คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : บทที่ 8 (7)
อาจเป็นเพราะแสงไฟในผับค่อนข้างสลัวทำให้ตอนแรกเขาจำหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ทว่าพอได้ยินชื่อที่หลุดออกมาจากปากของรัตน์วลีเขาก็จำได้ทันทีว่าไอ้หมอนั่นเป็นใคร
‘ผู้ชายที่เธอไปค้างด้วย’ มันบ้าชะมัดที่เขารู้สึกหงุดหงิดที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่มันบ้ายิ่งกว่าที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ เพื่อจะฟังคนอื่นพูดกันอย่างไร้มารยาทด
“งั้นเรามารับนะ อยากไปเยี่ยมป้าแกเหมือนกัน”
“เอาสิ แต่ขอเป็นสักบ่ายโมงนะ ขอซักผ้าก่อน ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว”
คำถาม และคำตอบยังแว่วมาให้ได้ยินแม้ว่าเขาจะตัดสินใจเดินห่างออกมา แต่ว่าพอเข้ามาถึงห้องโถงเขากลับตัดใจเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองไม่ได้
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องครัว ตั้งใจจะหาน้ำเย็นๆ ดื่มเพื่อดับความร้อนรุ่มที่สุ่มอยู่ในอก ทว่าเสียงครืดยาวๆ และแสงสว่างจากหน้าจอมือถือก็ทำให้เขาชะงักฝีเท้าเสียก่อน
เอริคคว้าโทรศัพท์ที่จำได้ว่าเป็นของรัตน์วลีที่ถูกวางทิ้งไว้บนเค้าเตอร์ขึ้นมาไว้ในมือ พอเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้าเขาก็เกือบจะขว้างมันทิ้งแล้ว แต่เพราะเห็นว่าใช้ประโยชน์จากมันได้เขาถึงไม่ได้โยนมันทิ้งไป
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์พวกนั้นคงอยู่จนผับปิดแหละ นี่ก็อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าผับจะปิด ถ้ารัตน์ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรไอ้น้ำตาลมันไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล”
“แล้วโอมล่ะจะกลับไปไหม”
“ถ้ารัตน์ไม่ไป เราก็ไม่ไปแล้วล่ะ กลับไปนอนดีกว่า ตกลงเอาไง”
“งั้นก็...”
“น้าเธอโทรมา” เสียงห้วนหลุดออกไปก่อนที่รัตน์วลีจะตอบอะไรออกไป
“คะ?”
“เดินมาเอาโทรศัพท์ไปสิ” เสียงห้วนถูกปรับให้ราบเรียบลงเมื่อสายตาสองคู่มองมาทางเขา สายตาคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ สงสัย และตกใจ ส่วนอีกคู่หนึ่งดูไม่ชอบใจและเริ่มมีความเป็นปรปักษ์ฉายขึ้นมาจนรู้สึกได้
นัยน์ตาสีเทาล้ำลึกมองหญิงสาวที่เดินมาตรงเข้ามาหาด้วยแววตาเฉยชา พอโทรศัพท์ไปอยู่ในมือเล็กร่างสูงก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านทันที
แม่งเอ้ย! นี่มึงทำบ้าอะไรอยู่วะไอ้เอริค
เอริคสบถด่าตัวเองในใจ มือหนายกขึ้นเสยผมตัวเองหนักๆ อย่างหัวเสียกับการเสียการควบคุมตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
“มันดึกแล้ว เดี๋ยวเราโทรคุยกับยลดาดีกว่า” เพราะโทรศัพท์ที่รับมาจากเอริคมันหยุดสั่นไปแล้ว รัตน์วลีจึงเลือกที่จะตอบคำถามที่ยังค้างคาเสียก่อน ทว่าคำตอบกลับไม่ใช่คำตอบเดิมที่ตั้งใจจะพูดออกมาก่อนหน้านี้
“แปลว่าจะไม่ไป”
“อือ” รัตน์วลีครางตอบ
“เพราะเขาเหรอ?” ภูศิลป์พยักพเยิดไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มอีกคนเพิ่งเดินไป
เพราะท่าทางที่เหมือนจะโกรธของเขาใช่ไหมที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจ! คำถามของภูศิลป์ทำให้คำถามอีกคำถามผุดขึ้นมาในใจจนเธออดตกใจกับมันไม่ได้
“เปล่า แต่เวลาน้ากานต์โทรมา ชอบคุยยาวๆ อีกอย่างสภาพรัตน์ก็ไม่เหมาะไปผับด้วย ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน โอมต้องนั่งรอนานเลย แล้วไหนจะขับรถไป ไปถึงแป๊บเดียวผับก็ปิดแล้ว” สมองของเธอแล่นเร็วจี้พยายามหาเหตุผลมาอธิบายยืดยาว เพราะนอกจากเธอจะใช้มันปฏิเสธชายหนุ่มตรงหน้า เธอยังใช้มันแก้ตัวกับตัวเองด้วย
“เหตุผลเยอะมาก แต่แน่ใจนะว่าไม่ได้เกี่ยวกับพี่ชายของรัตน์”
“รัตน์จะไปสนเขาทำไม ก็รู้อยู่นี่ว่ารัตน์กับเขาไม่ค่อยถูกกัน”
“แต่เขาดู...”
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์สั่นยาวๆ เพราะมีสายโทรเข้าทำให้ภูศิลป์ชะงักคำพูด และเมื่อเห็นหญิงสาวพะว้าพะวังระหว่างตนกับโทรศัพท์ในมือ ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “รัตน์รับโทรศัพท์เถอะ เราจะกลับแล้ว”
“ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาบอกด้วย”
“อืม ฝันดีนะ”
“ฝันดีค่ะ”
“ค่ะน้ากานต์”หลังจากรอให้รถของภูศิลป์เคลื่อนออกไป รัตน์วลีก็กดรับโทรศัพท์ แล้วส่งเสียงลงไปทันที
“น้าโทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“พอดีรัตน์ไปโรงพยาบาลแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านน่ะคะ”
“ไปโรงพยาบาลทำไม” เสียงไม่พอใจลดความห้วนลงเมื่อได้ยินเหตุผลที่เธอบอก
“ป้าเอียดตกเก้าอี้ กระดูกสะโพกร้าว แต่ตอนนี้โอเคแล้ว น้ากานต์ไม่ต้องเป็นห่วง เที่ยวให้สนุกเถอะค่ะ”
“น้าเที่ยวสนุกแน่ถ้ารัตน์ทำตามสัญญาที่ให้กับน้าไว้ หรือรัตน์อยากให้น้าทำตามวิธีของน้าต่อ”
เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้... ใช่! เธอตั้งใจจะไม่ทำตามสัญญาเพราะคิดว่าคนที่อยู่ไกลอีกซีกโลกคงไม่รู้ ทว่าต่อจากนี้เธอคงเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว...
มาต่อให้แล้วจ้า
ความคิดเห็น