่แขนของคิงท่ามกลางสายตาที่มองตามาของคนอื่น ๆ
มีหลายคนที่ตกใจกับความกล้าของอินทัช ใคร ๆ ก็รู้ว่าคิงไม่ชอบให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัว อย่าว่าแต่แตะตัวเลย แค่เข้าใกล้ยังเป็นไปได้ยาก
เห็นอินทัชจับที่แขนคิงว่าตกใจแล้ว สิ่งที่คนที่เพิ่งเผยตัวตนออกมาพูดขึ้นยิ่งทำให้ตกใจมากกว่า
“พี่มาร์ค น้องอยากกลับบ้านแล้ว” ได้ทั้งทำให้คิงใจอ่อน ได้ทั้งตบหน้าผู้ชายคนนี้ที่ว่าเขาเป็นหมาขี้เรื้อน
คิงต้องคู่กับควีนงั้นเหรอ ไปให้ควีนเรียกชื่อของคิงอย่างที่เขาเรียกให้ได้ก่อนเถอะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องไม่เป็นน้องอีกต่อไป!!!!! ร้ายกาจจจจจจจจ!!!!!!!!!!!!
น้องเสียอย่างเดียวพอ... เสียตัว 555555
อะฮ้า เดินพันเข้าตัวล้วนๆๆๆๆ คะ เฮียมาร์ค