ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC INUYASHA] Destiny พิชิตชะตา สัญญารัก

    ลำดับตอนที่ #8 : ♣ Destiny ♣ Chapter 07

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 727
      45
      21 ธ.ค. 61

    Destiny Chapter 07


    “นายน้อย....นั่นนายน้อยนี่ !” หญิงแม่บ้านที่มีอายุราวๆ40คนหนึ่งร้องขึ้นพร้อมยกมือนาบอกด้วยความตกใจ เรียกความสนใจจากสาวใช้และหนุ่มรับใช้คนอื่นให้หันไปสนใจทางเด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวสลวยสีเงินในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำซึ่งเรียบง่ายแต่ดูดีอย่างมากเมื่อมาอยู่บนตัวของเด็กหนุ่ม  เขาที่เดินลงจากรถมองมาทางพวกเธอที่ยืนมองดูเขาอยู่ ก่อนพวกเขาทุกคนจะโค้งคำนับและเอ่ยต้อนรับอีกฝ่ายอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้ในใจจะยังประหลาดใจกับการมาเยือนของนายน้อยของตระกูลที่จากคฤหาสต์หลังนี้ไปเมื่อหลายปีก่อนมากก็ตาม

    “จาเค็นล่ะ” เส็ตโชมารูถามขึ้นกับแม่บ้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขา

     “กระผมอยู่นี่ขอรับนายน้อย”  หัวหน้าพ่อบ้านเอ่ยก่อนเดินออกมาแล้วโค้งคำนับให้เขา ดวงตาของผู้เฒ่ามองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ ความหล่อเหลาและภูมิฐานของเด็กหนุ่มที่เปล่งประกายอยู่ตรงหน้า ทำให้เขานึกถึงผู้เป็นบิดาของอีกฝ่ายที่ได้จากไปแล้ว

     “ท่านแม่กลับมาหรือยัง”เส็ตโชมารูถามขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆโถงของห้องรับแขก

     “ยังขอรับนายน้อย” จาเค็นเอ่ยตอบ “นายน้อยเชิญทางนี้ขอรับ” ก่อนจะผายมือให้เด็กหนุ่มเดินไปทางบันไดกลางแล้วพาเขาขึ้นไปยังห้องทำงานของบิดาของเขา

     

     ขณะที่เส็ตโชมารูเดินตามพ่อบ้านจาเค็นไป เขาก็สำรวจโถงทางเดินที่เมื่อก่อนประดับไปด้วยรูปภาพของครอบครัว แต่ตอนนี้กลับถูกเปลี่ยนเป็นภาพศิลปะแปลกประหลาดอย่างโถใส่น้ำหรือวิวธรรมชาติของญี่ปุ่นแทน ซึ่งเขาคิดว่าคนที่สั่งให้เปลี่ยนก็คงไม่พ้นท่านแม่ของเขาไปได้หรอก

    จาเค็นพาเขามาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ก่อนเปิดประตูให้เขา เส็ตโชมารูกวาดสายตาไปรอบๆห้องขณะที่เขาก้าวเดินเข้าไป ภายในห้องทำงานของอินุไทโชยังคงเรียบร้อยเหมือนในวันที่พ่อของเขาได้จากไป ดูเหมือนว่าพ่อบ้านประจำตระกูลจะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีทีเดียว เส็ตมาโชมารูนั่งลงที่โซฟาที่อยู่ใกล้กับตู้หนังสือ ก่อนจาเค็นจะเดินออกไปเพื่อนำน้ำชามาเสิร์ฟให้กับเขา

     “เรื่องที่เล่าเมื่อวันก่อน ช่วยอธิบายให้ฉันฟังอีกทีจะได้หรือเปล่า”เส็ตโชมารูเอ่ยขึ้นขณะที่จาเค็นยกน้ำชามาวางไว้ตรงหน้าเขา  ชายแก่พยักหน้าให้เขา ก่อนจะเริ่มเอ่ยอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง

    “ขอรับ เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ขณะที่กระผมเดินผ่านห้องของนายหญิงก็ได้เห็นนายหญิงนั้นได้คุยกับใครบางคนผ่านทางโทรศัพท์และพูดประมาณว่า ให้เอาเจ้าเด็กนั้นออกไปให้พ้นๆซะ น่ะขอรับ”

    “แล้วยังไงต่อ”

    “กระผมได้ยินเพียงเท่านั้นก็รีบเดินออกมา ก่อนจะถูกนายหญิงจับได้ หลังจากนั้นกระผมจึงไปติดตามดูอินุยาฉะอยู่ระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่พบว่ามีใครคิดจะไปทำร้าย จึงคิดว่ากระผมคงเข้าใจผิดไปเองขอรับ” เส็ตโชมารูพยักหน้า และเริ่มทบทวนเรื่องราว

     “และเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับการที่คิเคียวมารับกรรมแทนยังไงกัน?”

     “เรื่องนั้นกระผมก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นฝีมือของนายหญิง เพราะหลังจากผมไม่ได้ไปสังเกตการณ์อินุยาฉะประมาณสองวันก็พบว่ามีชายแปลกหน้าคนหนึ่งโทรมาที่คฤหาตน์และให้กระผมบอกกับนายหญิงท่านว่า ได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว” จาเค็นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่เส็ตโชมารูก็ยังคงตั้งใจฟังด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

    “เมื่อกระผมนำข้อความนั้นไปบอกแก่นายหญิง ท่านก็หัวเราะออกมาเสียงดัง และปรบมือด้วยความดีใจ จากนั้นก็ให้ผมออกมาจากห้องนั้น กระผมจึงคิดว่านายหญิงท่านอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นขอรับ”

    “ถ้างั้น......” เซ็ตโชมารูมีสีหน้าเปลี่ยนเป็นกังวลให้เห็นแว่บหนึ่ง ทำให้จาเค็นรีบขัดขึ้นเสียก่อน

    “ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ อินุยาฉะนั้นยังคงสบายดี ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ทว่าหลังจากนั้นไม่นานนายหญิงท่านก็หายตัวไปและยังไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้เลยขอรับ” เส็ตโชมารูลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนเขาจะรู้สึกว่าเรื่องราวของท่านแม่มีบางอย่างที่แปลกและสะกิดใจเขา  แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาจึงถามถึงสิ่งที่เขาสงสัยต่อไป

    “แล้วคิเคียวตายยังไง....”

    “จริงๆแล้วผมก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเธอได้ถูกใครทำร้ายจริงๆหรือเปล่า แต่รู้มาว่าเธอนั้นมีโรคประจำตัวอยู่แล้วน่ะครับ”

    “งั้นก็โรคประจำตัวกำเริบงั้นเหรอ?”เส็ตโชมารูครุ่นคิดพักหนึ่ง ดูเหมือนว่าอะไรหลายๆอย่างที่จาเค็นบอกก็ยังเป็นการคาดเดาอยู่ เขาคงต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้

     “ตอนนี้กำลังพยายามสืบเรื่องนี้เพิ่มเติมอยู่ขอรับ แต่ว่าผมรู้มาว่านายหญิงท่านพยายามจะทำร้ายอินุยาฉะหลายครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ครับ แต่ที่อินุยาฉะปลอดภัยถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะหญิงสาวคิเคียวคนนั้นแหละครับ”

     ท่านแม่....นี่ท่านไม่คิดจะรักษาสัญญากับผมตั้งแต่แรกสินะครับ.....

     “ทำไมถึงไม่เคยรายงานเรื่องนี้ให้ฉันรู้”

     “ขอโทษขอรับนายน้อย กระผมเองก็พึ่งได้ทราบหลังจากที่ส่งคนไปสืบเรื่องนี้น่ะขอรับ” จาเค็นกล่าวอย่างรู้สึกผิด เส็ตโชมารูเงียบไป หัวใจของเขาสับสนและว้าวุ่นไม่ต่างจากเมฆครึ้มที่เกาะตัวกันอยู่นอกหน้าต่าง

    “ขอฉันใช้โทรศัพท์ได้หรือเปล่า” เส็ตโชมารูเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่แทบจะทำให้ชายแก่หัวใจวายหลังจากลุ้นว่าเด็กหนุ่มคิดอะไรอยู่ในใจ

     “ได้ครับนายน้อย รอสักครู่นะขอรับ” จาเค็นโค้งคำนับ ก่อนเดินหายออกไปนอกห้อง แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับโทรศัพท์ประจำบ้านเครื่องหนึ่ง

     “กดต่อสายไปหาท่านแม่ให้ฉันหน่อย” เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงเรียบ

     “ได้ขอรับ” จาเค็นยกโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกดหาปลายสายที่เขาต้องการแล้วยกขึ้นแนบหูเพื่อรอสัญญาณตอบรับจากอีกฝ่าย

      “ติดแล้วขอรับ” ก่อนเขาจะยื่นโทรศัพท์นั้นให้กับเส็ตโชมารู

     “ฮัลโหล” เสียงของหญิงสาวปลายสายดังขึ้น

     “ท่านแม่......” เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงเรียบแต่มันราวกับเขาพยายามข่มอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ในใจให้นิ่งที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

     “เส็ตโชมารูสินะ”เสียงปลายสายเอ่ยราบเรียบ ไม่มีความตกใจอย่างทีเขาคิด เหมือนกับว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าลูกชายของตัวเองจะโทรมาหาเธอ

    “ท่านแม่อยู่ที่ไหนครับ” เส็ตโชมารูเอ่ยถาม

     “แม่คงบอกลูกไม่ได้” ผู้เป็นแม่ปฏิเสธ เส็ตโชมารูชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่ตัวเขาอยากรู้อย่างระมัดระวัง

     “ผมมีเรื่องอยากจะถาม....” แต่ไม่ทันให้เขาได้พูดจนจบประโยค ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างที่สุด

     “ลูกผิดสัญญากับแม่”

     “..........” เส็ตโชมารูเงียบไป

     “เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้นะ” คำพูดของผู้เป็นแม่ที่ไม่ได้รู้ถึงการกระทำของตัวเองนั้น ทำให้เส็ตโชมารูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา จนเขาพลั้งตอบกลับปลายสายไป

     “นั่นสินะครับ .....เช่นเดียวกับที่ท่านแม่คิดจะผิดสัญญากับผมเช่นกัน” การตอบกลับของลูกชายทำให้คนเป็นแม่ถึงกับผงะไป

     “นี่ลูก.....”

     “ท่านแม่คิดจะบอกผมเมื่อไหร่งั้นเหรอครับ”

    เซ็ตโชมารู” ผู้เป็นแม่พูดอย่างเชื่องช้าและเรียบนิ่ง

    เรื่องบางเรื่องมันก็อาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดหรอกนะ”เส็ตโชมารูได้แต่ข่มอารมณ์ตัวเองและตั้งใจฟังคำพูดของปลายสาย

    ถึงลูกจะอยากให้แม่อธิบายอะไร หรือจะสงสัยอะไรก็ตาม....”

    ตอนนี้แม่ก็ยังบอกอะไรเจ้าได้ไม่มาก เพราะอย่างงั้นพรุ่งนี้เจ้ารีบบินกลับไปซะเถอะ”น้ำเสียงที่อ่อนลงและคำพูดที่แปลกเหมือนกับปกปิดอะไรเอาไว้ของอีกฝ่าย ทำให้เส็ตโชมารูรู้สึกไม่ค่อยดีนัก


     “ท่านแม่.....” เส็ตโชมารูเอ่ยเบาๆ เขารู้ว่าหากอีกฝ่ายไม่อยากจะบอกเขา ต่อให้เขาจะใช้คำพูดใดๆมาต่อรองกับอีกฝ่าย ก็คงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเอ่ยปากบอกเขาได้แน่

     “เจ้าคงไม่คิดว่าเจ้าจะผิดคำพูดของตัวเองหรอกนะ”และท่านแม่ของเขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้ากลับไปญี่ปุ่นแบบนี้แล้วก็ไปพบเจ้าเด็กนั่นสักหน่อยสิ แล้วดูสิว่าเด็กนั่นจะยังรักและเคารพเจ้าเหมือนก่อนอยู่หรือเปล่า”

     “แต่แม่ว่าคงไม่หรอกนะ ฮ่ะๆ” น้ำเสียงที่อีกฝ่ายเอ่ยและเสียงหัวเราะมันแฝงไว้ด้วยความมั่นใจว่ามันจะเป็นไปตามที่เธอเอ่ย เส็ตโชมารูเงียบไปครู่หนึ่ง เขาข่มตาลงแล้วถอนหายใจช้าๆ ภาพของร่างเล็กที่อีกฝ่ายพูดถึงทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

    “ท่านแม่.....ท่านต้องสัญญากับผมว่าจะไม่แตะต้องเขาอีก” เส็ตโชมารูเอ่ยเสียงเรียบ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด

     “ก็ได้” ปลายสายเอ่ยกลับเสียงเรียบ  “และช่วยบอกจาเค็นด้วยว่าแม่จะกลับไปอีกสักสามสี่วัน ไม่ต้องเป็นห่วงและส่งเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัยซะ อย่าให้แม่กลับไปแล้วพบว่าเจ้ายังอยู่ที่คฤหาสน์ล่ะ เข้าใจมั้ย?” เส็ตโชมารูฟังอย่างตั้งใจ ก่อนตอบรับและไม่ลืมที่จะกำชับกับอีกฝ่าย

    “ครับ....ผมหวังว่าท่านแม่จะไม่ผิดสัญญากับผมนะครับ”

    “แม่ต้องไปแล้ว แค่นี้นะ” ไม่ทันให้เขาได้เอ่ยตอบอะไรต่อ อีกฝ่ายก็ตัดสายไป ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

     “ท่านแม่จะกลับมาอีกสามสี่วันนี้ จากนี้นายก็ต้องระวังตัวนะจาเค็น” ร่างสูงหันหน้าไปเตือนชายแก่ร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ

     “กระผมไม่เป็นไรหรอกขอรับ”จาเค็นเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ “นายหญิงท่านไม่ทำอะไรผมแน่ครับ แม้ว่าผมจะแจ้งเรื่องเหล่านี้กับนายน้อยก็ตาม เพราะเรื่องของตระกูลยังต้องมีผมคอยจัดการ จนกระทั่งนายน้อยขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลคนต่อไป กระผมก็ยังจะต้องอยู่คอยดูแลและรับใช้ท่านขอรับ”

     “งั้นก็ดีแล้ว” เส็ตโชมารูเอ่ย ก่อนดันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินผ่านจาเค็นตรงไปทางประตูห้อง

     “นายน้อยจะไปไหนขอรับ” จาเค็นหมุนตัวแล้วเอ่ยถามขึ้น ชายหนุ่มหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

     “ฉันอยากจะไปเจอเขาสักหน่อย” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า “แค่สักเล็กน้อยก็ยังดี......”

     “นายน้อย....”   แผ่นหลังของผู้เป็นนายทำให้จาเค็นรู้สึกตื้นตันในอก จริงๆแล้ว นายน้อยผู้เย็นชาในสายตาของใครๆของเขาคนนี้ก็มีความรู้สึกที่ห่วงใยใครคนหนึ่งมากไม่ต่างกับคนธรรมดาทั่วไปเหมือนกัน

     “ฝนดูท่าว่าจะตกนะขอรับ ให้กระผมบอกคนรถไปส่งแล้วเดี๋ยวกระผมเอาร่มมาให้นะขอรับ”  จาเค็นเอ่ยพร้อมมาเปิดประตูห้องให้เขาด้วยรอยยิ้ม

     “ขอบคุณมาก” คำๆนี้ของนายน้อยทำให้จาเค็นน้ำตาซึม นายน้อยของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน

     “มิได้ขอรับนายน้อย เชิญท่านลงไปเตรียมตัวเถอะขอรับ” จาเค็นยิ้ม ก่อนโค้งให้กับนายน้อยที่เดินผ่านประตูออกไป

             .....ท่านช่างเหมือนกับท่านพ่อของท่านเหลือเกิน.....


     

     …………………………………………………………

     “นายน้อย! ทำไมถึงได้เปียกปอนแบบนี้ละขอรับ” จาเค็นรีบปรี่เข้าไปหาร่างสูงของชายหนุ่มที่เปียกชุ่มไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะตะโกนบอกสาวใช้ให้ไปเตรียมน้ำและเสื้อผ้าให้กับนายน้อยของเขา

    เส็ตโชมารูไม่เอ่ยตอบใดๆ เขามีสีหน้าที่เรียบนิ่งต่างจากตอนแรกที่เขาได้จินตนาการเอาไว้ หรือว่านายน้อยของเขาจะไม่ได้พบกับเด็กคนนั้นกันนะ? แต่เขาก็ทำได้แค่สงสัย และไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปอีก

    เส็ตโชมารูนั่งพักอยู่โซฟาของห้องรับแขก เขาเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จากับใครอยู่แบบนั้น กระทั่งเมื่อสาวใช้กลับมาพร้อมบอกว่าเตรียมทุกอย่างไว้เสร็จแล้ว เส็ตโชมารูจึงเดินตรงไปที่ห้องน้ำเงียบๆ และเริ่มชำระร่างกายของตัวเอง ภาพของเด็กหนุ่มที่เขาโหยคิดถึงยังคงติดตรึงอยู่ในหัวของเขา อีกฝ่ายที่ยืนนิ่งมองป้ายของหญิงสาวที่จากไปแล้วด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย ตัวเขาที่ยืนอยู่หลังป้ายสุสานไม่ห่างจากตรงนั้นไม่กล้าแม้จะเดินออกไป เพียงเพราะอะไรเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเด็กคนนั้น และสิ่งที่เด็กคนนั้นพูดออกมาท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงมามันยังคงก้องอยู่ในหัวของเขา

      “ฉันจะสามารถรักใครได้มากเท่าเธอได้อีกกัน......คิเคียว”

    แม้เสียงของสายฝนที่ตกลงมาจะดังไปทั่วบริเวณ แต่คำพูดของเด็กหนุ่มกลับชัดเจนอยู่ในโสตประสาทของเขา คำพูดนั้นหัวใจในอกกว้างมันเจ็บปวดอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก

    อาจจะจริงอย่างที่ท่านแม่ว่าไว้กับเขา ว่าในใจของเด็กคนนั้นไม่ได้มีเขาอีกต่อไปแล้ว.....

     

    “ถ้ากลับมาครั้งหน้า ฉันกับนายจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน.....”

     

    “อย่างงั้นใช่หรือเปล่า  อินุยาฉะ.......”

    ชายหนุ่มเงยหน้ามองดูตัวเองในกระจกที่ขึ้นฝ้าอยู่เจือจาง ผมสีเงินที่ลู่ลงมาด้วยความเปียกชื้นไม่สามารถปกปิด ใบหน้าและแววตาของเขาไว้ได้ เขาอดที่จะคิดกับตัวเองไม่ได้ว่าใบหน้าและแววตาที่แสนเศร้านี้มันคืออะไรกัน คนที่ถูกใครๆ เรียกว่าเจ้าชายผู้เย็นชาแบบเขาคนนี้ก็แสดงสีหน้าแบบนี้ได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ ความรู้สึกในอกมันคืออะไรกัน ความเศร้างั้นเหรอ? ความกลัวงั้นเหรอ?

    หรือมันคือ ..........


    ความว่างเปล่า .......


     


     

    TBC.

    ......................................................................................................................................................................................................................................................................................

    ย้ากกก มาต่อแล้วววว หลังจากปวดหัวกับภารกิจมากมายกายกองตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

    ก่อนปีใหม่นี้จะลงให้อีกหลายๆตอนเลยนะ รีดเดอร์ที่รักทั้งหลาย ^(*(w))^

    หวังว่าทุกคนจะชอบตอนนี้กันนะงับ

    ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า ซียูวววววว

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×