ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #86 : Login 83: ในอุโมงค์ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 444
      25
      25 ก.ค. 60

    Login 83: ในอุโมงค์ 2

     

                พอลองมานึกดูดีๆ แล้วตอนที่อยู่ข้างบนนั้นมิ่งขวัญจับที่มือซ้ายของเขาแต่ตอนที่ลงมากลับจับมือขวาและถ้าจำไม่ผิดตอนที่แสงจ้าจนตาพร่าก็ได้ยินเสียงของซีเซียมกับแบเรียมเรียกหากัน

                ‘แบเรียม!!

                ‘ขอรับท่านพี่

                สรุปก็คือแบเรียมคิดจะเข้าไปจับมือซีเซียมแต่กลับเข้าใจผิดว่าเขาคือซีเซียมเพราะแสงสว่างในตอนนั้นทำให้มองเห็นแค่ลางๆ หรือไม่ก็เป็นคำสั่งจากซีเซียมที่ให้คอยประกบติดเขาไว้จึงเข้ามาจับมือเอาตอนนั้น

                ดูเหมือนจะเป็นอย่างหลังมากกว่าเพราะตอนนั้นไม่มีใครขยับเท้าออกจากที่ได้ ส่วนซีเซียมก็ยืนห่างออกไปเกินกว่าจะเอื้อมมือถึงแต่คนที่อยู่ใกล้ที่สุดในตอนนั้นก็คือ...

                ตัวเขาเอง...

                ระหว่างนี้เองส่วนหัวของปีศาจงูที่กระเด็นไปก็งอกหางขึ้นมาใหม่จากตรงส่วนที่ขาด

                “...”

                อิงศรหันไปดูแล้วก็คิดจะจัดการให้จบๆ ไปก่อนที่มันจะฟื้นตัวสำเร็จจึงล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อข้างขวาซึ่งใส่สายรัดข้อมือที่มีกระเป๋าใส่แผ่นยันต์เอาไว้

                แต่ภายในกลับว่างเปล่า

                อิงศรลองใช้นิ้วควานหาเผื่อจะมีแผ่นยันต์เหลือๆ ติดอยู่แต่สุดท้ายข้างในก็ไม่มียันต์เหลือแม้แต่แผ่นเดียว

                แผ่นยันต์นั้นจะมีพลาสติกหุ้มเอาไว้ด้วยเพราะอย่างนั้นถึงโดนน้ำก็ไม่เป็นไรมันไม่มีทางฉีกขาดแล้วลอยหายไปตอนที่เขาตกลงมาแช่น้ำในอุโมงค์อย่างแน่นอน

                ถ้างั้นมันก็หมดเพราะใช้ไปจนหมดนั่นเอง

                พอลองมาคิดๆ ดูแล้วที่ผ่านมามีเรื่องเข้ามาตลอดจนแทบไม่ได้สำรองไอเทมเลย

    บิลด์มิสติกชูทเตอร์มีหัวใจที่การใช้ธนูอาคมถ้าไม่มีแผ่นยันต์ที่เป็นค่าใช้จ่ายตอนร่ายสกิลก็ทำอะไรไม่ได้

                "..."

                ตอนที่กังวลเรื่องไม่มีแผ่นยันต์อยู่นั่นเองปีศาจงูก็...

                "ได้ยินมาจากตักษกะว่าเจ้ามีน้องชายอยู่คนหนึ่งสินะผู้ถูกฟันเฟืองเลือก"

                พูดมาอย่างนั้น

                'ตักษกะ' ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินตอนที่ข้าวหลามซึ่งเปิดเผยตัวเองว่าเป็นอารย-สนธยาถูกพญานาคที่มาด้วยกันตอนนั้นเรียกว่า 'ตักษกะ'

                หมายความว่าข้าวหลามได้แพร่ข่าวของเขาให้แก่อารย-สนธยาไปหมดแล้วสินะ

                การกุมข้อมูลของศัตรูย่อมสร้างความได้เปรียบและการที่เจ้างูนั่นพูดมาตอนนี้ก็คิดได้อย่างเดียวว่ามันจงใจปั่นหัวเขา

                "..."

                อิงศรไม่ตอบโต้ พยายามจะไม่เดินไปตามเกมของอีกฝ่าย

                ตอนนี้ต้องหาทางจัดการโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแผ่นยันต์แต่ลูกดอกก็ยิงไม่เข้าสกิลที่มีให้ใช้ได้ก็เหลือแค่ บัพ-แอโร่ว กับสกิลยิบย่อยสองสามอันที่ใช้สร้างความเสียหายไม่ได้

                จนถึงตอนนี้งูก็ยังพูดของมันต่อไปเรื่อย

                "ป่านนี้น้องของเจ้าคงใกล้จะถูกสามมือสังหารกอร์กอนคนอื่นจัดการแล้วล่ะมั้งมัวเอ้อระเหยแบบนี้มันจะดีรึ"

                "..."

                "หรือเจ้าเองก็เป็นเหมือนกับข้าถูกพี่น้องหักหลังมาเหมือนกันก็นั่นสินะพี่น้องมีแต่จะทรยศหักหลังกันไม่วันนี้ก็วันหน้ายิ่งน้องของเจ้ากลายเป็นบุตรแห่งแสงไปแล้วย่อมเหลือแค่เวลาที่จะทำให้เขากลายเป็นศัตรูของเจ้า"

                ไม่รู้หรอกว่าปีศาจงูตนนี้เคยมีความบาดหมางอะไรกับพี่น้องของมันแต่คำพูดเมื่อครู่ได้ไปจุดชนวนไฟในใจเข้าเสียแล้ว

                "อย่างแกจะมารู้อะไรเล่า! ขวัญน่ะ...หมอนั่นไม่มีวันหักหลังฉัน!!"

                พออิงศรตะหวาดกลับไปแบบนั้นก็เหมือนจะเห็นว่าดวงตาของงูหรี่แคบลงคล้ายกับกำลังยิ้มย่องอย่างพอใจเพียงแต่ใบหน้าของอสรพิษนั้นไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ดีนักเลยเป็นอย่างที่เห็น

                พลาดไปเสียแล้ว...

                เมื่อครู่เขาเผลอปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจนขาดสติไปชั่วขณะถึงจะแค่เป็นการแย้งคำพูดอีกฝ่ายเพราะมันแทงใจดำก็ตามแต่นั่นก็เป็นหลักฐานว่าเมื่อเป็นเรื่องของมิ่งขวัญแล้วเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย

                เพราะความรู้สึกผิดบาปที่เคยทิ้งมิ่งขวัญเอาไว้

                เพราะความละอายที่มีชีวิตรอดมาได้ด้วยการเสียสละครอบครัว

                อดีตที่คิดว่าเคยเอาชนะได้แล้วด้วยพลังสนับสนุนจากพวกพ้องใหม่ในเมตไตรยแต่มันกลับหวนคืนมาและโจมตีเขาอีกครั้ง

                "..."

                อิงศรขยับตัวไม่ได้

                อารมณ์กับเหตุผลกำลังตีกันจนยุ่งเหยิง

                ถ้าเคลื่อนไหวในสภาพที่การตัดสินใจกำลังลดลงแบบนี้อาจทำให้เพลี่ยงพล้ำความนึกคิดนี้กำลังตรึงร่างกายของเขาเพื่อรอให้อารมณ์สงบลงและกลับมามีสติยั้งคิด

                แต่ความโกรธก็ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น

                หากอารมณ์ยังเอาชนะความคิดได้อยู่แบบนี้ล่ะก็...

                จู่ๆ แบเรียมก็พูด

                "ขออภัยที่ต้องเสียมารยาทนะแต่ว่าที่พี่ชายปีศาจพูดมาเมื่อครู่มันไม่ค่อยจะเข้าหูข้าพเจ้าซักเท่าไหร่"

                แล้วออกมายืนขวางข้างหน้า

                อิงศรได้สติคืนมาเพราะตกใจกับการกระทำของมนุษย์ต่างดาว

                ความสงสัยช่วยกดความโกรธที่แล่นขึ้นมาอย่างหุนหันลงจจนสามารถกลับมาคิดอย่างมีเหตุมีผลได้อีกครั้งแล้วมันก็ทำให้ชวนสงสัยขึ้นมาว่าความอดทนขอวตัสเองมันน้อยถึงขนาดที่โดนคำพูดแค่นั้นยั่วยุเอาได้ง่ายๆ เลยหรือ?

                "แล้วไอ้ความน่าหงุดหงิดที่กำลังรู้สึกอยู่เนี่ยก็เป็นพลังของพี่ชายด้วยงั้นสิ"

                ที่แบเรียมพูดมาทำให้ความสงสัยกระจ่างในทันที

                ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นเรื่องขอบมิ่งขวัญถึงได้ยั่วยุเขาสำเร็จง่ายๆ แต่เจ้าปีศาจงูเองก็คงใช้พลังอะไรซักอย่างเพื่อชักจูงจิตใจให้หวั่นไหวไปตามคำพูดด้วยเป็นแน่

                ถ้าที่บอกว่ามิ่งขวัญกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่เป็นเรื่องจริงสถานการก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก พวกปีศาจของอารย-สนธยาอาจจะมีความสามาถที่เล่นงานจิตใจแบบนี้ได้อีก

                มิ่งขวัญที่อารมณ์ร้อนและหัวรั้นคนนั้นคงจะเดินตามเกมของศัตรูเอาได้ง่ายๆ

                "ชิ นี่เผลอแค่แปเดียวก็คิดฟุ้งซ่านอีกแล้วเหรอเนี่ย"

                อิงศรพึมพำกับตัวเองเพื่อเรียกสติอีกครั้ง

                แค่เผลอใจไปแวบหนึ่งในหัวก็ยุ่งเหยิงไปหมด

                แล้วตอนนั้นเองเสียงยานคางของปีศาจก็พูดมาว่า...

                “เจ้าเดาถูกครึ่งเดียวนะบุตรแห่งแสงเป็นเรื่องจริงที่พวกเจ้าได้ถูกพลังอาคมปลุกปั่นอารมณ์กับความรู้สึกแต่ว่านั่นไม่ใช่พลังของข้าหรอกแต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นด้วยเขตแดนพลังของสี่จาตุมหาราชิกาเหล่าทวยเทพผู้คุ้มครองอารย-สนธยาแห่งนี้

                สรุปว่าที่คาดเดากันไว้นั้นถูกต้องแล้ว...

                ปีศาจยังคงพูดต่อไปอีก

                พวกเราแต่เดิมก็คือมารอวตารร่างจำแลงของความบ้าคลั่ง ภายในเขตแดนที่ปลุกปั่นอารมณ์ความรู้สึกจนคุ้มคลั่งก็เหมือนเป็นพลังให้แก่พวกเราที่เคยถูกจองจำด้วยอมฤตได้ฟื้นคืนพลังกลับไปในยุคสมัยอันรุ่งโรจน์

                แต่แบเรียมก็พูดขัดคำพูดของอีกฝ่าย

                โอเคพอแค่นั้นแหละพี่ชายขี้เกียจจะฟังแล้วเพราะงั้นที่พูดเรื่องพี่น้องไปเมื่อกี้จะขอค้านล่ะนะ

                แล้วตั้งท่าชี้ปลายดาบไปข้างหน้าเหมือนนักกีฬา ‘Fencing’

                “...”

                อิงศรยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าแบเรียมต้องการอะไรจนกระทั่งเจ้าตัวชายตามองมา

                จะช่วยสกัดมันไว้ให้แบบนั้นจะทำอะไรก็สะดวกกว่าใช่ไหมล่ะ

                พอได้ยินที่อีกฝ่ายพูดอิงศรก็เบ้ปาก

                เชื่อใจกันขนาดนั้นเลยเรอะ

                ถ้ายิงมาทีเผลอก็ปัดทิ้งได้อยู่แล้วแต่อย่างคุณคงไม่ทำแบบนั้นหรอกใช่ไหมล่ะ

                แล้วแบเรียมก็พุ่งออกไปต่อสู้กับปีศาจโดยทิ้งความสงสัยเอาไว้ว่าทำไมถึงไว้ใจเขา

                แต่ถึงคิดไปก็เท่านั้นยังไงตอนนี้มนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวก็จับมือกันสู้กับอารย-สนธยา ตอนนี้เชื่อแบบนั้นไปก็ไม่ได้มีปัญหามากไปกว่าเดิมหรอก

                แบเรียมสู้กับปีศาจได้อย่างสูสีส่วนหนึ่งเพราะความว่องไวทำให้หลบการโจมตีได้ทั้งหมดแต่การโจมตีของแบเรียมก็ผ่านเกล็ดที่หนาของปีศาจไปไม่ได้เช่นกัน

               ถ้าถือว่าเป็นการสู้เพื่อถ่วงเวลาเพื่อให้เขาที่สามารถใช้สกิลได้จึงน่าจะโจมตีได้ผลมากกว่าเป็นคนปิดเกมแล้วล่ะก็...ถือว่าต่อสู้เป็นทีมได้ดี

                แต่ตอนนี้แผ่นยันต์ที่เป็นหัวใจสำคัญของการโจมตีกลับหมดไปแล้วดังนั้น...

                อิงศรเรียกหน้าจอคลังแล้วหยิบปึกยันต์ที่ยังไม่ได้เขียนกับปากกาแล้วก็ไฟฉายออกมา

                คาบไฟฉายไว้ในปากแล้วเริ่มขีดปากกาผ่านพลาสติกที่หุ้มยันต์แต่ละแผ่นโดยมีกระดาษคาร์บอนสีน้ำเงินวางทาบแผ่นยันต์เอาไว้อีกทีพอกดปลายปากกาที่จรดลงบนพลาสติกหุ้มก็ทำให้เกิดร่องรอยบนกระดาษยันต์ด้านหลังและกลายเป็นตัวอักขระ

                ส่วนวิธีการเขียนยันต์นั้นก็ได้มาจากสกิลงานฝีมือที่อัพจากสายอาชีพรองซึ่งมีผลกับการทำให้เขียนยันต์ได้ถูกต้องหรือล้มเหลวก็ขึ้นกับเลเวลของสกิล พอเขียนเสร็จก็จะดึงปลายของกระดาษคาร์บอนที่ยื่นออกมานอกซองพลาสติกทิ้งแล้วค่อยพับซองปิดอีกทีเพื่อป้องกันแผ่นยันต์ด้านในก็จะเสร็จไปหนึ่งแผ่น

                อิงศรทำขั้นตอนทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วว่องไวเพราะสกิลความชำนาญเลเวลเต็มทำให้เขียนได้หลายแผ่นในเวลาไม่กี่วินาที

                การฝนกระดาษยันต์ทำให้เกิดเสียงเสียดสีจนแบเรียมหันมามอง

                นี่มานั่งเขียนยันต์สดๆ กันตรงนี้เลยเรอะ!

                หมอนั่นตะโกนมาแบบนั้น...

                อั้นไอ้ไออาย! (ฉันไว้ใจนาย)

                อิงศรฝืนพูดทั้งที่ยังคาบไฟฉายเอาไว้

                นั่นมันใช่คำพูดสำหรับตอนนี้ที่ไหนกันเล่า!

                เอี้ยบๆ ไอเออะอ้าเอี้ยวอ้อเอ็ดแอ๊ว! (เงียบๆ ไปเหอะน่าเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว)

                ระหว่างที่ถกเถียงกันอยู่นี้ยันต์ก็ถูกเขียนเสร็จไปสามสิบแผ่น

                เท่าที่คำนวณดูแล้วคงต้องเขียนจนหมดปึกถึงจะพอใช้เพราะไม่รู้ว่าหลังจากจัดการปีศาจงูแล้วยังจะเจออะไรมากไปกว่านี้รึเปล่า

               "..."

                อีกยี่สิบแผ่นยันต์จะหมดปึก มือของอิงศรขยับไปมาเป็นประวิง

                เสียงเสียดสีของกระดาษคาร์บอนกับพลาสติก

                เสียงปะทะของดาบกับเกล็ดงู

                เสียงทั้งสองดังสอดประสานกันเป็นบทเพลงอันน่าอึดอัด

                บทเพลงนั่นดำเนินไปได้ซักพักหนึ่งอิงศรก็หยุดมือเมื่อยันต์แผ่นสุดท้ายถูกเขียนเสร็จและดึงกระดาษคาร์บอนออก

                อิงศรจับยันต์ทั้งปึกยัดใส่แขนเสื้อสอดมันลงในกระเป๋าของสายรัดข้อมือจนมันพูนออกมาและแขนเสื้อปูดเหมือนกระเป๋าสตางค์ที่ยัดธนบัตรจนล้น หลังจากนั้นก็เก็บไฟฉายกับปากกาแล้วกลับเข้าสู่การต่อสู้

                เอาล่ะทีนี้ก็มาเริ่มกันเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×