คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #92 : Login 89: Golden Era ในโมงยามแห่งทองคำ
Login
89: Golden Era ในโมงยามแห่งทองคำ
ไอควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากร่างของพลอยแล้วรวมตัวกันเป็นอวโลกิตะที่เพิ่งถูกกำจัดไป
"ถึงจะลำบากเพราะเพลงนั่นแต่เข้าสิงแล้วควบคุมโดยตรงก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
ทีนี้ล่ะกลับมากันได้แล้วเหล่าสานุศิษย์"
อวโลกิตะกล่าวจากนั้นสีหน้าของเน็กส์กับนิวก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนตอนถูกควบคุม
มิกซ์ก้มลงไปนั่งข้างๆ
เพื่อดูอาการของกวินทร์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
"เฮ้! ทำใจดีๆ
ไว้นะ"
ส่วนฟูพุ่งเข้าไปหาอวโลกิตะแล้วหวดค้อนใส่แต่กลับหยุดมือเอากลางคัน
"หนอย...แก"
น้ำเสียงของฟูกราดเกรี้ยวแสดงถึงความโกรธที่มีแต่กลับสั่งร่างกายให้บันดาลโทสะกับตัวต้นเหตุอย่างอวโลกิตะไม่ได้
อวโลกิตะควบคุมพวกเด็กๆ
อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
ฟูสบถออกมาขณะที่ร่างกายกำลังลดค้อนในมือลง
"โธ่เว้ย
ทำไมกันทั้งที่มีสติแท้ๆ แต่กลับขัดขืนอะไรไม่ได้เลย"
"เพราะผลจากการทดลองพิเศษทำให้เจ้าสองคนมีภูมิต้านทานการแย่งชิงจิตใจจากปีศาจแต่ว่าร่างกายยังคงต้องฟังคำสั่งเราผู้ที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมานั่นคือสิ่งที่ปลูกฝังเอาไว้พูดแบบนี้พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างไหมล่ะ"
อวโลกิตะตอบ
เห็นดังนั้นซากิริก็เตรียมจะเปลี่ยนเป็นเทวทูตอีกครั้งแต่การเคลื่อนไหวนั่นไม่อาจเล็ดลอดสายตาของศัตรู
อวโลกิตะใช้พลังทำให้ดอกบัวที่อยู่ในมือของกวินทร์ลอยกลับมาอยู่ในมือแล้วอกคำสั่ง
“ทำให้พวกมันขยับไม่ได้อีกซะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
นิวเป็นคนที่ตอบรับคำสั่งแล้วเริ่มร่ายสกิล...
“มาริโอเน็ตแดนซ์”
สร้างเส้นใยขึ้นมาจากอากาศแล้วสะบัดใยนั้นใส่ร่างของเหล่าพี่ชาย
“คราวนี้มาเป็นหุ่นเชิดให้หนูเลยเถอะ”
เมื่อฟูและมิกซ์ถูกเส้นใยรัดพันแววตาก็เหมือนจะหลุดลอยหายไป
ทั้งสองคนไม่มีสติอีกแล้วแต่ขยับไปตามการเคลื่อนนิ้วของเด็กหญิง
กลายเป็นหุ่นเชิดไปจริงๆ
"ปกติแล้วเป็นสกิลที่เอาไว้สนับสนุนในกรณีที่พวกเดียวกันขยับตัวไม่ได้ก็จะใช้เชิดให้หลบหนีออกมาจากอันตรายแต่เอามาใช้แบบนี้ก็ไม่เลว"
อวโลกิตะพูด
จู่ๆ
ก็มีเสียงของอิซานามิดังแว้ดมาอย่างไม่พอใจ
"อะหยังก๊ะเนี่ยคิงนี่กี้ดแต่จะใช้ละอ่อนน้อยมาสู้กับพวกฮาอย่างเดียวเลยก่อตัวเองบ่หื้ออะหยังเอาแต่สั่งๆ
ตั้งกะเมื่อกี้แหล่วน่อ"
ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์ที่ศัตรูเอาแต่ใช้ตัวประกันของมิ่งขวัญมาสู้
แต่เพราะหล่อนแอบอยู่ข้างหลังซากิริทำให้คำพูดดูไร้น้ำหนักไป
"นี่ฉันว่าเราอย่าไปยั่วยุให้มากเข้าจะดีกว่านะเพราะดูเหมือนของจริงกำลังจะเริ่มเร็วๆ
นี้..."
ซากิริเตือนไม่ทันจะขาดคำบริเวณรอบๆ
ที่พวกเธอยืนกันก็ปรากฏเงาร่างอันเลือนลางนับสิบที่ต่อมาเงาเหล่านั้นก็เผยเป็นร่างของปีศาจชั้นสูง
ซากิริกวาดตามองปีศาจเหล่านั้นแล้วยิ้มเจื่อนด้วยสีหน้าลำบากใจ
"ไวโรจนพุทธะ
อักโษภยพุทธะ รัตนสัมภวพุทธะ อมิตาภพุทธะ อโมฆสิทธิพุทธะ แล้วก็ ยมานตกะ อืม~เมียวโอทั้งห้าก็มากันครบเลยทั้งพุทธะกับเหล่าวิทยราช
ให้ตายสิวันรวมญาติพระพุทธหรือไงเนี่ย"
"เข้าใจดีสินะทั้งหมดนั่นก็คือตัวเรา
นี่คือสาเหตุที่พวกเจ้าไม่มีวันกำจัดเราไปได้เพราะเราคือผู้ที่จะโปรดสัตว์แก่มนุษยชาติจนกว่าจะหลุดพ้นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้จะไม่มีวันถูกหยุดยั้งถึงกำจัดตัวเราในตอนนี้ตัวเราในอนาคตก็จะกลับมา"
อวโลกิตะตอบคำพูดประชดประชันนั่นด้วยน้ำเสียงเบิกบาน
แต่ซากิริยิ้มบางตอบรับอย่างไม่หวั่นเกรง
" 'ซัลเวชั่นออฟเซเวียร์' หรือ 'โปรดสัตว์แห่งผู้กอบกู้' นั่นสินะสกิลติดตัวของเจ้าน่ะ"
แต่อีกฝ่ายไม่พูดตอบกลับมาในคราวนี้
"..."
[Salvation
of Savior Lv(1/?)
Element:
Light
Attribute:
Demon, Reincarnation, Support, Revive
เมื่อพลังชีวิตกลายเป็นศูนย์หากคุณเป็นผู้กอบกู้ที่มีตัวตนอยู่ในอนาคต, หักล้างความตายที่เกิดขึ้นแล้วฟื้นฟูพลังทั้งหมด]
สกิลที่ว่าเป็นพลังของปีศาจเหมือนกับมนุษย์ที่ใช้พลังของเกม
อิทธิฤทธิ์และอำนาจต่างๆ
ก็เป็นสกิลและสำหรับมนุษย์ในยุคโบราณคงจะทำความเข้าใจมันไม่ได้จึงกลายเป็นที่มาของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ
ในเรื่องเล่าที่ต่อมากลายเป็นศาสนา
"นี่ๆ
คิงช่วยยิงแสงแบบเมื่อกี้อีกทีได้ก่อ"
อิซานามิที่อนู่ข้างหลังสะกิดถามมา
"เมื่อกี้ใช้พลังไปหมดแล้วเดิมทีฉันไม่ใช่เทวทูตสายนักรบอยู่แล้วด้วยน่ะ"
พอตอบไปแบบนั้นอิซานามิก็หน้าถอดสีเหมือนคนป่วยกะทันหัน
"อะหยังก๊ง!
แล้วจะอี้หมู่เฮาบ่ได้ต๋ายกันหมดเร้อ!!"
"ก็บอกไปแล้วไงว่าเธอน่ะตายไปแล้วนา"
"หน้าสิ่วหน้าขวานจะอี้ยังจะมาเล่นมุกได้อีกเหรอก๊ะแว้กกก
ฮาเองก็ไม่ได้สู้เก่งนักเก่งว่าด้วยแล้วดูไอ้หน้าโหดหมู่นี้ดิหน้ายังกะไปแกะคำว่าซักกำบ๋ออยู่บนหน้าเลยน่อ"
หล่อนพูดพลางชี้ไปที่เหล่าวิทยราขซึ่งเป็นเทพผู้ปกป้องพุทธะจึงมีใบหน้าโหดเหี้ยมปานยักษ์อสูร
ตอนนั้นเองปีศาจทั้งสิบตนก็เริ่มร่ายบทสวด
อักขระแสงจำนวนมากมายลอยขึ้นมาเต็มบรรยากาศ
ซากิริและอิซานามิตกอยู่ในวงล้อมของอาคม
ไม่นานนักทั้งสองคนก็แสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาต่างพากันล้มทรุดลงกับพื้น
"นี่มันคาถาปราบมาร...เสร็จพวกมันซะแล้วสิ"
ซากิริพูด
"ตอนนี้พวกมันถูกชำระพลังปีศาจออกไปหมดแล้วจัดการเลยสานุศิษย์แห่งเรา"
อวโลกิตะพูดเมื่อเห็นว่าทั้งสอวคนสิ้นฤทธิ์เดช
นิวพยักหน้ารับคำสั่งนั้นแล้วควบคุมให้พี่ชายของเธอบุกไปจู่โจม
สถานการณ์เลวร้ายเข้าขั้นวิกฤต...
ไทเทเนียมประเมินสถานการณ์ไว้อย่างนั้น
...ศัตรูสามารถคืนชีพได้ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่จะจัดการมันได้ก็มีแค่อย่างเดียวแต่ถ้ามิ่งขวัญไม่คิดสู้ก็ไม่มีประโยชน์...เธอคิดแล้วหันไปมองมิ่งขวัญที่นอนอยู่ข้างล่าง
ถ้าเลือกจะช่วยครอบครัวก็ต้องทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้วฆ่าปีศาจ
ถ้าเลือกจะเก็บความเป็นมนุษย์ไว้นายก็ต้องละทิ้งความรู้สึกแบบมนุษย์แล้วนิ่งเฉยกับทุกอย่าง
ไม่ว่าทางไหนนายก็ไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้ทำไมถึงยังไม่เข้าใจอีก...
ไทเทเนียมขบฟันคิดจนเกิดเสียงดังกรอด
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมิ่งขวัญถึงได้ยึดติดอะไรได้ไร้สาระขนาดนั้น
"แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกสวะคลั่งศาสนานั่นเลยนะ"
หล่อนเปรยออกมาพร้อมกับนึกถึงเรื่องในวัยเด็ก
เธอกับผู้เป็นบิดาเคยมาที่นี่เคยมาเหยียบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ฟอนเฟะแห่งนี้ในสมัยที่โลกยังไม่ล่มสลาย
เพียงเท่านั้นก็รู้สึกเหมือนร่างแทบจะระเบิดออกมา
อวโลกิตะละความสนใจจากพวกซากิริแล้วหันเหสายตามาที่กวินทร์
"ลมหายใจคงรวยรินเต็มทีแล้วสินะ"
ปีศาจพูดพลางมองกวินทร์ที่นอนหอบหายใจจนตัวโยนหมอบอยู่บนกองเลือด
"..."
เด็กหนุ่มแทบจะไม่มีเหลือสติอีกแล้ว
"เราเองก็เป็นโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาใช่ว่าจะใจคอเหี้ยมโหดขนาดปล่อยให้ทรมานต่อไปแบบนี้หรอกนะ"
อวโลกิตะพูดจากนั้นพลอยก็ก้าวขึ้นมายืนอยู่ต่อหน้ากวินทร์
เงื้อดาบในมือเตรียมจะฟันลงไปที่คอของเด็กหนุ่ม
...ในช่วงที่เหตุการณ์กำลังดำเนินไปในทางเลวร้ายนั่นเอง
มิ่งขวัญซึ่งยังมีสติอยู่ครบแต่ถอดใจที่จะต่อสู้แล้วจึงปล่อยร่างให้นอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นมาในหัว
'มิคาเอลมันเงียบไปแล้วเพราะอีกไม่กี่นาทีมันก็จะหายไปแล้วสินะ'
น้ำเสียงแหบพร่าที่น่าจะเป็นเสียงของปีศาจในแอพพลิเคชั่นดังก้อง
'เจ้าเนี่ยเหมือนกันเลยนะ'
"เหมือนกัน?"
มิ่งขวัญพูดตอบเสียงในจิตใจกลับไป
'ใช่
ทั้งเจ้าและข้าเราต่างก็ทำเพื่อคนที่รักแต่โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกเสมอบีบบังคับให้ต้องกลายเป็นสิ่งที่คนผู้เรารักจะต้องรังเกียจเพื่อให้สงครามศักดิ์สิทธิ์ได้ชี้นำมนุษย์
ยฮวฮ
ได้ผลักไสข้าให้กลายเป็นผู้ร่วงหล่นจากสวรรค์กลายเป็นมารที่จะทำให้คำพูดของเขาถูกต้องน้ำเน่าดีเลยใช่ไหมล่ะ'
น้ำเสียงของปีศาจเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงช่วงที่บอกว่าตนถูกผลักไส
ฟังดูแปล่งๆ เหมือนกำลังตัดพ้ออย่างน้อยใจ
'แต่ข้าพบวิธีหลุดพ้นจากความทุกข์นั่นแล้วในเมื่อเขาอยากจะให้ข้ากลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจของทุกคนข้าก็จะเป็นมันแล้วก็จะทำให้เขาได้รู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขารังเกียจแต่เป็นสิ่งที่เขาหวาดกลัวต่างหาก
ใช่ข้าทำให้สวรรค์หวาดกลัวปีศาจได้
เจ้าเองก็ไม่สนใจจะมาร่วมกันรึมิ่งขวัญชายผู้เหมือนกับข้าผู้ถูกโชคชะตาหักหลัง'
แต่มิ่งขวัญก็ไม่ได้พูดตอบรับอะไร
"..."
เอาแต่นิ่งเงียบและขบคิดอยู่ในใจ...
เราน่ะเหรอกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวกลายเป็นของที่ศรเกลียด
ไม่ใช่
มันไม่ใช่อย่างนั้นแน่ๆ เรายังคงเป็นเราอยู่...
แต่ปีศาจกลับหัวเราะด้วยเสียงแหบๆ
ของมัน
'เฮี้ยก ฮะๆๆ
จะหลอกตัวเองไปถึงไหนกันทั้งที่เจ้าก็นิ่งเฉยปล่อยให้มนุษย์ตายไปตั้งมากมายแล้วยังจะตีหน้าซื่อบอกว่าตัวเองเป็นมนุษย์อีกรึ'
ดูเหมือนว่าความคิดจะถูกอ่านไป
ปีศาจมันกำลังควบคุมจิตใจไปทีละเล็กทีละน้อย
อยู่ดีๆ
ภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้นมาในมโนจิต
เป็นความทรงจำตอนที่เขาปล่อยให้สัตว์เทวะฆ่ามนุษย์
NPC ไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เอาแต่ยืนเฉย
'มนุษย์ต้องมีความเมตตาแล้วเจ้าล่ะแม้แต่น้ำตายังแห้งผาก'
ปีศาจพยายามจะดึงมิ่งขวัญให้จมลงในความสิ้นหวังมันตั้งใจจะกล่อมเขาด้วยคำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจมันยั่วยุเพราะรู้ว่าเขาจะอ่อนไหวกับเรื่องนี้
'เอ้า
ดูนั่นสินี่รึสิ่งที่มนุษย์ทำกันน่ะ'
มโนภาพใหม่ปรากฎขึ้นและมีแต่มิ่งขวัญที่มองเห็นมัน
เขาได้เห็นความทรงจำอันเจ็บปวดอีกครั้ง
พวกครอบครัวหลังการล่มสลายถูกมนุษย์ต่างดาวฆ่าตายหมด...
'มนุษย์ต้องมีความเห็นแก่ตัวแต่เจ้ากลับรู้สึกผิดบาปที่รอดชีวิตมาด้วยความตายของพวกพ้องเจ้าไม่มีวันเป็นมนุษย์ได้มิ่งขวัญเจ้าจะต้องเป็นปีศาจ'
และในภาพสุดท้ายเพื่อที่จะได้ขยี้ดวงใจของเด็กหนุ่มให้แหลกสลายลงโดยสมบูรณ์มันเลือกฉายภาพตอนที่เขาผลักอิงศรเข้าไปในรถไฟเมื่อสามปีก่อน
หากมองจากมุมของคนอื่นแล้วมันอาจจะเป็นการเสียสละที่น่าซาบซึ้ง
แต่ความเป็นจริงแล้ว...
'ในตอนนั้นเจ้าไม่ได้สละตัวเองเพื่อช่วยพี่ชายหรอกเจ้าแค่กลัวที่ต้องทนอยู่ในความโศกเศร้าอันเจ็บปวดทรมานหลังจากสูญเสียทุกสิ่งไปเจ้าก็เลยผลักไสชะตากรรมนั้นให้พี่ชายเจ้าขายพี่น้องเพื่อเอาตัวรอดจนหยดสุดท้ายเลยไม่ใช่หรือมิ่งขวัญ'
หลังจากฟังคำพูดของปีศาจ
รู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกเปียกที่บริเวณแก้ม
นัยน์ตาก็ชื้นแฉะไปหมด
ความรู้สึกผิดบาปก่อตัวหนาแน่น
หนักอึ้งประหนึ่งก้อนหินที่จะดึงถ่วงจิตใจให้จมลงสู่ความมืด
จมลงสู่มือของปีศาจ
'แต่จะสนใจไปทำไมกันลองดูนั่นก่อนสิ'
เสียงของปีศาจเหมือนจะบอกให้มองไปที่กวินทร์
รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนของอิงศรที่มาด้วยกันเจ้าหมอนั่นเอาแต่เรียกชื่อพี่ชายห้วนๆ
อยู่ตลอดจนนึกสงสัยไปว่าหมอนี่กำลังพยายามแย่งพี่ชายไปและมาอยู่แทนที่ในตำแหน่งน้องชาย
เพราะในใจรู้สึกสงสัยแบบนั้นเลยทำให้ไม่ค่อยชอบหน้าซักเท่าไหร่
'อิจฉามันใช่ไหมล่ะเจ้ามีความริษยาอยู่ในหัวใจอย่างล้มเปี่ยมเลยมิ่งขวัญ'
ปีศาจพูดถูกเขารู้สึกอิจฉากวินทร์ที่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นของตน
'แต่ไม่ต้องทำอะไรหรอกอีกเดี๋ยวมันก็ตายแล้วถ้าระบบของเกมยังไม่กลับมาเจ้านั่นไม่มีทางรอดแหงแซะเพราะงั้นมาใช้ความตายของเจ้านั่นฉลองการเกิดใหม่ในฐานะปีศาจกันดีกว่าเนอะมิ่งขวัญ'
ปีศาจยื่นข้อเสนอมาพร้อมกันนั้นหัวใจของมิ่งขวัญก็ตกเป็นของมัน
แต่ทว่า...
จู่ๆ
ก็มีมโนภาพหนึ่งลอยขึ้นมาเหมือนฟองสบู่
ได้ยินเสียงดังออกมาจากฟอง
'ก็เผื่อถ้าใครนั่งรถไฟมาที่นี่แล้วมันประสงค์ร้ายกับพวกเราล่ะก็จะได้จัดการพวกมันก่อนไง'
'แบบนั้นก็เท่ากับว่าเราเป็นฆาตกรน่ะสิ'
นั่นเป็นบทสนทนาของเขากับอิงศรเมื่อสามปีก่อน
อิงศรติดตั้งระเบิดเอาที่เสาค่ำสถานีหลังจากค้นพบรถไฟ
ซึ่งในตอนนั้นตัวเขายังไม่เข้าใจว่า...
ทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น
ทำไมถึงต้องพยายามขนาดนั้น
ทำไมถึงทำตัวน่ากลัว
...แต่ตอนนี้เขามีคำตอบมากพอที่จะตอบคำถามของตัวเองในวัยเด็กได้ไม่รู้จักหมดเลยทีเดียว
ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งสังเกตว่ากวินทร์นอนจมกองเลือดอยู่ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่มองด้วยความริษยากลับไม่เห็นมัน
นั่นเพราะตอนนี้เขาเข้าใจกองเลือดที่นอนอยู่ใต้ร่างนั้นอย่างถ่องแท้กว่าเมื่อก่อน
"งั้นเหรอ..."
มิ่งขวัญพึมพำ "...มันเป็นอย่างนั้นเองหรอกเหรอ"
เด็กหนุ่มทำหน้าเข้าใจอยู่คนเดียวแล้วหลับตาลง
ที่นี่...
ในตอนนี้...
เมือเวลานี้มาถึง....
มิ่งขวัญได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง
เหมือนเช่นที่ผ่านมาเขาทำลายตัวตนเดิมแล้วกลายเป็นคนใหม่
ขณะเดียวกัน
"ลาขาดล่ะนะท่าเต้นนายห่วยมากเลยขอบอก"
พลอยพูดแล้วตวัดดาบมุ่งไปที่คอของกวินทร์
ในวินาทีนั้นเองมิ่งขวัญก็ดีดตัวลุกขึ้นมาจับดาบแล้วออกวิ่ง
วิ่งเต็มแรงจนร่างกายแทบจะเสียดสีกับอากาศ
มิ่งขวัญมาหยุดอยู่หน้าคมดาบที่พลอยตวัดลงมาแล้วใช้ดาบขัดมันเอาไว้
เสียงโลหะแหลมสูงดังก้องหลังการปะทะ
พลอยรู้สึกตัวหลังจากนั้นก็กระโดดถอยฉากไปตั้งหลักเสียไกล
แล้วพ่นคำพูดที่จะทำร้ายจิตใจมิ่งขวัญ
“อ้าวๆ
นี่หรือว่าเกิดเสียดายชีวิตขึ้นมาแล้วล่ะเนี่ยสันดานมนุษย์แท้ๆ
เลยนะพอจวนเจียนจะไปไม่ว่าใครก็...”
“ก็จริงอย่างที่เธอว่าแหละนะ...”
แต่ก็ถูกขัดเอาไว้
มิ่งขวัญตอบรับคำพูดของหล่อน
“...ฉันน่ะคงเป็นมนุษย์ไม่ได้จริงๆ
นั่นแหละเพราะงั้นฉันก็จะเลิกเป็นมนุษย์!”
พอประกาศคำพูดนั้นออกไปไทเทเนียมก็ตะโกนลงมาจากบนมือของพระพุทธรูป
“มิ่งขวัญนายพูดจริงใช่ไหม!”
พอหันไปหล่อนก็ชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
“ถ้างั้นคงเข้าใจนะว่านี่หมายถึงอะไร
มันคือวิธีเดียวที่จะฆ่าศัตรูที่เป็นอมตะได้!!”
มิ่งขวัญพยักหน้ารับว่าเข้าใจความหมายที่หล่อนต้องการจะสื่อ
สามนิ้วนั่นหมายถึงจำนวนครั้งที่ต้องละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปเพื่อที่จะวิวัฒนาการเป็นร่างนั้น
“แล้วหลังจากจัดการปีศาจนี่ได้เราก็จะกลายเป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิง”
มิ่งขวัญพึมพำ
...ยังมัวลังเลอะไรอยู่อีกล่ะเราลุกขึ้นมาอีกครั้งเพราะตัดสินใจไปแล้วนี่
เพราะที่ผ่านมาเรากลัวมาตลอด
กลัวว่าจะต้องโดดเดี่ยว
กลัวว่าจะถูกทอดทิ้งเพราะงั้นเราถึง...
ผลักศรเข้ารถไฟไปในวันนั้น
ปล่อยให้ผู้คนที่เดอะเธียเตอร์ตาย
ก็เพราะกลัวว่าถ้าเราไม่ใช่มนุษย์อีกแล้วศรก็จะทอดทิ้งเรา
เพราะว่าโลกนี้เหลือแค่ศรเท่านั้นแล้วแต่ว่า...
“เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่ศรคนเดียวแล้วแต่มีพลอย
มีฟู
มีมิกซ์แล้วก็ผู้คนอีกมากมายที่อยากจะปกป้องเพราะงั้นถึงจะต้องกลายเป็นคนโดดเดี่ยวฉันก็จะไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว!”
มิ่งขวัญปฏิญาณพร้อมกับตั้งดาบแล้วปาดมือลงไปบนนั้น
“สตาร์เซเบอร์!”
พลันก็เกิดประกายแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวห้อมล้อมใบดาบ
[Star
Saber Lv(4/4)
Element:
Light
Attribute:
Buffs, Enhance, Weapon, Saber
(Cast
Cost) สวมใส่อาวุธที่มี Attribute Saber; ทำให้การโจมตีด้วยดาบกลายเป็นธาตุแสง
, Atk + 50 , Spd + 50; อาบแสงแห่งดวงดาวลงบนศาสตราแล้วเปิดหนทางสู่อนาคตด้วยคมดาบแห่งความหวัง]
อวโลกิตะตอบสนองกับความเปลี่ยนแปลงของมิ่งขวัญด้วยการให้เน็กส์เล็งเป้ามาทางนี้
“วาโยราโอ”
ลำแสงสีเขียวที่ฉีกกระชากทุกอย่างได้พุ่งตรงเข้ามา
แต่มิ่งขวัญไม่หลบเพราะถ้าหลบกวินทร์ก็จะโดนลำแสงนั่นพรากลมหายใจสุดท้ายไป
หากไม่รีบจัดการอวโลกิตะแล้วคลายผนึกให้ระบบเกมกลับมาเป็นปกติกวินทร์ก็จะต้องตายอย่างแน่นอนดังนั้น...
“โฟตอนชิลด์!”
มิ่งขวัญยืดแขนซ้ายออกไปรับลำแสงนั้นเอาไว้พร้อมกับโล่ที่เปล่งแสงสว่างออกมา
[Photon
Shield Lv(4/4)
Element:
Light
Attribute:
Buffs, Enhance, Item, Shield
(Cast
Cost) สวมใส่ไอเทม Shield; สร้างบาเรียที่ทำให้ความเสียหายจากสกิลไร้ผลในตอนที่ร่ายสกิลนี้ออกมาเป็นเวลา
2 วินาที
จากนั้นได้รับบัพเพิ่มค่าต่อต้านธาตุ + 50 , Def + 50 , Special Def + 50; ห่อหุ้มโล่ด้วยแสงสว่างปกป้องพวกพ้องด้วยแสงแห่งดวงดาว]
แสงจากโล่ดูดกลืนการโจมตีนั้นแล้วสลายมันให้หายไป
แล้วตอนนี้ก็มีบัพครบสามอย่าง
มิ่งขวัญ Lv. 90 (Proto Shield) (Star Saber) (Photon
Shield)
[/....2690:16000.....]
ขณะเดียวกันอวโลกิตะก็เปลี่ยนแผนแล้วสั่งให้ทุกคนหันความสนใจมาทางนี้แทน
“ปล่อยทางนั้นไว้แล้วมาหยุดเจ้านี่ก่อน!”
นิวที่ชักใยฟูกับมิกซ์ก็เรียกให้ทั้งสองคนกลับมาทางฟากนี้
มิ่งขวัญเริ่มแน่ใจหลังจากมองรูปแบบการบุกนั้นเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังลนลานเพราะการเคลื่อนไหวของเขาไม่เป็นไปตามที่คิด
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ให้พลอยใช้สกิลโจมตีเข้ามาเป็นหลักและให้นิวคอยเชิดพวกฟูเป็นแนวหน้าให้แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสั่งให้ทุกคนตะลุมบอนเข้ามาแทน
อย่างไรก็ตามต่อให้ตอนนี้จะกลับไปใช้รูปแบบเดิมก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว
“เอนแฮนซ์รีชาร์จ”
มิ่งขวัญร่ายสกิลแล้วแสงที่ห้อมล้อมดาบกับโล่ก็ดับวูบลง
วินาทีต่อมาที่ใบดาบก็ปรากฏลูกไฟยูนิทสีทองอร่ามสามลูก
[Enhance
Recharge Lv(1/1)
Element:
-
Attribute:
Support, Awakening
(Cast
Cost) สละ Enhance Buffs ทั้งหมดที่มี; ได้รับ Awakening Unit จำนวนและสีตามธาตุของบัพที่สละไป; ย้อนกระแสพลังปลุกเสกศาสตรากลายเป็นเศษเสี้ยวของพลังแห่งการตื่นขึ้น]
มิ่งขวัญตั้งดาบในมืออีกครั้งแล้วร่ายสกิล
“รอยัลเซเบอร์!”
พลางไถลมือไปกับใบดาบทำให้แสงห้อมล้อมกลายเป็นดาบแสง
พลอยบุกเข้ามาประชิดตัวจึงใช้ดาบแสงรับดาบสีดำของหล่อนไว้
[Royal
Saber Lv(4/4)
Element:
Light
Attribute:
Buffs, Enhance, Weapon, Saber
(Cast
Cost) สวมใส่อาวุธที่มี Attribute Saber; ทำให้การโจมตีด้วยดาบกลายเป็นธาตุแสง
, Atk + 100; อาบแสงสักดิ์สิทธิ์ลงบนศาสตราแล้วฟาดฟันศัตรูด้วยคมดาบแห่งความภักดี]
“โทษทีนะพลอยแต่ทนเจ็บหน่อยล่ะ”
มิ่งขวัญกล่าวก่อนแล้วจึงออกแรงผลักดาบที่ยันเอาไว้กลับไปพร้อมกับส่งร่างของเด็กสาวลอยละลิ่ว
ลอยไปชนโดนนิวที่กำลังเชิดฟูกับมิกซ์จนล้มกลิ้งโคโล่ไปบนพื้น
เป็นผลให้การควบคุมอีกสองคนหยุดชะงักไปด้วยฟูกับมิกซ์จึงล้มลงก่อนจะย้ายมาถึงฟากนี้
ดังนั้นจะใช้จังหวะนี้เตรียมพิธีกรรมสุดท้าย...
“จ่ายหนึ่งโกลด์ยูนิทติดตั้งดีไวซ์”
มิ่งขวัญร่ายสกิลแล้วให้ดาบแสงดูดกลืนลูกไฟยูนิทเข้าไปทันใดนั้นแสงที่ห้อมล้อมก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า
“พัฒนาเป็นรอยัลเซเบอร์จัสติค”
การพัฒนาดาบทำให้มีพลังต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นแต่มิ่งขวัญไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
[Saber
Device, Justice Lv(1/1)
Element:
Light
Attribute:
Buffs, Weapon, Device, Awakening
(Cast
Cost) 1 Awakening Gold Unit , ร่ายโดยไม่ต้องบอกชื่อสกิล; ติดตั้ง Device ลงใน Buffs ที่มี Saber อยู่ใน Attribute และเป็นธาตุแสง; เวลาคงอยู่บัพ
+ 60 วินาที , เมื่อโจมตีปกติสำเร็จจะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม
20%
จากความเสียหายที่ทำได้; เร่งพลังแสงให้ร้อนแรงจนลุกไหม้]
"จ่ายอีกยูนิทพัฒนาต่อเนื่อง"
ดาบกลืนลูกไฟเข้าไปแล้วแสงก็ยิ่งเจิดจ้าและยืดขยายใบดาบให้ยาวขึ้น
[Saber
Device, Rebellion Lv(1/1)
Element:
Light
Attribute:
Buffs, Weapon, Device, Awakening
(Cast
Cost) 1 Awakening Gold Unit , ร่ายโดยไม่ต้องบอกชื่อสกิล; ติดตั้ง Device ลงใน Buffs ที่มี Saber อยู่ใน Attribute และเป็นธาตุแสง; เวลาคงอยู่บัพ
+ 60 วินาที , เพิ่มระยะโจมตีปกติด้วยดาบให้กว้างและไกลขึ้น; เร่งกำลังแสงให้ยืดยาวออกไป]
"รอยัลเซเบอร์รีเบลเลี่ยน"
มิ่งขวัญตวัดดาบออกไปทันทีเพราะนิวที่กลิ้งไปกับพลอยตั้งหลักได้และสั่งให้ฟูกับมิกซ์จู่โจมเข้ามา
ดาบรับค้อนของฟูไว้ ส่วนกระสุนที่มิกซ์ยิงก็ใช้โล่รับเอาไว้
ต่อจากนั้นพลอยก็พุ่งเข้ามาพลางฟาดดาบ
"เพิ่มพลังของดาบขึ้นไปแบบนี้นี่นายคิดจะฆ่าพวกเราจริงๆ
รึไง”
แล้วสบถมาอย่างนั้น
"ไม่ใช่!"
มิ่งขวัญตอบแล้วดันศาสตราวุธของทั้งสองคนกลับจนกระเด็นไปตามกัน
จังหวะนั้นเองเขาก็ร่ายสกิลพัฒนาดาบอีกครั้ง
“จ่ายหนึ่งยูนิทแล้วพัฒนา”
ดาบกลืนลูกไฟอันสุดท้ายเข้าไป
แสงที่ห้อมล้อมก็พลันลุกไหม้ด้วยเพลิงไฟสีฟ้าคราม
"รอยัลเซเบอร์ลิเบอเรเตอร์"
[Saber
Device, Liberator Lv(1/1)
Element:
Light
Attribute:
Buffs, Weapon, Device, Awakening
(Cast
Cost) 1 Awakening Gold Unit , ร่ายโดยไม่ต้องบอกชื่อสกิล; ติดตั้ง Device ลงใน Buffs ที่มี Saber อยู่ใน Attribute และเป็นธาตุแสง; เวลาคงอยู่บัพ
+ 60 วินาที , อาจจะล้างสถานะทั้งหมดของเป้าหมายที่ถูกโจมตี; อาบคมดาบด้วยเพลิงสีครามที่ใช้ขับไล่ปีศาจ]
ดาบของมิ่งขวัญได้มาถึงขั้นสูงสุดของการพัฒนา
คมดาบซึ่งถูกโอบอุ้มไว้โดยเพลิงไฟสีครามมีอำนาจชำระล้างให้บริสุทธิ์สถิตย์อยู่
แล้วนั่นก็... เป็นการละทิ้งความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่ไปทั้งหมด
”ยังจะพัฒนาไปอีกงั้นเหรอนี่ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
พลอยพูด
“สานุศิษย์แห่งเรารีบทำลายดาบเล่มนั้นก่อน”
อวโลกิตะสั่ง
ขณะเดียวกันเสียงของลูซิเฟอร์ก็ดังกระซิบขึ้นในจิตใจ
‘ฮะๆๆ
ใช่ต้องอย่างนี้สิสหายของข้าเจ้าเลือกได้ถูกต้องแล้วมิ่งขวัญสังเวยพวกมันด้วยคมดาบของเจ้าแล้วถือกำเนิดใหม่เป็นปีศาจ...’
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”
มิ่งขวัญพูดแล้วชูดาบในมือขึ้น
แววตาในยามนั้นไร้ซึ่งความลังเลมีแต่ความตั้งมั่นที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า
“ฉันจะไม่ลังเลอีกแล้ว
เวพ่อนไนซ์!!”
สิ้นคำเด็กหนุ่มก็ขว้างโอกาสสุดท้ายที่จะรักษาความเป็นมนุษย์ขึ้นไปข้างบน
ดาบได้แตกสลายลงพร้อมกับความเป็นมนุษย์ของมิ่งขวัญ
เพลิงไฟที่โอบล้อมคมดาบได้รับการปลดปล่อยแล้วสร้างมิติบิดเบี้ยวที่มีลักษณะเป็นแกนหมุนวนของแก๊สและควันไฟขึ้นมา
มิติของห้องเกิดการบิดเบี้ยวและแสดงภาพของอวกาศอันยิ่งใหญ่
“ขอสาบานว่าจะจับคมดาบเล่มนี้ฟาดฟันเพื่อความยุติธรรม
คมดาบของยอดฝีมือแห่งอนาคตที่ก้าวข้ามกาลเวลามาจงมอบโมงยามแห่งทองคำให้ฉันด้วย”
มิ่งขวัญร่ายสกิล...
ทันใดนั้นเองจากแกนหมุนของมิติที่บิดเบี้ยวเหนือห้องโถงก็ปรากฏร่างสีทองขนาดมหึมาเลื้อยออกมา
มันคือจักรกลที่มีท่อนบนเป็นมังกรท่อนล่างเป็นหางปลา
แกนกลางลำตัวซึ่งเชื่อมท่อนบนกับล่างเอาไว้มีลักษณะเหมือนกับหลุมดำที่ถูกบีบอัดเป็นก้อนทรงกลม
ทุกคนต่างมองเหตุอัศจรรย์นี้ม่วางตาและโดยเฉพาะอวโลกิตะ
“นี่มัน...เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์”
ที่แสดงสีหน้าหวั่นเกรงต่อสิ่งนั้น
‘นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!’
น้ำเสียงของลูซิเฟอร์ฟังดูลนลาน
มังกรบินอ้อมลงไปอยู่ข้างหลังมิ่งขวัญ
ก้มหน้ามองลงมาแล้วพูดว่า...
‘คนหนุ่มผู้แสวงหาอนาคตเอ๋ย
หากเจ้าปรารถนาจะก้าวเดินต่อไปก็จงอ้าแขนรับดวงตะวันแห่งวงแหวนสวรรค์นี้ไว้แล้วเปล่งประกายอย่างเจิดจรัสหากไม่เช่นนั้นแล้วก็จงมอดไหม้เป็นจุลเพราะนี่คือทางเลือกที่ไม่มีวันหวนกลับ’
สิ้นคำมังกรก็อ้าปากพ่นไฟ
ไฟสีครามแบบเดียวกับที่โอบอุ้มดาบโถมใส่ลงมาบนร่างของมิ่งขวัญ
เด็กหนุ่มรับเพลิงนั้นไว้
ไฟโอบล้อมร่างกายแต่มันไม่ร้อนเลยกลับกันคนที่เป็นฝ่ายร้อนจนต้องทุรนทรายคือปีศาจที่สิงสถิตอยู่ภายใน
‘อ๊ากก!! ร้อนๆๆๆ ร้อนเกินไปแล้ว!!!’
เสียงของลูซิเฟอร์แผดคำรามอย่างทรมานขณะเดียวกันก็มีอีกเสียงดังซ้อนทับขึ้นมา
‘ศักดิสิทธิ์...จะศักดิ์สิทธิ์เกินไปแล้วคนผู้นี้อ๊ากกกก!!!’
บางทีคงเป็นมิคาเอลปีศาจอีกตนที่สถิตอยู่ในดาบ
ปีศาจในตัวกำลังหลอมละลายเพราะเพลิงไฟสีคราม
มังกรที่อยู่ข้างหลังได้สลายตัวเองเป็นอณูแสงสว่างจำนวนมหาศาลราวกับน้ำในมหาสมุทรแล้วมหาสมุทรแสงเหล่านั้นก็ไหลมารวมกันยังร่างที่ลุกโชนของมิ่งขวัญ
เพลิงไฟสีครามกลายเป็นอาภรณ์สีแดงก่ำสวมใส่ให้เสร็จสรรพประดับด้วยชิ้นส่วนเกราะสีทองคำดูอร่ามตา
ไฟที่เหลือไหลขึ้นไปด้านบนรวมตัวเป็นก้อนทรงกลมอันร้อนแรงที่เปล่งแสงสว่างอย่างเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน
มิ่งขวัญใส่มือขวาเข้าไปในพระอาทิตย์สีครามนั่นแล้วเสียงของมังกรก็ดังขึ้น
‘พลังแห่งมังกรจะสถิตอยู่กับเจ้า’
มิ่งขวัญดึงมือกลับออกมาและคว้าเอาทวนทองคำที่ร้อนระอุจนมีไอควันลอยกรุ่น
แล้วทันใดนั้นเอง
ปีกมารของลูซิเฟอร์ที่งอกอยู่บนหลังก็ถูกไฟเผาทำลายจากนั้นปีกทองคำก็กางสยาย
มิ่งขวัญใช้อีกมือล้วงเข้าไปในพระอาทิตย์คราวนี้คว้าเอาโล่ทองคำติดกลับมา
‘วงแหวนเพลิงจะเป็นความหวังให้เจ้า’
แล้วปีกเทวทูตของมิคาเอลก็มอดไหม้ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยปีกทองคำ
‘พลังทั้งสองจะรวมเป็นหนึ่งและเปิดหนทางสู่อนาคต”
สิ้นเสียงดวงตะวันสีครามก็ร่วงหล่นทับใส่ร่าง
มิ่งขวัญหลับตาลง อาบเพลิงไฟนั้นด้วยความรู้สึกเปี่ยมล้นในพลังที่เอ่อล้นออกมาจากสกิลพร้อมกันนั้นเสียงของมังกรก็ดังกังวานเป็นครั้งสุดท้าย
“ในโมงยามแห่งทองคำนี้จงขานนามแห่งสัตย์สายานว่าเจ้าจะฟาดฟันอริร้ายทั้งปวงเพื่อความยุติธรรม!’
ไฟที่โอบล้อมร่างไว้แผ่กระจายออกแล้วหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงหนึ่งร่างที่ส่องประกายแสงทองคำเจิดจรัสราวกับดวงดาวกับวงแหวนเพลิงฟ้าอัสดงหมุนกวัดแกว่งอยู่เบื้องหลัง
มิ่งขวัญลืมตาแล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับทวนตวัดมันขึ้นด้วยสองมือพร้อมกับป่าวประกาศคำสาบาน
“เวพ่อนไนซ์ โกล์ดกาแลนต์!!”
เพื่อแลกกับพลังเด็กหนุ่มได้สาบานว่าจากนี้ไปขอให้คนที่ต้องต่อสู้มีแค่เขาคนเดียวนอกเหนือไปจากนั้นเขาจะแบกรับหน้าที่ปกป้องมันไว้เอง
แล้วในวันนั้น...
ในโมงยามแห่งทองคำ...
มิ่งขวัญก็ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่มันรวดเร็วเกินไป
มันได้กลายเป็นย่างก้าวที่นำไปสู่การพังทลาย
สู่จุดจบ...
แต่ยังมีความหวังอยู่...
ความหวังที่มีชื่อว่ากวินทร์เงยหน้ามองมิ่งขวัญที่กำลังจะทำลายตัวเอง
“มิ่ง..ขวัญ...นายจะทำ...อย่างนั้น..ไม่ได้นะ”
[Weaponize!
Gold Galant Lv(1/1)
Element:
Light
Attribute:
Ultimate, Transform, Gold, Awakening
(Cast
Cost) สละ Buffs ธาตุแสงที่มี Saber หรือ Shield อยู่ใน Attributeและติดตั้ง Device ตั้งแต่ 3 อันขึ้นไป , ร่าย ‘ขอสาบานว่าจะจับคมดาบเล่มนี้ฟาดฟันเพื่อความยุติธรรม
คมดาบของยอดฝีมือแห่งอนาคตที่ก้าวข้ามกาลเวลามาจงมอบโมงยามแห่งทองคำให้ข้า’;
ขณะร่ายสกิลนี้จะไม่ถูกขัดขวางและไม่ได้รับดาเมจ
, ล้างสถานะทั้งหมดออกแล้วTransform (Transform: ไม่ถือเป็นสถานะ
ไม่มีระยะเวลาคงอยู่ ไม่สามารถถูกล้างได้ ไม่ถูกยกเลิกหรือทำให้ไร้ผล) สืบทอดผลของ
Buffs ธาตุแสงที่มีอยู่ทั้งหมดก่อนจะร่ายสกิลนี้รวมถึง
Device ที่ติดตั้งเอาไว้ใน
Buffs นั้น; รับพลังจากอวตารแห่งนักษัตรมังกรแล้วสวมใส่นวัฒกรรมเหนือกาลเวลาเป็นนักรบแห่งทองคำผู้พิชิตความชั่วร้ายทั้งปวงด้วยความยุติธรรม]
***ตอนนี้ยาวไปมากเพราะรายละเอียดสกิลที่แทรกเข้าไปต้องขอโทษด้วยครับที่จริงตอนนี้กะจะแยกเป็นสองส่วนไว้สำหรับอาทิตย์หน้าอีกตอนหนึ่งแทนแต่เนื่องจากตอนที่แล้วค่อนข้างสั้นบวกกับถ้าหั่นตอนเดี๋ยวมันจะยืดยาวเอาเลยตั้งใจให้อาทิตย์หน้าจบอวโลกิตะActตั้งแต่วันอังคารเลย สำหรับโกลด์กาแลนต์นั้น เป็นภาษาเยอรมันที่แปลงจาก Gold Gallant อีกทีถ้าใครที่รู็จักบัดดี้ไฟท์อาจจะคุ้นเคยกับ โกลด์ริทเตอร์มาก่อนแรงบันดาลใจท่าไม้ตายของมิ่งขวัญก็มาจากนั่นแหละครับ(ฮา)
[ตรงนี้ไม่ต้องอ่านก็ได้นะ ไรท์แค่มาระบายเฉยๆ]
เนื่องจากการเขียนที่สื่ออารมณ์ของตัวละครได้ไม่เต็มที่ของไรท์อาจทำให้ผู้อ่านทุกท่านไม่เข้าใจคอนเซปความกลัวของมิ่งขวัญกัน ช่วง Login 88 เลยต้องเขียนบรรยายว่าขวัญมีความคิดอ่านในการดำเนินชีวิตค่อนข้างผิดปกติไปจากธรรมดามาก
ประมาณว่าย้ำคิดย้ำทำน่าจะได้มั้ง(ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่) เมื่อพบกับความผิดพลาดมิ่งขวัญก็จะหาสาเหตุแล้วปรับปรุงตัวเพื่อให้หนีจากความผิดพลาดนั้นๆ แต่พอแยกกับศรแล้วมาอยู่ในโลกที่มันไม่มีกฏเกณฑ์ไม่มีอะไรมาปกป้องคำตอบของการปรับตัวที่ออกมาก็คือการแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นซึ่งนั่นจะต้องทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแ พอคำตอบมันดันเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะเป็นแถมรู้อีกว่าถ้าเป็นแล้วมันจะเกิดปัญหาตามมาคืออาจจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันก็เลยกลายเป็นอุปสรรค์ไป
ในช่วงท้ายของตอนนี้ได้เอาตัวปีศาจเข้ามาพูดจูงใจเพื่อทำให้ขวัญได้คำตอบว่าทำไมตัวเองถึงถึงรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ไม่ได้แล้วก็ตีความคำตอบจากบทสนทนากับศรออกมาว่าเพราะเขาอยากเป็นฝ่ายที่ปกป้องไม่ใช่ถูกปกป้องจึงยอมตัดใจเรื่องรักษาความเป็นมนุษย์และจะกำจัดอวโลกิตะเพื่อปกป้องทุกคนแม้ว่ามันจะทำให้เลเวลอัพและสูญเสียความเป็นมนุษย์ก็ตามครับ
ที่กล่าวไปข้างบนคือความตั้งใจของไรท์แต่เขียนออกมาแล้วเหมือนจะไปกันคนละฟากเลย (=w=') เอาเป็นว่าตามที่อ่านไปในเนื้อเรื่องนั่นแหละครับท่านใดเข้าใจว่ายังไงก็ตามนั้นเลยไม่ซีเรียส แล้วเจอกันใหม่วันอังคารนะคร้าบบ~~***
ความคิดเห็น