คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ♣ Destiny ♣ Chapter 16
♣ Destiny ♣ Chapter 16
การที่คุณละสายตาจากใครบางคนนั้นไม่ได้...
การที่คุณอยากจะเจอหน้าใครคนนั้นทุกวัน...
ความรู้สึกแบบนั้นมันคงไม่แปลกอะไรใช่ไหม....
แต่ความรู้สึกแบบนั้น คุณจะมีให้กับคนที่คุณคิดว่าเป็นคู่ปรับได้เหรอ?
ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มร่างสูงผมหางม้าในชุดยูนิฟอร์มของร้านมองที่ใบหน้าของเจ้าของเรือนผมสีดำอีกคนที่กำลังคิดเงินให้ลูกค้าอย่างขะมักเขม้น
คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่ปรับของเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาต้องมาทำงานด้วยกันกับอีกฝ่ายหรือเปล่า
ที่ทำให้เขาเอาแต่มองตามอีกฝ่าย และคิดถึงเรื่องของอีกฝ่ายอยู่แบบนี้
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เป็นแบบนี้.....
อีกฝ่ายที่ถูกมองหันมาสบตาเขาหลังจากที่ลูกค้าออกจากร้านไปแล้ว
ทำให้ร่างสูงรีบเอาขนมสำหรับเติมในตระกร้าจัดวางขึ้นชั้นอย่างรวดเร็ว
“มองอะไรอยู่ได้
เจ้าบ้าโคงะ แกอยากจะพูดอะไรก็พูดมา” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก
หลังจากจัดวางเสร็จหมดโคงะก็หันมาทางอีกคนด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่องว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“ฉันก็แค่กลัวว่านายจะคิดเงินลูกค้าผิดก็เลยดูให้แน่ใจเท่านั้นแหละ” เขาตอบแล้วเดินมาที่เคาน์เตอร์ “คุณรุ่นน้องอินุยาฉะ” พร้อมแสยะยิ้มยั่วโมโหอีกฝ่าย ทำเอาอีกคนคิ้วกระตุกที่ถูกเขาพูดใส่ ก็ถ้านับตามอายุงานอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นน้องเขานี่นะ
“หึ
ไม่ชอบใจที่ฉันทำงานได้เก่งกว่าแกแล้วล่ะสิ”
อินุยาฉะฉีกยิ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ถึงพวกเขาจะทำงานด้วยกัน
แค่อดใจไม่ลงไม้ลงมือด้วย เพราะกลัวของในร้านเสียหายก็เต็มกลืนแล้ว
แต่อีกฝ่ายก็ชอบกวนประสาทเขาทุกที
ไม่รู้ว่าชาติก่อนไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไว้หรือไงกัน
โคงะมองตอบดวงตาสีอำพันคู่สวยนั้นของอินุยาฉะนิ่ง
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาไม่อยากละสายตาจากคนตรงหน้า
อยากจะให้เป็นเขาที่สะท้อนอยู่ในแววตาคู่นี้ แล้วความรู้สึกนี้มันก็มากขึ้นทุกทีๆ
จนเขาเริ่มจะกลัวตัวเองเข้าไปทุกวัน
เขาก็ไม่รู้อะไรทำให้เขาสนใจหมอนี่นัก
เพราะความแข็งแกร่งเหรอ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเก่งกว่าเหรอ?
ถ้าเพราะแบบนั้นทำไมหัวใจของเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้ๆหมอนี่กันล่ะ
ฉันคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ.......
แต่ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น
เสียงมือถือของโคงะก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน
โคงะกดรับมันทันทีเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร โคงะมองนาฬิกาบนผนัง
แล้วกวาดตาไปรอบๆร้าน ขณะที่ฟังปลายสายพูด แล้วเหลือบมองไปที่อินุยาฉะ
“อยู่นี่แหละครับ เอาไป บังคตซึซังจะคุยกับนาย” โคงะยื่นมือถือให้อีกฝ่าย
ก่อนจะส่งสัญญาณไล่ให้อีกฝ่ายเข้าไปคุยหลังร้าน
แล้วตัวเองเดินไปทำหน้าที่รับลูกค้าที่มาใช้บริการแทน
“ฮัลโหล” อินุยาฉะเอ่ยขึ้นเมื่อเข้าไปข้างในห้องสต๊าฟ
“ฮัลโหล
อินุยาฉะจัง ช่วยเอาถุงกระดาษสีน้ำตาลที่ฉันลืมไว้ในร้านมาส่งให้ตอนนี้หน่อยสิ
สำคัญมากๆเลยล่ะ”อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วย นายโทรหาโคงะไม่ใช่หรือไง”
เขาเอ่ยอย่างหัวเสีย
ตั้งแต่ที่ทำงานที่นี่อีกฝ่ายก็ชอบใช้เขาทำอะไรแบบนี้ให้อยู่เรื่อย
แถมเรียกเขาด้วยชื่อแบบนั้นอีก คนๆนี้ไม่ควรได้รับความเคารพจากเขาหรอก
“ฉันโทรหานายไม่รับนี่
แล้วก็ฉันส่งที่อยู่ไปในมือถือนายแล้ว เอาของมาส่งตามนั้นนะ ฉันจะรอ แค่นี้นะ”
อีกฝ่ายพูดในสิ่งที่อยากพูดเสร็จก็วางสายใส่เขาไป
โดยไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธอะไรได้เลย มือที่อินุยาฉะถือมือถือไว้สั่นด้วยความโมโห
“เจ้าหัวหน้าบ้านี่”
อินุยาฉะเอ่ยอย่างหัวเสียขณะเปิดประตูกลับออกมา โชคยังดีที่ลูกค้าออกไปแล้ว
ในร้านเลยไม่มีใครมาเห็นท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเขา
ยกเว้นโคงะที่เดินมาพร้อมถุงกระดาษสีน้ำตาลที่บังคตซึพูดถึง
“เอานี่
เสร็จแล้วนายก็กลับไปได้เลย”โคงะเอ่ยบอกพร้อมยื่นถุงนั้นให้
“รู้แล้วล่ะน่า”
อินุยาฉะยื่นมือถือคืนให้อีกฝ่าย แล้วรับถุงน้ำตาลนั้นมา
ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสต๊าฟอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนชุดแล้วกลับออกมาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง พลางเอ่ยบ่นอย่างหัวเสีย
ทั้งที่ใกล้เวลาได้กลับบ้านของเขาแล้วแท้ๆ
เจ้าหัวหน้าโรคจิตนั่นก็ยังมาใช้งานกันซะได้
โคงะมองหน้าอีกฝ่ายก็นึกขำ
ถึงอีกฝ่ายจะบ่นแล้วไม่อยากทำ แต่ก็ทำทุกทีนั่นแหละนะ
“ยิ้มอะไรของนายหะ”
อินุยาฉะเอ่ยกับอีกคนที่มองเขาแล้วยิ้มแปลกๆ จนโคงะสะดุ้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมา
ทำให้เขารีบเปลี่ยนสีหน้า ก่อนกอดอกพร้อมเอ่ยปากไล่ให้อินุยาฉะรีบออกไปแทน
“รีบไปได้แล้วไป”
“รู้แล้วล่ะน่า”
อินุยาฉะเอ่ยบอก แล้วเดินออกจากร้านไปทันที โคงะมองตาม ก่อนครุ่นคิดกับตัวเอง
ว่าตัวเขาเป็นอะไรไปแล้วกันนะ ที่ทำตัวแปลกๆเวลาอยู่กับอีกฝ่ายมากขนาดนี้
อินุยาฉะ
ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายนี่มันอะไรกันแน่.....
.................................................
“โอ้
อินุยาฉะจัง ทางนี้ๆ”
บังคตซึตะโกนพร้อมโบกมือให้เขาอยู่หน้าร้านๆหนึ่งที่อีกฝ่ายส่งที่อยู่ให้เขาไว้
เพราะเจ้าตัวดันลืมถุงที่ใส่ของสำคัญไว้ที่ร้าน เลยต้องลำบากให้เขาเอามาส่งให้
แต่เขาไม่คิดเลยว่าย่านที่อีกฝ่ายให้มาจะเป็นที่สำหรับเหล่าคนชอบท่องกลางคืน
ดูจากร้านรอบๆที่มีป้ายไฟสีสันฉูดฉาดและผู้หญิงผู้ชายที่กอดรัดกันรอบๆ
ก็ทำให้เด็กหนุ่มอดประหม่าไม่ได้ที่ต้องมาเดินผ่านแถวนี้คนเดียวแบบนี้
“ขอบคุณนะอินุจัง เวลาเลิกงานนายแท้ๆ
ให้ฉันเลี้ยงข้าวตอบแทนสักหน่อยมั้ย”บังคตซึเอ่ยยิ้มร่า
“นายเลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที
นี่ของที่นายให้เอามา”อินุยาฉะเอ่ยอย่างหัวเสียพร้อมยื่นถุงไปตรงหน้าอีกคน
ถ้าเกรงใจคนอื่นเขาจริงๆก็อย่าใช้สิฟะเจ้าบ้านี่ ! อินุยาฉะคิด
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่า
นายไม่เคยมาแถวนี้เลยสินะ” บังคตซึวาดมือขึ้นพาดไหล่พร้อมรั้งอีกคนให้เข้ามาใกล้
ก่อนกระซิบแหย่ข้างใบหู ทำเอาอินุยาฉะถึงกับหน้าแดง
“ก็แถวนี้เป็นที่สำหรับ ผู้ใหญ่ นี่นาเนาะ”
“หมดธุระแล้วฉันกลับล่ะ” อินุยาฉะบอกพร้อมพยายามปัดอีกคนออก
“น่าๆ ฉันไม่ให้ใครทำอะไรนายหรอกน่า
ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันกันนะ”บังคตซึเอ่ยพร้อมรั้งอีกคนให้เดินตามเข้าไปในร้าน เขาพยายามขัดขืนแต่ก็ต้องยอมแพ้
เพราะยังไงอีกฝ่ายก็คือคนจ่ายเงินเดือนเขาล่ะนะ ถึงจะเจ็บใจก็เถอะ
เมื่อพวกเขาผ่านพ้นประตูไม้บานใหญ่
ก็เผยให้เห็นภายในร้านที่ตกแต่งด้วยไม้แทบทั้งหมด
ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของมันทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอที่ให้ความสงบ
ทางด้านขวาเป็นที่นั่งสำหรับแขกที่มาทานอาหาร
เปลวไฟจากแสงเทียนเล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เหล่านั้น
สร้างความรู้สึกโรแมนติกได้อย่างดีและข้างๆก็มีเวทีเล็กๆและเปียโนตัวใหญ่ตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงมุมห้องใกล้กับหน้าต่างสำหรับการแสดงดนตรีสด
ส่วนทางด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์บาร์ที่มีขวดเหล้าสีสันและรูปร่างหลากหลายโชว์เรียงรายกันราวกับอวดรูปโฉมยั่วยวนลูกค้าที่เข้ามาภายในให้ตกในภวังค์
แสงของหลอดไฟสีเหลืองนวลสลัวที่ประดับตกแต่งอยู่ด้านบนก็ทำให้บรรยากาศชวนเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูก
อินุยาฉะถูกลากไปที่เคาน์เตอร์บาร์ที่นอกจากบาร์เทนเดอร์แล้ว
ก็มีชายหนุ่มเรือนผมสีดำในเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่
เขาเหม่อมองของเหลวสีอำพันในแก้วใสลายสวยตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับดำดิ่งสู่โลกที่มีเพียงแต่เขาเท่านั้น
“นี่ของนาย”บังคตซึเอ่ยพร้อมโยนถุงกระดาษในมือไถลไปตรงหน้าอีกฝ่ายเรียกให้ชายหนุ่มหันหน้ามามองทางพวกเขา
“มาได้สักทีนะแก
บังคตซึ”อีกฝ่ายเอ่ยบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
อินุยาฉะมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาราวกับมีบางอย่างติดใจเขา
ดวงตาสีม่วงที่เรียบนิ่งไร้แววคู่นั้นจ้องมองมาทางพวกเขาก่อนกระพริบตาเพื่อปรับโฟกัส
เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเบา
“เด็กนั่น”
น้ำเสียงที่คุ้นหูนั้นราวกับรหัสปลดล็อกให้ภาพต่างๆไหลเข้ามาในหัวของอินุยาฉะ
ดวงตาเขาเบิกกว้างพร้อมความไม่สบอารมณ์ที่พุ่งขึ้น
“ไอ้บ้าเมื่อตอนนั้น!?”
อินุยาฉะชี้หน้าอีกฝ่าย พร้อมเอ่ยออกมาเสียงดัง จนลูกค้าในร้านหันมาสนใจ
“หือ? พวกนายรู้จักกันแล้วงั้นเหรอ?”บังคตซึเดินไปนั่งข้างๆ
โดยไม่ลืมที่จะดึงให้อินุยาฉะไปนั่งลงคั่นกลางระหว่างเขาและอีกคน
เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นจุดสนใจจนเกินไป
“เคยเจอครั้งหนึ่ง” นาราคุเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่ได้สนใจใยดีสายตาที่จ้องมาจากคนข้างๆเลย
“งั้นเหรอ หมอนี่ อินุยาฉะ
รุ่นน้องที่ทำงานผู้น่ารักของฉันเอง”บังคตสึพูดพลางวาดแขนจับไหล่อีกคนแล้วกระชับเข้ามาใกล้
ก่อนถูกอินุยาฉะดึงมือออก
“อ้อเหรอ” ร่างสูงเอ่ยตอบอย่างไม่ใยดี
บังคตสึเห็นท่าทีแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา
ก่อนใช้มือท้าวคางกับเคาน์เตอร์พร้อมเอ่ยต่อ
“ส่วนหมอนี่ นาราคุ
มันเศร้าอยู่เลยสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นายก็อย่าถือสามันมากล่ะ”
“ฉันกลับล่ะ”
ร่างสูงเอ่ยก่อนลุกขึ้นพร้อมกระดกของเหลวในแก้วจนหมด
มีบางอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับอินุยาฉะที่เขาไม่อยากไปข้องเกี่ยวด้วยเท่าที่จะทำได้
“เฮ้ จะบ้าหรือไง” บังคตสึปรี่ตัวเข้าไปหาอีกคน
“ฉันได้ของแล้ว
ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอยู่ต่อ” แต่เหมือนบังคตสึจะคิดทำอะไรบางอย่างถึงให้พวกเขามาเจอกัน
......
“นายนี่มัน”บังคตสึกรอกตากับท่าทีของอีกคน
ก่อนจะเหลือบมองอินุยาฉะแว่บนึง “เด็กนี่เอาของมาให้
นายไม่คิดจะเลี้ยงข้าวเขาหน่อยหรือไง”
“อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วย
ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ซะหน่อย”อินุยาฉะเอ่ยขัดขึ้นพลางลุกขึ้นยืน
เขาไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพวกบ้าสองคนนี้หรอกนะ
“ฉันไม่ได้อยากให้คนพรรค์นี้มาเลี้ยงข้าวสักหน่อย”
“หื้ม...” นาราคุเอ่ยเบาๆ ออกมา
ใบหน้าของอินุยาฉะทำให้เขานึกถึง ‘เจ้านั่น’
ขึ้นมา
ปากดีน่าดู....สมแล้วที่เป็น...ของเจ้านั่น
บังคตสึมองอินุยาฉะที่จ้องเขม็งมาทางพวกเขา
ก่อนเหลือบมองร่างสูงที่กำลังมองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ
ก่อนนาราคุจะแสยะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“งั้นก็ได้”
“ก็บอกว่าไม่ไง พวกนายนี่ฟังที่คนอื่นเขาพูดบ้างสิเว้ย”อินุยาฉะโวย
“เอาน่าๆอินุยาฉะ
ญาติดีกันไว้เถอะเนาะ”บังคตสึเดินไปจับไหล่อีกฝ่าย พร้อมดันให้ไปนั่งรอที่โต๊ะ
“สั่งได้เต็มที่เลยนะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเจ้านั่นมันน่ะ ไว้เสร็จแล้วฉันไปส่ง”
“รู้แล้วล่ะน่า จะไปไหนก็ไป” อินุยาฉะเอ่ยตอบ
ก่อนบังคตสึจะเดินกลับไปนั่งลงข้างๆนาราคุที่เคาน์เตอร์บาร์
อินุยาฉะทอดสายตามองไปที่ทั้งคู่
บรรยากาศรอบๆตัวสองคนนั้นมีบางอย่างที่ทำให้เขาแอบหวั่นใจ
พลางคิดว่าเจ้ามิโรคุเพื่อนตัวดีของเขาจะรู้ไหมว่าอาจไปข้องเกี่ยวกับคนอันตรายอยู่จริงๆก็ได้
ถึงได้ชอบถูกใครตามรังควาน
“นาราคุซังนี่เท่สุดๆไปเลยเนาะ...”
แต่แล้วเสียงซุบซิบที่ดังขึ้น
ก็ทำให้อินุยาฉะต้องมองสำรวจไปรอบๆร้านก่อนสังเกตเห็นสาวๆที่มองไปที่ทั้งคู่ด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม
พร้อมท่าทางดี๊ด๊ากันเสียเต็มประดา
ให้ตายสิ....
ยัยพวกนี้รสนิยมแย่ชะมัด
อินุยาฉะสบถในใจ
ก่อนหยิบเมนูอาหารขึ้นมาสั่งพลางคิดว่า รีบกินให้เสร็จแล้วก็จะได้รีบกลับเสียที
.............................
“ที่แกนัดฉันมาคงไม่ใช่แค่เอาของมาให้สินะ”
นาราคุเอ่ยขึ้น เมื่อบังคตสึเดินกลับมานั่งลงข้างๆ
“แน่อยู่แล้ว”บังคตสึเอ่ยหลังจากสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม
นาราคุกับเขารู้จักกันมานาน
ตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายอย่าง
เพื่อนสนิทสมัยเด็กอะไรแบบนั้น นาราคุมาจากตระกูลที่เก่าแก่และมีอิทธิพลมากขนาดที่ตำรวจก็ไม่กล้าแตะต้อง
ส่วนเขาเองก็เติบโตมาภายใต้การดูแลของตระกูลนาราคุ ทว่าตั้งแต่ที่นาราคุถูกส่งไปเมืองนอก
ตอนนั้นเขาและน้องๆก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ตระกูลนาราคุอีกแล้ว แต่เพราะเพื่อเป้าหมายบางอย่างของพวกเขา
พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของกันและกัน จึงติดต่อกันมาโดยตลอด
“นายคิดอะไรถึงให้ฉันเจอเจ้าเด็กนั่น”
นาราคุเอ่ย อีกฝ่ายจะรู้ไหมว่า อินุยาฉะคนนั้น คือน้องของเส็ตโชมารู
คู่แข่งของเขา...
“ก็เขาเป็นกุญแจของเรื่องนี้นี่”บังคตสึพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเด็กที่กำลังสนุกอยู่
เรื่องนี้ที่อีกฝ่ายหมายถึง คือสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับคนๆหนึ่งที่นาราคุคนนี้รู้สึกเสียใจจนต้องกลับมาญี่ปุ่น
ซึ่งเขาไม่คิดว่าอินุยาฉะจะเกี่ยวข้องอะไรด้วย
“นายรู้หรือเปล่าว่าเด็กนั่นเป็นใคร” นาราคุเอ่ย
เพราะครั้งแรกที่เจอกับเด็กนั่นมีบางอย่างเอะใจเขาจนต้องให้คนไปสืบเรื่องของเด็กคนนั้น
แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไร นอกจากแค่เด็กนั่นเป็นน้องชายในภาพของเส็ตโชมารูเท่านั้น
แต่ก็เพราะบังเอิญ เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วถ้าเป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากเอาตัวไปข้องเกี่ยวกับเส็ตโชมารูไปมากกว่านี้เหมือนกัน
“แน่อยู่แล้ว นายคงไม่คิดว่าฉันจะให้นายเจอหมอนั่นแค่เพราะเป็นน้องเส็ตโชมารูหรอกใช่มั้ย
นายคิดว่าบังคตสึคนนี้เป็นใครกันล่ะ”บังคตสึเอ่ยตอบทันที โดยไม่คิดสักนิดเดียว
นาราคุมองบังคตสึที่ยิ้มราวกับมีบางอย่างอยู่ในใจ
นายกำลังเล่นเกมอยู่สินะ....
“ถึงแบบนั้นก็ให้ฉันเจอเนี่ย
นายกล้าไม่เบาเลยนะ” นาราคุเอ่ยพลางยกแก้วขึ้นดื่ม
“เด็กนั่นคือคนที่ ‘คิเคียว’ คอยปกป้องไงล่ะ” แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้นาราคุแปลกใจ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเด็กคนนั้น “นายควรจะสืบเรื่องหมอนั่นเอาไว้บ้างนะ”
บังคตสึเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยบางสิ่ง บังคตสึรู้ดีว่าเรื่องของ ‘คิเคียว’ มีความหมายกับอีกฝ่ายมากขนาดไหน
หญิงสาวที่นาราคุหลงรักสมัยเด็ก การสูญเสียเธอไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก ทำให้นาราคุเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้
และความเป็นไปได้ที่ ‘คนๆนั้น’ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นาราคุกลับมาจากเมืองนอกเพื่อจะไขเรื่องนี้ให้ได้
และหลังจากที่ตัวเขาพบอินุยาฉะ
แล้วสืบเรื่องของเด็กคนนั้น ข้อมูลที่หาได้ก็เป็นสิ่งที่มีปริศนาอยู่มากทีเดียว
หลายๆอย่างมันขาดหายไป เขาเองก็พยายามสืบแทบแย่เลยล่ะนะ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่ามันจะต้องเชื่อมโยงหลายๆสิ่งที่เกี่ยวกับ
‘คนๆนั้น’ ที่พวกเขาอยากรู้ได้แน่ๆ เพราะงั้นเขาถึงได้ให้นาราคุมาเจออินุยาฉะ
เพื่อที่ว่าอาจจะได้ข้อมูลอะไรมามากขึ้นก็ได้
แม้จะเสี่ยงที่ต้องข้องเกี่ยวกับเส็ตโชมารูก็เถอะ
“คิเคียวกับเด็กนั่นน่ะเหรอ...”
นาราคุเอ่ยพลางนึกถึงความเป็นไปได้
....จะว่าไปตอนนั้นเด็กนั่นก็อยู่กับผู้หญิงที่หน้าคล้ายเธอ
จนเราเองก็แปลกใจอยู่นี่นะ....
ด้วยที่บังคตสึรู้จักกับเขามานาน
ถึงจะดูหน้าตาบ้าๆบอๆ แต่จริงๆแล้วเป็นตัวอันตรายคนหนึ่งเลย เพราะบังคตสึเป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกฝึกเพื่อรับใช้ตระกูลเขา
การสืบหาข่าวหรือข้อมูลถือว่าเป็นงานที่หมอนี่และพวกน้องๆถนัด
ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองนอกก็ได้หมอนี่คอยสืบเรื่องที่อยากรู้ให้ตลอด
ไม่มีอะไรที่หมอนี่จะหาข้อมูลมาไม่ได้ ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
’คนๆนั้น’ เขากลับมาส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องการจากไปของเธอ
และส่วนหนึ่งก็เพื่อสะสางเรื่องราวกับ ‘คนๆนั้น’ เสียที
“ใช่
ฉันถึงได้บอกว่า อินุยาฉะคือกุญแจของเรื่องนี้ไงล่ะ”
“หึ งั้นเองสินะ น่าสนุกดีนี่ ....”
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายหมายถึงนัก แต่สำหรับนาราคุ
นั่นก็เป็นคำตอบที่จูงใจเขาได้มากพอทีเดียว
“ท่าทางว่าคงมีเรื่องที่ทำให้ฉันต้องรู้จักเด็กนั่นมากขึ้นแล้วสิ”
นาราคุระบายยิ้มอย่างนึกสนุก จริงๆเขาก็ไม่อยากยุ่งกับเด็กนี่หรอก
แต่ในเมื่อเรื่องของ ‘คิเคียว’ เกี่ยวกับเด็กนี่แล้วมีความเป็นไปได้ว่ามันจะนำพาเขาไปสู่สิ่งที่ต้องการ
มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“เห็นแกอารมณ์ดีขึ้นได้ฉันก็โอเค”
บังคตสึเอ่ยพร้อมยกเครื่องดื่มสีสวยขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์
“ข้อมูลที่พอจะหาได้ทั้งที่แกอยากได้และของอินุยาฉะฉันใส่ไว้ในนั้นแล้ว
แกก็ไปลองอ่านดูละกัน”เขาพูดพลางชี้นิ้วไปที่ถุงกระดาษสีน้ำตาลที่เอามาให้
นาราคุมองถุงกระดาษแว่บนึง
ก่อนหันไปมองอินุยาฉะที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ
น้องชาย
ที่เส็ตโชมารูให้ความสำคัญงั้นเหรอ....
...........
“เลิกมองฉันสักทีจะได้มั้ย”
อินุยาฉะเอ่ยขึ้นหลังจากกินเสร็จแล้วเดินมาหาบังคตสึและนาราคุที่นั่งดื่มอยู่
พร้อมจ้องเขม็งกลับไปที่นาราคุที่มองมาที่เขาไม่วางตาตั้งแต่เขาอยู่ที่โต๊ะ
“หึ ทำไมงั้นเหรอ” อีกฝ่ายระบายยิ้มพร้อมยืนขึ้นก่อนขยับแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้
ก่อนใช้มือขึ้นเช็ดคราบซอสสีแดงที่หน้าอีกคนสำเร็จ
แล้วขยับตัวหลบทันทีที่อีกคนจะปัดมือเขาทัน
“เจ้าบ้านี่.....”อินุยาฉะเอ่ยอย่างเจ็บใจ
เมื่อถูกปฏิบัติราวกับเขาเป็นเด็ก
“กินเสร็จแล้วสินะ งั้นก็กลับกันเถอะ”
บังคตสึเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฝากจ่ายด้วยล่ะ”
“งั้นไว้เจอกันใหม่นะ
อิ นุ ยา ฉะ”นาราคุเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน รอยยิ้มระรื่นของนาราคุทำให้อินุยาฉะหมั่นไส้เสียจนอยากซัดเข้าบนใบหน้าที่สาวๆกรี๊ดกร๊าดว่าหล่อนั่นสักทีจริงๆ
“ใครจะอยากเจอนายอีกกัน”
ก่อนจะบ่นพึมพำแล้วเดินนำบังคตสึออกไป นาราคุมองตามอินุยาฉะไปพลางครุ่นคิดกับตัวเอง
พอเทียบกับเจ้าปีศาจน้ำแข็งนั่นแล้ว
เป็นคนหัวร้อนแบบคนละขั้วเลยไม่ใช่หรือไง ...
คิดไม่ออกจริงๆว่าเด็กนั่นเวลาอยู่กับนาย
จะทำหน้ายังไงกันนะ .....
“หึ
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
ดูเหมือนว่านายกับฉันคงมีชะตาที่ต้องเป็นศัตรูกันไปตลอดจริงๆสินะ
เส็ตโชมารู.....
TBC.
----------------------------------------
กลับมาแล้วนะคะทุกคนนนน //โดนรีดรุม
ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ และขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ //โค้งงามๆ
ขอโทษที่หายไปนานเลยนะคะ จากนี้จะมาทยอยอัพตอนต่อๆไปให้น้า รักกก
อดใจรอกันหน่อย พี่น้องใกล้จะได้เจอกันแล้วว
ตอนนี้ก็เจอคู่แข่งเขาไปก่อนละกันนะคะ =A= แหะ ๆ (ท่านพี่เส็ตไม่ถูกใจสิ่งนี้)
แล้วพบกันใหม่นะคะทุกคนนนนน //รีบเผ่นไปปั่นต่อก่อนโดนท่านพี่เชือด
ความคิดเห็น