ตอนที่ 52 : ตอนที่ 52
“เฮ้อ” อินทัชลอบถอนหายใจเสียงแผ่วเบา ดวงตามองออกไปนอกรถเห็นนักศึกษาเดินผ่านไปมาอยู่จำนวนไม่น้อย นี่เป็นวันแรกที่เปิดเรียนหลังจากมหาวิทยาลัยปิดไปหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้นักศึกษาพักผ่อนหลังจากมีกิจกรรมใหญ่ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะเผชิญหน้ากับคนในมหาวิทยาลัยนี้หลังจากเปิดตัวไปบนเวทีประกวดร้องเพลง
ไม่ต้องเดาเลยว่าหากเขาก้าวลงจากรถของคิง เขาจะต้องตกเป็นเป้าสายตาขนาดไหน และเตรียมพร้อมที่จะรอรับความประสาทในทุก ๆ รูปแบบเอาไว้ด้วย
แต่ใช่ว่าเขาจะกลัวหรอกนะ อย่าลืมว่าเขามีใครอยู่เบื้องหลัง
หึหึ
คิดมาถึงตรงนี้อินทัชก็ส่งเสียงหัวเราะร้ายกาจในลำคอเรียกสายตาของคนที่ขับรถอยู่ให้ชำเลืองมอง
มาร์คเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะที่สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจเล็ก ๆ นั่น เขากดยิ้มที่มุมปาก
ให้หัวเราะแบบนี้ดีกว่าลอบถอนหายใจเหมือนก่อนหน้า
เขาได้ยินอยู่หรอก
“ส่งผมลงตรงนี้ก็ได้ครับ” อินพูดเมื่อรถแล่นมาถึงหน้าคณะของเขาแล้ว
“กลางวันที่แคนทีนวีไอพี” มาร์คเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถแล้วพูดนัดหมายถึงมื้อกลางวัน สายตาเหลือบมองไปยังเบาะหลังที่มีอาหารกล่องจากฝีมือของมาดามเตรียมมาให้
ส่วนเมนูที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกันจะกลายเป็นมื้อเย็นแทน
มาร์คไม่ต้องการให้คนตัวเล็กกว่าตื่นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารให้เขาแล้วยังต้องเตรียมตัวมาเรียนอีก
เรื่องแบบนั้นเอาไว้หลังแต่งงานจะดีกว่า
คิดถึงตรงนี้ก็กดยิ้มที่มุมปาก ดวงตาทอประกายมีความสุข
อินทัชพยักหน้าตอบตกลง เขาไม่คิดที่จะปฏิเสธเพราะคิดทบทวนมาดีแล้วว่าหากในมหาวิทยาลัยนี้เขาไม่ทำตัวติดคิงเข้าไว้ ความยุ่งยากมากเรื่องจะเข้ามาหาเขาไม่หยุดไม่หย่อนเป็นแน่
หากตัวติดคิง จะมีใครกล้าหาเรื่องเขาใช่ไหม
ออมแรงไว้รับมือเวลาอยู่ในคลาสเรียนที่ปราศจากคิงจะดีที่สุด
อินทัชเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มี
และสิ่งที่เขามีอยู่ในตอนนี้ก็คือความรักของคิง
อย่า อย่าเพิ่งมองเขาในแง่ร้าย อย่าเพิ่งมองว่าเขาหลอกใช้ความรักของคิงมาเป็นเครื่องมือ เขาก็แค่รับสิ่งดี ๆ ที่คิงมีให้อย่างไม่คิดจะปฏิเสธแล้วก็เท่านั้น
คนฉลาด ๆ ที่ไหนเขาก็ทำกัน
เป็นอย่างที่อินทัชคิดไว้ตั้งแต่แรก ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงจากรถของคิง สายตาทุกคู่ของคนที่อยู่บริเวณนั้นก็จดจ้องมาที่เขา ก่อนจะหันไปซุบซิบกับคนที่อยู่ด้านข้าง
ไม่ต้องเดา ไม่ต้องตะแคงหูฟังก็รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไรกัน
อินทัชยักไหล่เบา ๆ อย่างไม่คิดที่จะสนใจ ก้าวเท้าพาตัวเองเดินเข้าตึกเรียน เมื่อเข้ามาถึงด้านในก็กดลิฟต์รอที่จะขึ้นไปยังคลาสเรียน
“เอ่อ อันโนนจะไปชั้นไหน เดี๋ยวพี่กดให้ค่ะ” ก้าวเท้าเข้าลิฟต์ไปยังไม่ทันจะได้ขยับไปถึงด้านใน เสียงหวานก็ดังขึ้นมาก่อน
“ชั้นหก ขอบคุณครับ” อินทัชตอบก่อนจะพูดขอบคุณเสียงเรียบเมื่อนักศึกษาสาวกดชั้นที่ตัวเองต้องการจะไปให้เรียบร้อยแล้ว เขาขยับตัวเข้าไปจนชิดผนังด้านใน ทำเมินสายตาที่มองมาของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกัน โดยเฉพาะสายตาของคนที่เอ่ยถามและกดลิฟต์ให้เขา
“เอ่อ ขอลายเซ็นได้ไหมคะ” เสียงหวานเสียงเดิมถามขึ้นเมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวมาถึงชั้นสามแล้ว และมีนักศึกษาเดินเข้ามาเรื่อย ๆ จนนักศึกษาสาวขยับตัวมาจนแผ่นหลังแนบชิดกับอกของเขาแล้ว
อินทัชที่มีส่วนสูงมากกว่าก้มหน้าต่ำลงมองคนที่เอี้ยวตัวมาพูดกับเขาอย่างนั้น ในสมองพยายามนึกว่าผู้หญิงคนนี้เคยพูดถึงเขาในทางไม่ดี หรือเคยใช้สายตาไหนมองเขาแบบเหยียดหยามบ้างหรือเปล่า แต่ก็พบว่าไม่มี
หมายถึงในความทรงจำของเขาเนี่ย ไม่มีผู้หญิงคนนี้อยู่เลย เพราะอย่างนั้นถือว่ายกผลประโยชน์ให้แล้วกัน
“ได้ครับ” อินทัชพยักหน้าตอบตกลง ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างหลากหลายของนักศึกษาคนอื่น ๆ แปลกใจบ้าง อิจฉาบ้าง กระดากอายบ้าง
แต่กว่าเขาจะตอบตกลงได้ลิฟต์ก็เคลื่อนตัวมาจนถึงชั้นที่หก อันเป็นจุดหมายของเขาเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวไปเซ็นข้างนอกก็ได้ค่ะ” พูดพร้อมกับเดินนำหน้าออกไปจากลิฟต์
“จะให้เซ็นตรงไหนครับ” อินทัชเลิกคิ้วถามเมื่ออกมาจากลิฟต์จนมาหยุดยืนอยู่หน้าคลาสเรียนของเขาที่อยู่ติดกับลิฟต์พอดีเรียบร้อยแล้ว
“อันนี้ค่ะ” หยิบสมุดบันทึกตารางงานลายน่ารักของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับปากกาสีสวยแล้วส่งไปให้คนที่เธอชื่นชอบผลงาน
“นี่ครับ” อินทัชที่รับสมุดมาเซ็นเรียบร้อยแล้วส่งยื่นกลับคืนไป และเมื่อเจ้าของสมุดรับคืนไปแล้วอินทัชก็หันหลังเตรียมตัวจะเข้าคลาสเรียนแต่ต้องชะงักเท้าไว้ก่อนเมื่อมีเสียงเรียกรั้งไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“หืม” อินทัชส่งเสียงด้วยความสงสัยในลำคอ เลิกคิ้วมองคนที่ยืนทำหน้ากระดากอาย รู้สึกผิด เขินอาย ปนกันไปมา
“คือ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ครับ? เรื่องอะไร” อินทัชถามด้วยความสงสัย อยู่ ๆ มาขอโทษเขาเรื่องอะไรกัน
“คือก่อนหน้านี้….”
“รุ่นพี่ร่วมด้วยเหรอครับ” อินทัชถามเมื่อรู้แล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เธอพูดขอโทษ แววตาทอประกายวาวโรจน์ขึ้นมา หากเธอมีส่วนร่วมด้วยจริงก็น่าเสียดาย
“เปล่า ๆ พี่ไม่ได้ร่วมด้วย แต่ก็ไม่เคยแก้ต่างให้เวลาได้ยินคนอื่น ๆ พูดถึงเรื่องพวกนั้น” สั่นศีรษะพูดเสียงจริงจังในตอนแรกก่อนจะแผ่วลงในช่วงท้าย
“งั้นก็ไม่ต้องขอโทษ ขอตัวก่อนนะครับ” อินทัชพูดอย่างนั้นก่อนจะขอตัวเดินออกมาทันที ทิ้งไว้เพียงสายตาที่มองตามหลังไป สายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม ชื่นชอบ
อินทัชที่แยกจากรุ่นพี่สาวแล้วก็เดินเข้าห้องเรียนมา และเมื่อเขาก้าวเท้าเข้าห้องเรียน เสียงพูดคุยกันอยู่ของคนในห้องก็เงียบหายไปทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้เปิดประตูเข้ามา ดวงตาทุกคู่พุ่งตรงมาที่อินทัช ก่อนจะเสหลบไปอย่างพร้อมเพียงกัน
ตึก ตึก
ทั้งห้องหลงเหลือเพียงเสียงฝีเท้าของอินทัชที่ก้าวเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง เสียงเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ
และบรรยากาศในห้องก็ดำเนินไปอย่างนั้นจนกระทั่งอาจารย์ที่ปรึกษาควบด้วยอาจารย์ประจำวิชานี้เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมเสียงทักทาย บรรยากาศเงียบงันชวนให้อึดอัดก็หายไป
“สวัสดีนักศึกษาทุกท่าน หวังว่าวันนี้ทุกคนจะมีพลังงานเต็มเปี่ยมพร้อมที่จะรับความรู้กลับไปหลังจากที่ได้หยุดพักผ่อนมานานหนึงสัปดาห์ และผมมีข่าวที่จะต้องแจ้งให้พวกคุณได้รับรู้” เสียงทุ้มของอาจารย์หนุ่มดังไปทั่วห้อง ดวงตาของอนาวินกวาดมองนักศึกษาที่อยู่ในความดูแลของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่ที่คนหลังสุด
คนที่สร้างความฮือฮาและตกใจจนแทบช็อกให้กับคนอื่น ๆ
อินทัช มองสบตาอินทัชอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประกาศเรื่องราวต่อ เรื่องราวที่อาจจะนับได้ว่าสาเหตุหนึ่งนั้นก็มีอินทัชอยู่ด้วย
“วันนี้พวกคุณจะต้องหาหัวหน้าชั้นเรียนคนใหม่ คนที่จะมาประสานงานและดูแลรับผิดชอบเรื่องส่วนรวมต่าง ๆ ของพวกคุณที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและกิจกรรม”
“ทำไมต้องหาคนใหม่ครับ ไม่ใช่ว่าภีมทำหน้าที่นั้นอยู่แล้วเหรอครับ” นักศึกษาชายคนหนึ่งยกมือขึ้นถามด้วยความสงสัยในทันที ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไป
วันนี้ชั้นเรียนของพวกเขาขาดนักศึกษาไปสองคน
ภีมะและกษิดิษฐ์ สองเพื่อนซี้
สองเพื่อนรักที่มีเรื่องกับอินทัช
คิดมาถึงตรงนี้ก็พร้อมใจกันหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่หลังห้องอย่างไม่ได้นัดหมาย
คงไม่ใช่ว่า
“ที่ต้องหาคนใหม่ เพราะคนที่ทำหน้าที่นั้นลาออกไปแล้ว นับจากวันนี้ไปชั้นเรียนของพวกคุณจะเหลือนักศึกษาเพียงแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น” อนาวินตอบคำถามโดยไม่บอกว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้สองคนนั้นลาออกไป
เฮือก
สิ้นคำตอบของอนาวิน นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ในทันที เพราะต่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาไม่บอกสาเหตุ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะคาดเดาไม่ได้
ลำพังแค่การแพ้พนันน่ะไม่เท่าไหร่ อับอายขายหน้าแล้วยังไง การที่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ย่อมต้องทำให้อยากอยู่ต่อแม้จะขายหน้าไปมากเท่าไหร่ก็ตาม
แต่นี่ถึงขนาดลาออก ไม่ใช่ว่าเพราะไม่อยากอยู่ต่อ แต่เป็นเพราะอยู่ต่อไม่ได้อย่างแน่นอน!
การแสดงออกของคิงในวันนั้น ข่าวที่คิงให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ล้วนเป็นคำตอบให้พวกเขาได้ดี
“ให้เวลาห้านาทีปรึกษากันและเสนอชื่อหรือเลือกมาเลยว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้า หนึ่งภาคเรียนที่ผ่านมาคงจะบอกพวกคุณได้แล้วว่าใครที่เหมาะสม”
นักศึกษาทุกคนยกเว้นอินทัชหันหน้า มองสบตากันอย่างต้องการปรึกษาหารือก่อนจะพร้อมใจกันหันไปมองคนที่นั่งมองไปนอกหน้าต่าง ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการคัดเลือกครั้งนี้
อินทัชชินกับการถูกกันออกมาอยู่วงนอกเมื่อมีเรื่องต้องแสดงความคิดเห็น แต่ครั้งนี้เกรงว่าเขาจะอยู่วงนอกไม่ได้อีกแล้ว
“หนูขอเสนออินทัชค่ะ ตอนนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเขาอีกแล้ว” นักศึกษาสาวคนหนึ่งยกมือขึ้นเสนอเสียงดัง หวังใช้โอกาสนี้สร้างมิตรภาพที่ดีงามกับอินทัช
หวังว่าอินทัชจะพึงพอใจที่โดนเลือก
เพียงแต่เธอคิดผิดไป
อินทัชหันหน้ากลับมาจากวิวนอกหน้าต่าง มองคนที่เสอนชื่อของเขากับคนอื่น ๆ ที่พยักหน้าส่งเสียงเห็นด้วย
“คะแนนเป็นเอกฉันท์ว่าเลือกคุณอินทัชเป็นหัวหน้านะ” อนาวินกล่าวสรุปผล แต่
“ขอโทษด้วย แต่ผมไม่ต้องการทำหน้าที่นั้น” อินทัชพูดปฏิเสธทันที เขาไม่ต้องการเป็นหัวหน้าชั้นเรียน
หน้าที่พวกนั้นให้คนอื่นทำเถอะ
“แต่ทุกคนเลือกแล้ว คุณปฏิเสธไม่ได้” แม้ว่าจะรู้แล้วว่าอินทัชเป็นใคร และมีใครที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน แต่อนาวินก็ไม่ใช่ว่าจะเกรงกลัว เขามองนักศึกษาทุกกคนเท่าเทียมกันหมดตั้งแต่แรกแล้ว และนี่เคยเป็นส่วนดีของอาจารย์คนนี้ที่อินทัชชื่นชม
แต่ว่าตอนนี้ทำเขาตกที่นั่งลำบากแล้ว
“บอกตามตรงนะครับว่างานของผมยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลาไปทำหน้าที่อื่น เพราะฉะนั้นหาคนใหม่เถอะครับ” อินทัชกลอกตาไปมาก่อนจะพูดปฏิเสธอีกครั้ง และการปฏิเสธที่มาพร้อมกับเหตุผลในครั้งนี้ก็ทำให้การคัดเลือกหัวหน้าชั้นเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าให้คนที่เสนอชื่ออินทัชขึ้นมาในตอนแรกนั่นแหละเป็นหัวหน้า
การคัดเลือกหัวหน้าห้องผ่านไป คลาสเรียกก็เริ่มขึ้นในทันที อินทัชมองดูเนื้อหาบนจอสลับกับมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย
ที่จริงเขาเข้าเรียนที่นี่ก็เพราะต้องการตามหาคนที่จะแก้ไขคำสาปให้เขาได้ตามคำสั่งของพ่อกับแม่ และตอนนี้เขาก็เจอแล้ว นั่นทำให้เขาหมดความสนใจจะเรียนต่อ
ไม่สิ ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะเรียนต่อ แต่เขาอยากจะเปลี่ยนคณะเรียนมากกว่า ในเมื่อสาเหตุที่ทำให้เขาเลือกที่จะเรียนคณะคหกรรมในตอนแรกก็เพราะข้อจำกัดคำสาปของเขานั่นเอง ในเมื่อตอนนี้ไม่มีข้อจำกัดนั้นแล้ว เขาก็อยากจะย้ายคณะเรียนไปเรียนในคณะที่เขาชอบมากกว่า
เขาอาจจะต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
อินทัชคิดไปเรื่อยเปื่อยจนสัญญาณหมดคาบเรียนดังขึ้น นักศึกษาทยอยเก็บของลงกระเป๋าเตรียมพักเที่ยงหลังจากอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไป
“มีอะไร” อินทัชที่เก็บของลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเงยหน้าถามเมื่อมีคนมาหยุดยืนบริเวณโต๊ะของเขา
“อินไปกินข้าวด้วยกันไหม” หัวหน้าชั้นเรียนหมาด ๆ ถาม
อินทัชมองคนถามก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองคนอื่น ๆ อีกเก้าคนที่ยืนรออยู่ด้วยแววตาแห่งความหวัง ก่อนจะพูดดับหวังของคนอื่นอย่างเรียบเฉย
“ฉันนัดกินข้าวกับคิงแล้ว”
“สวัสดีครับ” อินทัชที่เพิ่งมาถึงแคนทีนวีไอพีก็เจอคิงและอัศวินทั้งสี่นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวกันอยู่แล้วก็พูดทักทายอัศวินทั้งสี่ที่เพิ่งได้เจอหน้ากันวันนี้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ คิงอย่างรู้งาน
ก็จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อมันมีที่เหลืออยู่แค่ที่เดียว
อินทัชเมินสายตาคนอื่นที่ลอบส่งมาอย่างสอดรู้สอดเห็น ซึ่งอาจจะดีหน่อยที่คนแค่มองมาเท่านั้นไม่ได้พูดซุบซิบอะไร
ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่ากลัวเสียงจะดังไปเข้าหูคิงเสียมากกว่า
“สวัสดีนายหญิงน้อย” ลอยซ์พูดทักทายกลับเสียงขำ แต่คนที่โดนเรียกนายหญิงน้อยไม่ขำ
อินทัชขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น หันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยอัตโนมัติเห็นคิงไม่ได้พูดอะไรก็หันไปมองหน้าลอยซ์แทน แล้วกัดฟันพูดเสียงเข้ม
“อย่าเรียกผมอย่างนั้น ผมไม่ใช่ผู้หญิงและไม่ใช่นายหญิงของพวกคุณ”
“อีกหน่อยก็ได้เป็น” โฬมยักไหล่พูดแทนเพื่อนก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับอาหารของตัวเอง
อินทัชอยากจะพูดทักท้วงอีกสักหน่อยแต่กล่องอาหารหรูที่ถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้าเขาด้วยฝีมือของคิงก็ทำให้อินทัชกลืนคำพูดลงคอไป
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำอะไรสักอย่างให้มันชัดเจนในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคิง หากเป็นคนอื่น หากมีคนอื่นมาสารภาพรักกับเขา เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะปฏิเสธ เพียงแต่เรื่องระหว่างคิงกับเขามันไม่ปกติ
คิงคือคนที่อาจจะนับได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณเพราะเป็นคนที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไป เป็นคนที่ทำให้คำสาปของเขาหายไป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาไม่อาจจะมองข้ามความรู้สึกของคิงไปโดยที่เขาไม่รู้สึกอะไร
อินทัชคิดอย่างนั้นโดยไม่รู้ตัวว่าหากเขาไม่รู้สึกอะไร เขาควรจะอึดอัดที่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้ แต่เขากลับไม่มีความอึดอัดมากนัก เพียงแต่ต้องคิดมากกว่าเดิมในการที่จะพูดจะทำอะไรแต่ละอย่างที่เกี่ยวกับคิง
มาร์คเองก็ไม่ใช่ว่าจะสัมผัสไม่ได้ถึงความกังวลใจของอินทัช แต่เขาไม่ได้ไม่พอใจอะไร ค่อนข้างจะพึงพอใจด้วยซ้ำที่อย่างน้อยอินทัชก็เก็บเรื่องของเขาไปคิดมากขึ้น
คิดว่าเขาไม่รู้เหรอเรื่องที่เจ้าตัวพูดอย่างนั้นเพราะต้องการที่จะได้เข้าไปในบ้านหลังนั้น
เขารู้ และเขาก็พอใจที่จะหยิบยกมันมาเพื่อแกล้งอีกฝ่ายเรื่อย ๆ และจะหยิบยกมาพูดเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะกลายเป็นความจริงนั่นแหละ
มาร์คคิดพร้อมกับเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“นี่เราควรจะหาคำมาเรียกอินทัชดีไหม ปกติคิงต้องคู่กับควีน แต่คิงของพวกเราดันเมินผ่านควีนไปหากบฏอย่างนี้ เราควรจะหาคำไหนมาแทนดี” ครูซเห็นอินทัชตักอาหารเข้าปากก็ยกยิ้มแววตาเจ้าเล่ห์ พูดถามออกมาเสียงใสซื่อขัดกับภาพลักษณ์และแววตา
“แค่ก ๆ” อินทัชสำลักอาหารทันที สำลักจนหยดน้ำตาไหลที่หาตา มือบางทุบเข้าที่หน้าอกของตัวเองเบา
มาร์คมองคาดโทษอัศวินของตัวเองก่อนจะใช้มือลูบที่หลังของคนข้าง ๆ
ที่คาดโทษไม่ใช่เพราะพูดอะไรผิด แต่เป็นเพราะทำให้คนของเขาสำลักอาหารจนน้ำตาไหลต่างหาก
“จริง ถ้าไม่ไม่อยากให้เราเรียกนายหญิงน้อยก็ต้องหาคำอื่นมาให้เราเรียกแทนง่าย ๆ หน่อย” ลอยซ์ที่ชื่นชอบเรื่องสนุกก็ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาคาดโทษของคิงและสายตาเชือดเฉือนของอินทัช พูดต่อครูซในทันที
“แค่ก แล้ว แค่ก เรียกอินทัชมันยากตรงไหน” อินทัชที่ยังไม่หายสำลักดีพูดถามเสียงเข้ม
“ก็ไม่ยาก แต่ไม่อยากเรียก” โฬมลอยหน้าลอยตาตอบ ไม่ได้หวาดกลัวเลยว่าคนที่ตัวเองกวนประสาทใส่นี้คือว่าที่เจ้านายอีกคนหนึ่งของตัวเอง
ก็จะกลัวทำไมล่ะ ตอนนี้ยังเป็นแค่ว่าที่เจ้านายอยู่ ไม่สู้สร้างความพอใจให้กับเจ้านายตัวจริงไปก่อนเล่า
หึหึ เชื่อได้เลยว่าเงินเดือนของพวกเขาจะขึ้นมากกว่าเท่าตัว
และแน่นอนว่าพวกเขาคิดถูก
อินทัชหรี่ตามองพวกอัศวินที่พูดกวนประสาทเขา ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ยังคงลูบหลังเขาไม่หยุดทั้ง ๆ ที่เขาหยุดไอจากการสำลักแล้ว มองคิงที่ไม่มีทีท่าว่าจะพูดห้ามปรามคนของตัวเองเลยสักนิด และเมื่อเห็นอย่างนั้นดวงตาที่หรี่แคบลงก็กลับคืนเป็น ยกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาทอประกายร้ายกาจ
“เรียกควีนไม่ได้ เรียกคิงก็ไม่ได้ อย่างนั้นไม่สู้เรียกจักพรรดิไปเลยล่ะ เพียงแต่ตำแหน่งนี้จะสูงกว่าคิงไปสักหน่อย” ลองดูสิว่าจะกล้าเรียกเขาอย่างนั้นไหม หึ
อินทัชแกล้งเสนอไปอย่างนั้นเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่กล้าเรียกเขาอย่างนั้นแน่ ใครจะยอมเรียกคนอื่น มอบตำแหน่งให้คนอื่นได้สูงศักดิ์กว่าเจ้านายตัวเอง
ม่านตาของอัศวินทั้งสี่ขยายตัวขึ้นทันทีเมื่อได้ยินอินทัชพูดอย่างนั้น พวกเขาจ้องมองคนที่กล้าพูดแล้วก็พูดอะไรไม่ออก
หากเป็นคนอื่น พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะพาตัวไปสั่งสอน แต่นี่คือคนที่คิงรัก
แน่นอนว่านอกจากกวนประสาทเล่น ๆ แล้วพวกเขาไม่กล้าที่จะแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ และต่อให้กล้า คิงก็ไม่มีทางยินยอม
“ไม่ต้องเป็นหรอกจักรพรรดิ เป็นหัวใจของคิงก็พอแล้ว”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

23,334 ความคิดเห็น
-
#22398 pommys (จากตอนที่ 52)วันที่ 3 ธันวาคม 2562 / 10:56หุหุ มาตอนนี้เรียกชวนกินข้าว#22,3980
-
#21192 Jnc214 (จากตอนที่ 52)วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 / 23:08ไม่เห็นประโยชน์ไม่เข้าหา เหอะ -พวกเห็นแก่ตัว#21,1920
-
#21161 Ramida28 (จากตอนที่ 52)วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 / 11:27ดีมากค่ะลูก!#21,1610
-
#20788 แจนมงกุน (จากตอนที่ 52)วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 / 12:08“มีนัดกินข้าวกับคิงแล้ว” อิอิ#20,7880
-
#16725 RealThxnB (จากตอนที่ 52)วันที่ 2 กันยายน 2562 / 15:45พวกหวังประโยชน์อะเน้อออ หึ#16,7250
-
#15306 ✿Sunflower✿ (จากตอนที่ 52)วันที่ 15 สิงหาคม 2562 / 04:33ถถถถ เปลี่ยนสีไวจังน้าาา#15,3060
-
#15178 97line (จากตอนที่ 52)วันที่ 13 สิงหาคม 2562 / 08:39น้องจะไปกินข้าวกับคิง :)#15,1780
-
#14353 blueLemonsoda (จากตอนที่ 52)วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 / 22:32หึ เจ้าพวกหวังผลประโยชน์#14,3530
-
#13691 Kibibiza (จากตอนที่ 52)วันที่ 24 กรกฎาคม 2562 / 21:15จ๊ะ ไหนว่าไม่สนคิงเค้าไง#13,6910
-
#13583 เมี๊ยว~ (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 15:08กรี๊ดด แซ่บมาก นัดกินข้าวกับคิง 55555#13,5830
-
#13548 I'mMr.joker🃏 (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 11:58จี๊ดไหมละน้องงง#13,5480
-
#13547 DebbyMar (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 11:42น้องงงง ไม่ต้องไปสน คนที่ไม่เคยแคร์เราแล้วมาเปลี่ยนสีเพราะรูว่าเราเจ๋งงงง. สะบักบ๊อบใส่แรงๆ#13,5470
-
#13546 rain_killer (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 10:19ถึงเวลาอาคืน!#13,5460
-
#13545 Namning1 (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 09:50น้องอยากเรียนนิเทศ?#13,5450
-
#13544 ++Karasu++ (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 09:34เปลี่ยนคำพูดจากคำว่าคิงเป็นพี่มาร์คจะหน้าร้าวกว่านี้อีก หึหึ รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก#13,5440
-
#13543 Lawsad-sm (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 09:09หน้าสั่นเลยยยย#13,5430
-
#13542 VKK42 (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 08:42เปลี่ยนเป็นคณะเดียวกับคิงเลยไหม#13,5420
-
#13541 VKK42 (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 08:41ตอบเบาๆ แต่เจ็บจี๊ดดดดด 55555#13,5410
-
#13540 lovelybutter (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 07:28มาเหนือมากจ้าาาาา#13,5400
-
#13539 maytawarin (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 07:27กรี้ดดดด#13,5390
-
#13537 554910140 (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 07:11ฉันนัดกินข้าวกับคิงแล้ว //ทำไมเขินว่ะ55555#13,5370
-
#13536 Lin linchan (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 06:32อุ๊ตะ! สะใจมากแม่#13,5360
-
#13535 เขาเรียกฉันว่าเต่า (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 06:22อห¡!!!#13,5350
-
#13534 trtmm_9 (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 05:18เสียใจด้วยจ้า!!!#13,5340
-
#13533 chyanin (จากตอนที่ 52)วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 / 04:38ฉันมีนัดกินข้าวกับคิงแล้ว //จบนะ#13,5330