ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) darker than black | taeten (hogwarts au)

    ลำดับตอนที่ #3 : Stage 02 - Slytherins's Pride

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      140
      6 ต.ค. 61

     


    Stage 02

    Slytherins’s Pride

     

     

     

              หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว วันนี้คือวันที่ 1 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ชานชะลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่จะครึกครื้นกว่าทุกวัน ที่นี่เต็มไปด้วยนักเรียนจากโรงเรียนฮอกวอตส์และผู้ปกครองที่มาส่งพวกเขา กลิ่นอายของความสงบสุขที่สอดแทรกด้วยความวุ่นวายเล็กๆน้อยๆในยามเช้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากนัก เพราะ..

     

              มันคือวันเปิดภาคเรียนของฮอกวอตส์

     

              เขาโบกมือลาผู้ปกครองสาวซึ่งเดินมาส่งเล็กน้อยก่อนเดินขึ้นรถไฟไปพร้อมกับน้องชายอย่างลูคัส ใช้เวลาไม่นานนักในการรอให้ผู้โดยสารซึ่งก็คือเหล่านักเรียนโรงเรียนฮอกวอตส์ขึ้นมาจนครบ เขาตัดสินใจแยกกันนั่งคนละขบวนกับน้องชาย..เนื่องจากตกลงกับเพื่อนเอาไว้ว่าจะเจอกันที่ที่นั่งประจำของพวกเรา

     

              เขามาถึงเป็นคนแรก..เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบกับวิวทิวทัศน์แสนงดงามที่เขาเห็นมาตลอด 6 ปี หากแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมเรื่องเมื่อหลายวันก่อน เหตุการณ์ในงานแต่งของเจสสิก้าค่อนข้างฝังใจเขาและเพื่อนอีกสองคน แน่นอนว่ากระทรวงเวทมนตร์พยายามจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงพวกมือปราบมารที่กำลังตรวจสอบสืบสวนคดีนี้อย่างเคร่งเครียด มันเป็นการบุกโจมตีของผู้เสพความตายครั้งแรกในรอบหลายปี และข่าวนี้ก็ขึ้นหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ไปหลายวัน

     

              มือปราบมารสันนิษฐานว่าการก่อเหตุครั้งนี้ผู้เสพความตายอาจก่อขึ้นเพื่อฆ่าเจสสิก้า มอนทรีเอลโดยเฉพาะ ส่วนการฆ่าพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลในงานนั้นเป็นเพียงผลพลอยได้

     

              ส่วนสาเหตุที่ต้องฆ่าปิดปากเจสสิก้า

     

              ไม่มีใครรู้ว่าทำไม หรือบางทีพวกมือปราบมารอาจจะรู้แต่ต้องเก็บเงียบเอาไว้

     

              แน่นอนว่าภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันติดตาเขาและเพื่อนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันหลายคืน ยังดีที่ตอนนี้พวกเรารู้สึกโอเคขึ้นบ้างแล้วเพราะเริ่มยอมรับความจริงได้ แต่คำว่าโอเคขึ้นแล้วไม่ได้หมายความว่าจะเลิกฝันร้ายยามเมื่อนอนหลับ

     

              “ไม่น่าเชื่อว่านายจะมาถึงคนแรก” จอห์นนี่ชะโงกหน้าเข้ามาในห้องโดยสาร ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกับเขาพร้อมเท้าแขนกับข้างหน้าต่าง อีธานยิ้มบาง..มองไปยังประตูห้องโดยสารซึ่งไม่นานยูก็โผล่หัวออกมา คุณชายอาร์ลิงตันยิ้มอย่างร่าเริงก่อนขยับตัวมานั่งข้างจอห์นนี่ซึ่งว่างอยู่ เขามองมันด้วยความหมั่นไส้

     

              “มาถึงตั้งนานแล้วทำไมพึ่งเข้ามาล่ะ”

     

              “พระเอกต้องมาคนสุดท้าย และการปรากฎตัวของฉันต้องยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้!

     

              “โอ้— งั้นเหรอ?” จอห์นนี่หัวเราะ มือหนายื่นกล่องเยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บอตต์ที่พึ่งซื้อก่อนมาที่นี่ให้คนมาใหม่ คุณชายอาร์ลิงตันรับมันมาแต่โดยดีแล้วหยิบเข้าปาก เสียงเคี้ยวหนึบหนับเรียกสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสนิทอีก 2 คนให้หันไปมอง คนพูดมากทำหน้าแหยะก่อนแลบลิ้นทำท่าเหมือนจะบ้วนมันทิ้งซะเดี๋ยวนั้น แต่อีธานก็มือไวกว่ารีบอุดปากเพื่อนตัวดีให้กลืนลงคอ

     

              ยูไอค่อกแค่ก ตวัดตามองเพื่อนซี้ตาเขียว

     

              “ไข่เมอร์ลิน! ขอทีเถอะ..นี่มันรสเล็บเท้า!” เขาแหวลั่น “ฉันสุ่มหยิบกินตั้งแต่ปี 1 จนนี่ก็ปี 7 แล้ว ยังไม่เคยได้กินรสดีๆซักครั้งเลย! ขี้หูบ้างล่ะ เล็บเท้าบ้างล่ะ ไส้เดือนบ้างล่ะ อี๊!

     

              อีธานกับจอห์นนี่หัวเราะก๊าก ก่อนที่พวกเขาจะล้วงมือเข้าไปหยิบมากินคนละเม็ด อีธานเคี้ยวมันก่อนจะเริ่มมีสีหน้าเหยเก

     

              “อืมม อ่า..ให้ตาย นี่มันรสอ้วก” อีธานทำหน้าแหยงบ้าง เขาเหลือบมองจอห์นนี่ ท่าทางปกตินั่นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงได้รสที่มันไม่แปลกพิสดารเหมือนที่เขากับยูได้ คนตัวสูงที่สุดในกลุ่มยิ้มแกนๆ แต่ดูก็รู้ว่าลึกๆแล้วในใจกำลังโล่งใจเป็นอย่างมาก

     

              “ฉันได้รสแตงโม”

     

              “เฮ้ย! ขี้โกงนี่! ทำไมมีนายคนเดียวที่ไม่เคยได้รสพิสดารล่ะ!!” ยูบ่นกระปอดกระแปดพลางชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ เจ้าตัวนั่งกอดอก คว้าคางคกเปปเปอร์มิ้นต์หรือก็คือช็อกโกแลตรูปคางคกขึ้นมากิน โชคยังดีที่รสชาติของเปปเปอร์มิ้นต์ที่หอมอบอวลอยู่ในปากทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ลืมรสชาติของเยลลี่รสเล็บเท้าไปเสียสนิท

     

              พวกเขานั่งทานขนมกันเงียบๆ จนกระทั่งอีธานเริ่มแกะกล่องกบช็อกโกแลต เขาเงยหน้าขึ้นมาเปิดประเด็นสนทนากับเพื่อนสนิททั้งสอง “นายคิดว่าฉันจะได้ใคร”

     

              เขาชูมันขึ้น มันเป็นกล่องสีฟ้าซึ่งบรรจุกบช็อกโกแลตที่มาพร้อมกับการ์ดสะสมรูปพ่อมดแม่มดชื่อดังในสังคมโลกเวทมนตร์ มันเป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนสนิทบ้านเรเวนคลอซึ่งไม่ได้เจอกันนานตลอดช่วงปิดเทอมเดินเข้ามาในห้องโดยสารและหย่อนตัวนั่งข้างเขา

     

    “แล้วนายได้ใครบ้างแล้วล่ะ” ไทเลอร์ ลิซซ์ เงยหน้าขึ้นมาถามทั้งๆที่ในปากยังคงเคี้ยวหมากฝรั่งยี่ห้อดรูเบิ้ลส์อยู่ จริงๆแล้วหมากฝรั่งนี้หากเป่าลูกโป่งออกมา ลูกโป่งจะสามารถลอยได้ทั้งวันโดยไม่แตก แต่แน่นอน..พวกเขาอยู่บนรถไฟ และไทเลอร์ก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้น

     

              อีธานมีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “อัลบัส ดับเบิ้ลดอร์ ทั้งหมด 101 รูป..และไม่เคยได้คนอื่นเลย”

     

              “จริงจัง?

     

              “อืม จริงจัง”

     

              ยูทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ..คงกำลังคิดว่าเขามันบ้าไปแล้ว ในขณะที่จอห์นนี่แค่หัวเราะเท่านั้นเพราะตอนที่เขาแกะกล่องเพื่อเอาการ์ดเจ้าตัวก็อยู่ด้วยตลอด เขาถอนหายใจอย่างปลงตก คิดในใจว่าบางทีเขาอาจจะได้รูปดับเบิ้ลดอร์มาอีกซักรูปเป็นรูปที่ 102..

     

             ขอเถอะ เปลี่ยนเป็นคนอื่นบ้างก็ได้

     

              เขาแกะกล่อง เจ้ากบช็อกโกแลตกระโดดออกมาและไม่ทันที่มันจะโดดออกนอกหน้าต่าง เขาก็คว้ามันเข้าปากเสียก่อน มือแกร่งหยิบการ์ดขึ้นมา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่ได้มันต่างจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้ “ซัลลาซาร์ สลิธีริน

     

              “อ๋อ ซัลลา—“

     

            พรวดดดด!!

     

              น้ำผลไม้ซึ่งพึ่งถูกยูซดเข้าปากพุ่งออกมาแทบจะในทันทีที่อีธานเอ่ยชื่อนั้น แม้แต่จอห์นนี่ที่ปกติจะมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็ยังอ้าปากค้าง ไทเลอร์มองมาที่เขาเหมือนเห็นตัวประหลาด หนังสือที่เจ้าตัวถือไว้ในมือร่วงลงพื้น ทุกคนมองมาทางเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน หูฝาดแน่ๆ..จอห์นนี่คิดว่าตัวเองต้องหูฝาดแน่ๆ

     

              “ใครนะ?

     

              “ซัลลาซาร์ สลิธีริน..หนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์” ย้ำอีกครั้งให้ชัดเจน เหลือบเห็นเพื่อนตัวดีที่สุดแสนจะพูดมากเช็ดปากด้วยกระดาษชำระที่พกพามาจากบ้าน ทั้งสามคนยังคงมองมาที่เขา ก่อนที่ยูจะพุ่งตัวเข้ามาดึงการ์ดในมือของเขาออกไปพร้อมจ้องมันเหมือนมันเป็นของพิสดารที่ไม่ควรมีอยู่ในโลก

     

              “ฉันแปลกใจที่นายได้มัน” จอห์นนี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

     

              “หมายความว่าไง? โอเค ฉันรู้ว่าฉันได้ดับเบิ้ลดอร์มาโดยตลอด มันคงน่าแปลกที่ครั้งนี้ฉันได้คนอื่น— แต่มันน่าตกใจมากรึไง?

     

              “นายรู้มั้ยว่าในบรรดาการ์ดพ่อมดแม่มดชื่อดังทั้งหมด 4 ผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์เป็นการ์ดที่หายากมาก และในบรรดาการ์ด 4 ผู้ก่อตั้ง..การ์ดของซัลลาซาร์ สลิธีรินคือการ์ดที่หายากที่สุด” จอห์นนี่อธิบายอย่างใจเย็น

     

              “จริงๆแล้วไม่เคยมีใครได้มันมาก่อน จนหลายคนคิดว่าการ์ดซัลลาซาร์ไม่มีจริงด้วยซ้ำ” ยูเสริมก่อนชูการ์ดหายากในมือไปมา ภาพเคลื่อนไหวของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งจิบชาอยู่ในนั้น และมันทำให้อีธานรู้สึกทึ่งนิดๆกับสีหน้าจริงจังของเพื่อนที่นานๆทีจะได้เห็น

     

              “นายก็รู้ว่าตามประวัติศาสตร์ ฮอกวอตส์ถูกสร้างขึ้นมาโดย 4 ผู้ก่อตั้ง คือ โรเวน่า เรเวนคลอ เฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ ก็อดดริก กริฟฟินดอร์ และซัลลาซาร์ สลิธีริน แต่ซัลลาซาร์ไม่ต้องการให้พวกที่เกิดจากมักเกิ้ลเรียนที่นี่ สุดท้ายเขาจึงทะเลาะกับผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คนและถูกขับไล่ออกจากฮอกวอตส์” ไทเลอร์อธิบายเสียงเครียด และมันทำให้ลึกๆแล้วอีธานเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา..ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสถานการณ์เฉียดตายที่เกิดขึ้นกับเขาในงานแต่งเจสสิก้า มันทำให้เขาคิดมากเรื่องพวกนี้ง่ายกว่าปกติ

     

              “...แล้วไง”

     

              “นายไม่คิดว่ามันแปลกหรืออีธาน นายได้การ์ดซัลลาซาร์ที่ไม่เคยมีใครได้มันมาก่อน..ทั้งๆที่นายเป็นพ่อมดที่เกิดจากมักเกิ้ล และที่สำคัญซัลลาซาร์เกลียดพวกที่เกิดจากมักเกิ้ล” ยูมีสีหน้าจริงจัง

     

              “....”

     

              “นายจะว่าฉันคิดมากไปก็ได้ แต่รู้อะไรมั้ยพวก— ฉันรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เอาซะเลย”

     

     

     

     

     

    Darker than black

     

     

     

     

     

              เพราะนี่เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน..ห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์จึงคึกคักและถูกประดับประดาด้วยของตกแต่งอย่างสวยงาม อาจารย์ทุกท่านจะนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวข้างหน้าสุด ในขณะที่นักเรียนจะถูกแบ่งให้นั่งตามบ้านแน่นอนว่าริมสุดคือกริฟฟินดอร์..ในขณะที่ริมสุดติดกำแพงของอีกฝั่งคือบ้านสลิธีริน

     

              นักเรียนปีหนึ่งซึ่งพึ่งเข้ามาใหม่ต่างยืนรวมกันอยู่ตรงกลาง ศาสตราจารย์ใหญ่ออกมากล่าวสุนทรพจน์เปิดภาคเรียน ก่อนที่ศาสตราจารย์คนหนึ่งจะเชิญให้นักเรียนปีหนึ่งขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อให้หมวกคัดสรรเลือกบ้านให้

     

              “ปีนี้มีเด็กน่าสนใจบ้างมั้ย” อลิเซีย อิเมลด้า ชะโงกหน้ามาคุยกับเขา สายตาเธอเหลือบมองเขาเพียงครู่เดียวก่อนละความสนใจไปมองเด็กๆซึ่งกำลังคุยกันอย่างตื่นเต้น อลิเซียเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์เสียอีก เธออาศัยอยู่กับมักเกิ้ลครอบครัวหนึ่งซึ่งอยู่ข้างบ้านเขา แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกัน..แต่ก็อยู่บ้านเดียวกัน และเธอกับเขาก็สนิทกันพอสมควร

     

              “ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ”

     

              เธอยกมือขึ้นปิดปากมอง เขาตาโตเหมือนเจอเรื่องน่าเหลือเชื่อ “โอ้— งั้นหรือ?

     

              หลังจากที่คัดสรรบ้านเรียบร้อยแล้วก็เป็นงานเลี้ยงต้อนรับเปิดเทอมภาคเรียนใหม่ ศาสตราจารย์ใหญ่ออกมาพูดถึงกฎระเบียบที่นักเรียนปี 1 ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เขาโบกไม้กายสิทธิ์แล้วอาหารก็วางอยู่บนโต๊ะยาวของนักเรียนทุกบ้าน นักเรียนปีหนึ่งต่างรู้สึกตื่นเต้นกับอาหารหลากหลาย มีทั้งไก่อบ ขนมปัง เค้ก คุ้กกี้ บัตเตอร์เบียร์ น้ำฟักทอง ลูกกวาด และอื่นๆอีกมากมาย อีธานมองเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วลอบยิ้มบาง เขาผ่านประสบการณ์แบบนี้มามาก ปีนี้ก็นับเป็นปีที่ 7 แล้ว..ยังจำได้ดีว่าตอนปี 1 เขาตื่นเต้นแค่ไหนกับการเข้าเรียนวันแรกที่นี่

     

              ถ้าไม่นับอลิเซีย เพื่อนคนแรกที่เขารู้จักที่นี่ก็—

     

              อา ช่างมันเถอะ

     

              ทุกอย่างดำเนินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับหอคนอื่นๆซึ่งไม่ได้เป็นพรีเฟ็คและไม่ได้เป็นนักเรียนปีหนึ่งก็นั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะเดิม ในขณะที่คนเป็นพรีเฟ็คเช่นจอห์นนี่ต้องลุกขึ้นและนำทางเด็กๆปีหนึ่งที่พึ่งถูกคัดสรรเข้าบ้านกริฟฟินดอร์ไปที่หอพัก เขาลุกขึ้นตามเช่นเดียวกับยูและอลิเซีย ได้ยินเสียงจอห์นนี่ตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงพูดคุยจอแจของเด็กๆว่าให้เดินตามตนไป ในขณะที่พรีเฟ็คบ้านอื่นก็ต้องแข่งกันตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้ง

     

              เขาหลุดขำเมื่อมองเห็นสีหน้าเหนื่อยใจของเพื่อนสนิท

     

              สู้ๆนะเพื่อน

     

              “พวกนายจะไปไหน ฉันว่าจะไปห้องน้ำก่อน” อลิเซียว่า เขากับยูมองหน้ากันเล็กน้อย จริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนดี

     

              “งั้นเธอไปก่อนได้เลย เจอกันที่หอ”

     

              เธอหันมามองเขาก่อนยิ้มให้ “โอเค”

     

              สองเพื่อนสนิทเดินคู่กันผ่านเส้นทางที่คุ้นเคย..ก่อนที่เจ้าเพื่อนตัวแสบจะบอกลาแล้ววิ่งไปคุยกับเด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟคนหนึ่งซึ่งอีธานจำชื่อไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาจึงต้องมานั่งเล่นอยู่ริมทะเลสาปดำเพราะยังไม่อยากกลับหอตอนนี้ นัยน์ตาสีฟ้าครามปิดสนิท..ความอ่อนเพลียจากการเดินทางทำให้เขารู้สึกง่วงนอน ตาเริ่มปรือเหมือนพร้อมหลับได้ทุกเมื่อ

     

              หากแต่..อะไรบางอย่างทำให้เขาหลับไม่ลง

     

              นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่สว่างวาบท่ามกลางเปลวเพลิงในคืนนั้นยังคงหลอกหลอนเขาราวกับเงาตามตัว

     

              เขากำมือแน่น รีบหยัดตัวลุกขึ้นในทันทีแล้วเดินไปยังชั้นใต้ดินที่ซึ่งคนที่เขาต้องการตัวน่าจะอยู่ที่นั่น และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด..เหมือนเจ้าตัวเดินออกมาจากหอพักของบ้านสลิธีรินและกำลังเดินผ่านเขาไป

     

              หมับ!

     

              เขาคว้ามือของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายชะงักกึกเหมือนไม่คาดคิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นมองเขาเหมือนเห็นตัวประหลาด ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นมองด้วยสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ ผมสีดำเปียกลู่แนบแก้ม..ชั่ววูบหนึ่งที่อีธานนึกส่งสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มีผู้ติดตามคอยเดินตามหลังเหมือนทุกที

     

              แต่ก็ช่างมันเถอะ

     

              “จับแขนฉันทำไมไม่ทราบ” น้ำเสียงติดจะเย่อหยิ่งและทะนงตนนั้นทำให้เขาเกือบชักสีหน้าใส่ แอบคิดในใจว่าเด็กบ้านสลิธีรินจะเป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือไม่

     

              เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง แค่นหัวเราะในลอคำก่อนพูดจาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท “แค่แปลกใจว่าพรีเฟ็คคนดังบ้านสลิธีรินเดินคนเดียวเป็นด้วยหรือ? ผู้ติดตามสองคนนั้นหายไปไหนซะล่ะ”   

     

              “ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายชอบยุ่งเรื่องคนอื่น” อีธานทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขามองคนตัวเล็กกว่าที่ดูเหมือนจะอยากหลุดจากพันธนาการของเขาเสียเหลือเกิน และมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด ทั้งอย่างนั้นก็พยายามรักษาสีหน้าให้นิ่งและพูดสาเหตุที่ทำให้ต้องบุกมาหาเจ้าตัวถึงที่ออกไป

     

              “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย เกรฟยาร์ด” ออกเสียงเน้นหนักตอนเรียกนามสกุลของคนตัวเล็กกว่า เขาไล่มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

    เทเนส เกรฟยาร์ด เป็นเด็กหนุ่มเลือดบริสุทธิ์ตระกูลเกรฟยาร์ดผู้ครองตำแหน่งพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินและประธานนักเรียนชายของปีนี้ เจ้าตัวสูงน้อยกว่าเขาเกือบสิบเซนติเมตร แต่ก็ยังดูหยิ่งทะนงและน่าเกรงขาม..โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำแซมเขียวของบ้านสลิธีริน นัยน์ตาคมหรี่ตามองเขาอย่างไม่พอใจ เพียงแค่ดูสีหน้าก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงคิดประมาณ แต่ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับนาย อะไรทำนองนั้นแน่ๆ

     

              “นายน่าจะรู้คำตอบของฉันดีอยู่แล้ว” เทเนสเชิดหน้าขึ้นพลางหรี่ตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ นัยน์ตากลมคู่นั้นดูไร้ประกายและค่อนข้างตายด้าน อีธานส่ายหน้า เขากำข้อมือของอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิมเป็นการยืนยันว่าพวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน

     

              และท้ายที่สุดคนตัวเล็กก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน

     

              นั่นอาจจะเพราะส่วนหนึ่งเจ้าตัวไม่อยากให้เรื่องมันยืดยาวไปมากกว่านี้ ในใจคงคิดว่ารีบคุยกับเขาให้จบๆจะได้ไปธุระเสียทีนั่นล่ะ

     

              “ว่ามาสิ นายมีอะไร?” ร่างบางยืนกอดอกเอนหลังพิงกำแพงก่อนถามด้วยสีหน้ารำคาญใจ อีธานยักไหล่ทำทีเมินท่าทางพวกนั้นก่อนถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้

     

              “ช่วงปิดเทอม..นายทำอะไร” คนโดนถามทำเพียงมองเขานิ่งๆเท่านั้น ใช้เวลาพักใหญ่กว่าเจ้าตัวจะยอมตอบออกมา แต่คำตอบนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกพอใจมากนัก เขาคิดว่าเทเนสกำลังเบี่ยงประเด็น

     

              “จะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน เราไม่ได้สนิทกัน ฉันจำเป็นต้องบอกนายด้วยหรือ?

     

              “ตอบดีๆไม่ได้รึไง จะไปทำธุระไม่ใช่เหรอ?” พรีเฟ็คคนเก่งแห่งบ้านสลิธีรินชักสีหน้าเล็กน้อยโดยที่ไม่ให้ใครอีกคนได้ทันสังเกต เขาจ้องนัยน์ตาสีฟ้าครามของคนถาม เหลือบมองรอบข้างก็เห็นว่าทุกคนที่เดินผ่านไปมากำลังมองมาที่พวกเขาอย่างสนใจ เทเนสกรอกตาไปมา เขาตอบโดยเน้นเป็นคำและออกเสียงๆดังฟังชัด

     

              “ฉันอยู่กับอาจารย์เบอร์ลิน ช่วยเขาทำงาน ถ้านายไม่เชื่อ..ก็ลองไปถามเขาดู”

     

              อีธานไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยซักนิด แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับดูจริงจังและไม่ฉายแววล้อเล่นหรือพิรุธใดๆให้รู้สึกว่ากำลังโกหก

     

              “เพราะงั้นช่วยปล่อยมือด้วย ฟรอสต์” มือบางข้างนั้นสะบัดมือออกจากเขาอย่างแรงจนเขารู้สึกวูบโหวงในใจเล็กๆ นัยน์ตาสีมรกตที่มองเขาช่างดูห่างเหินจนน่าหงุดหงิด เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ เห็นเด็กบ้านงูยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แต่พอเจ้าตัวจะเดินผ่านไปก็เผลอจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ จนเทเนสถึงกับครางเสียงต่ำในลำคออย่างหงุดหงิด

     

              “มีอะไรอีก?

     

             นั่นสินะ..เขารั้งอีกฝ่ายไว้ทำไม คิ้วขมวดมุ่นอย่างคิดไม่ตก รู้ตัวอีกทีก็เผลอปล่อยข้อมือของอีกฝ่ายเสียแล้ว มันเป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนทั้งสองของพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินเดินมาตาม พวกนั้นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆเหมือนกำลังแสกนว่าเขาได้ทำร้ายร่างกายเพื่อนตัวเองหรือไม่

     

              เด็กสาวคนหนึ่งมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม เธอเชิดหน้าขึ้น กรีดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “นายมันเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ โอ้— ใช่ อีธาน ฟรอสต์ พวกเลือดสีโคลน

     

              คำที่ เจนนิเฟอร์ สโนว์ฮาร์ท เรียกเขามันทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ แม้แต่สายตาหรือการกระทำของเธอก็ทำให้เขารู้สึกแย่ มันเหมือนกับว่าในสายตาเธอเขาเป็นคนต่ำต้อยไร้ค่า และใช่..มันทำให้เขาไม่อยากอดทนยืนอยู่ตรงนี้ให้โดนหยามหน้าเป็นว่าเล่นแม้เพียงเสี้ยววินาที เมื่อลองคิดดูดีๆก็สงสัยตัวเองว่าเพียงแค่อยากถามเรื่องนั้นทำไมถึงต้องถ่อมาถึงถิ่นของพวกเด็กบ้านงูด้วย?

     

              “ไม่เคยมีใครสอนมารยาทเธอรึไงว่าไม่ควรมองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้น สโนวฮาร์ท” อีธานว่าด้วยน้ำเสียงขึงขัง เชื่อเถอะว่าหากอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงเขาคงไม่รอช้าที่จะพุ่งไปต่อยตั้งแต่ริมฝีปากรูปกระจับนั่นพูดคำนั้นออกมา

     

              “ไม่เอาน่าเจนนี่ ใจเย็นก่อน” คนที่ห้ามทัพในครั้งนี้คือ จูลิโอ้ แอชเบิร์น เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อเจ้าของผิวขาวซีดและนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มราวกับสีของมหาสมุทร เป็นหนึ่งในคนที่มักตามติดเทเนสเวลาไปไหนมาไหน (เช่นเดียวกับเจนนิเฟอร์) อีกทั้งยังเป็นคนดังที่ใครๆก็รู้จักเพราะความหน้าตาดีและความเป็นสุภาพบุรุษ จนถูกเรียกว่าเจ้าชายแห่งบ้านสลิธีริน

     

              อีธานทำสีหน้าเหยเก..ยิ่งชมยิ่งอยากจะตัดปากตัวเองทิ้ง

     

              ตั้งแต่อยู่ฮอกวอตส์มา 7 ปี เขาไม่เคยเข้ากับเด็กบ้านอสรพิษได้..โดยเฉพาะจูลิโอ้กับเจนนิเฟอร์ จำได้ว่าช่วงแรกๆที่เข้าฮอกวอตส์เขากับเจนนิเฟอร์กัดกันทุกครั้งที่มีโอกาส ส่วนจูลิโอ้น่ะหรือ? ไม่รู้สิ แค่ไม่ชอบ หมายถึง..ไม่ถูกชะตากับหมอนั่นเลยไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วย

     

              “นายจะไปไหนก็ไป” คนตัวเล็กปรายตามองเขาด้วยสีหน้าเฉยชา แม้จะยังอยากอยู่ต่อปากต่อคำกับผู้หญิงคนนั้นอีกซักหน่อย แต่เขาก็จำต้องเดินกลับไปยังหอพักกริฟฟินดอร์อย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อถูกออกปากไล่ขนาดนั้นแล้วจะหน้าด้านอยู่ต่อไปก็กระไรอยู่ พูดตามตรง..เขาหงุดหงิดมากเสียจนเผลอตีหน้ายักษ์ใส่ทุกคนที่เดินผ่าน พาลให้คนเหล่านั้นพากันเดินหลบเขาเพราะไม่อยากมีเรื่อง

     

              และเพราะมัวจมอยู่กับความคิดของตัวเอง..เขาจึงไม่ทันได้ฟังเสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินผ่านไปมา

     

              “นั่นซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์ไม่ใช่หรือ?

     

              “เขามาทำอะไรแถวนี้กัน”

     

              “แล้วเมื่อกี้..เขาคุยกับคุณเกรฟยาร์ด?

     

              “นี่มันบ้าไปแล้ว!

     

     

     

     

     

    Darker than black

     

     

     

     

     

              หอพักบ้านสลิธีรินในยามเช้ายังคงไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเพราะอยู่ชั้นใต้ดินของปราสาทฮอกวอตส์ เทเนสหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียง..บิดร่างกายเล็กน้อยจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น คิดว่าเมื่อคืนเขาคงจะเดินตรวจตราโรงเรียนนานเกินไป ร่างกายจึงไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ

     

              ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของจูลิโอ้ซึ่งเดินมาหาเขาพร้อมถาดอาหารในมือ ในนั้นมีไก่อบและน้ำฟักทองที่เขาชื่นชอบ..รวมถึงขวดแก้วสีใสซึ่งบรรจุของเหลวสีฟ้าใสดูคล้ายสีน้ำทะเล

     

              “นั่นอะไร?

     

              จูลิโอ้คลี่ยิ้มหวาน เขาชูมันขึ้นมาก่อนพูดด้วยเสียงทุ้มมีเสน่ห์นั่น “ยาที่ศาสตราจารย์เอคิลล์บอกให้ฉันเอามาให้นาย”

     

             ศาสตราจารย์เบอร์ลิน..?

     

              เขาพยักหน้ารับก่อนยอมทานมันจนหมด และนั่นรวมถึงอาหารที่อีกฝ่ายเอามาให้เขาถึงห้องเพราะรู้ว่าวันนี้เขาไม่อยากไปทานที่ห้องโถงใหญ่ เทเนสวางมือไว้บนตัก..มองเพื่อนสนิทในวัยเด็กซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาด้วยสายตาอ่านยาก

     

              “เดี๋ยวช่วงบ่ายเราต้องเรียนวิชาปรุงยากับบ้านไหน” เขาถาม

     

              ในแต่ละคาบเรียนในฮอกวอตส์จะสุ่มเรียนคาบละ 2 บ้าน เช่น วิชาปรุงยาในวันนี้สลิธีรินอาจเรียนคู่กับเรเวนคลอ แต่วันพรุ่งนี้ในวิชามักเกิ้ลศึกษาพวกเขาอาจได้เรียนคู่กับกริฟฟินดอร์ก็เป็นได้ และแน่นอนว่าวันไหนที่ได้เรียนกับกริฟฟินดอร์..วันนั้นจะเป็นวันที่ห้องเรียนวุ่นวายที่สุดวันหนึ่ง

     

              “ฮัฟเฟิลพัฟ”

     

              “งั้นหรือ? ก็ดี” ร่างเล็กเอนตัวนอนลงบนเตียงของตนพลางปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกล้าไปทั้งร่าง..อาจเพราะไม่ได้เดินตรวจตราโรงเรียนทั้งคืนแบบนี้มานานแล้วทำให้ร่างกายไม่ค่อยคุ้นชินกับการอดหลับอดนอน โชคดีนักที่วันนี้เขามีเรียนเพียงช่วงบ่าย จึงสามารถใช้เวลาช่วงเช้าในการพักผ่อนได้เต็มที่ เขาลืมตาขึ้น..เหม่อมองเพดานพลางความคิดก็เริ่มล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย

     

              ความภาคภูมิใจของสลิธีริน ตัวแทนของสลิธีริน ผู้นำของบ้านสลิธีริน ต้นแบบของสลิธีริน สลิธีรินผู้สมบูรณ์แบบ

     

              นั่นคือสิ่งที่คนนอกเรียกเขา..หากแต่ฉายาพวกนั้นกลับกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้เขาถีบตัวเองเพื่อที่จะขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงกว่าที่ตัวเองเคยอยู่ เอาชนะตัวเองในอดีต พร้อมกันนั้นก็ไม่ปล่อยให้ใครก็ตามขึ้นมาเทียบชั้นได้ วางตัวเองเป็นจุดสูงสุดของที่แห่งนี้...

     

              “เลิกคิดอะไรได้แล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากโซฟา

     

              “นายพักเถอะ ฉันจะเฝ้าอยู่ตรงนี้เอง” รอยยิ้มละไมของเพื่อนวัยเด็กส่งผลให้พรีเฟ็คประจำบ้านเผลอพยักหน้ารับอย่างลืมตัว เขาหลับตาลง ปัดเรื่องทุกอย่างที่คิดออกไปจากสมอง และไม่นานก็ตกอยู่ในห้วงนิทรา

     

              กลับมาทางฝ่ายกริฟฟินดอร์ซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่กับการตบตีกันของเด็กปี 5 และปี 7 อีธานมองเพื่อนสนิทที่ยังคงเถียงกับรุ่นน้องไม่เลิกอย่างปลงตก อย่าว่าแต่เด็กมันเลย..คุณชายอาร์ลิงตันนี่ก็นิสัยเด็กไม่ต่างกันนัก จอห์นนี่กับอลิเซียเดินมานั่งข้างเขา มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นหนังตลกเรื่องหนึ่ง

     

              “โคตรปัญญาอ่อน” อลิเซียว่า และมันทำให้ยูฉุนกึก เขามองเธอตาเขียวก่อนสาวเท้าเข้ามาใกล้พร้อมกระแทกขวดน้ำลงบนโต๊ะเสียงดัง

     

              “เธอว่าใครปัญญาอ่อนไม่ทราบ ยัยบ้าพลังช้าง!

     

              “นายไม่อยากตายดีใช่มั้ย”

     

              ยูมองหญิงสาวด้วยสีหน้าขึงขัง เขากำหมัดยกแขนขึ้นทำท่าเหมือนจะต่อยเธอ

     

    ก่อนจะก้มลงไปหมอบแทบเท้าและกอดขาเธอเหมือนกำลังขอร้องอ้อนวอนให้เธอไว้ชีวิตเขาด้วย “ขอโทษครับคุณหญิง”

     

              “น่าสมเพชชะมัดไอคุณชายเอ้ย เป็นกัปตันทีมควิดดิชซะเปล่าแต่ดันทำตัวบ้าๆบอๆ เด็กมันจะไม่เคารพก็ไม่แปลก” จอห์นนี่หัวเราะ เช่นเดียวกับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์คนอื่นในห้องนั่งเล่นที่ต่างพากันหัวเราะครืนกับเหตุการณ์น่าขบขันตรงหน้า อาร์ลิงตันเบะปากสอดส่องสายตามองหาตัวช่วย ก่อนจะไปหยุดลงที่อีธานซึ่งมองหน้าเขาอย่างเหม็นเบื่อ เหมือนกำลังดูว่าเขาจะทำอะไรต่อไป

     

              “เฮ้— อีธาน ได้ข่าวว่าเมื่อวานนายบุกไปหาเกรฟยาร์ดถึงถิ่นอสรพิษนี่” และได้ผล ทุกคนละสายตาจากยูไปมองซีกเกอร์มือหนึ่งของบ้าน จนแม้แต่เจ้าตัวเองยังหน้าเหวอซึ่งมันดูตลกสุดๆ

     

              “รู้ได้ไง?

     

              “พวกเด็กบ้านงูคุยกันให้แซ่ด นายไม่ได้ไปกินข้าวที่ห้องโถงเมื่อเช้าเลยไม่รู้” อลิเซียอธิบายพลางลอบยิ้มมุมปาก อีธานเสยผมขึ้นลวกๆ มองทุกคนในหอซึ่งกำลังสนใจเรื่องของเขาเป็นอย่างมาก

     

              “ก็ไม่มีอะไรนี่”

     

              “แต่จับมือกันด้วย?” จอห์นนี่เสริมและมันทำให้เด็กหนุ่มวางสีหน้าไม่ถูกอีกครั้ง “ฉันแค่มีเรื่องจะถามเจ้านั่นเอง ไปๆ ไม่ต้องมาสนใจฉัน พวกเด็กๆก็ไปเรียนกันได้แล้ว!

     

              ทุกคนส่งเสียงเหมือนกำลังเสียดายที่พลาดข้อมูลสำคัญในวันนี้ พวกเขาพากันออกจากห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์เพื่อแยกย้ายกันไปเรียน ในห้องตอนนี้จึงมีเพียงเขา อลิเซีย จอห์นนี่ ยู และเด็กกริฟฟินดอร์คนอื่นๆอีกไม่กี่คนเท่านั้น

     

              “เฮ้ ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรหรอกนะ” อลิเซียยักไหล่ เธอลุกขึ้นยืนก่อนมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

     

              “แต่นายไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเกรฟยาร์ด”

     

              “หมายความว่าไง?

     

              “โธ่— รู้อะไรมั้ยอีธาน หากฉันเป็นนาย เทเนส เกรฟยาร์ด จะเป็นเด็กบ้านสลิธีรินคนสุดท้ายที่ฉันคิดจะเข้าไปยุ่งด้วย”

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++

    06/10/2018

              รู้สึกเหมือนภาษาที่ใช้มันแปลกๆ ;-;

              จริงๆเรื่องนี้ไม่ได้ยุ่งยากซักซ้อนเลยค่ะ เราไม่ได้ผูกปมแก้ยากขนาดนั้น โดยเฉพาะช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังปมจะเยอะขึ้นอีกหน่อย เทเนส – เตนล์ , จูลิโอ้ - แจฮยอน , เจนนิเฟอร์ – เจนนี , ไทเลอร์ - แทอิล , อลิเซีย – ลิซ่า

              อิมเมจก็จะประมาณนี้ค่ะ ส่วนตัวค่อนข้างชอบยู..เพราะเป็นตัวละครที่เขียนแล้วรู้สึกบันเทิงมาก ไม่เครียดด้วย ตัวที่เขียนยากสุดในตอนนี้ก็คือเทเนสกับจูลิโอ้ เขียนทีปวดหัวเหมือนอดหลับอดนอนเลยค่ะ TT

              ถ้าข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดสามารถท้วงติงได้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกคอมเม้นค่า ><

             

     

               

     

             

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×