ตอนที่ 13 : ตอนที่ 13
หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารคนก็ยอมกลับไปแต่โดยดี อินทัชค่อนข้างจะโล่งอกเพราะยังนึกอยู่ว่าจะหาคำพูดไหนให้คนยอมกลับไปโดยที่เขาไม่สร้างความขัดใจให้กับคิง
ถามว่ากลัวคิงมากเหรอ ทำไมถึงยอมคิงขนาดนั้น อินทัชมีคำตอบให้กับตัวเองว่าเขาไม่ได้กลัวขนาดนั้น แค่ถ้ามันหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจให้คิงได้มันก็น่าจะหลีกเลี่ยงปัญหาอื่น ๆ ให้เขาได้ด้วยเช่นกัน
เกิดคนไม่พอใจเขาขึ้นมาถึงขั้นคิดอยากจะกำจัดให้พ้นหน้าพ้นตา คนที่มีทั้งอำนาจเงินทองและอิทธิพลขนาดนั้น สั่งการลูกน้องแค่ไม่กี่คำ ใช้เวลาไม่นานคงรู้ประวัติเขาตั้งแต่เกิดเลยล่ะมั้ง
การตามใจคิงแค่ไม่กี่เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
นั่นเป็นคำตอบที่อินทัชให้กับตัวเอง
ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปยังประตูทางออก ประตูที่คนเพิ่งจะก้าวพ้นไปได้ไม่นาน เพียงแค่คิงกลับไป ความเงียบเหงาก็เข้ามาเยือนบ้านของเขาอีกครา
ความเงียบเหงาที่ก่อนหน้าเขาบอกกับตัวเองว่ามันคือความสงบสุข บอกตัวเองว่ามันคือสิ่งที่เขาต้องการ
ไม่หรอก มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ มันคือสิ่งที่เขาต้องมีมากกว่า
คนอย่างเขา คนที่มีข้อจำกัดแบบเขา หากจะมีสักนาทีที่ขอลืมข้อจำกัดของตัวเองไปแล้วใช้ชีวิตปกติสุขแบบของคนอื่น มันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้หรือเปล่า
ไม่หรอก
อินทัชมีคำตอบให้ตัวเองในทันที เขาทำเป็นลืมมันไปได้ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย มันยังคงอยู่กับเขา และเขายังคงต้องเฝ้าระวังตัวเอง
ดวงตาที่เหม่อมองไปไกลถูกเปลือกตาสีมุกปิดลงเบา ๆ คนที่มีข้อจำกัดจนแทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น ใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะใช้จริง ๆ จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ตั้งคำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
คนที่เกิดมาเพื่อเขา คนที่รักเขาทั้งจิตวิญญาณและหัวใจมีอยู่จริง ๆ เหรอ จะมีคนคนนั้นเกิดมาเพื่อเขาใช่หรือเปล่า
คำถามนี้อินทัชเฝ้าถามกับตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง นับตั้งแต่รู้เรื่องคำสาปที่มีติดกาย
แล้วหากคนคนนั้นไม่ใช่คนที่เขารักล่ะ
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในสมองของอินทัชหลังจากที่เขามายังเมืองไทย หลังจากที่เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย
มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่เกิดมาเพื่อเขา ไม่ใช่คนที่เขารัก
คนรักกับชีวิตปกติสุขที่โหยหา
อินทัชไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเลือกมันได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นลึก ๆ ในใจเขาถึงหวัง หวังว่าคนที่เกิดมาเพื่อเขากับคนที่เขารักนั้นจะเป็นคนคนเดียวกัน
แต่ดูเหมือนความหวังนั้นจะเลือนราง
อินทัชยิ้มหยันตัวเองกับความคิดในใจ
“ครืดดด” เสียงสั่นของโทรศัพท์อันเป็นสัญญาณบอกว่ามีสายเรียกเข้ามาดึงความคิดของอินทัชให้กลับมา
ดวงตาคู่สวยปรายตามองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะ มองว่าใครกันที่เป็นผู้ติดต่อเข้ามาในเวลานี้ เวลาที่เขาไม่มีอารมณ์จะสนทนากับใครทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะได้พบเจอแฟนเพลงหนึ่งอัตรา แฟนเพลงที่คาดไม่ถึงเลยว่าจะชอบฟังเพลงของเขาเหมือนกัน
คนนอกจากจะชอบเพลงของเขาแล้ว ยังออกปากชมว่าเขาเก่งอีกต่างหาก
ชมทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาคือคนที่ตัวเองชมนั่นแหละ
“ฮัลโหล” อินทัชลากความคิดตัวเองกลับมายังผู้ที่ติดต่อเข้ามาอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายก่อนที่จะกรอกเสียงลงไป
“สะดวกคุยหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงเกรงใจของคนที่อายุมากกว่าทำให้อินทัชเผยรอยยิ้มมุมปากนิดหน่อย
จักรภพเป็นคนที่เขาชอบร่วมงานด้วยมากที่สุด
เป็นคนที่พูดด้วยง่าย เข้าใจง่าย แม้จะเคยตามตื๊อเรื่องเปิดตัวเขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่เซ้าซี้ให้รำคาญ
อาจจะเพราะกลัวการยกเลิกการร่วมงานของเขา หรืออะไรก็แล้วแต่อินทัชไม่ใส่ใจมากนัก แค่รู้ว่าคนร่วมงานด้วยไม่ยากเย็นก็พอ
อ้อ อีกอย่างที่อินทัชพอใจจะร่วมงานกับจักรภพมากกว่าคนอื่น ๆ ก็เพราะวิสัยทัศน์และการทำงานของเจ้าตัว คนที่ตั้งใจจะทำเพลงที่มีคุณภาพ คนที่เห็นศิลปินเป็นผู้สร้างความสุขให้กับแฟนคลับและแฟนเพลงมากกว่าสินค้าที่ขายได้
อินทัชชอบที่ตรงนี้
“มีอะไรก็พูดได้เลยครับ” อินทัชพูดตอบ
“คือผมจะโทรมาขอบคุณสำหรับรางวัลศิลปินยอดเยี่ยมแห่งปีที่ได้มาครอบครองน่ะครับ ต้องขอบคุณคุณมากที่ทำให้ตะวันได้รับรางวัลนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเพลงของคุณ ตะวันที่เปิดตัวมานานเกือบสี่ปีและไม่ได้รับความนิยมคงไม่มีทางได้มีวันนี้” น้ำเสียงของจักรภพแสดงออกถึงความตื้นตันใจมากจริง ๆ
“ดีใจด้วยครับ” อินทัชแสดงความยินดีด้วยใจจริง ถึงแม้เขาจะไม่เคยเจอผู้ที่ชื่อตะวันกับตัวเอง แต่จากข้อมูลที่เขาหามาและคลิปวิดีโอเก่า ๆ ที่เขาหาดู เขาพบว่าตะวันคนนี้คือคนที่เหมาะสมที่จะเป็นศิลปินอย่างแท้จริง คนที่มอบความสุขให้กับแฟนเพลงด้วยใจที่รักในการร้องเพลง และคนที่แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเท่ากับความพยายามที่ทุ่มเทลงไป แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะท้อถอยเลยสักครั้ง
คนแบบนั้นคือคนที่อินทัชชื่นชม
เขาเองก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นคนเช่นนั้นได้
หลายครั้งเกินไปที่เขาท้อถอยในใจกับสิ่งที่เขาเผชิญ
หลอกตัวเอง โกหกตัวเองว่าไม่เป็นไร ไม่ใส่ใจ ไม่แคร์ แต่แท้ที่จริงแล้วลึก ๆ ในใจเขารู้ตัวเองดีว่าความรู้สึกที่แท้จริงเป็นเช่นไร
รู้ แต่ไม่อยากจะยอมรับ
“นอกจากนี้ผมยังต้องแสดงความดีใจกับคุณด้วย เพลงยอดเยี่ยมแห่งปีตกเป็นของคุณเป็นปีที่สามแล้ว” จักรภพไม่ลืมที่จะแสดงความยินดีกับคนที่เป็นเจ้าของเพลงที่ได้รับรางวัลเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีเป็นครั้งที่สาม
คนที่ไม่เคยแม้แต่จะไปรับรางวัลที่ได้ รางวัลที่ศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงคนอื่นหวังว่าจะได้มันมาครอบครอง คนคนนี้คล้ายจะไม่ใส่ใจกับในสิ่งที่ได้มาสักนิดเดียว
จักรภพรู้ว่าที่จริงเจ้าของงานประกาศรางวัลเพลงต้องการจะยกรางวัลนี้ให้กับคนอื่น คนที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ คนที่สามารถเรียกกระแสความน่าสนใจให้กับงานได้ แต่เพราะผลงานที่ออกมามันประจักษ์ชัดเจนเกินไป ไม่มีเพลงของใครดีเทียบเท่ากับเพลงของคนคนนี้ได้
การจะยกรางวัลให้กับคนอื่นมันจึงเป็นเรื่องที่ค้านสายตามากจนเกินไป และถ้าเขาทำอย่างนั้นจริง ความน่าเชื่อถือของรางวัลก็จะต้องหายไป
เจ้าของเวทีประกาศรางวัลจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นสามปีมานี้รางวัลเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีจึงถูกผูกขาดอยู่ที่ Unknown
“ขอบคุณครับ” อินทัชเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะที่พูดขอบคุณ เขาลืมไปเลยจริง ๆ ว่าวันนี้มีการประกาศรางวัลเพลงประจำปีอยู่ด้วย
มันแต่วุ่นวายอยู่กับคนเอาแต่ใจ เขาถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“คุณคงไม่ได้มีเรื่องจะพูดกับผมแค่นี้หรอกใช่ไหม” อินทัชดังความคิดตัวเองกลับมาอีกครั้ง และส่งคำถามกลับไปเมื่อคิดว่าจักรภพคงไม่ได้แค่โทรมาแสดงความยินดีและขอบคุณเขาเพลงแค่นี้แน่
“ก็จริงครับ คือผมกำลังมีแผนจะให้ตะวันจัดคอนเสิร์ตทัวร์เอเชีย เลยอยากจะ…” ท้ายประโยคจักรภพลากยาว อ้ำอึ้ง น้ำเสียงแฝงความเกรงใจชัดเจน
“เลยอยากจะให้ผมช่วยทำเพลงสำหรับขึ้นโชว์” อินทัชเป็นคนพูดความต้องการของจักรภพพขึ้นเองอย่างคาดเดาได้
เขารู้มาว่าเพลงของตะวันที่เป็นเพลงเก่า ๆ ก็มีไม่มากนัก และเพลงใหม่ ๆ ที่เขาแต่งให้ก็มีแค่เพลงสองเพลง เป็นสองเพลงที่เจ้าตัวใช้แจ้งเกิดได้จนทำให้อื่นอิจฉาจนตาแทบจะไหม้
“ครับ นั่นแหละครับ” จักรภพระบายลมหายใจแผ่วเบาเมื่อคนรู้จุดประสงค์หลักที่เขาติดต่อมา
ตะวันกำลังจะจัดทัวร์คอนเสิร์ตทั่วเอเชียเป็นครั้งแรก เพลงที่จะใช้โชว์ได้มีน้อยเกินไป จะแต่งขึ้นมาเองก็คิดว่ามันจะไม่สมกับสิ่งที่แฟน ๆ คาดหวัง คอนเสิร์ตครั้งแรก เขาต้องการความสมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้นทางเลือกเดียวที่เขานึกออกก็คือ Unknown ต้องเป็น Unknown เท่านั้นถึงจะทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบได้
“คุณรู้ไหม ตอนนี้ไม่ว่าตะวันจะทำเพลงแบบไหนออกมา แฟนคลับเขาก็ชอบกันทั้งนั้น แฟนคลับน่ะ เมื่อรักไปแล้วไม่ว่าผลงานจะเป็นยังไงเขาก็จะสนับสนุนอยู่ตลอดนั่นแหละ” อินทัชที่นิ่งคิดไปสักพักก็พูดประโยคนี้ออกมา
“เป็นจริงอย่างที่คุณว่า แต่ไม่ว่าแฟนคลับจะเต็มใจสนับสนุนแค่ไหน ผลงานที่ยอดเยี่ยมก็ยังดีที่สุดที่จะใช้ในการสร้างความสุขและมอบให้กับแฟน ๆ ไม่ใช่เหรอครับ และแน่นอนว่านอกจากแฟนคลับแล้วยังมีแฟนเพลงอีกกลุ่มที่เราไม่สามารถทำให้เขาผิดหวังได้ไม่ใช่เหรอ” จักรภพพูดแย้งเสียงเครียด ในใจวิตกกังวลไปแล้วว่าครั้งนี้นักแต่งเพลงที่มากฝีมือคนนี้จะไม่ยอมร่วมงานด้วย ไม่ใช่ว่ายังโกรธเรื่องที่เขาชวนเปิดตัวเมื่อวันนั้นหรอกใช่ไหม
“โอเค ตกลงผมจะร่วมงานกับคุณในครั้งนี้” อินทัชยิ้มพึงพอใจในคำพูดของจักรภพ นี่ยังไงล่ะ นี่คือคนที่เขาพึงใจจะร่วมงานด้วยมากกว่าคนอื่น ๆ คนที่มีทัศนคติที่ดีแบบนี้
“คะ ครับ ว่ายังไงนะครับ ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” คนที่กำลังกังวลใจอยู่ แล้วอยู่ ๆ ก็ได้คำตอบตรงข้ามกับสิ่งที่กำลังกลัวก็ถึงกับต้องถามเสียงตื่นเต้น
เขาหวังว่าหูจะไม่ได้ฝาดไป
คนตอบตกลงที่จะร่วมงานด้วยกันจริง ๆ
“คุณแน่ใจเหรอว่าจะอยากให้ผมตอบอีกรอบ คราวนี้อาจจะไม่เหมือนเดิมนะ” อินทัชพูดแกล้งกลับไป
“ไม่ ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมได้ยินชัดแล้ว” จักรภพรีบร้อนที่จะปฏิเสธ
“หึหึ รายละเอียดคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ คุณก็ส่งเมลล์มาให้ผมแล้วกัน” อินทัชที่เริ่มจะง่วงนอนอยากจะพักผ่อนแล้วพูดสรุปให้จักรภพส่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่เขาควรจะรู้มาให้เขาอีกทีหนึ่ง
“ได้ครับ เอ้อ จริงสิ มีอีกเรื่องผมเกือบลืมไปเลย ตะวันอยากจะพูดขอบคุณกับคุณด้วยตัวเองน่ะครับ” จักรภพรีบพูดในสิ่งที่เขาเกือบจะลืมมันไป โชคดีที่คนลึกลับคนนี้ยังไม่ได้วางสายไป
ตะวันที่ตอนนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของค่ายเขา คนที่เหมือนได้เกิดใหม่พร้อม ๆ กับค่ายเขาด้วยฝีมือของ Unknown ร้องขอมาเป็นครั้งที่สามแล้วที่อยากจะพูดขอบคุณกับคนที่มีบุญคุณคนนี้สักครั้งด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพูดต่อหน้า ขอเพียงแค่ได้พูดขอบคุณทางโทรศัพท์แบบนี้ก็พอใจแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจักรภพไม่กล้าที่จะตัดสินใจเอง รู้ดีว่าคนคนนี้เดาใจยาก จึงต้องมาพูดเกริ่นของคำตอบให้เองแบบนี้ก่อน
“ไม่เป็นไร บอกเขาว่าแค่เขาเป็นศิลปินที่ดีนั่นก็เท่ากับเป็นการขอบคุณผมแล้ว” อินทัชตอบกลับไปแบบนั้นก่อนที่จะวางสาย
อยู่ภายใต้อำนาจของคนอื่นมาทั้งวัน มาตอนนี้ได้แสดงอำนาจของตัวเองบ้าง
พอจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยจริง ๆ
ที่สุดแล้วอินทัชก็แค่คนที่รู้ตัวว่าตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองเป็นต่อคนอื่นหรือเมื่อไหร่ที่ตัวเองจะต้องยอมถอยให้กับคนที่มีอำนาจมากกว่า
อินทัชก็แค่มนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
พฤติกรรมที่ดูย้อนแย้งในตัวของน้องมีสาเหตุนะคะ แต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเฉลย แต่ที่จริงไรท์ก็ใบ้ ๆ ไปแล้วน้าาา บางทีอาจจะมีคนเดาถูกก็ได้น้าา ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถ้าน้องเจอคนนั้น น้องจะมีโอกาสออกมายืนหน้าแสงบ้างไหม
หรืออีกทางก็พวกชาติก่อน ความทรงจำจากวิญญาณอะไรเทือกๆนั้น แต่ช่างมันไป แค่นี้ก้เครียดตามน้องไม่ทันละนพ