ตอนที่ 44 : หวั่นไหวแปลกๆ
“บัวขอพาลูกขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”
เขาเพียงผงกหน้า เดินเข้าหามุมส่วนตัวเพื่อรับโทรศัพท์ ปริยะโทรมาคงมีความคืบหน้าเรื่องที่เขาสั่งเอาไว้
“เรื่องเอกสารที่คุณฤทธิ์ให้ผมจัดเตรียมไว้ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วนะครับ”
ภูวฤทธิ์กลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผาก ทั้งสับสน ทั้งสงสัย ทุกอย่างกำลังก่อกวนจิตใจ ทั้งๆ ที่อะไรๆ กำลังเป็นไปด้วยดีแท้ๆ...เอกสารที่ปริยะว่า ก็คือทรัพย์สินบางส่วนของอัครเดชาชาญที่เขาเตรียมไว้จะให้กับภีรภัทร
“เรื่องนั้นระงับเอาไว้ก่อนนะปริยะ”
“ครับ...ต้องขอโทษคุณฤทธิ์ด้วย ช่วงนี้ผมยุ่งๆ กับเรื่องคุณพ่ออยู่”
“
แล้วคุณอาเป็นยังไงบ้างการผ่าตัดเรียบร้อยดีไหม”
“ครับ...ตอนนี้พ่อกำลังพักฟื้นอยู่กับน้องสาวของผมที่นิวซีแลนด์ อาการดีขึ้นมาก อีกไม่นานคงกลับเมืองไทย เอ่อ! ผมลืมถามท่านเรื่องเกี่ยวกับคุณบัว”
“ไม่เป็นไร ผมจะหาคำตอบด้วยตัวเอง”
เขาตัดบทวางสายไป หากดวงตานิ่งขึงแทบไม่กะพริบ เต็มไปด้วยความครุ่นคิดในเรื่องที่กำลังก่อกวนจิตใจอย่างหนัก ความจริงก็ต้องคือความจริงวันยังค่ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผลจะออกมาเป็นยังไง มนุษย์เราก็หลีกหนีความจริงไม่พ้น และต้องอยู่กับมันให้ได้ด้วย
“นายต้องสัญญาจะไม่บอกแม่บัวว่าพี่พามาที่นี่?”
แม้จะหวั่นเกรงในคำตอบที่จะได้รับอยู่ลึกๆ แต่ภูวฤทธิ์ก็ไม่อยากค้างคาใจอีก เขารักภีรภัทร เรียกว่ารักจนหมดใจ เพราะเชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นน้องชายของเขาจริงๆ และเพราะเหตุนี้เขาจึงอยากเคลียร์ทุกอย่างให้โปร่งใส เพื่อจะได้ไม่มีอะไรติดค้างคาใจ มันอาจจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นก็ได้
“ทำไมล่ะครับ?”
เสียงใสของเจ้าตัวจ้อยถาม “แล้วที่นี่มันที่ไหนหรือพี่ฤทธิ์”
ภูวฤทธิ์ถอนใจ เขาหวั่นวิตกไปเกินเหตุ ภีรภัทรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหนและเขาพาแกมาทำไมกัน
เด็กตรงหน้าไร้เดียงสาและน่าสงสารเกินกว่าที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ของใคร เขาไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อตัวเองคนเดียว ยังทำเพื่อเจ้าเด็กตรงหน้านี้ด้วย
“ไอศกรีมถ้วยโตๆ หนึ่งถ้วยแลกกับเก็บไว้เป็นความลับ”
“ได้ครับ”
เสียงตอบรับแทบทันที พร้อมยื่นมือมาให้จับทำสัญญากัน ใบหน้ากลมยิ้มแป้นแล้นสดใส ภีรภัทรเป็นเด็กว่าง่าย น่ารัก มองโลกในแง่ดี นี่ไงล่ะที่ทำให้เขาเขาทั้งรักทั้งหลง จนเกือบจะเปลี่ยนใจไม่ค้นหาความจริงอะไรแล้วทั้งนั้น
แต่เพื่อจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะรักเจ้าจอมซนนี่ และที่เขาอยากรู้เสียยิ่งกว่าว่าเจ้าเด็กแสบตรงหน้าเป็นน้องของเขาจริงหรือเปล่า ก็คือบัวชมพูโกหก หลอกลวง นอกใจบิดาเขาด้วยหรือเปล่า?
ภูวฤทธิ์ตัดสินใจพาภีรภัทรมาตรวจดีเอ็นเอ หลังจากได้สอบถามเจ้าหน้าที่มาเป็นอย่างดี
“ไม่ต้องเจาะเลือดค่ะ เราจะใช้buccal swab ที่คล้ายกับไม้พันสำลี ถูกับกระพุ้งแก้มด้านในปากเพื่อเก็บเซลเนื้อเยื่อไปตรวจดีเอ็นเอที่ใช้ในการหาพันธุกรรม ไม่ทำให้เจ็บอะไร ง่ายและก็สะดวกด้วย”
“แล้ววิธีนี้จะรับรองผลความแม่นยำสักกี่เปอร์เซ็นต์ครับ?”
“ในกรณีที่คุณสอบถาม คือการตรวจดีเอ็นเอพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน เรียกว่าThe half siblingship test ซึ่งคุณทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น คือจากดีเอ็นเอของพ่อ แต่หากว่ามีตัวอย่างดีเอ็นเอของแม่เด็กมาร่วมทดสอบด้วย ก็จะให้ผลการทดสอบความสัมพันธ์มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น” เจ้าหน้าที่แนะนำ แต่ภูวฤทธิ์จำเป็นที่ต้องตัดทางเลือกนั้นออกไปเสีย เพราะขืนบัวชมพูรู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แม้ครั้งแรกเธอจะท้าทายให้เขาพิสูจน์ด้วยวิธีการนี้ก็ตาม
“แล้วผมจะทราบผลเมื่อไหร่ครับ?”
“อีกประมาณสองอาทิตย์ค่ะ”
อีกสองอาทิตย์เท่านั้น...เขาก็จะได้โล่งใจเสียที...และหากภีรภัทรเป็นน้องชายเขาจริง เขาจะเลี้ยงดูทุ่มเทให้แกอย่างดีที่สุดเพื่อทดแทนที่แกไม่เคยได้รับความรักความเอาใจใส่จากพ่อ
ส่วนบัวชมพู ตอนนี้เขากำลังสับสน ความรู้สึกที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปจนน่าตกใจ
การที่เขาไม่เคยรับรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของบิดามาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต จึงทำให้เขาไม่สนิทใจที่จะเชื่ออย่างนั้น นับวันกำแพงสูงใหญ่ที่ขวางกั้นในความคิดตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จัก ก็ดูจะลดขนาดลงจนสามารถก้าวข้ามไปได้
มันเป็นความรู้สึกอันตราย เพราะเขาหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ และแถมผู้หญิงคนนั้นจะแสร้งทำตัวไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกให้เขาย่ามใจ หนทางที่ปลอดภัย คือตอนนี้เขาควรอยู่ให้ห่างจากเธอให้มากที่สุด
“บัวมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
สีหน้าของธันวาพลอยเป็นกังวล เมื่อคู่สนทนาไม่ยอมตอบคำถามเขา แต่เหม่อลอยเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่เพียงลำพังราวกับเขาไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่ด้วย
“บัว...บัว...”
เขาโบกมือผ่านหน้า บัวชมพูที่นั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้ริมสระน้ำดูภีรภัทรเล่นน้ำจึงได้สติ
“พี่ธันวาว่ายังไงนะคะ?”
“บัวมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
เรื่องไม่สบายใจ เธอคงปรึกษาเขาไม่ได้หรอก เพราะธันวาก็คงไม่รู้ว่าทำไมภูวฤทธิ์ถึงได้ดูเปลี่ยนไป และที่สำคัญ ทำไมเธอต้องสนใจเขาด้วย รวมถึงไม่สบายใจกับท่าทีที่ห่างเหินเฉยชาไปในชั่วพริบตา ทั้งๆ ที่ในตอนนี้มันก็ดีกับทั้งเธอและเขาที่สุด
“เปล่าหรอกค่ะ”
เธอยิ้มบางๆ เป็นคำโกหกที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย เพราะตอนนี้เธอนั่งอยู่กับสารวัตรสอบสวน ธันวาจึงไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้หญิงสาวรำคาญใจ
“คุณภูวฤทธิ์เขาดีกับบัวหรือเปล่า?”
ธันวาถามในเรื่องที่เขาสงสัย เพราะเห็นชายหนุ่มมักจะเหน็บแนมเธอเสมอๆ ท่าทางเหมือนจะไม่ชอบหน้ากัน แต่ก็คอยหมั่นหาเรื่องมาตอแย
กริยาอาการอย่างนี้มันคล้ายผู้ชายที่สนใจแต่ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง บัวชมพูออกจะสวยน่ามองนิสัยก็ดี มีหรือที่ลูกเลี้ยงหนุ่มจะไม่เผลอไผลคิดอะไรๆ ด้วยบ้าง
คิ้วเรียวเลิกขึ้นนิดหนึ่ง
“ทำไมพี่ธันวาถามอย่างนั้นล่ะคะ?”
“ก็ฐานะของเขากับบัว...ไม่รู้สิ พี่ว่ามันแปลกๆอยู่นะ ถึงอยากรู้ว่าเขาดีกับบัวหรือเปล่า?”
เธอลอบถอนใจ เอนหลังไปพิงกับพนักอย่างหมดแรง พลันดวงตาก็เห็นร่างสูงของคนที่ทำให้เธอไม่สบายใจยืนอยู่ที่กรอบหน้าต่างห้องนอนชั้นบนมองมาตรงนี้ หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
‘คุณฤทธิ์’
เขาสบตากับเธอแว่บหนึ่ง ก่อนจะลับกายหายไป บัวชมพูคิดว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด ภูวฤทธิ์มองเธอ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว และทำไมเขาต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ คอยหลบหน้าหลบตาเธอด้วย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาทำลูกชายเธอหัวแตก หรือเขาคิดว่าเธอโกรธเขาเรื่องนั้น แต่คงไม่ใช่หรอก เพราะคนที่ห่างเหินและหมางเมินคือเขาไม่ใช่เธอ
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
![]() |
|
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
