ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC INUYASHA] Destiny พิชิตชะตา สัญญารัก

    ลำดับตอนที่ #17 : ♣ Destiny ♣ Chapter 16

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 267
      22
      2 ม.ค. 64

    Destiny Chapter 16

     

                    การที่คุณละสายตาจากใครบางคนนั้นไม่ได้...

                การที่คุณอยากจะเจอหน้าใครคนนั้นทุกวัน...

                ความรู้สึกแบบนั้นมันคงไม่แปลกอะไรใช่ไหม....

                แต่ความรู้สึกแบบนั้น คุณจะมีให้กับคนที่คุณคิดว่าเป็นคู่ปรับได้เหรอ?        

       

                ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มร่างสูงผมหางม้าในชุดยูนิฟอร์มของร้านมองที่ใบหน้าของเจ้าของเรือนผมสีดำอีกคนที่กำลังคิดเงินให้ลูกค้าอย่างขะมักเขม้น คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่ปรับของเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาต้องมาทำงานด้วยกันกับอีกฝ่ายหรือเปล่า ที่ทำให้เขาเอาแต่มองตามอีกฝ่าย และคิดถึงเรื่องของอีกฝ่ายอยู่แบบนี้  


    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เป็นแบบนี้.....


                อีกฝ่ายที่ถูกมองหันมาสบตาเขาหลังจากที่ลูกค้าออกจากร้านไปแล้ว ทำให้ร่างสูงรีบเอาขนมสำหรับเติมในตระกร้าจัดวางขึ้นชั้นอย่างรวดเร็ว


    “มองอะไรอยู่ได้ เจ้าบ้าโคงะ แกอยากจะพูดอะไรก็พูดมา” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก หลังจากจัดวางเสร็จหมดโคงะก็หันมาทางอีกคนด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่องว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร


    “ฉันก็แค่กลัวว่านายจะคิดเงินลูกค้าผิดก็เลยดูให้แน่ใจเท่านั้นแหละ” เขาตอบแล้วเดินมาที่เคาน์เตอร์ “คุณรุ่นน้องอินุยาฉะ” พร้อมแสยะยิ้มยั่วโมโหอีกฝ่าย ทำเอาอีกคนคิ้วกระตุกที่ถูกเขาพูดใส่ ก็ถ้านับตามอายุงานอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นน้องเขานี่นะ


    “หึ ไม่ชอบใจที่ฉันทำงานได้เก่งกว่าแกแล้วล่ะสิ” อินุยาฉะฉีกยิ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ถึงพวกเขาจะทำงานด้วยกัน แค่อดใจไม่ลงไม้ลงมือด้วย เพราะกลัวของในร้านเสียหายก็เต็มกลืนแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ชอบกวนประสาทเขาทุกที ไม่รู้ว่าชาติก่อนไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไว้หรือไงกัน


    โคงะมองตอบดวงตาสีอำพันคู่สวยนั้นของอินุยาฉะนิ่ง ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาไม่อยากละสายตาจากคนตรงหน้า อยากจะให้เป็นเขาที่สะท้อนอยู่ในแววตาคู่นี้ แล้วความรู้สึกนี้มันก็มากขึ้นทุกทีๆ จนเขาเริ่มจะกลัวตัวเองเข้าไปทุกวัน


    เขาก็ไม่รู้อะไรทำให้เขาสนใจหมอนี่นัก เพราะความแข็งแกร่งเหรอ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเก่งกว่าเหรอ? ถ้าเพราะแบบนั้นทำไมหัวใจของเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้ๆหมอนี่กันล่ะ

    ฉันคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ.......


    แต่ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น เสียงมือถือของโคงะก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน โคงะกดรับมันทันทีเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร โคงะมองนาฬิกาบนผนัง แล้วกวาดตาไปรอบๆร้าน ขณะที่ฟังปลายสายพูด แล้วเหลือบมองไปที่อินุยาฉะ “อยู่นี่แหละครับ เอาไป บังคตซึซังจะคุยกับนาย” โคงะยื่นมือถือให้อีกฝ่าย ก่อนจะส่งสัญญาณไล่ให้อีกฝ่ายเข้าไปคุยหลังร้าน แล้วตัวเองเดินไปทำหน้าที่รับลูกค้าที่มาใช้บริการแทน


     “ฮัลโหล” อินุยาฉะเอ่ยขึ้นเมื่อเข้าไปข้างในห้องสต๊าฟ


    “ฮัลโหล อินุยาฉะจัง ช่วยเอาถุงกระดาษสีน้ำตาลที่ฉันลืมไว้ในร้านมาส่งให้ตอนนี้หน่อยสิ สำคัญมากๆเลยล่ะ”อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง


     “ทำไมต้องเป็นฉันด้วย นายโทรหาโคงะไม่ใช่หรือไง” เขาเอ่ยอย่างหัวเสีย ตั้งแต่ที่ทำงานที่นี่อีกฝ่ายก็ชอบใช้เขาทำอะไรแบบนี้ให้อยู่เรื่อย แถมเรียกเขาด้วยชื่อแบบนั้นอีก คนๆนี้ไม่ควรได้รับความเคารพจากเขาหรอก


    “ฉันโทรหานายไม่รับนี่ แล้วก็ฉันส่งที่อยู่ไปในมือถือนายแล้ว เอาของมาส่งตามนั้นนะ ฉันจะรอ แค่นี้นะ” อีกฝ่ายพูดในสิ่งที่อยากพูดเสร็จก็วางสายใส่เขาไป โดยไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธอะไรได้เลย มือที่อินุยาฉะถือมือถือไว้สั่นด้วยความโมโห


    “เจ้าหัวหน้าบ้านี่” อินุยาฉะเอ่ยอย่างหัวเสียขณะเปิดประตูกลับออกมา โชคยังดีที่ลูกค้าออกไปแล้ว ในร้านเลยไม่มีใครมาเห็นท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเขา ยกเว้นโคงะที่เดินมาพร้อมถุงกระดาษสีน้ำตาลที่บังคตซึพูดถึง


    “เอานี่ เสร็จแล้วนายก็กลับไปได้เลย”โคงะเอ่ยบอกพร้อมยื่นถุงนั้นให้


    “รู้แล้วล่ะน่า” อินุยาฉะยื่นมือถือคืนให้อีกฝ่าย แล้วรับถุงน้ำตาลนั้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสต๊าฟอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนชุดแล้วกลับออกมาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง  พลางเอ่ยบ่นอย่างหัวเสีย ทั้งที่ใกล้เวลาได้กลับบ้านของเขาแล้วแท้ๆ เจ้าหัวหน้าโรคจิตนั่นก็ยังมาใช้งานกันซะได้


    โคงะมองหน้าอีกฝ่ายก็นึกขำ ถึงอีกฝ่ายจะบ่นแล้วไม่อยากทำ แต่ก็ทำทุกทีนั่นแหละนะ


    “ยิ้มอะไรของนายหะ” อินุยาฉะเอ่ยกับอีกคนที่มองเขาแล้วยิ้มแปลกๆ จนโคงะสะดุ้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมา ทำให้เขารีบเปลี่ยนสีหน้า ก่อนกอดอกพร้อมเอ่ยปากไล่ให้อินุยาฉะรีบออกไปแทน


    “รีบไปได้แล้วไป”


    “รู้แล้วล่ะน่า” อินุยาฉะเอ่ยบอก แล้วเดินออกจากร้านไปทันที โคงะมองตาม ก่อนครุ่นคิดกับตัวเอง ว่าตัวเขาเป็นอะไรไปแล้วกันนะ ที่ทำตัวแปลกๆเวลาอยู่กับอีกฝ่ายมากขนาดนี้


    อินุยาฉะ ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายนี่มันอะไรกันแน่.....

     

    .................................................

     

    “โอ้ อินุยาฉะจัง ทางนี้ๆ” บังคตซึตะโกนพร้อมโบกมือให้เขาอยู่หน้าร้านๆหนึ่งที่อีกฝ่ายส่งที่อยู่ให้เขาไว้ เพราะเจ้าตัวดันลืมถุงที่ใส่ของสำคัญไว้ที่ร้าน เลยต้องลำบากให้เขาเอามาส่งให้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าย่านที่อีกฝ่ายให้มาจะเป็นที่สำหรับเหล่าคนชอบท่องกลางคืน ดูจากร้านรอบๆที่มีป้ายไฟสีสันฉูดฉาดและผู้หญิงผู้ชายที่กอดรัดกันรอบๆ ก็ทำให้เด็กหนุ่มอดประหม่าไม่ได้ที่ต้องมาเดินผ่านแถวนี้คนเดียวแบบนี้


                “ขอบคุณนะอินุจัง เวลาเลิกงานนายแท้ๆ ให้ฉันเลี้ยงข้าวตอบแทนสักหน่อยมั้ย”บังคตซึเอ่ยยิ้มร่า


                “นายเลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที นี่ของที่นายให้เอามา”อินุยาฉะเอ่ยอย่างหัวเสียพร้อมยื่นถุงไปตรงหน้าอีกคน ถ้าเกรงใจคนอื่นเขาจริงๆก็อย่าใช้สิฟะเจ้าบ้านี่ ! อินุยาฉะคิด


                “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่า นายไม่เคยมาแถวนี้เลยสินะ” บังคตซึวาดมือขึ้นพาดไหล่พร้อมรั้งอีกคนให้เข้ามาใกล้ ก่อนกระซิบแหย่ข้างใบหู ทำเอาอินุยาฉะถึงกับหน้าแดง


                “ก็แถวนี้เป็นที่สำหรับ ผู้ใหญ่ นี่นาเนาะ”


                “หมดธุระแล้วฉันกลับล่ะ” อินุยาฉะบอกพร้อมพยายามปัดอีกคนออก


                “น่าๆ ฉันไม่ให้ใครทำอะไรนายหรอกน่า ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันกันนะ”บังคตซึเอ่ยพร้อมรั้งอีกคนให้เดินตามเข้าไปในร้าน เขาพยายามขัดขืนแต่ก็ต้องยอมแพ้ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็คือคนจ่ายเงินเดือนเขาล่ะนะ ถึงจะเจ็บใจก็เถอะ


                เมื่อพวกเขาผ่านพ้นประตูไม้บานใหญ่ ก็เผยให้เห็นภายในร้านที่ตกแต่งด้วยไม้แทบทั้งหมด ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของมันทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอที่ให้ความสงบ ทางด้านขวาเป็นที่นั่งสำหรับแขกที่มาทานอาหาร เปลวไฟจากแสงเทียนเล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เหล่านั้น สร้างความรู้สึกโรแมนติกได้อย่างดีและข้างๆก็มีเวทีเล็กๆและเปียโนตัวใหญ่ตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงมุมห้องใกล้กับหน้าต่างสำหรับการแสดงดนตรีสด ส่วนทางด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์บาร์ที่มีขวดเหล้าสีสันและรูปร่างหลากหลายโชว์เรียงรายกันราวกับอวดรูปโฉมยั่วยวนลูกค้าที่เข้ามาภายในให้ตกในภวังค์ แสงของหลอดไฟสีเหลืองนวลสลัวที่ประดับตกแต่งอยู่ด้านบนก็ทำให้บรรยากาศชวนเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูก อินุยาฉะถูกลากไปที่เคาน์เตอร์บาร์ที่นอกจากบาร์เทนเดอร์แล้ว ก็มีชายหนุ่มเรือนผมสีดำในเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่ เขาเหม่อมองของเหลวสีอำพันในแก้วใสลายสวยตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับดำดิ่งสู่โลกที่มีเพียงแต่เขาเท่านั้น


                “นี่ของนาย”บังคตซึเอ่ยพร้อมโยนถุงกระดาษในมือไถลไปตรงหน้าอีกฝ่ายเรียกให้ชายหนุ่มหันหน้ามามองทางพวกเขา


                “มาได้สักทีนะแก บังคตซึ”อีกฝ่ายเอ่ยบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


     อินุยาฉะมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาราวกับมีบางอย่างติดใจเขา ดวงตาสีม่วงที่เรียบนิ่งไร้แววคู่นั้นจ้องมองมาทางพวกเขาก่อนกระพริบตาเพื่อปรับโฟกัส เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเบา


                “เด็กนั่น” น้ำเสียงที่คุ้นหูนั้นราวกับรหัสปลดล็อกให้ภาพต่างๆไหลเข้ามาในหัวของอินุยาฉะ ดวงตาเขาเบิกกว้างพร้อมความไม่สบอารมณ์ที่พุ่งขึ้น


                “ไอ้บ้าเมื่อตอนนั้น!?” อินุยาฉะชี้หน้าอีกฝ่าย พร้อมเอ่ยออกมาเสียงดัง จนลูกค้าในร้านหันมาสนใจ


                “หือ? พวกนายรู้จักกันแล้วงั้นเหรอ?”บังคตซึเดินไปนั่งข้างๆ โดยไม่ลืมที่จะดึงให้อินุยาฉะไปนั่งลงคั่นกลางระหว่างเขาและอีกคน เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นจุดสนใจจนเกินไป


                “เคยเจอครั้งหนึ่ง” นาราคุเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่ได้สนใจใยดีสายตาที่จ้องมาจากคนข้างๆเลย

               

                “งั้นเหรอ หมอนี่ อินุยาฉะ รุ่นน้องที่ทำงานผู้น่ารักของฉันเอง”บังคตสึพูดพลางวาดแขนจับไหล่อีกคนแล้วกระชับเข้ามาใกล้ ก่อนถูกอินุยาฉะดึงมือออก


                “อ้อเหรอ” ร่างสูงเอ่ยตอบอย่างไม่ใยดี บังคตสึเห็นท่าทีแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนใช้มือท้าวคางกับเคาน์เตอร์พร้อมเอ่ยต่อ


                “ส่วนหมอนี่ นาราคุ มันเศร้าอยู่เลยสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นายก็อย่าถือสามันมากล่ะ”


                “ฉันกลับล่ะ” ร่างสูงเอ่ยก่อนลุกขึ้นพร้อมกระดกของเหลวในแก้วจนหมด มีบางอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับอินุยาฉะที่เขาไม่อยากไปข้องเกี่ยวด้วยเท่าที่จะทำได้


                “เฮ้ จะบ้าหรือไง” บังคตสึปรี่ตัวเข้าไปหาอีกคน


                “ฉันได้ของแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอยู่ต่อ” แต่เหมือนบังคตสึจะคิดทำอะไรบางอย่างถึงให้พวกเขามาเจอกัน ......


                “นายนี่มัน”บังคตสึกรอกตากับท่าทีของอีกคน ก่อนจะเหลือบมองอินุยาฉะแว่บนึง “เด็กนี่เอาของมาให้ นายไม่คิดจะเลี้ยงข้าวเขาหน่อยหรือไง”


                “อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วย ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ซะหน่อย”อินุยาฉะเอ่ยขัดขึ้นพลางลุกขึ้นยืน เขาไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพวกบ้าสองคนนี้หรอกนะ


                “ฉันไม่ได้อยากให้คนพรรค์นี้มาเลี้ยงข้าวสักหน่อย”


                “หื้ม...” นาราคุเอ่ยเบาๆ ออกมา ใบหน้าของอินุยาฉะทำให้เขานึกถึง เจ้านั่นขึ้นมา


    ปากดีน่าดู....สมแล้วที่เป็น...ของเจ้านั่น


                บังคตสึมองอินุยาฉะที่จ้องเขม็งมาทางพวกเขา ก่อนเหลือบมองร่างสูงที่กำลังมองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ ก่อนนาราคุจะแสยะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น


                “งั้นก็ได้”


                “ก็บอกว่าไม่ไง พวกนายนี่ฟังที่คนอื่นเขาพูดบ้างสิเว้ย”อินุยาฉะโวย


                “เอาน่าๆอินุยาฉะ ญาติดีกันไว้เถอะเนาะ”บังคตสึเดินไปจับไหล่อีกฝ่าย พร้อมดันให้ไปนั่งรอที่โต๊ะ “สั่งได้เต็มที่เลยนะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเจ้านั่นมันน่ะ ไว้เสร็จแล้วฉันไปส่ง”


                “รู้แล้วล่ะน่า จะไปไหนก็ไป” อินุยาฉะเอ่ยตอบ ก่อนบังคตสึจะเดินกลับไปนั่งลงข้างๆนาราคุที่เคาน์เตอร์บาร์


                อินุยาฉะทอดสายตามองไปที่ทั้งคู่ บรรยากาศรอบๆตัวสองคนนั้นมีบางอย่างที่ทำให้เขาแอบหวั่นใจ พลางคิดว่าเจ้ามิโรคุเพื่อนตัวดีของเขาจะรู้ไหมว่าอาจไปข้องเกี่ยวกับคนอันตรายอยู่จริงๆก็ได้ ถึงได้ชอบถูกใครตามรังควาน


                “นาราคุซังนี่เท่สุดๆไปเลยเนาะ...”

    แต่แล้วเสียงซุบซิบที่ดังขึ้น ก็ทำให้อินุยาฉะต้องมองสำรวจไปรอบๆร้านก่อนสังเกตเห็นสาวๆที่มองไปที่ทั้งคู่ด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม พร้อมท่าทางดี๊ด๊ากันเสียเต็มประดา


    ให้ตายสิ.... ยัยพวกนี้รสนิยมแย่ชะมัด


    อินุยาฉะสบถในใจ ก่อนหยิบเมนูอาหารขึ้นมาสั่งพลางคิดว่า รีบกินให้เสร็จแล้วก็จะได้รีบกลับเสียที


    .............................

     

                “ที่แกนัดฉันมาคงไม่ใช่แค่เอาของมาให้สินะ” นาราคุเอ่ยขึ้น เมื่อบังคตสึเดินกลับมานั่งลงข้างๆ


                “แน่อยู่แล้ว”บังคตสึเอ่ยหลังจากสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม


                นาราคุกับเขารู้จักกันมานาน ตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายอย่าง เพื่อนสนิทสมัยเด็กอะไรแบบนั้น นาราคุมาจากตระกูลที่เก่าแก่และมีอิทธิพลมากขนาดที่ตำรวจก็ไม่กล้าแตะต้อง ส่วนเขาเองก็เติบโตมาภายใต้การดูแลของตระกูลนาราคุ  ทว่าตั้งแต่ที่นาราคุถูกส่งไปเมืองนอก ตอนนั้นเขาและน้องๆก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ตระกูลนาราคุอีกแล้ว แต่เพราะเพื่อเป้าหมายบางอย่างของพวกเขา พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของกันและกัน จึงติดต่อกันมาโดยตลอด

     

                “นายคิดอะไรถึงให้ฉันเจอเจ้าเด็กนั่น” นาราคุเอ่ย อีกฝ่ายจะรู้ไหมว่า อินุยาฉะคนนั้น คือน้องของเส็ตโชมารู คู่แข่งของเขา...


                “ก็เขาเป็นกุญแจของเรื่องนี้นี่”บังคตสึพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเด็กที่กำลังสนุกอยู่ เรื่องนี้ที่อีกฝ่ายหมายถึง คือสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับคนๆหนึ่งที่นาราคุคนนี้รู้สึกเสียใจจนต้องกลับมาญี่ปุ่น ซึ่งเขาไม่คิดว่าอินุยาฉะจะเกี่ยวข้องอะไรด้วย


                “นายรู้หรือเปล่าว่าเด็กนั่นเป็นใคร” นาราคุเอ่ย เพราะครั้งแรกที่เจอกับเด็กนั่นมีบางอย่างเอะใจเขาจนต้องให้คนไปสืบเรื่องของเด็กคนนั้น แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไร นอกจากแค่เด็กนั่นเป็นน้องชายในภาพของเส็ตโชมารูเท่านั้น แต่ก็เพราะบังเอิญ เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วถ้าเป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากเอาตัวไปข้องเกี่ยวกับเส็ตโชมารูไปมากกว่านี้เหมือนกัน


                “แน่อยู่แล้ว นายคงไม่คิดว่าฉันจะให้นายเจอหมอนั่นแค่เพราะเป็นน้องเส็ตโชมารูหรอกใช่มั้ย นายคิดว่าบังคตสึคนนี้เป็นใครกันล่ะ”บังคตสึเอ่ยตอบทันที โดยไม่คิดสักนิดเดียว นาราคุมองบังคตสึที่ยิ้มราวกับมีบางอย่างอยู่ในใจ


    นายกำลังเล่นเกมอยู่สินะ....


                “ถึงแบบนั้นก็ให้ฉันเจอเนี่ย นายกล้าไม่เบาเลยนะ” นาราคุเอ่ยพลางยกแก้วขึ้นดื่ม


                “เด็กนั่นคือคนที่ คิเคียว คอยปกป้องไงล่ะ” แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้นาราคุแปลกใจ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเด็กคนนั้น  “นายควรจะสืบเรื่องหมอนั่นเอาไว้บ้างนะ”


    บังคตสึเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยบางสิ่ง บังคตสึรู้ดีว่าเรื่องของ คิเคียว มีความหมายกับอีกฝ่ายมากขนาดไหน หญิงสาวที่นาราคุหลงรักสมัยเด็ก การสูญเสียเธอไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก ทำให้นาราคุเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ และความเป็นไปได้ที่ คนๆนั้นอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นาราคุกลับมาจากเมืองนอกเพื่อจะไขเรื่องนี้ให้ได้


    และหลังจากที่ตัวเขาพบอินุยาฉะ แล้วสืบเรื่องของเด็กคนนั้น ข้อมูลที่หาได้ก็เป็นสิ่งที่มีปริศนาอยู่มากทีเดียว หลายๆอย่างมันขาดหายไป เขาเองก็พยายามสืบแทบแย่เลยล่ะนะ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่ามันจะต้องเชื่อมโยงหลายๆสิ่งที่เกี่ยวกับ คนๆนั้นที่พวกเขาอยากรู้ได้แน่ๆ เพราะงั้นเขาถึงได้ให้นาราคุมาเจออินุยาฉะ เพื่อที่ว่าอาจจะได้ข้อมูลอะไรมามากขึ้นก็ได้ แม้จะเสี่ยงที่ต้องข้องเกี่ยวกับเส็ตโชมารูก็เถอะ


    “คิเคียวกับเด็กนั่นน่ะเหรอ...” นาราคุเอ่ยพลางนึกถึงความเป็นไปได้


    ....จะว่าไปตอนนั้นเด็กนั่นก็อยู่กับผู้หญิงที่หน้าคล้ายเธอ จนเราเองก็แปลกใจอยู่นี่นะ....


    ด้วยที่บังคตสึรู้จักกับเขามานาน ถึงจะดูหน้าตาบ้าๆบอๆ แต่จริงๆแล้วเป็นตัวอันตรายคนหนึ่งเลย เพราะบังคตสึเป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกฝึกเพื่อรับใช้ตระกูลเขา การสืบหาข่าวหรือข้อมูลถือว่าเป็นงานที่หมอนี่และพวกน้องๆถนัด ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองนอกก็ได้หมอนี่คอยสืบเรื่องที่อยากรู้ให้ตลอด ไม่มีอะไรที่หมอนี่จะหาข้อมูลมาไม่ได้ ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนๆนั้นเขากลับมาส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องการจากไปของเธอ และส่วนหนึ่งก็เพื่อสะสางเรื่องราวกับ คนๆนั้นเสียที


    “ใช่ ฉันถึงได้บอกว่า อินุยาฉะคือกุญแจของเรื่องนี้ไงล่ะ”


                “หึ งั้นเองสินะ น่าสนุกดีนี่ ....” แม้เขาจะยังไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายหมายถึงนัก แต่สำหรับนาราคุ นั่นก็เป็นคำตอบที่จูงใจเขาได้มากพอทีเดียว “ท่าทางว่าคงมีเรื่องที่ทำให้ฉันต้องรู้จักเด็กนั่นมากขึ้นแล้วสิ”


                นาราคุระบายยิ้มอย่างนึกสนุก จริงๆเขาก็ไม่อยากยุ่งกับเด็กนี่หรอก แต่ในเมื่อเรื่องของ คิเคียวเกี่ยวกับเด็กนี่แล้วมีความเป็นไปได้ว่ามันจะนำพาเขาไปสู่สิ่งที่ต้องการ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ


                “เห็นแกอารมณ์ดีขึ้นได้ฉันก็โอเค” บังคตสึเอ่ยพร้อมยกเครื่องดื่มสีสวยขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ “ข้อมูลที่พอจะหาได้ทั้งที่แกอยากได้และของอินุยาฉะฉันใส่ไว้ในนั้นแล้ว แกก็ไปลองอ่านดูละกัน”เขาพูดพลางชี้นิ้วไปที่ถุงกระดาษสีน้ำตาลที่เอามาให้


                นาราคุมองถุงกระดาษแว่บนึง ก่อนหันไปมองอินุยาฉะที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ

     

    น้องชาย ที่เส็ตโชมารูให้ความสำคัญงั้นเหรอ....

     

     

    ...........


    “เลิกมองฉันสักทีจะได้มั้ย” อินุยาฉะเอ่ยขึ้นหลังจากกินเสร็จแล้วเดินมาหาบังคตสึและนาราคุที่นั่งดื่มอยู่ พร้อมจ้องเขม็งกลับไปที่นาราคุที่มองมาที่เขาไม่วางตาตั้งแต่เขาอยู่ที่โต๊ะ


                “หึ ทำไมงั้นเหรอ” อีกฝ่ายระบายยิ้มพร้อมยืนขึ้นก่อนขยับแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ ก่อนใช้มือขึ้นเช็ดคราบซอสสีแดงที่หน้าอีกคนสำเร็จ แล้วขยับตัวหลบทันทีที่อีกคนจะปัดมือเขาทัน


                “เจ้าบ้านี่.....”อินุยาฉะเอ่ยอย่างเจ็บใจ เมื่อถูกปฏิบัติราวกับเขาเป็นเด็ก


                “กินเสร็จแล้วสินะ งั้นก็กลับกันเถอะ” บังคตสึเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฝากจ่ายด้วยล่ะ”


    “งั้นไว้เจอกันใหม่นะ อิ นุ ยา ฉะ”นาราคุเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน รอยยิ้มระรื่นของนาราคุทำให้อินุยาฉะหมั่นไส้เสียจนอยากซัดเข้าบนใบหน้าที่สาวๆกรี๊ดกร๊าดว่าหล่อนั่นสักทีจริงๆ


    “ใครจะอยากเจอนายอีกกัน” ก่อนจะบ่นพึมพำแล้วเดินนำบังคตสึออกไป นาราคุมองตามอินุยาฉะไปพลางครุ่นคิดกับตัวเอง

     

                พอเทียบกับเจ้าปีศาจน้ำแข็งนั่นแล้ว เป็นคนหัวร้อนแบบคนละขั้วเลยไม่ใช่หรือไง ...

     

    คิดไม่ออกจริงๆว่าเด็กนั่นเวลาอยู่กับนาย จะทำหน้ายังไงกันนะ  .....

     

    “หึ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

     

    ดูเหมือนว่านายกับฉันคงมีชะตาที่ต้องเป็นศัตรูกันไปตลอดจริงๆสินะ 

     

    เส็ตโชมารู.....

     

     

     TBC.


    ----------------------------------------

    กลับมาแล้วนะคะทุกคนนนน //โดนรีดรุม 

    ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ และขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ //โค้งงามๆ

    ขอโทษที่หายไปนานเลยนะคะ จากนี้จะมาทยอยอัพตอนต่อๆไปให้น้า  รักกก

    อดใจรอกันหน่อย พี่น้องใกล้จะได้เจอกันแล้วว  

    ตอนนี้ก็เจอคู่แข่งเขาไปก่อนละกันนะคะ =A= แหะ ๆ (ท่านพี่เส็ตไม่ถูกใจสิ่งนี้)

    แล้วพบกันใหม่นะคะทุกคนนนนน //รีบเผ่นไปปั่นต่อก่อนโดนท่านพี่เชือด




    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×