ตอนที่ 26 : ขัดคอ
“ให้ไปทำไม ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว”
“ก็เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรไงล่ะคะ? ทำไมคุณฤทธิ์ถึงได้ถามแปลกๆ แล้วยังลากฉันมาอีกนี่ทั้งที่ยังคุยกับเขาไม่จบเลย”
เขาเพิ่งเห็นว่าจับข้อมือหญิงสาวเสียแน่น เมื่อถูกทักท้วงจึงยอมปล่อย
“ผมไม่อยากให้นายภีมรอนาน และอีกอย่างคุณจะไปเที่ยวให้เบอร์โทรศัพท์ใครสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไงกัน?”
“ฉันก็ไม่ได้ให้สุ่มสี่สุ่มห้านะคะ แต่ในกรณีนี้ฉันคิดว่ามันจำเป็น”
“มิจฉาชีพเดี๋ยวนี้ ทำมาหากินกันแปลกๆ คุณจะเที่ยวไว้ใจคนง่ายๆ ได้ยังไงกัน?”
“ท่าทางคุณธีระภพคงไม่ใช่มิจฉาชีพหรอกค่ะ เพราะหลานสาวเขาก็เรียนอยู่ที่นี่เหมือนกัน และอีกอย่างเขาเป็นเจ้าของโรงงานอาหารกระป๋องด้วย”
ตอบตามที่ได้อ่านมาจากนามบัตรและที่ชายหนุ่มแนะนำตัว
ภูวฤทธิ์นึกหงุดหงิดที่หญิงสาวเถียงเขาไปทุกเรื่อง
“ไหนล่ะ นามบัตรของเขา”
บัวชมพูเปิดกระเป๋าถือหยิบมาให้ดู คนขอดูคว้าหมับเอามาอ่าน
ธีระภพ ลิ้มรัตนะเลิศฤทธิ์ รองผู้จัดการบริษัทท็อปฟู้ดโปรดักส์
ชื่อและตำแหน่งในนามบัตร พร้อมกับเบอร์โทรติดต่อพร้อมสรรพ ทำเอาคิ้วเข้มขมวดนิดๆ ก่อนจะถือวิสาสะหย่อนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิร์ตของตัวเอง
“เดี๋ยวยังไง ถ้ามีปัญหาอะไรให้เขาติดต่อมาที่ผมก็แล้วกัน” บอกหน้าตาเฉย ก่อนจะเดินไปยังห้องเรียน ทิ้งให้แม่เลี้ยงสาวคนสวยยืนหน้าค้างอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินตามไปติดๆ
ตอนนี้ในห้องเหลือเด็กแค่ห้าคนเท่านั้น พอเห็นหน้าพี่ฤทธิ์ของตัวเอง ภีรภัทรก็ส่งเสียงเรียกดังลั่น วิ่งเข้ามาสวัสดีพี่ชาย
“วันนี้พี่ฤทธิ์มารับหนูด้วย”
เสียงแจ๋วๆ บอกอย่างสดใส
“แม่บัวก็มาจ๊ะ”
บัวชมพูรีบพูดขึ้นมานึกหมั่นไส้ท่าทางดีใจออกนอกหน้าของลูกชายที่เอาแต่สนใจคนเป็นพี่จนมองไม่เห็นเธอ
“ดีจังเลยค่ะ มาพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว”
คุณครูประจำชั้นของภีรภัทรเดินเข้ามาพูดคุยด้วย
ร่างสูงก้มลงช้อนร่างของน้องชายต่างแม่ขึ้นมาอุ้มไว้ บัวชมพูรับกระเป๋านักเรียนของลูกชายมาจากคุณครู
“คุณครูมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ภีรภัทรเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ เธอเกรงบุตรชายจะปรับตัวเข้ากับโรงเรียน คุณครูหรือเพื่อนใหม่ไม่ได้
“วันอาทิตย์นี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมแรลลี่ ให้ผู้ปกครองพาลูกมาแข่งขันทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวร่วมกันน่ะค่ะ คุณครูเขียนจดหมายฝากไว้ในกระเป๋าน้องภีมแล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่มาพร้อมกันอย่างนี้ จะถือโอกาสบอกเลยแล้วกันค่ะ”
“เอ่อ...”
บัวชมพูหันไปมองหน้าภูวฤทธิ์อย่างเกรงใจ ก่อนจะหันไปถามคุณครู
“ต้องมาทั้งคุณพ่อคุณแม่เลยหรือคะ?”
“ค่ะ ไม่งั้นจะเรียกว่ากิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือคะ?”
หญิงสาวมีสีหน้าเป็นกังวล ไม่แน่ใจว่าใครบางคนอยากจะมาหรือไม่?
“น่าสนุกนะครับ แล้วกิจกรรมนี่มีอะไรบ้างครับนี่?”
คำถามกระตือรือร้นของเขาทำให้เธอหันไปมองอย่างประหลาดใจนิดๆ
“ก็มีแข่งขันเกมกันน่ะค่ะ เก็บคะแนนจากแต่ละฐาน หาอาร์ซี ทีมไหนหาครบถึงเส้นชัยก่อนก็จะชนะ”
“ท่าทางจะสนุกจริงๆ เสียด้วย ว่าไหมนายภีม”
ภูวฤทธิ์ถามคนที่อุ้มอยู่
“ครับ”
ใบหน้าเล็กๆ ยิ้มหน้าเป็นผงกหน้ารับ
“ผมคงต้องกลับไปซักซ้อมที่บ้านก่อน ไปล่ะนะครับ”
“สวัสดีครับคุณครู”
เสียงแจ๋วๆ บอกพร้อมพนมมือไหว้ ก่อนที่พี่ชายของลูกชายจะอุ้มแกออกมา
“คุณจะมาด้วยหรือคะ?”
ใบหน้าเป็นกังวลนิดๆ หันไปถามเขาอย่างไม่แน่ใจ
“ก็ต้องมาสิ ไม่งั้นจะครบทีมหรือ? คุณครูประจำชั้นนายภีมก็บอกแล้วนี่ว่า ต้องมีพ่อแม่ลูก ไม่งั้นก็จะไม่ครบครอบครัว ทำไมคุณกังวลอะไรหรือ?”
ภูวฤทธิ์พูดคำว่าพ่อ...แม่...ลูก...และครอบครัวออกมาอย่างไม่คิดมาก ทำให้คนฟังนึกโล่งใจและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“เปล่าค่ะ”
“รถคุณอยู่ไหน รีบพาไปสิ ยังไม่ได้เห็นเลยว่าเสียหายเยอะไหม?”
“แล้วรถคุณล่ะคะ?”
“ผมจอดไว้ที่บริษัท กลัวมาไม่ทัน คิดว่าคุณจะตกใจ อยากได้เพื่อนเสียอีก”
ท้ายเสียงประชดนิดๆ คนฟังรู้สึกซาบซึ้งใจจนพูดไม่ออกที่คนอย่างเขาก็สนใจไยดีเธอด้วย
“ฉันกำลังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก คุณไม่ต้องมาก็ได้ แต่คุณก็วางโทรศัพท์ไปเสียก่อน”
คนฟังตาเขียวนิดๆ อ้อ! นี่เธอกำลังจะต่อว่าต่อขานที่เขาเข้ามาขัดจังหวะอ่อยเหยื่อหว่านเสน่ห์ว่างั้นเหอะ
“ทำไม ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?”
ใบหน้างามนิ่วนิดๆ
“ขัดจังหวะอะไรหรือคะ?”
“ก็ไม่รู้สิ เห็นคุณธีระภพอะไรนั่นทำท่าอยากสานสัมพันธ์กับคุณ เขารวยด้วยนิ ใครได้เป็นแฟนคงจะสบาย แต่ไม่รู้ว่าโสดจริงหรือเปล่า?”
บัวชมพูถอนใจพรวด จ้องเขาตาแข็ง
ภูวฤทธิ์ทำเป็นไม่สนใจเดินอ้อมไปดูท้ายรถ พอเห็นรอยบุบก็ตกใจไม่น้อย ในซอยโรงเรียนแคบๆ คงไม่มีใครขับรถเร็ว เขาว่าฝ่ายนายธีระภพก็คงไม่ได้ชนรุนแรงอะไร แต่พอเห็นรอยบุบแล้วค่อนข้างใจหายเหมือนกัน
“ผมไม่รู้นี่ครับว่าคุณกำลังถือโอกาสทำความรู้จักกับหนุ่มตี๋หุ่นล่ำนั่นอยู่ ถ้ารู้อย่างนี้ผมคงไม่มาขัดจังหวะเป็นก้างขวางคอหรอก”
คนเปรยๆ อุ้มน้องชายไปเปิดประตูแล้วส่งภีรภัทรลงที่เบาะหลัง ปิดประตูเสร็จก็เดินมายืนเผชิญหน้ากับเธอ เรือนร่างสูงใหญ่นั่นทำให้บัวชมพูรู้สึกตัวเองตัวเล็กจิ๊บจ้อยลงทันที
แต่คำพูดไม่เข้าหูของเขาทำให้เธอสะดุดใจ
“ขัดจังหวะ และก้างขวางคออะไรของคุณกัน?”
ชักสีหน้าไม่พอใจตั้งคำถาม
หากคนตรงหน้าไม่ยอมตอบคำถาม แค่แบมือยักไหล่ ก่อนจะยื่นมือมาที่เธอ
“ขอกุญแจด้วย”
“รถฉัน...ฉันจะขับเองค่ะ”
ภูวฤทธิ์พ่นลมหายใจพรวด ลมร้อนๆ ที่เป่ารดหน้าผากทำให้ผมหน้าของเธอกระพือนิดๆ
“เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผมกับน้องชาย กรุณาทำตัวว่าง่ายๆ เถอะนะครับคุณแม่เลี้ยง”
“ฉันขับได้”
“รอยบุบที่ท้ายรถบอกผมว่า คุณไม่ควรขับ เพราะผมยังไม่อยากให้ตระกูลอัครเดชาชาญของผมต้องสั้นกุดหมดทายาทสืบสกุลเพราะตอนนี้ทั้งผมและนายภีมต้องกลับบ้านด้วยรถกระป๋องของคุณนะครับ คุณบัวชมพู”
ชอบก็อย่าลืมกดหัวใจด้านล่าง
และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ๊ะ
กดติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่เพจนี้นะจ๊ะ
จะได้ไม่พลาดการติดตามน๊า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
