คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #88 : Login 85: Bro x Brother
Login
85: Bro x Brother
หลังจากได้รับเมล์ตัวจับเวลาตายอิงศรก็วิ่งออกมา
แต่เขาไม่ใช่คนแรกที่วิ่งแบเรียมได้จากไปก่อนนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ระบบของเกมกลับมา
จู่ๆ
อมฤตก็กลับมาทำงานอีกครั้ง
มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันตอนที่ได้รับเมล์
บางทีคงมีใครซักคนที่ทำลายอาคมของอวโลกิตะได้แล้วเพราะอย่างนั้น...
"ดูเหมือนข้าพเจ้าจะไม่มีธุระกับที่นี่แล้วล่ะไว้ค่อยเจอกันใหม่หลังจากพวกเราจัดการกับหัวโจกของอารย-สนธยาก็แล้วกันขอรับ"
แบเรียมเลยพูดเอาไว้แบบนั้นแล้วก็จากไป
ดังนั้นอิงศรก็เลยออกวิ่งเพื่อตามหามิ่งขวัญและกวินทร์แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะชื่อของสองคนนั่นปรากฎอยู่บนเมล์หรอก
ชื่อของคนที่อยู่ในเมล์
อิงศรมองข้อความบนเมล์ที่ปกติจะระบุชื่อของคนที่จะตายเอาไว้แต่ทว่า...
======================
Subject:
@Clipius Death Timing Delivery
From:
???
Detail:
นี่คือฉบับสุดท้ายจงรีบไปก่อนที่เจ้าจะสูญเสียทุกอย่าง
เวลาก่อนที่ความสิ้นหวังจะมาเยือนเจ้าเหลืออีกแค่
[00:44:44]
======================
ชื่อเมล์ยังคงเหมือนเดิมแต่ข้อความกลับต่างออกไปมันไม่ได้บอกว่าใครจะตายแถมชื่อคนส่งยังไม่ได้เขียนว่า
'GM' เหมือนทุกครั้งจนน่าสงสัยว่านี่คือเมล์จากซีลอร์ดจริงรึเปล่า
อิงศรลองติดต่อซีลอร์ดดูแล้วแต่อีกฝ่ายไม่รับสายทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะระบบของเกมน่าจะกลับมาทำงานตามปกติแล้ว?
พอลองติดต่อไปหากวินทร์ก็ทำไม่ได้อีกเช่นกันบางทีอาคมที่อารย-สนธยาร่ายไว้เพื่อเสริมพลังปีศาจอาจจะรบกวนการสื่อสารด้วยตอนนี้คิดได้แต่แบบนั้น
ในอีก 44 นาทีจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น
อะไรบางอย่างนั้นจะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง
ดังนั้นอิงศรก็เลยวิ่งเพื่อตามหาสิ่งสำคัญนั้นและปกป้องเอาไว้
"ขวัญ...
กวินทร์... พวกนายอยู่ที่ไหนกันแน่"
ก่อนอื่นจะต้องออกจากอุโมงค์เสียก่อน
เขาเลยวิ่งตามมาในทิศทางเดียวกับที่แบเรียมจากไปซึ่งน้ำในอุโมงค์ไหลไปในทิศทางเดียวกันและจนกระทั่งตอนนี้เขาก็ไม่เห็นตัวแบเรียมเลยแม้ว่าจะวิ่งออกมาไกลแล้ว
มีความเป็นไปได้ที่หมอนั่นจะเจอทางออกหากตามไปแบบนี้ก็จะต้องเจอทางออกด้วยอย่างแน่นอน
อิงศรวิ่งไปด้วยความคิดเช่นนั้น
จนกระทั่งมีเสียงร้องดังไล่หลังมาเสียงขอร้องอย่างน่าสมเพช
"เฮ้!
รอด้วยสิอย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้!!"
อิงศรเหลือบตามองไปแวบหนึ่งเจ้าของเสียงคือนายพังค์หัวเขียวจอมห้าวที่มีเรื่องกับซีเซียมตอนอยู่ข้างบนถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อว่า
พิจิก ธุวดารกะ
หลังจากช่วยหมอนี่ออกมาจากท้องของปีศาจงูแบบไม่ได้ตั้งใจก็โดนตามแจเหมือนเป็นเด็กอมมือ
ระหว่างทางได้ยินหมอนี่เล่าเรื่องชะตากรรมของหน่วยจู่โจมส่วนหนึ่งที่เมตไตรยส่งมาว่าพวกนั้นถูกพาไปเจอปีศาจงูก่อนที่จะมาเจออิงศรและถูกไล่บี้จนต้องถอยหนีเหลือแต่พิจิกที่เป็นหัวโจกกลุ่มทำซ่าไม่เจียมตัวต่อสู้กับปีศาจคนเดียวเพราะคิดว่าหอกที่ได้รับจากพวกเทวทูตจะช่วยคุ้มครองตัวเองได้แต่กลายเป็นถูกกินเข้าไปแล้วหอกตอนนี้ก็หล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
พอเป็นอย่างนั้นเจ้านี่ก็แสดงธาตุแท้ออกมา
แม้ว่าตอนนี้จะมีสกิลและต่อสู้ได้ตามปกติแล้วแต่ไอ้หมอนี่ก็ขี้ขลาดแล้วก็เอาแต่เกาะบารมีคนอื่นไปเรื่อยอิงศรคิดว่ามองคนไม่ผิดแน่เจ้าหมอนี่เป็นคนอย่างนั้น
"เฮ้!!
ก็บอกให้รอหน่อยสิฉันวิ่งไม่ไหวแล้วเหนื่อยด้วย.."
ทั้งที่เพิ่งวิ่งกันมาได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำแต่หมอนี่ก็บ่นกระปอดกระแปดจนน่าสงสัยว่ามาเป็นทหารได้ยังไงแถมยังยศสูงกว่าเขาอีกซึ่งเหตุผลคงไม่ต้องเค้นหัวคิดให้เปลืองก็ได้คำตอบอยู่แล้ว
"..."
อิงศรไม่ตอบโต้คำขอร้องของพิจิกแล้วใส่แรงวิ่งเพิ่มเพื่อให้ไปถึงทางออกได้เร็วขึ้นจากนั้นเสียงของพิจิกก็ดังมาอีก
"เฮ้!!!.."
แต่เขาไม่สนใจจะฟังมันอยู่แล้วเพราะตอนนี้ที่เขาสนใจนั้นมีแค่...
"ขวัญนายอยู่ไหนกันแน่"
ตอนนั้นเองเขาก็มาถึงสุดทางอุโมงค์ซึ่งมีลูกกรงปิดทางเอาไว้
น้ำไหลลงไปในหลุมลึกหลังลูกกรงและคงจะไปถึงท่อระบายน้ำที่ไหนซักแห่ง
ลูกกรงไม่มีร่องรอยถูกทำลายดังนั้นแบเรียมน่าจะไม่ได้มาทางนี้
ระหว่างทางที่วิ่งมีก็เจอทางแยกอยู่หลายครั้งแต่เขาเลือกจะวิ่งตามทางที่น้ำไหลไปบางทีหนึ่งในทางแยกนั้นน่าจะมีทางเชื่อมออกไปข้างบน
อิงศรจึงหันหลังกลับเพื่อหาทางอื่นที่จะออกไปข้างนอกโดยทำใจไว้ว่าจะต้องเดินกลับไปเจอพิจิกอย่างแน่นอนในตอนนั้นเองก็มีบางอย่างไหลมากับน้ำและลอยมาติดที่เท้าจึงเก็บขึ้นมาดู
มันเป็นผ้าคลุมสีขาว...
"ผ้าคลุมของพวกเอเลี่ยนเหรอ.."
....
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นตั้งแต่ตอนที่อิงศรยังสลบไม่ได้สติอยู่ที่ไหนซักแห่งในอุโมงค์ใต้ดินของอารย-สนธยา
"ว้าย!!"
เสียงกรีดร้องดังขึ้น
จากนั้นก็มีเสียงตึงตังกับเสียงน้ำกระจายตัวเหมือนถูกอะไรตกใส่ดังก้องไปทั้งอุโมงค์
นั่นคือเสียงกรีดร้องของอิซานามิ
หล่อนร้องเพราะความตกใจที่ร่วงลงมาจากรอยแยกของมิติซึ่งปรากฏขึ้นบนเพดานอุโมงค์
"โอย
กี้ดว่าต้องต๋ายซะแหล่วน่อ"
ตอนที่เธอบ่นอยู่นั่นเองก็มีอีกสองคนตกลงมา
ทั้งสองคนลงพื้นได้อย่างสวยงามน้ำบนพื้นแทบจะไม่กระฉอก
คนหนึ่งคือไทเทเนียมมนุษย์ต่างดาวเพศหญิงผมสั้นเกรียนสีเงินและอีกคนคือซากิริซึ่งกอดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคเอาไว้แน่นหล่อนพยายามถือมันให้พ้นจากน้ำที่อาจจะกระเด็นขึ้นมาและทำให้มันพัง
อิซานามิถาม
"อ้าวนี่พวกคิงก็หล่นลงมาที่นี่ด้วยก่อ"
ซากิริหันกลับมาแล้วตอบว่า
"รู้สึกที่พวกเราโดนกันจะเป็นอาคมเคลื่อนย้ายน่ะพวกมันตั้งใจจะแยกพวกเราออกจากกันตั้งแต่แรกแล้วสินะ"
จากนั้นจึงเปิดโน้ตบุคขึ้นมาแล้วเริ่มค้นข้อมูลจากในนั้น
"อ้อ
เมื่อกี้เธอบอกว่าเกือบตายแล้วสินะ"
"หือ
ก็อู้จะอั้นจริงๆ แหละน่อแล้วมันเป็นอะหยัง"
พออิซานามิพูดมาอย่างนั้นซากิริก็หัวเราะแล้วพูดโดยไม่ได้แหงนหน้าขึ้นจากจอ
"ตลกดีนะเป็นเทพแห่งความตายแท้ๆ
แต่ดันพูดว่าจะตายแล้ว"
พอได้ยินแบบนั้นอิซานามิก็เกาหัวด้วยความเขินอาย
"แหมๆ
คนมันก็ต้องมีเผลอกันบ้างแหละน่อ"
"เหรอ
แต่ถ้าเธอยังไม่รีบลุกออกไปล่ะก็ฉันว่าอาจจะมีคนตายจริงๆ ก็ได้นะ"
ซากิริพูดแล้วชี้ให้ดูใต้จุดที่อิซานามินั่งอยู่
หล่อนนั่งทับตัวของกวินทร์ที่คว่ำหน้าซ้อนทับมิ่งขวัญอยู่อีกทีแล้วก้นก็วางทับอยู่บนหัวทำให้กดหน้าของทั้งสองคนลงไปในน้ำ
"ว้าย!!"
อิซานามิสะดุ้งแล้วรีบดีดตัวกระโดดลงมาจากกองร่างของหนุ่มๆ
กวินทร์ยกหัวขึ้นมาจากน้ำแล้วสำลักหลายครั้ง
"แค่กๆ
นึกว่าต้องตายซะแล้วนะเนี่ย"
ก่อนจะลืมตามองดูคนที่ตัวเองนอนทับซึ่งหัวยังจมน้ำอยู่และดูเหมือนสติกำลังจะหลุดลอย
"อะ...เฮ้ย!!
มิ่งขวัญ!! ทำใจดีๆ เอาไว้ก่อนนะ!!"
กวินทร์ขยับตัวออกทันทีแล้วดึงร่างน้องชายของอิงศรขึ้นมา
มิ่งขวัญสำลักน้ำที่กลืนเข้าไป
"แค่ก...อ่อก"
กวินทร์จึงตบหลังเพื่อช่วยให้สำลักง่ายขึ้น
"ไม่เป็นไรนะ"
เด็กหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงแต่กลับถูกมองค้อนด้วยสายตาไม่ชอบใจ
แววตาเย็นชาเสียจนกวินทร์เผลอสะดุ้งตัวถอยหลังไป
จากนั้นมิ่งขวัญก็ลุกขึ้นยืน ผ้าคลุมเปียกน้ำชุ่มไปหมดเขาจึงถอดมันทิ้ง
"นี่ผ้าคลุมนั่นเป็นของสำคัญนะ"
ไทเทเนียมพูดทันทีที่เห็นว่าเขาทำอะไร
แต่มิ่งขวัญก็ตอบโต้ไปว่า
"ช่างเหอะน่า"
แล้วปล่อยให้ผ้าคลุมลอยไปกับน้ำ
หลังจากนี้คงไม่ต้องใช้มันอีกเพราะว่าเขาได้เจออิงศรแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับไปเป็นมนุษย์ต่างดาวเขาจะหนีไปกับพี่ชายตอนนี้มีความคิดอยู่เพียงเท่านั้น
ไทเทเนียมจ้องมองมาเหมือนกับจะเข้าใจได้มิ่งขวัญเลยหลบหน้าหล่อนเพื่อเลี่ยงการสบตาที่จะทำให้ถูกจับปฏิกิริยาแล้วอ่านความต้องการออก
แต่ผู้หญิงที่มากับพี่ชายเจ้าคนที่ชื่ออิซานามิก็ทำให้เสียเรื่องเข้าจนได้
"อือฮึ
ผมอยากจะหนีไปกับพี่ชายล่ะน่อ"
หล่อนพูดเรื่องที่อยู่ในใจเขาไปจนหมดแล้วหันไปดูกวินทร์
"พี่สาวกำลังเดินทางผิดทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแบบนั้นมันบ้าชัดๆ"
พูดแล้วหันไปทางไทเทเนียม
"ถ้ายังยึดติดกับมนุษย์ขนาดนั้นนายไม่มีวันเข้าใจความสูงส่งของการวางแผนเกมหรอก"
แล้วหันไปที่ซากิริทำท่าจะพูดเรื่องในใจของอีกฝ่ายแต่ก็ถูกมือของเธอเอื้อมเข้ามาปิดปากเอาไว้เสียก่อน
"อู้ๆๆ"
อิซานามิได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ลอดผ่านมือของซากิริมาอย่างนั้น
"เลิกแฉเรื่องชาวบ้านซักทีเถอะขืนปล่อยเธอพูดมากไปกว่านี้การโจมตีอารย-สนธยาจะเสียเรื่องหมด"
ซากิริพูดจนหล่อนยอมเข้าใจถึงปล่อยมือ
"แล้วทีนี้จะเอาไงต่อ"
ไทเทเนียมถามขึ้นมา
"ก็ยังต้องทำภารกิจต่อนั่นแหละโชคดีที่พสกเราถูกพามาที่นี่จุดที่อาคมผนึกอมฤตของอวโลกิตะถูกบริกรรมเอาไว้น่าจะอยู่ข้างบนหัวพวกเรานี่เอง"
ซากิริชี้ขึ้นไปบนเพดาน
"งั้นทะลวงขึ้นไปก็พอสินะ"
มิ่งขวัญตอบแล้วชักดาบออกมาตั้งท่าจะเจาะรูเพดานจริงๆ
แต่ก็ถูกซากิริห้ามเอาไว้ซะก่อน
"เฮ่เฮ้
นี่คิดจะฝังพวกเราไปด้วยรึไงอย่าใจร้อนนักซี่"
ไทเทเนียมชักเอาสวิตซ์ขึ้นมาข่มขู่
"เก็บดาบลงไปซะ"
มิ่งขวัญจึงเก็บดาบ
"แล้วจะเอายังไง"
เด็กหนุ่มถามพลางใช้มือท้าวสะเอวด้วยใบหน้ารำคาญ
ซากิริเป็นผู้ที่ตอบคำถามนั้น
"ก็เดินขึ้นไปสิ
ฉันเจอทางออกใกล้ๆ ที่นี่แล้ว"
หล่อนพูดพร้อมกับหันจอโน๊ตบุคให้ดูแผนที่ของอุโมงค์ที่ได้มาอย่างไม่ทราบวิธีการบางทีคอมพิวเตอร์อาจจะได้รับการสนับสนุนจากพลังเทวทูตของหล่อนเองจึงทำเรื่องแบบนี้ได้
จากนั้นเมื่อไม่มีใครค้านพวกเขาก็ออกเดินไปในอุโมงค์ที่มืดมิดโดยให้ซากิริเดินนำกลุ่มlj;oไทเทเนียมขอเดินรั้งท้ายเพื่อกันไม่ให้มิ่งขวัญหนีแล้วกลุ่มหนึ่งคนกับอีกสี่ตนร่วมทางกันไป
ระหว่างทางมีแต่เสียงจ้อไม่หยุดของอิซานามิกับเสียงตอบรับห้วนๆ
เป็นลูกคู่ของซากิริ
“นี่ๆ
แล้วทีนี้นะฮาก็บอกเปิ้นไปว่าลูกคนต่อไปเอาแบบมีหัวไฟลุกพรึ่บๆ
ดีก่อเปิ้นก็ตกใจใหญ่เลยล่ะ”
“งั้นเหรออยากเห็นหน้าเขาตอนนั้นจังเลยนะ”
“ใช่ม้าๆ ฮ่าๆๆ”
“อ่ะฮะอ่ะฮะ”
ดูเหมือนทั้งสองคนจะคุยกันถูกคอเพราะแม้ไม่ได้ตอบรับอย่างจริงจังแต่ซากิริก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญออกมาหนำซ้ำในบางหัวข้อหล่อนเองก็ร่วมหัวเราะไปด้วยแม้เสียงหัวเราะจะค่อนข้างฝืดแปลกๆ
ก็ตามที
หัวแถวที่ดูครื้นเครงนั้นเทียบกับหางแถวที่ถูกขนาบด้วยจอมตีหน้าเครียดสองคนแล้วมันช่างชวนอึดอัดเสียนี่กระไร....กวินทร์คิดอย่างนั้นขณะที่เดินตัวลีบไปตลอดทางเพราะไม่กล้าจะสบตากับมนุษย์ต่างดาวทั้งสอง
แต่ก็คิดไปเหมือนกันว่าหลังจากนี้หากเจอศัตรูก็ต้องร่วมมือกันสู้ถ้าอย่างนั้นจะมัวมาอ้ำๆ
อึ้งๆ
แบบนี้ไม่ได้แน่นอนว่ายกเว้นพี่สาวของเขาที่เดินอยู่ข้างหลังไว้คนเพราะฉะนั้นอย่างน้อยต้องสนิทกับมิ่งขวัญเอาไว้เพราะหลังจากนี้ถ้าไปรวมกลุ่มกับอิงศรได้แล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน
ว่าแล้วก็เริ่มคิดเรื่องที่จะชวนคุยด้วยจนนึกขึ้นได้ว่ามีฮาโมนิก้าที่อิงศรฝากเอาไว้
“นี่ๆ
มิ่งขวัญเห็นพี่ศรเคยบอกว่านายเป่าฮาโมนิก้าด้วยใช่ไหมล่ะมีท่อนหนึ่งที่มันยากๆ
อ่ะนายก็เป่าเพี้ยนเหมือนกันใช่ม้า~”
”…”
แต่มิ่งขวัญเมินเขาสนิทใจไม่แม้แต่จะเหลียวตามามองด้วยซ้ำ
กวินทร์ยังคงพยายามต่อเขาหัวเราะแห้งๆ
แล้วยิ้มสู้
“อ...เอ่อแหะๆ
คือว่ามันอยู่ในคลังอ่ะนะแต่ตอนนี้เปิดเอาออกมาไม่ได้...จะ....จะว่าไปนายเองก็น่าจะมีเก็บไว้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“…”
“นี่!
นายไม่พอใจอะไรฉันหรือไง”
พอขึ้นเสียงออกไปเพราะเริ่มทนไม่ไหวมิ่งขวัญก็หันมาสบตาด้วยครู่หนึ่ง
“หึ”
หมอนี่ส่งเสียงแค่นั้นแล้วก็เดินเชิดหน้าหนีไป
กวินทร์ได้แต่ยืนมองหน้าเสียและไม่เข้าใจว่าทำไมจึงถูกปฏิบัติกลับเช่นนั้น
มิ่งขวัญเหมือนจะคล้ายๆ
กับอิงศรสมัยที่เพิ่งเคยเจอกันตอนนั้นเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะเปิดใจคนพี่ได้แต่คนน้องนี่อาจจะเรียกว่าอาการหนักกว่าเพราะว่านี่ไม่คิดจะสนใจคำพูดของเขาเลย
ระหว่างที่คิดอยู่นี่เองไทเทเนียมก็พูดมาจากข้างหลัง
“เลิกพยายามจะตีสนิทเถอะน่ามิ่งขวัญน่ะไม่คิดจะเชื่อใจมนุษย์อีกแล้วเขาจะเลิกเป็นมนุษย์”
“…”
กวินทร์ยังไม่ค่อยเข้าใจที่ลูกพี่ลูกน้องผู้กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวพูดมาซักเท่าไหร่แต่แล้วมิ่งขวัญก็พูดแทรกกลับมาว่า
“ที่ไม่เชื่อใจน่ะมีแค่มนุษย์ที่คิดจะหลอกใช้ศรเท่านั้นแหละฉันจะยังเป็นมนุษย์ต่อไป!”
จากนั้นมิ่งขวัญก็หันมาประจันหน้ากับกวินทร์
“นายเป็นพวกเมตไตรยสินะเพราะพวกนายคิดจะใช้ศรเป็นเครื่องมือในแผนสร้างโลกใหม่เรื่องพรรค์นั้นน่ะฉันไม่มีวันยอมให้เป็นหรอกจำเอาไว้ด้วย”
“หา?”
กวินทร์ไม่เข้าใจว่ามิ่งขวัญกำลังหมายถึงเรื่องอะไรตอนนั้นเองไทเทเนียมก็พูดแทรกเข้ามาด้วย
“พูดมากเกินไปแล้วนะมิ่งขวัญ”
“ไม่เป็นไรหรอกโชเน็นน้องชายคนนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยเพราะเป็นพวกชั้นรากหญ้าน่ะ”
ซากิริพูดแย้งมาจากหัวแถว
ตอนนี้ขบวนจึงหยุดเคลื่อนที่เพราะการสนทนาที่ยุ่งเหยิง
“แหล่วๆๆ
จะอี้เหมือนมีคนกำลังจะพูดว่าซักกำบ๋อขึ้นมาแล้วล่ะน่อ”
อิซานามิพูดเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนไปกับสถานการณ์อันที่จริง...
หล่อนดูสนุกกับมันเสียด้วยซ้ำ
“หึๆๆ”
ไทเทเนียมหัวเราะ
“ดูท่าว่าการร่วมมือกันเนี่ยคงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกมั้ง”
ซากิริพยักหน้ารับคำพูดของไทเทเนียมเหมือนกับจะเห็นด้วย
"นั่นสินะ
หล่อนพูดแบบนั้นแล้วออกเดินจึงทำให้การสนทนาจบลงแค่ตรงนี้
กลุ่มเริ่มเดินทางกันต่อ
กวินทร์มองแผ่นหลังของมิ่งขวัญระหว่างที่เดินแล้วคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อครู่
'เมตไตรยคิดจะใช้อิงศรในการสร้าางโลกใหม่'
เรื่องนี้มีเงื่อนงำอย่างไรกันแน่ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อนแล้วอิงศรล่ะรู้เรื่องนี้แล้วรึเปล่าหรือว่ายังไม่รู้
อย่างที่ซากิริพูดเขาเป็นแค่ระดับรากหญ้าจริงๆ
นั่นแหละรู้แค่สิ่งที่องค์กรบอกให้รู้เพื่อให้ทำตามคำสั่งกระทั่งเรื่องที่ได้มาเจออิงศรนั่นก็ด้วย
ตอนที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นี่เองกวินทร์ก็เผลอก้าวเท้าเร็วขึ้นจนเดินมาเทียบเคียงกับมิ่งขวัญโดยไม่รู้ตัว
"เกะกะน่าไปเดินไกลๆ
ได้ไหม"
มิ่งขวัญกระแทกไหล่เข้ามากวินทร์จึงเสียหลักจนเซถลาไปเล็กน้อยแล้วใช้จังหวะนั้นรีบเดินออกไปทันที
"..."
กวินทร์มองปฏิกิริยาตอบโต้อันนั้นแล้วก็เข้าใจเกี่ยวกับมิ่งขวัญขึ้นมา
เขายิ้มแสยะแล้วรีบจ้ำเท้าขึ้นไปเบียดกับมิ่งขวัญอีกคราวนี้เป็นฝ่ายกระแทกไหล่คืนไปบ้าง
มิ่งขวัญมองหน้าเหมือนไม่เข้าใจแล้วกระแทกไหล่กลับมาแต่คราวนี้กวินทร์หลบมิ่งขวัญเลยชนพลาดจนเซเกือบล้มแต่ก็ใช้มือยันกำแพงเอาไว้ทัน
กวินทร์ที่หลบพ้นมาก็เดินต่อทันทีโดยแกล้งทำเป็นผิวปากไปด้วยเพื่อจะยั่วยุซึ่งก็ได้ผลตามที่คาดเมื่อเขาเหลียวกลับไปมองก็เห็นใบหน้าที่เคยเก๊กมาดนิ่งเอาไว้กำลังบิดเบี้ยวเหยเกเพราะความโกรธ
กวินทร์ยิ้มแสยะอีกและคราวนี้จงใจยิ้มให้มิ่งขวัญเห็น
"นี่แก!"
มิ่งขวัญคำราม
"หืม
ทำไมมีอะไรเหรอ"
กวินทร์หันมาตอบน้ำเสียงห้วนพลางยักไหล่
พอเห็นแบบนั้นเข้ามิ่งขวัญก็ฟิวขาดพุ่งตัวออกไปทันทีแต่กวินทร์ก็ชิงวิ่งหนีเสียก่อน
"แน่จริงก็จับให้ได้เซ่"
แล้วตะโกนจนเสียงดังก้องไปทั้งอุโมงค์
แต่ทว่า...
"จับได้แล้ว"
เสียงของมิ่งขวัญดังมาแล้วคอเสื้อก็โดนดึงจากทางด้านหลังจนวิ่งไม่ไปไหน
ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าตอนนี้ไม่มีอมฤตแล้วมิ่งขวัญก็เป็นมนุษย์ต่างดาวแถมยังมีพลังของเกมอยู่
สมรรถภาพร่างกายจึงต่างกันฟ้ากับเหวแค่พริบตาเดียวการเล่นไล่จับที่วางแผนเอาไว้ก็จบลงอย่างง่ายดาย
แต่ที่กวินทร์เล็งเอาไว้ไม่ใช่สิ่งนั้นมันเป็นอย่างอื่นที่ตอนนี้ก็สำเร็จไปแล้ว
มิ่งขวัญที่กำลังหงุดหงิดพลิกตัวเขาแล้วเปลี่ยนมาจับคอเสื้อด้านหน้าพลางจ้องด้วยสายตาปานจะกินเลือดกินเนื้อ
"เป็นพวกขี้แกล้งรึไงห๊ะนายน่ะ"
มิ่งขวัญถาม
เขามั่นใจว่าตอนนี้ปั้นหน้าโกรธเต็มที่แล้วแต่...
"ก็เปล่านี่คนที่เริ่มก่อนมันนายนะ"
กวินทร์กลับยิ้มแล้วพูดมาอย่างนั้น
แม้จะว่าง้างหมัดขึ้นมาขู่ก็ตามแต่กวินทร์ไม่ยอมหุบยิ้ม
"นี่ว้อนท์หมัดขนาดนั้นเลยรึไง"
"ก็เปล่านี่
แต่ไอ้ที่ว้อนท์สุดๆ เลยก็คือการได้คุยกับนายนี่แหละ"
พอพูดออกไปแบบนั้นมิ่งขวัญก็ปล่อยคอเสื้อแล้วเก็บมือไป
"โรคจิตชะมัด"
เด็กหนุ่มต่างดาวพูดด้วยใบหน้ารังเกียจ
"เอ๋~ โรคจิตตรงไหนกัน"
กวินทร์พูดลากเสียง
"หน้านายนั่นแหละ"
มิ่งขวัญตอบ
"ทั้งที่ทำหน้าเฟรนด์ลี่ขนาดนี้เลยนะ"
"ช่างหัวมันเถอะ!"
มิ่งขวัญเริ่มกระแทกเสียง
"ก็ไม่ได้ปลูกมันกันซะหน่อยนี่"
กวินทร์ตอบกลับไปซื่อๆ
อย่างนั้นทำให้มิ่งขวัญชักสีหน้า
"ถ้าไม่รีบหุบปากฉันจะชกปากนาย"
อีกฝ่ายไม่เล่นด้วย...
ดูเหมือนว่าแผนชวนคุยจะล้มเหลว
ตอนนั้นเองพวกในกลุ่มก็วิ่งตามมา
ไทเทเนียมเข้ามาเป็นคนแรกพูด
"อย่าเที่ยววิ่งไปไหนเองสิเดี๋ยวก็กดสวิตช์ซะเลยนี่"
แล้วยกสวิตซ์กดระเบิดขึ้นมาขู่
"..."
ได้ยินแบบนั้นเข้ามิ่งขวัญก็เดินแยกไปหลบมุมกำแพงอุโมงค์เพียงลำพัง
รอจนกระทั่งซากิริกับอิซานามิตามมารวมกลุ่ม
ซากิริพูด
"ถึงจะวุ่นวายไปหน่อยเพราะเด็กแกล้งกันก็เถอะแต่เราก็มาถึงทางออกแล้วล่ะ"
จากนั้นหล่อนก็หันจอคอมออกจากตัวแล้วยื่นเข้าไปในมุมมืดของอุโมงค์ให้แสงจากจอส่องเปิดทาง
มีเส้นทางลับซ่อนเอาไว้ในลักษณะของกำแพงที่สร้างหลบมุมเข้าไป
เมื่อลองเดินเข้าไปดูก็พบว่ามีแสงสว่างส่องลงมาเล็กน้อยแต่เพราะโครงสร้างทางเข้าเป็นอย่างนั้นเลยทำให้แสงไม่ลอดเข้าไปในอุโมงค์
ถ้าไม่มีแผนที่ของซากิริพวกเขาคงไม่มีวันเจอทางลับเส้นนี้ได้อย่างแน่นอน
หลังจากเดินไปตรมทางลับได้ซักพักพวกเขาก็เจอกับบันไดที่นำขึ้นไปยังห้องๆ
หนึ่ง
ทางออกพามายังห้องเก็บของที่อยู่ด้านหลังประตูซึ่งมีแสงสว่างไสวจากอีกห้องลอดเข้ามา
มีกลิ่นธูปลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด
ข้าวของในห้องประกอบไปด้วยถังบรรจุน้ำใสสะอาดที่เอาไว้ทำอะไรบางอย่าง
ห่อพลาสติกที่มีปึกกระดาษห่อทองแผ่นสำหรับปิดลงบนพระพุทธรูป
แพ็คธูปกับเทียนในลังกระดาษอีกหลายกล่อง
ดูจากอุปกรณ์พวกนี้แล้วข้างหน้าคงจะเป็นห้องโบสถ์สำหรับให้คนเข้ามาไหว้พระ
หลังจากสำรวจภายในห้องเก็บของรวมถึงซุ่มฟังเสียงข้างนอกจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่พวกเขาก็เดินผ่านประตูออกไปยังด้านนอก
ที่พวกเขาโผล่ไปนั้นคือโถงขนาดโอ่อ่าที่มีชั้นวางพระขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยพระพุทธรูปเรียงรายอยู่เต็มชั้นตั้งขนาบผนังห้องเอาทั้งสองทิศทางเหลือแค่ประตูด้านหน้าที่แบ่งเป็นทางเข้าหนึ่งทางและทางออกอีกหนึ่งทาง
ด้านในติดกับผนังฝั่งที่พวกเขาเดินออกมาห้องเก็บของมีพระพุทธรูปยักษ์ประทับนั่งในท่าปางค์ทำสมาธิ
ซากิริเดินถือโน้ตบุคเข้าไปตรงกลางโถงแล้วเริ่มเคาะแป้นเสียงกับกร๊อกแกร๊กไม่หยุด
"เจอแล้วล่ะแหล่งอาคมจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ผนึกอมฤตถูกฝังอยู่ใต้ห้องนี้"
หล่อนพูดแล้วเงยหน้าขึ้นจากจอมาพูดกับพวกเขา
"ระหว่างที่ทำการปลดอาคมฉันต้องใช้ร่างมนุษย์เพื่อควบคุมเครื่องคอมนี่เพราะงั้นข่วยมาคุ้มกันให้หน่อยได้ดีไหม"
แต่ไทเทเนียมก็ถามกลับไปว่า
"แล้วไม่ต้องจัดการอวโลกิตะอะไรนั่นก่อนเหรอ"
"ถ้าจัดการจากแหล่งของมันโดยตรงแบบนี้คิดว่าน่าจะทำได้โดยที่ไม่ต้องจัดการคนสร้างอาคมนะ"
“ถ้างั้นก็รีบจัดการเถอะ”
ไทเทเนียมว่าอย่างเห็นด้วยแล้วจึงหันกลับมามองมิ่งขวัญที่ยืนอยู่ข้างกวินทร์
“พวกนายมาทางนี้”
เธอพูดสั่งการมาเหมือนอยากให้ไปด้วยกันทั้งคู่แต่สายตากลับมองมิ่งขวัญมากกว่า
“…”
มิ่งขวัญไม่ได้พูดตอบทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินออกไป
กวินทร์คิดว่าตัวเองควรต้องไปด้วยเหมือนกันแต่เด็กหนุ่มก็ฉุกคิดได้แล้วยกมือตัวเองขึ้นมาดู
เขาไม่ได้สวมถุงมือในเครื่องแบบอีกเลยหลังจากที่ไปเก็บเลเวลกับอิงศรหนนั้นก็ได้คำแนะนำมาว่าคนที่ใช้พลังของดาบในการทำลายคู่ต่อสู้ควรจะถอดถุงมือเพื่อให้จับดาบได้ถนัดกว่าแล้วตอนนี้ดาบที่เป็นพลังเพียวหนึ่งเดียวก็ถูกเก็บเอาไว้ในคลังระบบจะเอาออกมาใช้ก็ทำไม่ได้
กวินทร์กำมือนั้นเข้าแล้วแบออก
ไม่รู้สึกถึงพลังเลยซักนิดเดียว...เด็กหนุ่มคิด
ถึงที่นี่จะเป็นกลุ่มที่มีผู้หญิงด้วยกันสามคนแต่คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก็คือเขาเอง
เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ลืมตาดูโลกได้แค่ 11 ปีกับ 4
ปีในโลกที่ล่มสลายไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากมายไม่มีพลังแบบผู้ถูกเลือกเหมือนในตัวเอกของการ์ตูนที่เขาเคยชอบสมัยเป็นเด็ก
“เรามันก็แค่คนธรรมดา”
กวินทร์กำมือนั้นแน่นจนเล็บแทบจิกทะลุเนื้อแต่มันก็แค่นั้น
ไม่เกิดบาดแผลไม่มีเลือดไหลออกมาซักหยดเดียว
เขาไร้พลังถึงขนาดนั้นกวินทร์ลดมือลงถอนหายใจแล้วจึงค่อยเดินตามมิ่งขวัญไป
ตอนที่เขาวิ่งไล่หลังมิ่งขวัญไป....
วินาทีนั้นเองบนพื้นที่รอบๆ
จุดที่ซากิริและอิซานามิยืนก็เกิดเส้นแสงตีวงล้อมกรอบเอาไว้
วินาทีถัดมาเส้นแสงเหล่านั้นก็ลุกไหม้เกิดเป็นวังวนเพลิงขังทั้งคู่เอาไว้
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
ไทเทเนียมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กวินทร์ตะโกนถามเข้าไปในวังวนเพลิงที่พุ่งขึ้นสูงจนท่วมหัวทั้งสองคนนั้นไปแล้ว
“เฮ้!
ข้างในนั้นเป็นอะไรไหม!”
มีเสียงตอบของซากิริดังกลับมาว่า
“ไม่เป็นไรพวกฉันซะอย่างแต่ว่านะไฟพวกนี้มันไม่ยอมดับเลยทั้งที่ใช้พลังของสองคนแล้วนะเนี่ย”
ภายในวังวนเพลิงนั่นมองเห็นเงาของสองคนเปลี่ยนไปผิดรูปร่างจากมนุษย์คิดว่าคงคืนร่างปีศาจกันเพื่อให้มีชีวิตรอด
“มิ่งขวัญพอทำอะไรได้ไหม”
กวินทร์หันไปขอความช่วยเหลือ
“ไม่รู้สิจะลองใช้โอดินเบรธเป่าให้มันดับดูไหม”
มิ่งขวัญตอบแล้วตั้งโล่เล็งไปที่วังวนเพลิงหมายจะร่ายสกิลเรียกลมออกมาจากโล่พัดให้เปลวไฟดับแต่ก็ถูกไทเทเนียมห้ามไว้
“เดี๋ยวก่อนถ้าเป่าไปแล้วเกิดไฟไม่ดับทันทีสองคนนั่นจะโดนไฟครอกไปด้วยนะ”
“ชิ”
มิ่งขวัญจิกปากบวกชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะลดโล่ลง
ไทเทเนียมเสนอวิธีการขึ้นมา
“ใช้สกิลสร้างหลุมบนพื้นแล้วขุดเข้าไปให้สองคนนั้นออกมาจะดีกว่า”
ไม่มีใครคัดค้านดังนั้นจึงคิดจะเริ่มทำกันในทันทีแต่ตอนที่มิ่งขวัญตั้งท่าจะร่ายสกิลนั่นเอง
มิ่งขวัญกลับจับสัมผัสถึงอันตรายได้
“ระวัง!”
เขาพูดแล้วโจนตัวไปกระแทกกวินทร์จนล้มลง
“เหวอ ทำอะไรเนี่ย”
กวินทร์พูดแต่มิ่งขวัญไม่สนใจเขาชักดาบออกรับหัวค้อนที่เหวี่ยงเข้ามาจากทางด้านหลัง
หากว่าไม่ผลักกวินทร์ให้ล้มลงไปก่อนค้อนนั่นคงได้ทุบกระดูกสันหลังหักไปแล้ว
ค้อนกับดาบดันกันไปมาอย่างสูสีทั้งที่ตอนนี้มิ่งขวัญคือมนุต่างดาวที่มีพลังของเกมแต่กลับมีคนที่สู้แรงมหาศาลนั่นได้
"ย้าก!!"
มิ่งขวัญคำรามแล้วใส่เต็มแรงงัดค้อนจนชนะร่างเจ้าของค้อนนั่นลอยกระเด็นไปแต่ไม่ไกลนัก
เจ้าของค้อนเงยหน้าขึ้นหลังจากเท้าเหยียบลงพื้นพลางพาดค้อนเอาไว้บนบ่ามิ่งขวัญสบตากับหมอนั่น
เด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันผมเรือนผมสีดำสวมชุดรัดรูปสีเทากาวเกงยีนส์ขายาวสีดำที่คอใส่ปลอกคอสีดำที่มีโซ่ขาดๆ
เส้นหนึ่งยื่นออกมา
"ชุดแบบนั้นพวกต่างดาวเรอะ"
เด็กหนุ่มพูดอย่างกราดเกรี้ยว
กวินทร์จำได้ว่าเคยเห็นหมอนั่นตอนที่อารย-สนธยาบุกไปถล่มเมตไตรย
จำได้ว่าเป็นหนึ่งมนครอบครัวหลังจากโลกล่มสลายที่อิงศรเคยเล่าให้ฟังพอคิดได้ดังนั้นก็เหลือบตาไปมองปฏิกิริยาของมิ่งขวัญ
"..."
ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยหรือบางทีมิ่งขวัญอาจจะจำใบหน้าของอดีตครอบครัวไม่ได้?
มิ่งขวัญก็พูดถามเด็กหนุ่มค้อนไปว่า
"เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า"
แต่เด็กหนุ่มค้อนตะคอกกลับมาเป็นคำถาม
"ห๊า? จะไปรู้เรื่องพรรค์นั้นเรอะ"
ดูเหมือนอีกฝ่ายก็จำมิ่งขวัญไม่ได้แล้วในตอนนั้นเอง...
"ขวัญยกโล่นั่นขึ้นมากันกระสุนทางนี้เร็ว!"
ก็มีเสียงตะโกนดังมาอย่างนั้นทำให้มิ่งขวัญตอบโต้ลูกกระสุนที่พุ่งเข้ามาได้ทันโดยยกโล่ที่แขนซ้ายขึ้นมากัน
กระสุนเข้าปะทะกับโล่เกิดเสียงโล่แหลมสูงดังสะท้อนไปทั้งโถงแล้วหัวกระสุนก็กระเด็นฝังลงพื้นไป
จากจุดที่ยิงมานั่นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันก็โผล่มาอีกคนแต่งตัวเหมือนคนที่ถือค้อน
เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นลูกครึ่งชาวต่างชาติเพราะมีเส้นผมสีทองหยิกหยักศกและตาสีฟ้าน้ำข้าว
เครื่องแบบที่สวมก็เหมือนกับของคนแรกถืออาวุธปืนลูกซองของเกมที่ระดับน่าจะสูงไม่น้อยเล็งมาทางนี้
มิ่งขวัญคิดว่าสองคนนี้รู้จักเขาแล้วเขาเองก็ยังรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างเหมือนกัน
เด็กผมสีทองนั่นเรียกเขาด้วยชื่อตอนที่บอกให้ระวังกระสุนแถมยังเป็นชื่อเล่นที่มีแต่อิงศรที่เรียก...
"เดี๋ยวก่อนนะนี่พวกนาย..."
ดูเหมือนว่ามิ่งขวัญจะนึกออกแล้วสีหน้าของเด็กหนุ่มซีดลงเล็กน้อย
"สถานการณ์เลวร้ายแล้วสิเนี่ย"
กวินทร์ซึ่งเป็นคนสังเกตการณ์มาโดยตลอดพูดขึ้น
ถ้ามิ่งขวัญรู้ว่าพวกครอบครัวซึ่งเคยตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นพวกอารย-สนธยาจะต้องเกิดความสับสนแน่เพราะแบบบนั้นตอนที่พบกันอิงศรก็เลยไม่ได้บอกทันทีแต่ตอนนี้มิ่งขวัญก็รู้แล้ว...
"พวกนายเป็นใครกันน่ะ"
สิ้นคำพูดของมิ่งขวัญ
กวินทร์กับเด็กผมทองก็พากันเสียหลักเหวอไปตามกัน
"นี่ยังไม่รู้อีกเหรอ!"
กวินทร์ลุกขึ้นมาตะคอกใส่แต่มิ่งขวัญก็ตอบปฏิเสธหน้าตายสนิท
"จะไปรู้เรอะแล้วนายรู้รึไง!"
แล้วจู่ๆ
เด็กหนุ่มค้อนก็พูดมาในทำนองเดียวกัน
"เฮ้ย
มิกซ์นายรู้จักไอ้ต่างดาวนี่ด้วยเรอะ"
เด็กหนุ่มผมทองที่ถูกเรียกว่ามิกซ์ถึงกับเอามือก่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
"ฟูนายก็เห็นชื่อขวัญเขาลอยอยู่โทงๆ
นั่นไม่ใช่รึไง"
มิกซ์ชี้มาที่แถบพลังชีวิตกับชื่อของมิ่งขวัญ
มิ่งขวัญ Lv. 90
[/////16000:16000/////]
พอได้ยินแบบนั้นเด็กหนุ่มค้อนที่ถูกเรียกว่าฟูก็หันควับมองไปมาที่มิ่งขวัญอีกก่อนจะเริ่มเผยอปากผะงาบๆ
เหมือนกับจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ออก
"อ...เออ..จริงด้วยว่ะ...เฮ้ย!
เดี๋ยวก่อนสิแล้วทำไมนายถึงกลายเป็นพวกต่างดาวได้ล่ะเนี่ย!?"
พอฟูพูดแบบนั้นมิกซ์ก็ยิ่งส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจหนักเข้าไปอีก
"ฟู
ตอนที่เขาประชุมกันนายแอบหลับไปอีกแล้วใช่ไหมเนี่ยเขาก็บอกอยู่ว่าพี่ศรกลายเป็นพวกเมตไตรยส่วนขวัญถูกพวกต่างดาวจับตัวไปแล้วก็ถูกผ่าตัดให้กลายเป็นพวกมันน่ะ"
"อ้าว
เป็นงั้นหรอกเรอะทำไมฉันไม่เห็นยักรู้"
ฟูพูด
พอเห็นการสนทนาชวนมึนตึ๊บนั่นแล้วกวินทร์ก็ได้แต่เบ้หน้าอย่างละเหี่ยใจ
เทียบกับตอนที่เจออิงศรแล้วเหมือนดูหนังกันคนละม้วน
เลยพาลนึกเรื่องที่อิงศรเคยเล่าให้ฟังว่ามีเด็กคนหนึ่งในกลุ่มครอบครัวที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับมิ่งขวัญซึ่งบางทีคงจะเป็นคนที่ชื่อฟูคนนี้นี่เอง
แต่ไม่ค่อยถูกกันขนาดไหนก็ไม่น่าจะถึงขั้นจำกันไม่ได้ถ้าไม่ใช่ว่าอิงศรหัวดีและความจำดีผิดมนุษย์มนาจนเห็นแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่านั่นคือเหล่าครอบครัวที่ฟื้นคืนชีพกลับมาก็คงจะเป็นมิ่งขวัญกับฟูนี่แหละที่ง่าวกันเกินขนาด...กวินทร์คิดอย่างนั้น
มีเสียงหัวเราะดังลงมาจากด้านบน
“ฮะฮะฮะ ถึงกับลืมกันได้ลงคอแบบนี้เนี่ยใจร้ายจังเลยน้า~
ขวัญ”
เสียงหัวเราะพูดมาแบบนั้นพวกเขาจึงย้ายสายตาขึ้นไปตามเสียงและพบว่าในโถงยังมีระเบียงชั้นสองอยู่อีกชั้นแต่เพราะบันไดถูกบังไว้หลังพระพุทธรูปยักษ์จึงไม่ทันสังเกตเห็น
เด็กสาวเรือนผมสีดำไว้ผมยาวแต่งตัวเหมือนพวกฟูกับมิกซ์กำลังเดินไปตามระเบียงมุ่งหน้าตรงไปยังบันได
“เพราะว่าพวกเราโตขึ้นหรือเพราะเจ็บปวดที่ทอดทิ้งพวกเราไปแล้วเอาตัวรอดแค่คนเดียวกันล่ะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นเหมือนกับเป็นนางร้ายหลุดออกมาจากละคร
“คงยังไม่ลืมใช่ไหมว่าขวัญรอดไปได้เพราะเอาพวกเราเป็นโล่...”
คำพูดของเธอคนโปรยปรายลงมาราวกับสายฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดจนกระทั่งเสียงคำรามปานฟ้าผ่าของฟูดังตะหวาดแทรกขึ้นมา
“หยุดพูดพล่อยๆ
ได้แล้วพลอยเธอรีบตาสว่างซักทีเถอะ!”
ขณะเดียวกันมิกซ์ก็หันมาพูดกับมิ่งขวัญ
“อย่าไปฟังที่เธอพูดนะตอนนี้พลอยน่ะถูกพวกมันควบคุมเอาไว้”
ถัดจากนั้นพลอยก็เดินออกมาจากด้านหลังของพระพุทธรูปที่บังทางขึ้นบันไดเอาไว้พร้อมกับเด็กอีกชายหญิงอีกอย่างละคนพวกนั้นเดินอ้อมขึ้นมาอยู่ข้างหน้า
เมื่อได้เห็นครบทั้งห้าคนมิ่งขวัญก็เหมือนจะนึกอะไรออก
อย่างแรกคือความรู้สึกเศร้าโศกที่เสียดแทงขึ้นมาจากนั้นก็เป็นกลิ่นคาวเลือดที่ลอยขึ้นมาเองแบบไม่มีสาเหตุไม่นานนักใบหน้าของทั้งห้าคนตรงนี้ก็ถูกซ้อนทับลงบนความทรงจำในอดีต
แล้วก็ได้คำตอบออกมา
“ครอบ...ครัว...”
มิ่งขวัญพูด แต่หัวใจกำลังปฏิเสธคำตอบที่ออกมาแล้วกลายเป็นความสับสน
ความสับสนที่ว่าก็คือ...
“ทุกคน...ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
เด็กหนุ่มจ้องมองความเป็นจริงดั่งภาพลวงตานั่นด้วยแววตาที่อัดอั้น
***อนึ่งอ่านชื่อตอนนี้แล้ว... อ่านเนื้อหาในตอนแล้ว...
ห้ามคิดลึกไปกว่านั้นเด็ดขาดครับ(ถ้าคิดไปแล้วก็แล้วไปรับผิดชอบจิ้นต่อกันเอาเองเน่อ555+) แค่ตั้งเพราะคิดว่าชื่อไทยอย่าง 'เหล่าน้องชาย' มันดูพิลึกยังไงไม่รู้เลยเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษไปแทนเนื่องจากเนื้อหาเต็มๆของตอนนี้ควรจะต้องมีอีกครึ่งเพื่อให้มันเป็นตอนเต็ม(แต่ยังเขียนไม่เสร็จ)ที่จะใช้ชื่อของตอนต่อไปได้ พอแบ่งครึ่งมาลงก่อนตามวันอัพเลยเปลี่ยนชื่อตอนใหม่ให้เข้ากันด้วยเนื่องจากเป็นตอนที่มีแต่บทของน้องชายของคนหนึ่งกับน้องชายของอีกคนโคจรมาเจ๊อะกันน่ะครับจะว่าไปแล้วเรื่องนี้ Type น้องชายเยอะเหมือนกันนะเนี่ย มิ่งขวัญ กวินทร์ เมษา ถ้านับแก๊งเด็กกำพร้าด้วยก็ได้ ฟู มิกซ์ เน็กซ์ มาอีกสาม(ให้เป็นน้องอิงศรละกัน)***
ความคิดเห็น