ตอนที่ 46 : ถอดรูป
เรือนร่างระหงในชุดราตรีสีโอรส มีสายสปาเก็ตตี้เส้นเล็กๆ เกาะอยู่ที่หัวไหล่กลมกลึงของผิวขาวผ่องนวลเนียนสายตา เซ็ทผมยาวสลวยโดยใช้กิ๊บเพชรอันเล็กเหน็บผมทั้งสองข้าง เปิดให้เห็นดวงหน้าเรียวได้รูป แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางๆ แต่ก็ช่วยขับเครื่องเคราบนใบหน้าให้ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นไปอีก
ภูวฤทธิ์ยังเผลอมองอย่างตกตะลึงไป เพราะค่ำคืนนี้บัวชมพูสวยเสียจนเขานึกอิจฉาผู้กองธันวาที่ควงคู่มากับเธอ
“คุณบัว คุณบัวครับ”
ธีระภพโบกมือทักทาย หญิงสาวเห็นก็ยิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“โอ้โห...สวยเสียจนพี่จำแทบไม่ได้นะคะน้องบัว”
วิภาดาทักหญิงสาว
บัวชมพูยิ้มเขินๆ เธอมีชุดราตรีเพียงชุดเดียวที่ตัดมาเพื่อใส่ในงานเลี้ยงรุ่นฉลองเรียนจบเมื่อปีก่อน และก็ไม่ได้ใส่ออกงานที่ไหนอีก เมื่อภูวฤทธิ์ชักชวนจึงเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ใช้มันให้คุ้มค่ากับราคาค่าตัดที่แพงเอาการอยู่
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมนึกว่าคุณจะไม่มาเสียอีก”
“ต้องมาสิคะ คุณฤทธิ์สั่งเอาไว้”
ดวงตาหวานปรายไปมองคนที่ยืนหน้าตึงข้างวิภาดา
จนถึงบัดนี้ บัวชมพูก็ยังไม่รู้ว่าภูวฤทธิ์โกรธเคืองเธอด้วยเรื่องอะไรกัน เขาปั้นปึ่ง ไม่พูดไม่จากับเธอเลย
หรือเป็นเพราะเรื่องคืนนั้น...เขาคงรู้สึกผิดที่เผลอจูบเธอเข้า ถึงได้พยายามอยู่ห่าง ซึ่งอันที่จริงมันก็ดีแล้วสำหรับทั้งเธอและเขา แล้วทำไมเธอยังต้องคิดมากอีก
ทั้งธันวา ธีระภพและวิภาดาเคยรู้จักกันแล้ว เมื่อครั้งที่เธอพาภีรภัทรไปเยี่ยมมีมี่ที่ออกอีสุกอีใส พวกเขาจึงทักทายกันเป็นอันดี
“พอดีเราเป็นลูกค้าของบริษัทคุณฤทธิ์เหมือนกันครับ”
ธีระภพบอกเมื่อเห็นเธอทำหน้าประหลาดใจที่พบเขาและพี่สาวในงานนี้
“โลกกลมจังเลยนะคะ”
หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะ
“คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น”
ใช่...โลกกลมจริงๆ ที่รวมผู้ชายที่เขานึกไม่ชอบหน้ามาไว้ในงานนี้ทั้งหมด
“คุณบัว”
น้ำเสียงทักทายเรียกสายตาของทุกคนในวงสนทนาให้หันไปมอง
นัธนัยกำลังเดินตรงมาทางนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยินดีอย่างไม่มีปิดบัง
“สวัสดีค่ะคุณนัย”
“สวัสดีครับ...โอ้โห...วันนี้คุณบัวสวยเสียจนผมแทบหยุดหายใจทีเดียว”
คำพูดหยอกเย้าของนัธนัย ทำให้ภูวฤทธิ์ยิ่งหน้าตึงเขาไปใหญ่ ยิ่งเมื่อหญิงสาวยิ้มแย้มรับคำชม พร้อมโอภาปราศรัยกับสามหนุ่มเป็นอันดี กระทั่งมาร่วมวงสนทนาเดียวกันราวกับคนคุ้นเคย
ภูวฤทธิ์รู้สึกว่าบัวชมพู่ช่างเปล่งประกายออร่าความสวยและสง่างามเหลือเกินในค่ำคืนนี้ เธอโดดเด่นสะดุดตา จนผู้ชายคนไหนๆ ก็พากันหันมามอง ในหัวเขากำลังเกิดพายุหมุนลูกย่อมๆ ด้วยความรู้สึกหวงแหนอย่างรุนแรง ไม่อยากให้เธอพูดคุยกับผู้ชายคนไหน ไม่อยากให้เธอยิ้มให้ใคร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกดังว่าทำให้เขาอึดอัดจนอกแทบระเบิดเลยทีเดียว
“คุณฤทธิ์คะ ได้เวลาพิธีการบนเวทีแล้วค่ะ”
ปิยะมาศเดินมากระซิบบอกเจ้านาย
“ครับ เดี๋ยวผมไป”
แต่หัวจิตหัวใจของเขายังไม่สงบนิ่ง สายตาพลอยแต่จะกระหวัดไปมองบัวชมพู ถ้าขืนเป็นอย่างนี้เสียสมาธิแน่ๆ ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านั้น เขาก็ตัดสินใจ
“บัวชมพู”
“ขา”
ใบหน้าสวยหวานหันมาขานรับคำด้วยเสียงหวานจับจิตจับใจ
จนทำให้เขานึกอยากเดินแหวกกลางวงสนทนาที่เต็มไปด้วยผู้ชายที่มองเธอด้วยสายตาวับๆ วาวๆ ราวกับหมาป่ากำลังโลมเลียเหยื่ออันโอชะก่อนจะกระโจนเข้าไปขย้ำ...แล้วจูบ...จูบ...จูบ...ให้หนำใจ ประกาศให้ผู้ชายทุกคนในที่นี่รู้ว่า เธอเป็นสมบัติของเขา ห้ามใครหน้าไหนเข้ามาแหยมทั้งนั้น
สมบัติของเขา?
ใช่สิ เธอคือภรรยาที่ตกทอดมาจากบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ควรจะเป็นของเขาไม่ถูกหรือไง?
“ไปกับผม”
ไม่ว่าเปล่า มือหนายื่นมาฉุดแขนเธอ เดินออกจากวงสนทนามาหน้าตาเฉย คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้น ที่จะกันไม่ให้ผู้ชายคนไหนๆ ได้ขายขนมจีบเธอ
“ไปไหนคะคุณฤทธิ์...ฉันไม่ขึ้นเวทีนะคะ”
น้ำเสียงตื่นถามอย่างตระหนกนิดๆ ที่ถูกจู่โจมถึงเนื้อถึงตัวอย่างรวดเร็ว จากคนที่เฉยชาและมีทีท่าว่าไม่อยากตอแยกับเธอ
“เรียกแทนตัวเองใหม่”
เสียงแข็งดุ
“เอ่อ...บัวไม่ขึ้นไปบนเวทีนะคะ?”
เพราะที่นั่นเธออาจจะถูกแนะนำให้ทุกคนรู้จักว่าอยู่ในฐานะอะไร?
เธอไม่ได้เป็นภรรยาของคุณภูมิชาติจริงๆ แค่โกหกเขา...โกหกคนในบ้านอัครเดชาชาญ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองบาปหนาเหลือเกิน
“ทำไมล่ะ? อีกไม่ช้า คุณก็จะเข้ามาทำงานที่บริษัท”
“แต่ฉัน...เอ่อ...บัว...”
ภูวฤทธิ์ไม่ได้สนใจท่าทีอ้ำอึ้งของเธอ เขายังคงเดินดุ่มๆ พร้อมกับจูงเธอไป แน่นอนว่ามันเรียกความสนใจจากทุกสายตาที่ได้เห็น พร้อมกับความสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับภูวฤทธิ์ อัครเดชาชาญ
“ฝากด้วยนะครับคุณมาศ”
แต่ก่อนที่หัวใจเธอจะวายด้วยความตื่นเต้น เขาก็ยอมปล่อยมือเธอ ฝากฝังไว้กับผู้หญิงวัยกลางคนที่ชื่อคุณมาศ แล้วเดินขึ้นไปบนเวที
“คุณเป็นแฟนคุณฤทธิ์หรือคะ?”
เลขาสาวใหญ่รวบรวมความกล้าถาม รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
บัวชมพูหน้าเหรอหรา ก่อนจะสั่นหน้านิดๆ ยิ้มเจื่อน
“เปล่าค่ะ ฉันเป็น...เอ่อ...ภรรยาคุณภูมิชาติ”
เธอต้องโกหกคนเพิ่มอีกคนแล้ว
ปิยะมาศอ้าปากหวอ ไม่คาดฝันว่าเรื่องที่เขาเม้าธ์ๆ กันจะเป็นเรื่องจริง ผู้หญิงตรงหน้า ทั้งสาวและสวยเกินกว่าจะให้เชื่อไปอย่างนั้น หากบอกว่าเป็นแฟนของภูวฤทธิ์ยังน่าเชื่อเสียมากกว่า
“งั้นคุณคงเป็นแม่คุณภีม?”
“ค่ะ”
ใบหน้าสวยผงกรับ
ปิยะมาศคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเคยเห็นใบหน้าสวยๆ นี้ที่ไหนมาก่อน จึงนึกออกว่า หญิงสาวคือเด็กฝากพิเศษที่ภูวฤทธิ์ให้เธอนำเอกสารหลักฐานไปให้จรรยานั่นเอง อย่างนี้แล้วในอีกไม่ช้า เจ้าหล่อนก็คงจะเข้าไปทำงานที่ PCA Packaging
“ฉันชื่อปิยะมาศค่ะ เป็นเลขาของคุณฤทธิ์”
บัวชมพูยกมือขึ้นไหว้ อีกฝ่ายรีบรับไหว้อย่างตกใจ
“ฉันชื่อบัวชมพูค่ะ”
“ยินดีรู้จักนะคะคุณบัวชมพู ดิฉันเคยเป็นเลขาของคุณภูมิชาติมาก่อนเหมือนกัน น่าเสียดายที่เราไม่เคยรู้จักกันก่อนหน้านี้”
บัวชมพูยิ้มเจื่อน ทำหน้าไม่ถูก แต่แล้วเสียงพิธีกรบนเวทีก็เรียกความสนใจของเธอและคนในงานให้จับจ้องมองไป ไฟในงานถูกหรี่ลง แสงไฟฟอโล่จับที่ร่างสูงสมาร์ทผึ่งผายของชายหนุ่มที่ก้าวขึ้นยืนอยู่หลังโพเดี่ยมบนเวทีอย่างสง่างาม ภูวฤทธิ์กำลังกล่าวต้อนรับแขกในงาน ก่อนจะแสดงวิสัยทัศน์และกล่าวขอบคุณทุกคนอีกครั้ง เวลาแค่ห้านาที แต่สุทรพจน์ของชายหนุ่มช่างจับใจคนฟัง จนได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
![]() |
|
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
