ตอนที่ 45 : ทำตัวไม่ถูก
“ว่าไงล่ะบัว?”
“เอ่อ...ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่คะ...คุณฤทธิ์อยากให้บัวเลี้ยงตาภีมให้เต็มที่ แต่พอรู้ว่าบัวอยากทำงาน เธอก็ชวนไปทำงานที่บริษัท”
และบัวชมพูก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ถึงเรื่องที่ชายหนุ่มเอ่ยปากชวนไว้เมื่อหลายวันก่อน
“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ พี่ธันวาว่างไหมคะ?”
“ไม่แน่ใจนะ เดี๋ยวต้องดูตารางเวรก่อน บัวมีอะไรหรือเปล่า?”
“จะมีงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า คุณฤทธิ์ชวนบัวไปงานด้วย แต่บัวไม่เคยไปงานเลี้ยงใหญ่โตหรูหรา ไม่รู้ว่าต้องทำหน้าทำตัวยังไง เลยอยากชวนพี่ธันวาไปเป็นเพื่อน”
“อื้ม...เอาสิ...ต่อให้มีเวรพี่ก็จะแลก วันอาทิตย์ใช่ไหม?” ผู้กองหนุ่มหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็กตารางงานและการนัดหมาย ก่อนจะยิ้มกว้าง
“พี่ว่างพอดีเลย ยินดีให้บัวควงจ๊ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
รอยยิ้มหวานกล่าวขอบคุณ โดยไม่รู้ว่าคนที่หายไปจากกรอบหน้าต่างยังมองลงมาอยู่
ในหัวใจของภูวฤทธิ์ตอนนี้กำลังร้อนรุ่มไปด้วยรู้สึกริษยาผู้กองหนุ่มหน้าหล่อคนนั้น นับวันเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทุกอย่างในความคิดมันขัดแย้งกันไปหมด บอกตัวเองว่าผู้หญิงคนนั้นอันตราย ควรที่จะอยู่ให้ห่าง แต่กลับคิดถึง อยากกอดอยากจูบลูบโลมสัมผัสเธอ ทั้งที่รู้ดีว่าบัวชมพูเป็นผู้หญิงต้องห้าม เขาเพิ่งรู้เหตุผลที่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ทั้งที่รู้ว่าจะตายแดดิ้น แต่ก็ห้ามปรามความปรารถนาในแสงสีที่ยั่วยวนนั้นไม่ได้
“ยังไม่ไปเตรียมตัวอีกหรือคะคุณฤทธิ์?”
เสียงทักของปิยะมาศดึงเขาให้หลุดจากภวังค์ความคิด หลังจากนั่งหน้าจอแล็ปท็อปมองดูรูปถ่ายในวันที่ไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของน้องชาย ในภาพมีเขาที่กำลังอุ้มภีรภัทร บัวชมพูยืนข้างๆ ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข
และวันนั้นเขาก็มีความสุขมากจริงๆ วันของครอบครัว ภาพที่ดูเหมือนพ่อ แม่ ลูก และเขาก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น หากเป็นไปได้ เขาอยากเป็นบิดาแท้ๆ ของน้องชายตัวเอง
“กำลังจะไปครับ”
เขาจัดการปิดคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย ใบหน้าเหนื่อยๆ ยิ้มออกมา แต่เป็นยิ้มที่คนเห็นรู้สึกเพลียตามไปด้วย
“คุณฤทธิ์ไม่สบายรึเปล่าคะ?”
ปิยะมาศหรี่ตามอง ถามเจ้านายหนุ่มอย่างห่วงใย
“อื้ม...ผมแค่เหนื่อยๆ นิดหน่อยนะ ไม่เป็นไร”
ไปถึงโรงแรมเขาน่าจะมีเวลาสักชั่วโมงให้นอนงีบก่อนจะแต่งตัวเพื่อขึ้นไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“ไหวแน่นะคะ?”
ปิยะมาศยังไม่สบายใจ
“ไหวครับ ผมไม่เป็นอะไร ไว้เจอกันในงานนะครับ” ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ หยิบเสื้อนอกมาพาดแขน
“แต่งตัวให้หล่อๆ เลยนะคะ”
เลขาว่ายิ้มๆ
เขาเพียงผงกหน้ารับ แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน อดคิดไม่ได้ว่าบัวชมพูจะไปหรือเปล่า? แต่เขาไม่ได้กลับบ้าน เพราะกลัวว่ารถติดจะทำให้เสียเวลาจึงเลือกที่จะเปิดห้องในโรงแรมนั้นเพื่อพักผ่อนและแต่งตัว และเผื่อว่าจะดื่มจากงานเลี้ยงด้วย ปลอดภัยไว้ก่อน
ปิยะมาศจัดแจงเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เจ้านายให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จึงกลับออกมาหยิบกระเป๋าเพื่อจะไปร้านเสริมสวยแต่งตัวสำหรับไปงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าของบริษัทที่จัดขึ้นในค่ำวันนี้
ดวงตาเหลือบเห็นซองเอกสารปิดผนึกแน่นหนาที่จ่าหน้าซองถึงภูวฤทธิ์ ‘เอกสารสำคัญ ลับเฉพาะ’ ก็ชะงัก
“ตายแล้ว...ลืมเอาให้คุณฤทธิ์ได้ยังไง ชักแก่แล้วนะเรา”
เธอส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบซองเอกสารใส่กระเป๋า เพื่อจะตามลงเอาไปให้ข้างล่าง แต่เมื่อมาถึงลานจอดรถ ภูวฤทธิ์ก็ขับรถออกไปแล้ว
“เอ้า! ไม่ทันอีก เดี๋ยวค่อยเอาไปให้ที่โรงแรมก็ได้”
เลขาสาวบ่นงึมงำ แล้วรีบกลับไปที่รถของตัวเอง ขับไปยังร้านเสริมสวยที่นัดไว้ เดี๋ยวไม่ทันกันพอดี
มวลความเครียดห่อหุ้มอยู่รอบตัวเขา ภูวฤทธิ์ไม่อาจสลัดมันออกไปได้ แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มแจ่มใส่ทักทายคนนั้นคนนี้ตามที่คุณสมิธบิดาของนัธนัยซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการคนหนึ่งของบริษัทแนะนำให้รู้จัก แต่มันก็เป็นไปตามมารยาทเท่านั้น
“อ้าว สวัสดีคุณธี หนูวิภาดา แล้วนี่คุณสุทัศน์ไม่มาด้วยหรือ?”
“ช่วงนี้คุณพ่อไม่ค่อยสบายครับ คุณหมอสั่งให้พักผ่อน เลยส่งผมกับพี่วิภาดามาเป็นตัวแทน” เสียงฟังดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาก่อน แต่ภูวฤทธิ์ไม่ได้หันไปสนใจ เขาถูกแนะนำให้รู้จักใครต่อใครมากมายเหลือเกินในค่ำคืนนี้ นั่นเพราะ PCA Packaging มีลูกค้าอยู่ทุกหัวระแหงในประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์มาเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ถึง18% ทีเดียว
“คุณฤทธิ์ครับ”
สมิธแตะที่ข้อศอกเรียกหลานชาย
ร่างสูงสมาร์ทในชุดสูทอาร์มานี่หมุนตัวกลับมา สายตาเขาก็ปะทะเข้ากับคนหน้าคุ้น
“อ้าว! คุณนั่นเอง”
ธีระภพเป็นฝ่ายทักขึ้นมาก่อน
“รู้จักกันแล้วหรือครับ?”
สมิธมองทั้งสองฝ่ายพร้อมคาดเดา
“ครับ เราเคยเจอกันมาก่อนแล้ว อย่าบอกนะว่าคุณคือ...”
ธีระภพหรี่ดวงตาลงมองชายหนุ่มในชุดสูทที่ดูสง่าราศีจับอย่างประเมิน
“ลูกชายคนเดียวของคุณภูมิชาติ ที่ตอนนี้รักษาการณ์ตำแหน่งประธานของ PCA Packaging ครับ”
อาเขยของเขาช่วยแนะนำอย่างเป็นทางการ
“ส่วนนี่คุณธีระภพกับคุณวิภาดา ทายาทรุ่นที่สองของท็อปฟู้ด โปรดักส์ลูกค้ารายใหญ่ของเรา”
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ”
ภูวฤทธิ์ค้อมศีรษะให้เขา สมิธเห็นว่าทั้งสองฝ่ายรู้จักกันมาบ้างแล้ว จึงปล่อยให้พวกเขาคุยกันตามสบาย ส่วนตัวเองไปรับรองแขกที่เพิ่งมาถึง
“แล้วคุณบัวชมพูไม่มาด้วยหรือครับ?”
ดวงตาตี่ๆ สอดส่ายสายตามองหา
อารมณ์ที่พยายามข่มให้สงบนิ่ง ถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของหญิงสาว
“ผมยังไม่เห็นเธอเหมือนกัน”
“นั่นไงคะ คุณบัวชมพู”
วิภาดาชี้ให้ทั้งสองหนุ่มซึ่งหันไปดูพร้อมๆ กัน
ดวงตาของทั้งคู่ทอประกายเจิดจ้าในภาพที่สายตาเห็น และภาพนี้จะสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด หากไม่มีผู้ชายอีกคนที่เดินมาเคียงข้างกันกับเธอ
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
![]() |
|
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
