ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บัญชารักจอมเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 5 (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.94K
      38
      3 ส.ค. 64

    เอริคเดินไปเลื่อนเก้าอี้สีน้ำตาลอ่อนที่บุด้วยนวมสีครีมทองตัวหัวโต๊ะออกให้บิดา ก่อนจะกลับมานั่งประจำที่ของตัวเอง

    “วันนี้มีอะไรกินบ้างค่ะป้า” กานต์สินีหันไปถามคนงานสูงวัยที่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมถาดอาหาร

    “ข้าวต้มกุ้งค่ะคุณผู้หญิง”

    “อ้าวนี่ละเอียดกลับมาแล้วเหรอ นึกว่าจะได้กินอาหารฝีมือหนูรัตน์อีกสักมื้อซะอีก” โรเจอร์ทักขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับแม่บ้าน

    “นี่เบื่อฝีมืออิฉันแล้วเหรอคะ” แม่บ้านวัยห้าสิบกว่าตอบผู้เป็นนายใหญ่ด้วยน้ำเสียงแสนงอน

    “เปล่าหรอก ทำเป็นงอนไปได้ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ก็เห็นว่าไม่สบาย น่าจะพักอีกสักวัน”

    “อิฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แต่ก็คงเข็ดส้มตำปูปลาร้าฝีมือนังทรายไปอีกนาน”

    “อ้าวป้ามาโทษฉันได้ยังไงก็ช่วยกันทำนี่” ปาลิตาหลานสาววัยสิบเจ็ดปีของป้าละเอียดร้องขึ้นขณะที่ช่วยยายยกข้าวต้มร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเสิร์ฟ

    “แล้วหนูรัตน์ล่ะ ใครก็ได้ไปตามหนูรัตน์มากินข้าวที”

    “วันนี้ทรายยังไม่เห็นคุณรัตน์เลยนะคะ นึกว่าออกไปไหนตั้งแต่เช้าแล้วเสียอีก”

    “รัตน์ไปไหนเหรอกานต์” โรเจอร์หันไปถามคนที่น่าจะรู้คำตอบดีที่สุด

    “เอ่อ...คือ...”

    “ดีจังเลยนะครับ คุณน้าเป็นห่วงผมที่ตื่นสายกลัวว่าจะไม่สบาย แต่ไม่สนใจหลานสาวตัวเองที่ยังไม่ออกจากห้องเหมือนกัน”

    “เปล่าหรอกจ้ะ พอดีเมื่อคืนเห็นว่าไม่ค่อยสบาย ตอนเช้าน้าก็เข้าไปดูมาแล้วนะ เห็นบ่นว่าปวดหัวน้าเลยปล่อยให้นอนต่อ นี่ก็กะให้ทรายยกข้าวต้มไปให้พอดี”

    “แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” โรเจอร์ถามขึ้น

    “ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”

    “อ้าว คุณรัตน์ยังอยู่บ้านเหรอครับเนี่ย ผมนึกว่าออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเสียอีก แล้วนี่จะออกไปไหนครับ ให้ผมเอารถออกไหม”

     รัตน์วลีพยายามส่งสัญญาณให้คนตรงหน้าหยุดเสียง แต่ไม่ทันเสียแล้ว ทั้งๆ ที่นอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็เกือบเช้า แต่อาการปวดที่ข้อมือก็ปลุกเธอให้ตื่นนานแล้ว ทว่าที่เธอไม่ยอมออกจากห้องก็เพราะต้องการถ่วงเวลา เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอไม่รู้ว่าต้องทำหน้าอย่างไร ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร แต่พอลงมาแล้วพบว่าเขายังอยู่ที่บ้านเธอจึงเปลี่ยนจากการลงมาหาอะไรกินก่อนออกจากบ้าน เป็นออกจากบ้านแล้วค่อยไปหาอะไรกินเอาข้างหน้า ทว่าขณะที่กำลังย่องผ่านห้องโถง ซึ่งอยู่ติดกับห้องอาหารก็ดันมาเจอกับพร้อมพงศ์คนงานอีกคนของบ้านเสียก่อน

    “หนูรัตน์” 

    พอเสียงที่เธอพยายามห้ามแต่ไม่ได้ผลสิ้นสุดลง เสียงจากในห้องอาหารก็ดังขึ้น และเสียงนั้นก็ทำให้รัตน์วลีต้องก้าวเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารอย่างไม่มีทางเลือก

    “คะคุณลุง”

    “จะออกไปข้างนอกเหรอ กินข้าวก่อนค่อยไปสิ” โรเจอร์ว่าก่อนจะหันไปสั่งแม่ครัวที่ทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่สร้างเสร็จใหม่ๆ “ละเอียดตักข้าวให้คุณรัตน์หน่อย” 

    “เดี๋ยวทรายตักให้เองค่ะ” ปาลิตาอาสาแทนยาย ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปครัวมาตักข้าวต้มมาเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยอย่างกระตือรือร้น

    ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาแบบไม่ต้องการคำตอบของอีกฝ่ายทำให้รัตน์วลีต้องเลื่อนเก้าอี้ออก แล้วนั่งอย่างไร้ทางเลือก หญิงสาวพยายามโฟกัสที่ใบหน้าของชายสูงวัย เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอหันไปมองผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ เธอไม่รู้ว่าหากเขามองอยู่เธอต้องทำหน้าแบบไหน และจะทนสบตากับเขาได้ไหม

     “มาแล้วค่ะ” ไม่ถึงสิบวินาทีเสียงใส่แจ๋วของเด็กสาววัยใสก็ดังขึ้นพร้อมกับถ้วยข้าวต้มหอยฉุยที่ถูกวางไว้ตรงหน้า

    “ขอบใจนะ” คำขอบใจของเธอได้รับรอยยิ้มกว้างของปาลิตาเป็นสิ่งตอบแทน 

    “แล้วนั่นเป็นอะไรคะ ทำไมถึงต้องพันผ้าไว้แบบนั้น” 

    ทั้งๆ ที่เธอพยายามซ่อนมือที่พันด้วยผ้ายืดไว้ใต้โต๊ะอาหารแล้วแต่คนที่เข้ามาด้านหลังอย่างปาลิตาก็สังเกตเห็นจนได้ และเสียงของปาลิตาทำให้นัยน์ตาทุกคู่ในห้องอาหารจับจ้องมาที่เธอเป็นจุดเดียว

    “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” รัตน์วลีหันไปตอบปาลิตาเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตากับสายตาจับผิดของผู้เป็นน้า

    “ไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมต้องพันผ้าไว้” 

    เสียงดุๆ ของผู้เป็นน้าทำให้รัตน์วลีทำหน้าเหย

    “ข้อมือมันเจ็บน่ะคะ” รัตน์วลีใช้มืออีกข้างกำมือข้างที่ถูกพันด้วยผ้ายืดเอาไว้เบาๆ เพื่อบังมันจากสายตาที่มองมา เธอก็อยากจะแกะผ้ายืดพันเคล็ดออกแล้วบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แต่ถ้าแกะออก ข้อมือที่แดงและบวมเป่งคงประจานว่าเธอโกหกได้ดีกว่าข้อมือที่มีผ้าพันแผลพันไว้เป็นไหนๆ

    “ไปโดนอะไรมาล่ะ”

    “ซุ่มซ่ามตกบันไดค่ะ” ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอก็ประคบข้อมือด้วยน้ำแข็งแล้วแต่แทนที่อาการบวมและปวดจะลดลงมันกลับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตอนที่ต้องขยับข้อมือมากๆ เธอจึงต้องเลี่ยงที่จะใช้มือข้างขวาด้วยการหาผ้ายืดมาพันไว้

    “ไหนคุณน้าบอกว่า แค่ปวดหัวยังไงล่ะครับ ตกบันไดกับปวดหัวนี่มันต่างกันมากเลยนะครับ”

    “รัตน์ไม่อยากให้น้ากานต์เป็นห่วงก็เลยโกหกน่ะคะ” แม้จะโต้เถียงกลับไปอย่างทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับเชิดหน้าขึ้น จ้องเขากลับอย่างไม่หวั่นเกรงเหมือนที่เคยทำไม่ได้

    *****************

    มาต่อให้ตามสัญญาจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×