ตอนที่ 10 : ตอนที่ 10
อินทัชนั่งนิ่งมองคนที่ทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของบ้านนี้เสียเอง
คนที่ทำให้เขาตกใจด้วยการบอกให้เรียกชื่อเล่นที่เขายังไม่เคยได้ยินใครเรียกมาก่อน แม้ว่าจะเป็นอัศวินข้างกายผู้ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทก็ตาม
คิง ไม่สิ มาร์ค สั่งให้เขานั่งอยู่ที่โซฟาส่วนตัวเองเดินไปจัดการหาน้ำดื่มเอง ด้วยคำสั่งที่ว่าให้เจียมร่างกายหน่อย
ก็ถ้ารู้ว่าเขาเจ็บที่ก้นจนทำอะไรไม่ถนัดก็ไม่ควรจะเข้ามาตั้งแต่แรกไหมล่ะ แล้วมาตอนนี้กายเป็นเขาต้องนั่งมองคนเดินไปมาในบ้านเขาเหมือนคนที่คุ้นเคยกลับบ้านนี้มานาน ทั้ง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาต่างหาก
“เอ่อ” คนเป็นเจ้าของบ้านออกเสียงในลำคอ อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เห็นสายตาที่มองมาของคนหน้านิ่งก็เกิดอาการอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“มีอะไร”
“คือว่า ขอบคุณที่มาส่งครับแล้วก็ เอ่อ คือ” อินทัชไม่เคยรู้สึกอัดอั้นขนาดนี้มาก่อนเลย เขาจะพูดยังไงดีไม่ให้คนรู้สึกว่าโดนไล่ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาก็ต้องการไล่ให้คนกลับบ้านของตัวเองไป เขาตั้งการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองคืนมา
ไม่ได้อยากจะเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคนหรอกนะ ซึ้งใจอยู่หรอกที่คนอุตส่าห์มีน้ำใจมาส่งถึงบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดที่มีคนอื่นมานั่งอยู่ในบ้านเขาอย่างนี้
ไม่ชินเลยจริง ๆ
คนที่สร้างความอึดอัดให้เจ้าของบ้านยกแขนสองข้างขึ้นกอดอก เอนแผ่นหลังพิงไปกับโซฟาตัวนุ่ม ยกขาซ้ายขึ้นมาไขว้ทับขาอีกข้าง ทอดสายตามองไปยังคนที่พูดจากอึกอัก
“ครืดดด” ในขณะที่คนมีเรื่องอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูด อีกคนก็ทอดสายตามองรอฟังอยู่นั้นก็มีเสียงสั่นข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือของมาร์คเสียก่อน
มาร์คหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมา เมื่ออ่านจนครบถ้วนก็พาตัวลุกขึ้นยืน
“เปิดประตูบ้านให้หน่อยสิ รั้วด้วย” พูดสั้น ๆ บอกกับคนเป็นเจ้าของบ้าน แต่คำพูดสั้น ๆ นั่นกลับทำให้อินทัชแทบจะลุกขึ้นมากระโดดร้องยินดี
ในที่สุดคนก็จะกลับแล้วใช่หรือเปล่า มือเรียวรีบปุ่มสั่งการที่ซ่อนอยู่ตรงขาโต๊ะบริเวณที่เขานั่งอยู่ กดเปิดประตูบ้านและประตูรั้วอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาส่ง” อินทัชพูดขอบคุณส่งท้ายอีกรอบ ความดีใจที่คนจะกลับแล้วทำให้เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นมาแบบที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนัก
มาร์คมองคนที่พูดแบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มนิ่ง แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องนั่งเล่นนั่นมา
เห็นคนเดินออกไปแล้ว อินทัชก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาอย่างรวดเร็ว
การอยู่กับคนหน้านิ่งสองต่อสองแบบนี้นี่มันชวนให้รู้สึกอึดอัดมากจริง ๆ
ไปอาบน้ำดีแล้วทำเพลงเก็บไว้ดีกว่า
คนรักการทำเพลงพูดกับตัวเองในใจทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเปิดตัวเพลงใหม่ของตัวเองไปเมื่อวานและยังไม่ได้รับงานจากค่ายไหนมาในตอนนี้หลังจากที่เพิ่งส่งผลงานล่าสุดที่ร่วมมือกันออกไปให้ค่ายค่ายหนึ่งที่ผลงานไม่ค่อยดีนักในช่วงที่ผ่านมา
ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ พาตัวเองลุกขึ้นยืน อาการเจ็บที่บริเวณก้นกบค่อย ๆ ทุเลาลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ดีเวลาที่ขยับตัว
แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทนไม่ไหว คนเจ็บหมุนตัวไปเท้ามือเข้ากับพนักโซฟาเพื่อเป็นแรงส่งให้ตัวเองยืนขึ้น
“จะไปไหน”
“เฮือก” คนที่หันหลังให้กับประตูทางเข้าห้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินประโยคคำถามที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นมา
เสียงราบเรียบแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าของเพิ่งจะกลับออกไปเหรอ!
หรือว่าลืมอะไร
อินทัชค่อย ๆ หันกลับมามองเจ้าของคำถามที่วันนี้สร้างความตกใจ แปลกใจให้เขาหลายรอบแล้ว
“ลืมของเหรอครับ” ถามแบบนั้นก่อนที่คิ้วจะเลิกสูงขึ้นอย่างคนที่มีเรื่องสงสัยเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าที่มือของคนที่เขาคิดว่ากลับไปแล้วนั้นถือกล่องใบโตที่ไม่ต้องถามก็พอจะรู้ได้ว่าภายในบรรจุอะไรเอาไว้
กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาเรียกเสียงร้องจากกระเพาะของเขาขนาดนั้น
อาหาร อาหารแน่นอน
ว่าแต่คิงเอาเข้ามาทำไม ไม่สิ ไปเอามาจากไหนมากกว่า
“มื้อเย็นของนาย”
อินทัชมองกล่องอาหารที่เจ้าของมือหนายื่นมาให้ สลับกับเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยื่นมันมาให้เขา
สรุปว่าเดินออกไปเอาอาหารมาให้เขางั้นเหรอ
ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย เขาไม่ได้เจ็บมากถึงขนาดดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย ก็แค่เคลื่อนไหวลำบาก แต่ไม่ทำให้อดตายเพราะการเจ็บที่ก้นกบแค่นี้แน่นอน
“ขอบคุณครับ” สุดท้ายเพราะทนกลิ่นที่เย้ายวนของอาหารไม่ไหว อินทัชก็ยื่นมือไปรับกล่องที่บรรจุอาหารมาไว้ในมือโดยไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณ
“พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้า อย่าช้าล่ะ” คนที่สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของบ้านอยู่หลายรอบในวันนี้ยังไม่วายทิ้งประโยคชวนมึนงงเอาไว้ก่อนที่จะพาตัวเองเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงสายตาที่มองตามหลังไปอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของมาร์คก็เท่านั้น
หมายความว่ายังไงกัน
ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวจะมารับเขาไปเรียนตอนเช้าใช่หรือเปล่า
ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง
อินทัชตั้งคำถาม หาคำตอบให้กับตัวเองในใจ แต่สุดท้ายเมื่อรู้สึกว่ายิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจก็ปล่อยให้ความสงสัยในเรื่องนั้นหายไปก่อน แล้วหันไปให้ความสนใจกับอาหารที่อยู่ในกล่องเก็บความร้อนในมือ
ละจากความสงสัยในเรื่องหนึ่งก็มาสงสัยในอีกเรื่องหนึ่งแทน
เป็นแค่ความบังเอิญหรืออะไรที่ทำให้อาหารในกล่องนี้เป็นอาหารที่เขาชอบมากที่สุดกัน
เพียงแค่กลิ่นหอมที่โชยออกมาไม่ต้องเปิดออกดูก็รู้ว่าอาหารที่บรรจุอยู่ภายในคืออะไร
Pie and Mash
อาหารดั้งเดิมเมืองผู้ดี เมนูที่เขาชอบมากกว่าเมนูไหน ๆ ทั้งหมด เมนูที่เขาเพิ่งจะเจอร้านที่ทำออกมาได้ถูกปากถูกใจเขาที่สุดก็คือเมื่อตอนที่เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ จากร้านประจำของเขาเอง และกล่องที่คิงให้เขามานี้ก็มาจากร้านนั้นนั่นเอง เขารู้ได้ทันทีจากตราประทับคุ้นเคยที่ข้างกล่อง
Pie and Mas จากร้านประจำ ถูกปากถูกใจรสชาติที่คุ้นเคย คุ้นชิน ทั้ง ๆ ที่มั่นใจมากว่าเขาไม่เคยได้ลิ้มรสชาติแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยมันเหมือนกับว่าเขาเคยทานมันบ่อย ๆ
และแม้ว่ามันจะเป็นรสชาติที่ถูกปากถูกใจเขาที่สุดในตอนนี้ แต่ลึก ๆ เขาก็ยังคงรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่รสชาติที่เขาตามหาอยู่ดี
ใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่ใช่
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากจนอธิบายไม่ถูกจริง ๆ
คนที่วันนี้สงสัยมึนงงกับหลาย ๆ เรื่องทอดถอนหายใจกับตัวเองแผ่วเบา วางสิ่งที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะทำตามความตั้งใจเดิม พาตัวเองไปอาบน้ำแล้วทำสิ่งที่จะทำให้เขาลืมเลือนเรื่องราวชวนน่าปวดหัว
เวลาเคลื่อนผ่านไปหลายชั่วโมง จากเวลาบ่ายเข้าสู่ช่วงเย็นจนพระอาทิตย์เลือนหายจากฟากฟ้า คนที่จมจ่ออยู่กับงานที่รัก กับสิ่งที่ชอบจนลืมเรื่องหนักสมองในที่สุดท้องก็ส่งเสียงร้องประท้วงออกมาให้เขาจัดการหาอาหารเติมเต็มลงไป
อินทัชเอนกายบิดความเมื่อยขบ ริมฝีปากบางหลุดเสียงร้องเบา ๆ เมื่อความเจ็บปวดที่ก้นกบมาเยือนอีกครั้ง
ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ พาตัวเองออกจากสตูดิโอทำเพลงของตัวเอง พาตัวเดินไปยังห้องครัวจัดการเตรียมอุปกรณ์สำหรับจัดการกับอาหารที่คิงให้มา
“ยังอุ่น ๆ อยู่เลยแฮะ” พูดกับตัวเองอย่างพึงพอใจเมื่อจัดการอาหารใส่จานแล้วยังสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่อุ่นร้อนพอดีโดยที่เขาไม่ต้องจัดการนำไปอุ่นอีกรอบก่อนที่จะทานได้
“ฝีมือคุณป้าแน่ ๆ” อินทัชพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจเมื่อจัดการส่งพายเนื้อคำแรกเข้าปากและพบว่าเป็นรสชาติที่เขาคุ้นเคยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา รสชาติที่ในหนึ่งวันเขาจะต้องได้ลิ้มรสมันสักมื้อหนึ่ง แต่วันนี้เขาได้ลิ้มรสมันแล้วสองครั้ง เมื่อมื้อเที่ยงที่ผ่านมาและตอนนี้
มือเรียวสวยจัดการส่งพายไส้เนื้อและมันบดที่ฉ่ำน้ำซอสเกรวี่สีเขียวเข้าปากด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอจนกระทั่งมันหมดลง
“อิ่มชะมัด” คนที่จัดการอาหารกล่องใหญ่จนหมดลูบท้องแบนราบของตัวเองไปมาเบา ๆ แผ่นหลังเอนแนบไปกับพนักเก้าอี้
นั่งรอจนรู้สึกว่าอาหารย่อยไปบ้างแล้วจึงได้นำจานไปจัดการล้างแล้วพาตัวเองเข้าสู่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน
“หวังว่าจะพอ” อินทัชมองกล่องอาหารหกกล่องใหญ่ตรงหน้า เป็นอาหารเมนูเดียวกันทั้งหมด หนึ่งในหกนั่นคือของเขา ส่วนที่เหลือคือของคิงและพรรคพวกอัศวินทั้งสี่
อินทัชที่ตื่นแต่ตีห้าขึ้นมาด้วยอาการเจ็บก้นกบที่ทุเลาลงไปเยอะแล้วเพราะทานยาแก้ช้ำและแก้ปวดเข้าไป ตื่นมาจัดการทำอาหารมื้อเช้าเพื่อต้องการใช้มันแทนคำขอบคุณคนที่พาเขามาส่งที่บ้านเมื่อวานนี้และยังจัดการเรื่องอาหารเย็นให้เขาอีก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม
ในตอนแรกอินทัชคิดว่าจะทำให้แค่คิงเท่านั้น แต่คิดไปคิดมาทำเผื่ออัศวินอีกสี่คนที่เหลือด้วยน่าจะดีกว่า
ไม่อยากจะให้คนดูว่าเขาทำอะไรให้คิงเป็นการพิเศษ ยังไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวถึงขั้นนั้น และหวังว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล
หรือบางทีคนอาจจะหมั่นไส้หนักกว่าเดิม เพราะแฟนคลับของอัศวินก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
“กริ๊งงงงงงง” เสียงกริ่งที่ดังจากรั้วบ้านทำให้อินทัชหันขวับไปมองนาฬิกาอย่างรวดเร็ว
เจ็ดนาฬิกาพอดี
‘พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้า อย่าช้าล่ะ’ ประโยคของคนที่เขาลุกขึ้นมาทำอาหารตอบแทนวันนี้ดังแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง
อย่าบอกนะว่าคิงมารับเขาไปส่งที่มหาวิทยาลัยจริง ๆ
สงสัยและหาคำตอบให้ตัวเองโดยการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเข้าโปรแกรมที่ติดตั้งเอาไว้เพื่อส่องดูกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งเอาไว้หน้าบ้าน ก่อนจะพบคำตอบว่าสิ่งที่เขาสงสัยนั้นเป็นจริง
เป็นคิงที่มา ซุปเปอร์คาร์คันหรู ป้ายทะเบียนประมูลเลขสวยมีไม่กี่คันนักหรอก และเขาก็จำได้ว่ารถคันนี้ใครเป็นเจ้าของ
ก็รถคันเดียวกับที่มาส่งเขาถึงบ้านเมื่อวานนี้ยังไงล่ะ
อินทัชจัดการกดรีโมตควบคุมเปิดประตูรั้วบ้านให้คนหน้านิ่งได้พารถเข้ามาสู่ภายใน ก่อนจะจัดการหาถุงมาบรรจุกล่องอาหารทั้งห้า โดยแยกกล่องอาหารของตัวเองออกมา
“ที่จริงคะ เอ่อ มาร์คไม่ต้องมารับก็ได้ ผมขับรถไปเองได้” เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วอินทัชก็พูดเสียงเบา
สาบานได้ว่าไม่ได้เกรงใจ แต่เกรงว่าจะถูกแฟนคลับของคิงมาสร้างความวุ่นวายยุ่งยากให้มากกว่า
คนที่มารับโดยที่อีกคนไม่ได้ร้องขอปรายตามองนิ่งครั้งหนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปมองข้างหน้าและเคลื่อนตัวรถโดยไม่ได้พูดอะไร และนั่นทำให้บรรยากาศในตัวรถเงียบสนิทจนน่าอึดอัด
“กล่องอะไร” เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย รถจอดในที่จอดรถประจำของคิง เจ้าของรถก็เหลือบสายตามองถุงที่อยู่บนตักของคนที่นั่งข้าง ๆ แล้วออกปากถาม
“อาหารเช้า ผมทำมาเผื่อ คือแทนคำขอบคุณที่คิงมาส่งผมที่บ้านเมื่อวาน” อินทัชก้มมองถุงที่บรรจุกล่องอาหารบนตักแล้วพูดตอบคำถาม ขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว สายตาสอดส่องไปทั่วหาจังหวะที่ไม่ค่อยมีคนแล้วจะพาตัวเองลงจากรถ ในใจภาวนาให้ไม่มีใครเห็นว่าเขานั่งรถมากับคิง
“มีของอัศวินทั้งสี่คนด้วย” พูดต่อแล้วช้อนสายตาขึ้นมองคนว่าจะรับของที่เขาตั้งใจทำมาตอบแทนหรือเปล่า
“อยากกินน้ำพริกกุ้งเสียบ บัวลอยไข่หวาน น้ำกระเจี๊ยบ” เมนูอาหารที่ดังมาจากปากคนขับทำให้อินทัชเผลออ้าปากค้าง
หน้าฝรั่งแต่หัวใจไทย ไม่ ไม่สิ ที่เขาต้องตกใจคือนั่นใช่คำสั่งหรือเปล่า
ใช่คำสั่งให้เขาทำตอบแทนหรือเปล่า
“ตอนเย็นจะให้คนเตรียมของไว้ให้แล้วกัน” แล้วคำพูดต่อมาของคิงนั่นก็ทำให้อินทัชรู้ว่าที่คิงพูมานั่นคือคำสั่งให้เขาทำอาหารตอบแทนให้จริง ๆ
นี่ไม่ใช่ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติหรอกใช่ไหม ทำไมเขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องกัน
สงสัยมึนงงจนกระทั่งคนเอากล่องข้าวไปแล้ว เดินมาจนถึงตึกคณะแล้ว สติก็ยังคงไม่กลับมาอยู่ดี
“ใจคอจะกินคนเดียวห้ากล่องนั่นเลยหรือไง” น้ำเสียงหยอกล้อกับแววตาวิบวับไม่ได้ทำให้คนที่จัดการข้าวกล่องที่สองอยู่เงยหน้าขึ้นมาสนใจเลยสักนิด
“งกกับเพื่อนจังเลยนะ ปกติไม่ได้เป็นอย่างนี้นี่นา” อีกเสียงหนึ่งก็แฝงความหยอกล้อไว้ไม่แพ้กัน
เห็นคนอารมณ์ดีกับอาหารตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะพูดเล่นด้วย
“ไม่แปลกหรอก ปกติหาอาหารไทยที่ถูกปากยากไง ใครทำก็ไม่อร่อย ใครทำก็ไม่ถูกใจ พอมาเจอรสชาติที่ถูกปากถูกใจก็หวงเป็นธรรมดา”
“ก็จริง เป็นลูกเสี้ยวที่ชอบอาหารไทยมากกว่าอาหารฝรั่ง แต่ต้นตะกูลดันเป็นเจ้าของสูตรลับอาหารเมืองผู้ดี ฮ่า ๆๆๆ น่าสงสารชะมัด”
“แต่ที่น่าสงสัยคืออะไรรู้ไหม คนบ้าอะไรซื้ออาหารมาห้ากล่องเพื่อกินคนเดียว ดูจากปริมาณดิ กล่องหนึ่งมื้อหนึ่งก็อิ่มจนแน่นท้องแล้วนั่นน่ะ”
เสียงแซว เสียวหยอกล้อ คำพูดถามตั้งข้อสงสัย ไม่ได้ทำให้คนที่มีอาหารไทยในครอบครองถึงห้ากล่องใหญ่ ๆ สนใจเลยสักนิด
เนื้อเรื่องช้า ๆ เอื่อย ๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาาาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พบคนขี้หวงหนึ่งอัตรา
และไม่บอกด้วยว่า ได้มายังไง
เอ็นดูอินทัช น้องก็มีโมเมนท์น่ารัก
เด๋อๆ อึนๆ มากกว่าเนี้ยบ เย็นชานะ