ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เถื่อนรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 แอบอ้าง (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.38K
      17
      24 ต.ค. 64

             

             “เกล้าโกหก

              เพราะน้ำเสียงไม่มั่นใจเพียงน้อยนิดของรัดเกล้าทำให้ประโยคต่อมาของวิศรุจถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนือกว่าและได้ใจ

              ถ้าพูดเรื่องจริงแล้วรุจยังไม่เชื่อ เกล้าจะทำอะไรได้อีก รัดเกล้าปรับสีหน้าให้ราบเรียบแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังมั่นคง เธอประสานสายตาที่ปั้นแต่งให้แน่วแน่กับดวงตาจับผิดของอีกฝ่ายนิ่ง

              ถ้าจริงอย่างที่เกล้าพูด ก็แนะนำเขาให้เรารู้จักหน่อยสิ แล้วเราจะไม่ยุ่งกับเกล้าอีก เราจะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันอย่างที่เกล้าต้องการ

              “...”

    รัดเกล้าเม้มปากแน่น หนักใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอพลางคิดหาทางแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองหลุดปากพูดออกไปอย่างไม่หยั่งคิด แต่วิศรุจก็ไม่ให้เวลาเธอคิดนานนัก ซึ่งอันที่จริงต้องเรียกว่าเขาไม่ให้เวลาเธอคิดเลยมากกว่า

              ไหนล่ะคนรักของเกล้า อยากให้เราเลิกยุ่งกับเกล้ามากไม่ใช่เหรอพามาแนะนำให้รู้จักหน่อยสิหรือไม่ก็ยอมรับออกมาเถอะว่าเกล้าโกหก

    ก็ได้ รุจพูดแล้วนะ ถ้าเกล้าพาเขามาให้รุจรู้จักต่อไปรุจจะไม่มายุ่งกับเกล้าอีก และเราจะเป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน

    แม้จะหนักใจกับคำพูดของวิศรุจ แต่จะให้เธอยอมแพ้แล้วบอกความจริงว่าเธอโกหก อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมเลิกยุ่งกับเธอแน่นอน เธอจึงจำเป็นต้องเก็บความรู้สึกไว้ภายใต้ความสงบนิ่ง สมองของรัดเกล้ากำลังเครียดเคร่ง เธอพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและเพื่อนสนิทอย่างวิรัญญา นัยน์ตาหวานกวาดไปทั่ว แต่ยิ่งเธอมอง ความหวังของเธอก็ยิ่งริบหรี่ลงเรื่อยๆ เพราะแม้ว่าร้านหาหารกึ่งไนต์คลับแห่งนี้จะมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนมากถ้าไม่มาเป็นกลุ่มๆ ก็เป็นคู่ และไม่เห็นใครจะช่วยเธอได้สักคน

    ส่วนวิศรุจ แม้จะมั่นใจและเชื่อมั่นว่าหญิงสาวตรงหน้าโกหกเพราะสี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเธอให้ความสนใจใคร หรือสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนเกินคำว่าเพื่อนหรือพี่ชาย แต่คำยืนยันหนักแน่นของเธอก็ทำให้เขาอดหวั่นใจไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียทีก็ทำให้ความใจเสียของเขากลายเป็นความโล่งใจ

    ว่าไงล่ะเกล้า ยอมรับมาเถอะว่าเกล้าโกหกเพื่อให้เราเลิกยุ่งกับเกล้า

    “เกล้าเปล่าโกหกจะให้บอกอีกกี่ครั้ง” รัดเกล้าหวีดเสียงออกมาอย่างฉุนเฉียวเพื่อกลบเกลื่อนความเครียดขมึงจากการหาทางออกไม่ได้ออกตัวเอง

    “พอเถอะ เลิกโกหกสักที” วิศรุจว่าก่อนจะรั้งร่างบอบบางเข้ามาอ้อมแขน กอดรัดร่างเล็กไว้แน่นพลางพยายามก้มลงมาที่ริมฝีปากอิ่มสวยที่เคลือบด้วยลิปกรอสสีชมพูพีช

              รุจ! จะทำบ้าอะไร รัดเกล้าสะบัดหน้าหนีริมฝีปากที่จู่โจมลงมาพร้อมกับร้องว่าอีกฝ่ายลั่น  ริมฝีปากของเขาพลาดเป้าจากริมฝีปากของเธอไปอยู่ที่ข้างแก้ม แต่อีกฝ่ายก็เหมือนไม่อาทรร้อนใจเขากดลงตรงนั้นหนักๆ ค่อยๆ จูบระเรื่อยไปตามแนวค้างมาที่มุปกมุมปาก

    รัดเกล้ารู้สีกอกสั่นขวัญแขวน เธอกัดฟันแน่นรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อดันร่างสูงเพรียวของวิศรุจให้ถอยห่างสุดแรง วินาทีนั้นร่างของวิศรุจผละห่างจากร่างของเธอเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมาเขาก็ตรงเข้ามาประชิดร่างของเธออีกครั้ง ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ได้พยายามจูบเธออีกเขาทำเพียงดันร่างของเธอให้ก้าวไปตามทางที่ตรงไปยังลิฟต์

              คิดว่าจะทำอะไรล่ะ

              ปล่อยนะ!” รัดเกล้าร้องต่อว่าชายหนุ่มพลางแกะมือของเขาออกจากเนื้อตัวของตัวเองออก แต่มือของอีกฝ่ายก็ยึดแน่นราวกับติดกาวเอาไว้

              เกล้ารู้ไหมว่าตลอดสี่ปีมานี่เราต้องอดทนแค่ไหน ตลอดสี่ปีมานี่เราต้องลงทุนอะไรกับเกล้าไปบ้าง ทั้งดอกไม้ เลี้ยงข้าว แล้วรู้ไหมว่าเราไม่เคยต้องเสียอะไรฟรีๆ ให้ใคร” วิศรุจว่าพลางจับร่างเล็กที่ดิ้นขลุกขลักเพื่อหาอิสรภาพให้กับตัวเองไว้แน่นระหว่างรอลิฟต์ที่เขาเพิ่งกดเรียก

              แล้วใครใช้ให้รุจทน ใครใช้ให้รุจเลี้ยงข้าว ใครใช้ให้ซี้อดอกไม้มาให้ เกล้าไม่เคยขอร้องให้รุจทำแบบนั้นเสียหน่อย

              ก็เพราะเราจริงจังกับเกล้าไง ไม่ใช่อยากสนุกๆ ชั่วครั้งชั่วคราว รู้ไหมที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเรามากแค่ไหน เราจะเลือกใครก็ได้ แต่เราก็ไม่เคยยุ่งกับใครสักคนเพราะเราคิดว่าเกล้าจะเห็นใจเราบ้าง หันมามองเราบ้าง

              แน่ใจนะว่าไม่เคยยุ่งกับใครสักคนรัดเกล้าตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด ความอดทนที่สิ้นสุดลงทำให้เธอเผลอพูดในสิ่งที่ตั้งมั่นไว้ว่าจะเก็บมันไว้เป็นความลับออกไป

              พูดแบบนี้เกล้าไปรู้อะไรมา

              ติ้ง!

              รัดเกล้าเม้มปากแน่น ชั่งใจว่าจะตอบอีกฝ่ายไปอย่างไร แต่ก่อนที่เธอจะคิดออกเสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้น

    รัดเกล้ามองใบหน้าเด็ดขาดของชายหนุ่มสลับกับประตูลิฟต์ที่เปิดอย่างหวาดหวั่น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนให้เธอถอยหนี แต่เรี่ยวแรงที่เธอมีก็สู้แรงของผู้ชายไม่ได้ วิศรุจไม่รอฟังคำตอบของคำถามที่เขาเพิ่งถามเธอด้วยซ้ำตอนที่กระชากร่างของเธอเข้าไปในลิฟต์

    จะทำอะไร อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ นะ!” รัดเกล้าร้อง ทั้งตกใจ ทั้งหวาดหวั่น หญิงสาวพยายามรั้งตัวเองไว้สุดฤทธิ์แต่ก็ความพยายามของเธอก็ไม่สำเร็จ

    บ้าตรงไหน มันไม่บ้าเลยสักนิดที่เราจะทำแบบนี้กัน

    “ปล่อยเกล้าจะรุจ ไม่งั้นเกล้าจะร้องจริงๆ ด้วย” รัดเกล้าขู่เสียงแข็ง แต่เมื่อเห็นว่าวิศรุจไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเธอ หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งใจจะร้องขอความช่วยเหลือให้สุดเสียง แต่ความตั้งใจก็เป็นได้เพียงความตั้งใจเท่านั้น เพราะทันทีที่เธออ้าปากขึ้นอีกฝ่ายเปลี่ยนจากการกระชากลากถูมาเป็นโอบมือข้างหนึ่งรอบเอวของเธอ ส่วนมืออีกข้างก็ตะปบมือมาที่ปากของเธอปิดกั้นเสียงร้องสุดเสียงให้กลายเป็นเสียงอึกอักในลำคอ

    รัดเกล้าดิ้นสุดแรงแต่เมื่อไม่ได้ผล เธอจึงเปลี่ยนมาเป็นทุบตีคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยแรงทั้งหมด เธอได้ยินวิศรุจคำรามในคอแต่เขาก็ไม่หยุดการกระทำจาบจ้วง ไร้สามัญสำนึก พอดึงเธอเข้าไปในลิฟต์สำเร็จเขาก็หมุนตัวดันแผ่นหลังของเธอชิดกับผนังก่อนจะดันตัวเองเข้าไปชิด มือทั้งสองข้างของเขาจับมือทั้งสองข้างที่พยายามประทุษร้ายเขาเอาไว้

    คิดจริงๆ เหรอ ว่าถ้าเกล้าเป็นของรุจแล้วเกล้าจะเปลี่ยนใจมาคิดกับรุจมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เกล้าคิดกับรุจได้แค่เพื่อน ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ ได้ยินไหม ความหวาดหวั่นและความเหนื่อยหอบจากการดิ้นรนก็ทำให้น้ำเสียงของเธอไม่มั่นคงเท่าไรนัก ยิ่งได้ยินเสียงเตือนและได้เห็นประตูลิฟต์เลื่อนปิดก็ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวในใจของเธอเพิ่มพูนขึ้นทบทวี

              จะรู้ได้ยังไง ว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเกล้าจะไม่เปลี่ยนใจ

    ______________________

    ฝากอีบุ๊กหน่อยจ้า ช่วงนี้มีโปรโมชั่นที่ Meb ลดมากกว่า 30% เลยน้า

              

          

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×