ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #77 : Login 74: เทวทูตแห่งตำนาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 483
      28
      10 ก.พ. 60

    Login 74: เทวทูตแห่งตำนาน

     

                อิงศรกำลังเผชิญหน้ากับหญิงแปลกหน้า

                หล่อนน่าจะเป็นลูกครึ่งเพราะผมสีทอง ตาสีน้ำข้าว และคงจะมียศสูงเพราะเครื่องแบบที่ใส่คล้ายกับสิงห์ แต่เขาก็ไม่ค่อยรู้จักพลเอกหรือคนสำคัญๆ ขององค์กรซักเท่าไหร่หรอกดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร

                อิงศรเหลือบสายตามองไปรอบห้องโถง ผู้คนที่อยู่ที่นี่ดูจากการแต่งตัวแล้วคงมีหน้าที่และตำแหน่งสำคัญในองค์กรบางทีคงเป็นการประชุมใหญ่อะไรซักอย่าง แล้ว...

                ในหมู่คนเหล่านั้นเขาก็พบมีนากับเมษาปะปนอยู่

                "งานรวมญาติของธุวดารกะสินะ"

                อิงศรพึมพำขณะที่รอบตัวนั้นคนอื่นๆ ก็กำลังพูดคุยกันเองด้วยสีหน้าคร่ำเครียดเหมือนเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามเขาไม่เห็นตัวสิงห์ซึ่งควรจะอยู่ที่นี่เพราะหมอนั่นเป็นคนเรียกเขามาไม่ใช่รึไง

                ตอนนั้นเอง...

                "เธอคือร้อยโท อิงศร โรจน์จุฬา สินะ"

                หญิงแปลกหน้าถามเขา แต่ยังไม่ทันจะตอบหล่อนก็เริ่มพูดอีก

                "เมื่อคืนพลเอกสิงห์ได้คิดจะก่อการรัฐประหารแต่ก็ถูกสำเร็จโทษไปเรียบร้อย"

                ทันทีที่ฟังคำพูดนั้นจนจบแต่ยังไม่ทันได้ตกใจคนรอบข้างก็ทำหน้าที่พวกนั้นไปให้เรียบร้อย

                เสียงเอะอะดังขึ้นมาจากทุกทิศทาง

                "สิงห์ทรยศจริงๆ เหรอ"

                "ไอ้เด็กเหลือขอนั่นมันเอาจนได้นะ"

                "แล้วได้สืบสวนเรื่องผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วรึยังอย่างสิงห์มันไม่ดำเนินการคนเดียวแน่มันหยั่งรากลึกลงไปแค่ไหนกัน"

                "แล้วความเสียหายล่ะเกิดอะไรขึ้นบ้างทำไมไม่มีใครบอกฉันบ้าง"

                หญิงแปลกหน้าได้ยกมือขึ้นเพื่อจะปรามคำถามจากทุกคน

                "โปรดอยู่ในความสงบก่อนค่ะทุกท่านส่วนเรื่องการสืบสวนเราจะทำกันเดี๋ยวนี้"

                แล้วหล่อนก็เงยหน้าขึ้นสบตากับอิงศรเพราะส่วนสูงที่ต่างกัน

                ถึงอีกฝ่ายจะตัวเล็กกว่าและเป็นผู้หญิงก็ตามทีมันไม่ได้ช่วยให้ลบภาพลักษณ์ของผู้มีอำนาจในตัวเธอออกไปได้เลย มันทำให้อิงศรเกร็งเล็กน้อยจากการถูกสบตา

                "ดังนั้นวันนี้จึงได้เรียกตัวเด็กคนนี้ซึ่งน่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับสิงห์มาสอบสวนค่ะส่วนเธอก็อย่าได้คิดให้การเท็จล่ะถ้ายอมพูดความจริงเราก็จะเมตตาไม่ทำโทษรุนแรงหรอกนะ"

                สรุปว่าคนที่เรียกเขามาไม่ใช่สิงห์แต่เป็นผู้หญิงคนนี้

                หญิงแปลกหน้าพูดแนะนำตัว

                "ฉันพลเอก กุมภา ธุวดารกะ เป็นพี่สาวของสิงห์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเธอ"

                ...กุมภา ชื่อนี้จำได้ว่าเคยได้ยินสิงห์พูดถึงมันอยู่บ้างรู้สึกว่าจะเป็นคู่แข่งที่คอยขับเคี่ยวกันอยู่

                จากนั้นพลเอกกุมภาก็พูดแบบอธิบายมารวดเดียวทั้งหมด

                "เราได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมของสิงห์มาซักระยะแล้วพบว่ามีงานวิจัยและการรวบรวมคนเพื่อจะทำกบฏถึงกับมีการลากคนในตระกูลไปร่วมด้วยและโดยเฉพาะเธอที่มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องพลังประหลาดเข้ามาสิงห์คิดจะให้เธอทำอะไร แล้วเขาเองคิดจะทำอะไรกันแน่"

                ในคำพูดนั้นมีส่วนที่บอกว่ามีผู้ทรยศยืนอยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ด้วยแล้วมันก็ทำให้ห้องประชุมยิ่งจมลงในบรรยากาศอึดอัด ต่างคนต่างมองหน้ากันบ้างก็มีการสงสัยใส่กันเอง

                ด้วยคำพูดแค่นั้นก็ทำให้แตกคอกันแล้วถ้าหากว่าสิงห์อยู่ที่นี่คงจะหัวเราะเยาะคนพวกนี้ด้วยความสมเพชเป็นแน่

                อิงศรยังคิดต่อไปอีกว่าสิงห์จะจนตรอกได้ขนาดนั้นเลยเหรอแล้วทำไมถึงก่อรัฐประหาร?

                ถ้าจะทำจริงๆคงไม่ถูกจับง่ายๆ แบบนี้ อย่างกับว่าทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้อีกที

                แต่ถ้าเกิดว่านี่ไม่ใช่แผนที่สิงห์วางเอง ตัวการก็คงจะอยู่ในที่ประชุมนี้

                อิงศรมองข้ามหัวพลเอกกุมภาไปอีก ที่ด้านในสุดของห้องที่มืดอึมครึมและไม่ค่อยมีแสงส่องเข้าไปนัก มองเห็นสิ่งที่เหมือนกับบัลลังก์แล้วก็มีคนนั่งอยู่บนนั้นด้วย

                หรือว่านั่นจะเป็นผู้บงการเรื่องเหล่านี้?

                หรือว่าแค่ถูกเชิดด้วยแผนที่ไม่คาดเดาได้ของสิงห์อยู่เท่านั้น อิงศรไม่คิดว่าคนอย่างสิงห์จะเสียท่าได้ง่าย

                "จะอย่างไหนก็เถอะเล่นทิ้งก้างชิ้นใหญ่แบบนี้ไว้แล้วชิงตายซะก่อนเนี่ยมันไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง"

                "เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ"

                กุมภาถาม ดูเหมือนว่าจะได้ยินที่พึมพำไปเมื่อครู่

                "ไม่รู้ครับผู้น้อยเพียงถูกเก็บมาด้วยความเมตตาของท่านพลเอกสิงห์..."

                อิงศรจึงตอบแก้ไปแบบนั้น

                แต่กุมภากลับ...

                “เอ้า! พอแค่นั้นแหละ"

                ปรามไม่ให้เขาพูดจนจบแล้วเรียกให้คนที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังหล่อนก้าวออกมา อันที่จริงอิงศรก็สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าคนๆ นั้นคือพันโทข้าวหลาม แต่ก็คิดว่าเป็นจำเลยที่ถูกเรียกตัวมาสอบสวนเหมือนกันจึงไม่ได้นึกสงสัยอะไร

                กุมภาพูด

                "เราสอบถามเขาหมดแล้วเรื่องที่เธอพูดไม่ตรงกับที่บอกถ้าอย่างนั้นคำพูดนั่นก็เป็นเรื่องโกหก"

                สอบถาม? ไม่ใช่สอบสวนหรอกหรือ? อิงศรคิดแล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้ การที่ข้าวหลามไปยืนอยู่ข้างหลังเธอคนนี้โดยที่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวมันแปลได้อย่างเดียว

                “อ้อ อย่างนี้เองเหรอหมอนั่นน่าสงสารเหมือนกันนะดันถูกคนใกล้ตัวหักหลังเอาแบบนี้

                พอพูดไปแบบนั้นก็มองเห็นยิ้มบางลอยอยู่บนหน้าของข้าวหลาม

                “ฉันมันก็สถานะเดียวกับนายนั่นแหละคิดว่ามีทางให้เลือกมากนักรึไง

                “เล่าอะไรออกไปบ้างล่ะ

                “ก็ความจริงที่นายโดนสิงห์กดขี่เอาทุกวี่ทุกวันไง สถานการณ์แบบนี้ถึงแกล้งพูดโกหกยังไงก็โดนจับได้อยู่แล้วยังฝึกมาไม่พอนะ

                อิงศรเองก็เริ่มยิ้มบ้าง ไม่ได้ยิ้มเพราะดีใจหรืออะไร...เพียงแค่ยิ้มเพราะสถานการณ์ตอนนี้มันน่าขบขันเกินไป

                คนสองคนที่เคยเป็นของในครอบครองของสิงห์ผู้ทรยศตอนนี้มานั่งจับเข่าคุยกันอยู่กลางดงศัตรูอย่างสบายใจเฉิบไม่มีอะไรจะน่าขำไปกว่านี้อีกแล้ว

                “โดนจับเป็นหนูตะเภาแบบนี้ยังจะยิ้มออกอีกนะ

                แต่แล้วกุมภาก็พูดแทรกเข้ามา

                “คุยกันเสร็จแล้วใช่ไหม

                "..."

                เพราะไม่มีคำตอบจากพวกเขากุมภาก็เลยพูดต่อ แต่เดิมทีฝ่ายเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องมาแสดงมารยาทอะไรแบบนี้เลยจะพูดแทรกเข้ามายังไงก็ได้ด้วยซ้ำไป

                “งั้นก่อนอื่นจะขอทดสอบเด็กคนนี้หน่อยก็แล้วกันในฐานะอาวุธชิ้นสำคัญที่สิงห์ปกปิดเอาไว้

                สายตาของหล่อนหันเหจากข้าวหลามมาที่อิงศร

                “ได้ยินมาว่าสิงห์แต่งตั้งให้เธอเป็นหัวหน้าของมีนากับเมษาด้วยสินะ

                พอพูดแบบนั้นมาสองคนที่ถูกพูดถึงก็แสดงปฏิกิริยาออกมาทันที

                อิงศรเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดหน่อย...ไม่ใช่เพราะว่ากลัวจะลากเอาสองคนนั้นมาเอี่ยวกับการใส่ความในครั้งนี้ด้วย...แต่เพราะว่าผู้หญิงคนนี้อ่านทางได้ลำบากพอๆ กับสิงห์หรือบางทีอาจจะยุ่งยากกว่าก็ได้

                เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นสิงห์ที่ไม่มีทางเชื่อคำพูดคนอื่นก็ยังพอจะรู้ว่าไม่ต้องไปเล่นเหลี่ยมกันตรงนั้น แต่กุมภากลับมีส่วนนั้นที่เหมือนกับสิงห์แล้วก็ส่วนที่ขัดแย้งกันอย่างการที่เชื่อคำพูดของข้าวหลามเหมือนกับว่ากำลังปิดบังแนวทางของตัวเองไม่ให้ถูกอ่านออก ดังนั้นแล้ว...

                “เลิกพูดวกไปวนมาซักทีอยากจะทำอะไรกันแน่

                อิงศรเลิกพูดสุภาพเพื่อจะยั่วยุให้อีกฝ่ายเผยไต๋ออกมา

                แต่กุมภากลับยิ้มตอบรับคำพูดนั้นอย่างน่าฉงน

                “นี่คือสันดานจริงๆ ของเธอสินะ ในที่สุดก็เลิกเสแสร้งซักทีสมแล้วที่เป็นเด็กของเจ้าสิงห์จอมพยศนั่นแล้วก็ที่บอกว่าจะทดสอบน่ะไม่ใช่ฉันหรอกนะ"

                จากนั้นหล่อนก็โบกมือเรียกให้ใครซักคนเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

                ใครคนนั้นคือซากิริ อามาเนะ นักวิจัยหญิงที่เคยพบกันตอนพามีนาไปเปลี่ยนอาชีพ

                "เจอกันอีกแล้วนะโชเน็นพี่ชาย"

                ซากิริเรียกอิงศรแล้วก้าวมายืนอยู่ข้างหน้าโดยที่กุมภาหลีกทางให้ ซึ่งน่าแปลกทำไมกุมภาที่น่าจะมีอำนาจเท่ากันหรือมากกว่าสิงห์ถึงยอมหลีกทางให้นักวิจัยที่ไม่มีอำนาจยศอะไรในกองทัพกันล่ะ

                ตอนที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ก็มีเสียงเหมือนแตรดังขึ้นรวมถึงมีเสียงอ่อนหวานนุ่มลึกของผู้หญิงดังแว่วมา

                "ฟีอัสโวแลนตัสทูอา"

                พอได้ยินเสียงนั้นซากิริก็ทำหน้าลำบากใจ

                "ให้ตายสิทั้งที่ชอบร่างนี้แท้ๆ"

                แล้วอิงศรก็เห็นว่ามีแสงเรืองรองทอประกายอยู่เหนือพวกเขาและค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่บนเพดานก็ไม่ได้ติดไฟที่สว่างอะไรไว้นักเด็กหนุ่มพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ตาพร่าจนแทบจะมองไม่ได้

                "..."

                ในเวลานั้นทั้งห้องอยู่ในความสงบราวกับหยุดนิ่ง ทุกคนรอบตัวอิงศรต่างแหงนหน้าขึ้นแล้วอ้าปากค้างราวกับมองเห็นอะไรซักอย่างที่น่าตกใจ บางคนก็เผลอจะหลุดเสียงออกมาจึงเอามือปิดปาก บางคนก็รีบประนมไม้ประนมมือ บางคนก็ลงไปนั่งคุกเข่าในทันที ด้วยความอยากรู้อิงศรจึงฝืนมองแสงที่ทำให้ตาพร่านั่นอีกครั้ง

                เมื่อสายตาปรับจนชินกับแสง... ไม่สิแสงพวกนั้นทยอยอ่อนลงเองต่างหาก อิงศรลืมตาที่สู้แสงเมื่อครู่ไม่ไหวแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างมองดูสิ่งที่เห็นด้วยความอัศจรรย์ใจ

                ในช่วงเวลานั้นมีขนนกเส้นหนึ่งร่วงโรยลงมาราวกับจะป่าวประกาศถึงผู้มาจากฟากฟ้า ตัวการของแสงสว่างเจิดจ้านั้นได้ลอยลงมาเบื้องหลังของซากิริ

                อิงศรบอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันดูคล้ายกับคน มีด้วยกันสามตน มีใบหน้าตามที่ต่างๆ แทนที่จะมีอยู่บนศีรษะ สองตนในนั้นมีปีกสองคู่ตนหนึ่งถือไม้เท้าและมีใบหน้าอยู่ที่ช่วงอกอีกตนถือดาบและถือโล่ที่มีใบหน้า ทั้งสองยืนขนาบตนที่มีปีกสามคู่ถือคันธนูและใบหน้าก็อยู่บนคันธนูนั้น

                อิงศรจำได้ว่าตนที่ถือคันธนูคล้ายกับเงาของเทวทูตที่ยิงปลิดชีพอัลคอร์ในเรดบอส

                เทวทูตที่มีหกปีกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มลึกแบบเดียวกับที่ได้ยินก่อนหน้านี้

                “เราคือกาบรีเอลทูตแห่งข่าวสารของพระเป็นเจ้า

                จากนั้นตนที่มีสี่ปีกและถือไม้เท้าซึ่งอยู่ทางซ้ายมือก็พูดตามด้วย

                “เช่นเดียวกันราฟาเอล

                น้ำเสียงนั้นฟังดูเด็ดขาดมีอำนาจ

                เสียงสดใสดังกังวานดั่งหยดน้ำค้างเปล่งมาจากใบหน้าที่อยู่บนโล่ของตนสุดท้าย

                “ส่วนเราคืออูริเอล

                ทันใดนั้นเองร่างของซากิริก็เปล่งแสงจนทำให้ทั้งห้องขาวโพลนไปชั่วขณะ

                อิงศรปรือตาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าแสงได้หายไปและนั่นก็รวมถึงร่างของซากิริ

                ตอนนี้ได้มีสิ่งมีชีวิตที่เขานิยามให้ว่าเทวทูตปรากฏขึ้นแทนที่ ไม่มีลำตัวและไร้ซึ่งศีรษะมีเพียงใบหน้าอันสงบที่หลับตาเหมือนๆ กับใบหน้าของเทวทูตสามตนนั้น และมีปีกหกปีกงอกออกมาจากใบหน้า สองปีกบนประสานกันเหนือหน้าผาก สองปีกกลางสยายออก และสองปีกล่างพับลงมาปิดคางทำให้ดูเผินๆ แล้วเหมือนมีลำตัวซ่อนอยู่ใต้ปีกคู่นั้นทั้งที่มันไม่มี

                “และเราคือซาคคิเอลเทวัญแห่งพระเป็นเจ้าผู้ยั้งมือของอับราฮัมมิให้สังหารบุตรของเขา

                เทวทูตผู้มีแต่ใบหน้าบอกข้อมูลของตน

                อึดใจต่อมาบรรดาสมาชิกธุวดารกะก็พากันคุกเข่าแสดงความเคารพ ที่ยืนอยู่ก็มีแค่อิงศรกับข้าวหลาม

                นี่คืออะไร? เจ้าสิ่งที่น่าจะนิยามว่าเป็นเทวทูต แต่... เทวทูตคืออะไรกันล่ะ

                ปีศาจ

                สัตว์เทวะ

                มนุษย์ต่างดาว

                เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์

                หรือเดโมนอยด์เหมือนโคลนของพวกเด็กกำพร้ากันแน่

                อิงศรสรุปออกมาว่าเทวทูตเหล่านี้น่าจะเป็นปีศาจแต่อาจจะไม่ได้มาจากแอพพลิเคชั่นเพราะไม่เห็นใครหรืออะไรควบคุมเจ้าพวกนี้อยู่ แถมพวกธุวดารกะที่มีอำนาจสูงส่งยังพากันให้ความเคารพ ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะเป็นปีศาจจริงๆ ก็ได้เหล่าปีศาจในพระคัมภีร์สมุนรับใช้ของพระเจ้าที่ถูกเรียกว่า ทูตสวรรค์

                อิงศรมองไปที่บัลลังก์ด้านในเพื่อจะดูว่าคนที่นั่งอยู่นั้นก็ทำความเคารพด้วยรึเปล่า แต่ก็ไม่...

                คนผู้นั้นซึ่งตอนนี้พอจะเดาได้ว่าเป็นผู้นำสูงสุดของเมตไตรย มกร ธุวดารกะ ไม่ได้แสดงความเคารพต่อเทวทูต ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าชายคนนี้มีอำนาจมากกว่าหรือว่าแค่เคลื่อนไหวไม่ได้กันแน่

                จะเป็นเพราะอะไรก็ตามแต่ตอนนี้สำคัญคือเจ้าพวกเทวทูตกำลังมองมาที่เขา รู้สึกได้ว่าส่วนของใบหน้าเหล่านั้นกำลังหันมาโดยที่ไม่ได้เปิดดวงตาแล้วจู่ๆ ดวงตาของซากิริที่กลายเป็นเทวทูตซาคคิเอลก็เบิกออก นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยแสงสว่างถ้าจะพูดให้เหมือนในพระคัมภีร์ก็คงจะเหมือนกับลูกไฟแต่...มันดูเหมือนหลอดไฟ LED ที่สว่างเป็นพิเศษมากกว่า

                ใบหน้าของซาคคิเอลเลื่อนลงแล้วแสงที่ตกระทบบนร่างของอิงศรก็เคลื่อนตามไปด้วยคงกำลังสแกนหรืออะไรที่คล้ายกับการตรวจสอบแบบเครื่องจักรอะไรอย่างนั้น

                ตรวจสอบเสร็จสิ้นบุตรแห่งมนุษย์ผู้นี้คือผู้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ผู้เหมาะสมกับตำแหน่งธันวาแห่งธุวดารกะ

                ซาคคิเอลพูดเช่นนั้น

                ธุวดารกะหลายคนเงยหน้าขึ้นมาแทบจะทันทีและดูเหมือนจะตกใจกับเรื่องนี้นั่นรวมถึงกุมภาด้วยหล่อนลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์

                เห็นไหมคะทุกท่านสิงห์ได้ทรยศพวกเราจริงๆ เขาเจอตัวผู้สืบสายเลือดศักดิ์สิทธิ์แต่กลับไม่รายงานซ้ำยังคิดปกปิดเอาไว้อีก

                กุมภาพูดเหมือนพูดกับทุกคนแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่บัลลังก์เท่านั้น

                เห็นได้ชัดเจนว่าดวงตาของหล่อนกำลังเปล่งประกายไปด้วยความยินดีแต่ก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นการแสดงหรือว่าเป็นความรู้สึกจริงๆ ของหล่อนกันแน่ ข้อมูลมีน้อยเกินไปจนไม่สามารถคาดเดาอีกฝ่ายได้แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าสายเลือดอะไรนั่นมันมาเกี่ยวข้องกับการที่สิงห์เป็นคนทรยศได้อย่างไรแต่ดูจากปฏิกิริยาของพวกธุวดารกะที่อยู่รอบตัวก็พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

                กุมภาหันเหสายตามมาทางนี้

                เอาล่ะตอนนี้เรารู้แล้วว่าเธอคือหนึ่งในครอบครัวของพวกเราดังนั้นสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่าให้ความสัมพันธ์ต้องร้าวฉานไปกว่านี้เลยมาอยู่ข้างเดียวกันเถอะเพื่อพวกเราในฐานะผู้มีสายเลือดแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พันปี

                พูดแบบนั้นแล้วปรายยิ้มพร้อมกับส่งมือมาให้จับราวกับอยากจะผูกมิตรขึ้นมา

                เรื่องราวมันชักจะตลกเกินคาดทำไมอยู่ดีๆ จากสถานะผู้ต้องสงสัยมันถึงได้เลื่อนขึ้นมาเป็น VIP ขนาดนี้นั่นก็เพราะชื่อของธุวดารกะอย่างนั้นหรือ

                ให้เชื่อลมปากของคนที่ฆ่าครอบครัวตัวเองลงเนี่ยฉันคงบ้าแล้วมั้ง

                อิงศรตอบปฏิเสธไปโดยที่รู้อยู่แล้วว่าการทำแบบนี้จะเป็นการตอกหน้าอีกฝ่ายได้ขนาดไหน

                สถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนกับว่าอยู่ๆ ก็เจอของมีค่าที่คนทรยศซุกซ่อนเอาไว้และถ้าได้สิ่งนั้นมาก็จะทำให้ได้ผลประโยชน์ดังนั้นการตอบปฏิเสธก็จะหักหน้าผู้หญิงคนนี้ได้โดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย

                เดิมทีอิงศรก็ไม่มีธุระอะไรกับองค์กรหรือพวกธุวดารกะอยู่แล้วที่มีพันธะอยู่ด้วยก็มีแค่สิงห์ที่เขาเป็นหนี้ชีวิตแล้วก็ถึงอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น มันมีอยู่แค่นั้นแต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว

                แต่แล้ว...

                ดูกรเถิดผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าเอ๋ย

                กาบรีเอลเทวทูตผู้ถือคันธนูกลับเปล่งเสียงแทรกจังหวะเข้ามา กุมภาหันกลับไปทันที

                มีอะไรหรือคะท่านกาบรีเอล

                เทวทูตตอบว่า

                บุตรแห่งมนุษย์ผู้สืบทอดสายเลือดบริสุทธิ์ผู้นี้แปดเปื้อนไปด้วยความบาปสมควรแก่การชำระให้บริสุทธิ์หมดจดเสียก่อน

                แล้วยกคันธนูเล็งมาที่อิงศร

                เฮ้ย! นี่คิดจะฆ่ากันเลยรึไง

                อิงศรสบถใส่คันธนูนั่นแล้วเอื้อมมือไปที่ดาบตรงเอวจะชักออกมา

                จับตัวเขาไว้!”

                กุมภาสั่งแล้วทหารสองคนก็เข้ามาดึงแขนของอิงศรไม่ให้จับอาวุธ เด็กหนุ่มพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของทหารเหล่านั้นไม่ไหวขณะเดียวกันปลายศรของเทวทูตก็ชี้มาทางนี้

                เพราะเจ้าแปดเปื้อนไปด้วยความบาปของเหล่าผู้ไม่บริสุทธิ์จึงไม่อาจเข้าใจในประสงค์อันดีของพระเป็นเจ้าได้จงละเถิดแล้วก้าวมาสู่ทางแห่งแสงภายใต้การอวยพรของพระเป็นเจ้า เจ้าจะได้รับการให้อภัย

                ให้อภัยบ้านแกสินี่มันคิดจะฆ่าแกงกันแล้วไม่ใช่เรอะไง

                อิงศรตะหวาดแต่ก็ไม่อาจหยุดคมศรของเทวทูตได้อีก

                ทว่า

                หุบปากเสียเทวทูตปลอม

                มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาแล้วทหารที่จับแขนอิงศรก็ถูกทำให้หมดสติโดยไม่ทราบวิธีการ แต่พอจะรู้ตัวคนทำอยู่

                โดโกบาร์ซึ่งไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก้าวเข้ามาขวางคมศรของกาบรีเอลแล้วพูดตอกหน้ากลับไปว่า

                พระเป็นเจ้าของพวกเจ้ามันก็แค่เรื่องแต่ง ปีศาจที่หลุดออกมาจากอาคาชิกเรคคอร์ดในเฮเว่นฟอลที่พวกเจ้าเรียกว่าพระเป็นเจ้าไม่ได้มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×