คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #77 : Login 74: เทวทูตแห่งตำนาน
Login 74: เทวทูตแห่งตำนาน
อิงศรกำลังเผชิญหน้ากับหญิงแปลกหน้า
หล่อนน่าจะเป็นลูกครึ่งเพราะผมสีทอง
ตาสีน้ำข้าว และคงจะมียศสูงเพราะเครื่องแบบที่ใส่คล้ายกับสิงห์
แต่เขาก็ไม่ค่อยรู้จักพลเอกหรือคนสำคัญๆ
ขององค์กรซักเท่าไหร่หรอกดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร
อิงศรเหลือบสายตามองไปรอบห้องโถง
ผู้คนที่อยู่ที่นี่ดูจากการแต่งตัวแล้วคงมีหน้าที่และตำแหน่งสำคัญในองค์กรบางทีคงเป็นการประชุมใหญ่อะไรซักอย่าง
แล้ว...
ในหมู่คนเหล่านั้นเขาก็พบมีนากับเมษาปะปนอยู่
"งานรวมญาติของธุวดารกะสินะ"
อิงศรพึมพำขณะที่รอบตัวนั้นคนอื่นๆ ก็กำลังพูดคุยกันเองด้วยสีหน้าคร่ำเครียดเหมือนเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามเขาไม่เห็นตัวสิงห์ซึ่งควรจะอยู่ที่นี่เพราะหมอนั่นเป็นคนเรียกเขามาไม่ใช่รึไง
ตอนนั้นเอง...
"เธอคือร้อยโท อิงศร โรจน์จุฬา
สินะ"
หญิงแปลกหน้าถามเขา
แต่ยังไม่ทันจะตอบหล่อนก็เริ่มพูดอีก
"เมื่อคืนพลเอกสิงห์ได้คิดจะก่อการรัฐประหารแต่ก็ถูกสำเร็จโทษไปเรียบร้อย"
ทันทีที่ฟังคำพูดนั้นจนจบแต่ยังไม่ทันได้ตกใจคนรอบข้างก็ทำหน้าที่พวกนั้นไปให้เรียบร้อย
เสียงเอะอะดังขึ้นมาจากทุกทิศทาง
"สิงห์ทรยศจริงๆ เหรอ"
"ไอ้เด็กเหลือขอนั่นมันเอาจนได้นะ"
"แล้วได้สืบสวนเรื่องผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วรึยังอย่างสิงห์มันไม่ดำเนินการคนเดียวแน่มันหยั่งรากลึกลงไปแค่ไหนกัน"
"แล้วความเสียหายล่ะเกิดอะไรขึ้นบ้างทำไมไม่มีใครบอกฉันบ้าง"
หญิงแปลกหน้าได้ยกมือขึ้นเพื่อจะปรามคำถามจากทุกคน
"โปรดอยู่ในความสงบก่อนค่ะทุกท่านส่วนเรื่องการสืบสวนเราจะทำกันเดี๋ยวนี้"
แล้วหล่อนก็เงยหน้าขึ้นสบตากับอิงศรเพราะส่วนสูงที่ต่างกัน
ถึงอีกฝ่ายจะตัวเล็กกว่าและเป็นผู้หญิงก็ตามทีมันไม่ได้ช่วยให้ลบภาพลักษณ์ของผู้มีอำนาจในตัวเธอออกไปได้เลย
มันทำให้อิงศรเกร็งเล็กน้อยจากการถูกสบตา
"ดังนั้นวันนี้จึงได้เรียกตัวเด็กคนนี้ซึ่งน่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับสิงห์มาสอบสวนค่ะส่วนเธอก็อย่าได้คิดให้การเท็จล่ะถ้ายอมพูดความจริงเราก็จะเมตตาไม่ทำโทษรุนแรงหรอกนะ"
สรุปว่าคนที่เรียกเขามาไม่ใช่สิงห์แต่เป็นผู้หญิงคนนี้
หญิงแปลกหน้าพูดแนะนำตัว
"ฉันพลเอก กุมภา ธุวดารกะ
เป็นพี่สาวของสิงห์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเธอ"
...กุมภา
ชื่อนี้จำได้ว่าเคยได้ยินสิงห์พูดถึงมันอยู่บ้างรู้สึกว่าจะเป็นคู่แข่งที่คอยขับเคี่ยวกันอยู่
จากนั้นพลเอกกุมภาก็พูดแบบอธิบายมารวดเดียวทั้งหมด
"เราได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมของสิงห์มาซักระยะแล้วพบว่ามีงานวิจัยและการรวบรวมคนเพื่อจะทำกบฏถึงกับมีการลากคนในตระกูลไปร่วมด้วยและโดยเฉพาะเธอที่มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องพลังประหลาดเข้ามาสิงห์คิดจะให้เธอทำอะไร
แล้วเขาเองคิดจะทำอะไรกันแน่"
ในคำพูดนั้นมีส่วนที่บอกว่ามีผู้ทรยศยืนอยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ด้วยแล้วมันก็ทำให้ห้องประชุมยิ่งจมลงในบรรยากาศอึดอัด
ต่างคนต่างมองหน้ากันบ้างก็มีการสงสัยใส่กันเอง
ด้วยคำพูดแค่นั้นก็ทำให้แตกคอกันแล้วถ้าหากว่าสิงห์อยู่ที่นี่คงจะหัวเราะเยาะคนพวกนี้ด้วยความสมเพชเป็นแน่
อิงศรยังคิดต่อไปอีกว่าสิงห์จะจนตรอกได้ขนาดนั้นเลยเหรอแล้วทำไมถึงก่อรัฐประหาร?
ถ้าจะทำจริงๆคงไม่ถูกจับง่ายๆ
แบบนี้ อย่างกับว่าทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้อีกที
แต่ถ้าเกิดว่านี่ไม่ใช่แผนที่สิงห์วางเอง
ตัวการก็คงจะอยู่ในที่ประชุมนี้
อิงศรมองข้ามหัวพลเอกกุมภาไปอีก
ที่ด้านในสุดของห้องที่มืดอึมครึมและไม่ค่อยมีแสงส่องเข้าไปนัก
มองเห็นสิ่งที่เหมือนกับบัลลังก์แล้วก็มีคนนั่งอยู่บนนั้นด้วย
หรือว่านั่นจะเป็นผู้บงการเรื่องเหล่านี้?
หรือว่าแค่ถูกเชิดด้วยแผนที่ไม่คาดเดาได้ของสิงห์อยู่เท่านั้น
อิงศรไม่คิดว่าคนอย่างสิงห์จะเสียท่าได้ง่าย
"จะอย่างไหนก็เถอะเล่นทิ้งก้างชิ้นใหญ่แบบนี้ไว้แล้วชิงตายซะก่อนเนี่ยมันไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง"
"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ"
กุมภาถาม
ดูเหมือนว่าจะได้ยินที่พึมพำไปเมื่อครู่
"ไม่รู้ครับผู้น้อยเพียงถูกเก็บมาด้วยความเมตตาของท่านพลเอกสิงห์..."
อิงศรจึงตอบแก้ไปแบบนั้น
แต่กุมภากลับ...
“เอ้า! พอแค่นั้นแหละ"
ปรามไม่ให้เขาพูดจนจบแล้วเรียกให้คนที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังหล่อนก้าวออกมา
อันที่จริงอิงศรก็สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าคนๆ นั้นคือพันโทข้าวหลาม
แต่ก็คิดว่าเป็นจำเลยที่ถูกเรียกตัวมาสอบสวนเหมือนกันจึงไม่ได้นึกสงสัยอะไร
กุมภาพูด
"เราสอบถามเขาหมดแล้วเรื่องที่เธอพูดไม่ตรงกับที่บอกถ้าอย่างนั้นคำพูดนั่นก็เป็นเรื่องโกหก"
สอบถาม? ไม่ใช่สอบสวนหรอกหรือ?
อิงศรคิดแล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้
การที่ข้าวหลามไปยืนอยู่ข้างหลังเธอคนนี้โดยที่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวมันแปลได้อย่างเดียว
“อ้อ อย่างนี้เองเหรอหมอนั่นน่าสงสารเหมือนกันนะดันถูกคนใกล้ตัวหักหลังเอาแบบนี้”
พอพูดไปแบบนั้นก็มองเห็นยิ้มบางลอยอยู่บนหน้าของข้าวหลาม
“ฉันมันก็สถานะเดียวกับนายนั่นแหละคิดว่ามีทางให้เลือกมากนักรึไง”
“เล่าอะไรออกไปบ้างล่ะ”
“ก็ความจริงที่นายโดนสิงห์กดขี่เอาทุกวี่ทุกวันไง
สถานการณ์แบบนี้ถึงแกล้งพูดโกหกยังไงก็โดนจับได้อยู่แล้วยังฝึกมาไม่พอนะ”
อิงศรเองก็เริ่มยิ้มบ้าง
ไม่ได้ยิ้มเพราะดีใจหรืออะไร...เพียงแค่ยิ้มเพราะสถานการณ์ตอนนี้มันน่าขบขันเกินไป
คนสองคนที่เคยเป็นของในครอบครองของสิงห์ผู้ทรยศตอนนี้มานั่งจับเข่าคุยกันอยู่กลางดงศัตรูอย่างสบายใจเฉิบไม่มีอะไรจะน่าขำไปกว่านี้อีกแล้ว
“โดนจับเป็นหนูตะเภาแบบนี้ยังจะยิ้มออกอีกนะ”
แต่แล้วกุมภาก็พูดแทรกเข้ามา
“คุยกันเสร็จแล้วใช่ไหม”
"..."
เพราะไม่มีคำตอบจากพวกเขากุมภาก็เลยพูดต่อ
แต่เดิมทีฝ่ายเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องมาแสดงมารยาทอะไรแบบนี้เลยจะพูดแทรกเข้ามายังไงก็ได้ด้วยซ้ำไป
“งั้นก่อนอื่นจะขอทดสอบเด็กคนนี้หน่อยก็แล้วกันในฐานะอาวุธชิ้นสำคัญที่สิงห์ปกปิดเอาไว้”
สายตาของหล่อนหันเหจากข้าวหลามมาที่อิงศร
“ได้ยินมาว่าสิงห์แต่งตั้งให้เธอเป็นหัวหน้าของมีนากับเมษาด้วยสินะ”
พอพูดแบบนั้นมาสองคนที่ถูกพูดถึงก็แสดงปฏิกิริยาออกมาทันที
อิงศรเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดหน่อย...ไม่ใช่เพราะว่ากลัวจะลากเอาสองคนนั้นมาเอี่ยวกับการใส่ความในครั้งนี้ด้วย...แต่เพราะว่าผู้หญิงคนนี้อ่านทางได้ลำบากพอๆ
กับสิงห์หรือบางทีอาจจะยุ่งยากกว่าก็ได้
เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นสิงห์ที่ไม่มีทางเชื่อคำพูดคนอื่นก็ยังพอจะรู้ว่าไม่ต้องไปเล่นเหลี่ยมกันตรงนั้น
แต่กุมภากลับมีส่วนนั้นที่เหมือนกับสิงห์แล้วก็ส่วนที่ขัดแย้งกันอย่างการที่เชื่อคำพูดของข้าวหลามเหมือนกับว่ากำลังปิดบังแนวทางของตัวเองไม่ให้ถูกอ่านออก
ดังนั้นแล้ว...
“เลิกพูดวกไปวนมาซักทีอยากจะทำอะไรกันแน่”
อิงศรเลิกพูดสุภาพเพื่อจะยั่วยุให้อีกฝ่ายเผยไต๋ออกมา
แต่กุมภากลับยิ้มตอบรับคำพูดนั้นอย่างน่าฉงน
“นี่คือสันดานจริงๆ ของเธอสินะ
ในที่สุดก็เลิกเสแสร้งซักทีสมแล้วที่เป็นเด็กของเจ้าสิงห์จอมพยศนั่นแล้วก็ที่บอกว่าจะทดสอบน่ะไม่ใช่ฉันหรอกนะ"
จากนั้นหล่อนก็โบกมือเรียกให้ใครซักคนเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
ใครคนนั้นคือซากิริ อามาเนะ
นักวิจัยหญิงที่เคยพบกันตอนพามีนาไปเปลี่ยนอาชีพ
"เจอกันอีกแล้วนะโชเน็นพี่ชาย"
ซากิริเรียกอิงศรแล้วก้าวมายืนอยู่ข้างหน้าโดยที่กุมภาหลีกทางให้
ซึ่งน่าแปลกทำไมกุมภาที่น่าจะมีอำนาจเท่ากันหรือมากกว่าสิงห์ถึงยอมหลีกทางให้นักวิจัยที่ไม่มีอำนาจยศอะไรในกองทัพกันล่ะ
ตอนที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ก็มีเสียงเหมือนแตรดังขึ้นรวมถึงมีเสียงอ่อนหวานนุ่มลึกของผู้หญิงดังแว่วมา
"ฟีอัสโวแลนตัสทูอา"
พอได้ยินเสียงนั้นซากิริก็ทำหน้าลำบากใจ
"ให้ตายสิทั้งที่ชอบร่างนี้แท้ๆ"
แล้วอิงศรก็เห็นว่ามีแสงเรืองรองทอประกายอยู่เหนือพวกเขาและค่อยๆ
เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่บนเพดานก็ไม่ได้ติดไฟที่สว่างอะไรไว้นักเด็กหนุ่มพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ตาพร่าจนแทบจะมองไม่ได้
"..."
ในเวลานั้นทั้งห้องอยู่ในความสงบราวกับหยุดนิ่ง
ทุกคนรอบตัวอิงศรต่างแหงนหน้าขึ้นแล้วอ้าปากค้างราวกับมองเห็นอะไรซักอย่างที่น่าตกใจ
บางคนก็เผลอจะหลุดเสียงออกมาจึงเอามือปิดปาก บางคนก็รีบประนมไม้ประนมมือ
บางคนก็ลงไปนั่งคุกเข่าในทันที
ด้วยความอยากรู้อิงศรจึงฝืนมองแสงที่ทำให้ตาพร่านั่นอีกครั้ง
เมื่อสายตาปรับจนชินกับแสง...
ไม่สิแสงพวกนั้นทยอยอ่อนลงเองต่างหาก
อิงศรลืมตาที่สู้แสงเมื่อครู่ไม่ไหวแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างมองดูสิ่งที่เห็นด้วยความอัศจรรย์ใจ
ในช่วงเวลานั้นมีขนนกเส้นหนึ่งร่วงโรยลงมาราวกับจะป่าวประกาศถึงผู้มาจากฟากฟ้า
ตัวการของแสงสว่างเจิดจ้านั้นได้ลอยลงมาเบื้องหลังของซากิริ
อิงศรบอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันดูคล้ายกับคน
มีด้วยกันสามตน มีใบหน้าตามที่ต่างๆ แทนที่จะมีอยู่บนศีรษะ
สองตนในนั้นมีปีกสองคู่ตนหนึ่งถือไม้เท้าและมีใบหน้าอยู่ที่ช่วงอกอีกตนถือดาบและถือโล่ที่มีใบหน้า
ทั้งสองยืนขนาบตนที่มีปีกสามคู่ถือคันธนูและใบหน้าก็อยู่บนคันธนูนั้น
อิงศรจำได้ว่าตนที่ถือคันธนูคล้ายกับเงาของเทวทูตที่ยิงปลิดชีพอัลคอร์ในเรดบอส
เทวทูตที่มีหกปีกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มลึกแบบเดียวกับที่ได้ยินก่อนหน้านี้
“เราคือกาบรีเอลทูตแห่งข่าวสารของพระเป็นเจ้า”
จากนั้นตนที่มีสี่ปีกและถือไม้เท้าซึ่งอยู่ทางซ้ายมือก็พูดตามด้วย
“เช่นเดียวกันราฟาเอล”
น้ำเสียงนั้นฟังดูเด็ดขาดมีอำนาจ
เสียงสดใสดังกังวานดั่งหยดน้ำค้างเปล่งมาจากใบหน้าที่อยู่บนโล่ของตนสุดท้าย
“ส่วนเราคืออูริเอล”
ทันใดนั้นเองร่างของซากิริก็เปล่งแสงจนทำให้ทั้งห้องขาวโพลนไปชั่วขณะ
อิงศรปรือตาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าแสงได้หายไปและนั่นก็รวมถึงร่างของซากิริ
ตอนนี้ได้มีสิ่งมีชีวิตที่เขานิยามให้ว่าเทวทูตปรากฏขึ้นแทนที่
ไม่มีลำตัวและไร้ซึ่งศีรษะมีเพียงใบหน้าอันสงบที่หลับตาเหมือนๆ กับใบหน้าของเทวทูตสามตนนั้น
และมีปีกหกปีกงอกออกมาจากใบหน้า สองปีกบนประสานกันเหนือหน้าผาก สองปีกกลางสยายออก
และสองปีกล่างพับลงมาปิดคางทำให้ดูเผินๆ
แล้วเหมือนมีลำตัวซ่อนอยู่ใต้ปีกคู่นั้นทั้งที่มันไม่มี
“และเราคือซาคคิเอลเทวัญแห่งพระเป็นเจ้าผู้ยั้งมือของอับราฮัมมิให้สังหารบุตรของเขา”
เทวทูตผู้มีแต่ใบหน้าบอกข้อมูลของตน
อึดใจต่อมาบรรดาสมาชิกธุวดารกะก็พากันคุกเข่าแสดงความเคารพ
ที่ยืนอยู่ก็มีแค่อิงศรกับข้าวหลาม
นี่คืออะไร?
เจ้าสิ่งที่น่าจะนิยามว่าเป็นเทวทูต แต่... เทวทูตคืออะไรกันล่ะ
ปีศาจ
สัตว์เทวะ
มนุษย์ต่างดาว
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
หรือเดโมนอยด์เหมือนโคลนของพวกเด็กกำพร้ากันแน่
อิงศรสรุปออกมาว่าเทวทูตเหล่านี้น่าจะเป็นปีศาจแต่อาจจะไม่ได้มาจากแอพพลิเคชั่นเพราะไม่เห็นใครหรืออะไรควบคุมเจ้าพวกนี้อยู่
แถมพวกธุวดารกะที่มีอำนาจสูงส่งยังพากันให้ความเคารพ ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะเป็นปีศาจจริงๆ
ก็ได้เหล่าปีศาจในพระคัมภีร์สมุนรับใช้ของพระเจ้าที่ถูกเรียกว่า ‘ทูตสวรรค์’
อิงศรมองไปที่บัลลังก์ด้านในเพื่อจะดูว่าคนที่นั่งอยู่นั้นก็ทำความเคารพด้วยรึเปล่า
แต่ก็ไม่...
คนผู้นั้นซึ่งตอนนี้พอจะเดาได้ว่าเป็นผู้นำสูงสุดของเมตไตรย
มกร ธุวดารกะ ไม่ได้แสดงความเคารพต่อเทวทูต ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าชายคนนี้มีอำนาจมากกว่าหรือว่าแค่เคลื่อนไหวไม่ได้กันแน่
จะเป็นเพราะอะไรก็ตามแต่ตอนนี้สำคัญคือเจ้าพวกเทวทูตกำลังมองมาที่เขา
รู้สึกได้ว่าส่วนของใบหน้าเหล่านั้นกำลังหันมาโดยที่ไม่ได้เปิดดวงตาแล้วจู่ๆ
ดวงตาของซากิริที่กลายเป็นเทวทูตซาคคิเอลก็เบิกออก นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยแสงสว่างถ้าจะพูดให้เหมือนในพระคัมภีร์ก็คงจะเหมือนกับลูกไฟแต่...มันดูเหมือนหลอดไฟ
LED ที่สว่างเป็นพิเศษมากกว่า
ใบหน้าของซาคคิเอลเลื่อนลงแล้วแสงที่ตกระทบบนร่างของอิงศรก็เคลื่อนตามไปด้วยคงกำลังสแกนหรืออะไรที่คล้ายกับการตรวจสอบแบบเครื่องจักรอะไรอย่างนั้น
“ตรวจสอบเสร็จสิ้นบุตรแห่งมนุษย์ผู้นี้คือผู้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ผู้เหมาะสมกับตำแหน่งธันวาแห่งธุวดารกะ”
ซาคคิเอลพูดเช่นนั้น
ธุวดารกะหลายคนเงยหน้าขึ้นมาแทบจะทันทีและดูเหมือนจะตกใจกับเรื่องนี้นั่นรวมถึงกุมภาด้วยหล่อนลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
“เห็นไหมคะทุกท่านสิงห์ได้ทรยศพวกเราจริงๆ
เขาเจอตัวผู้สืบสายเลือดศักดิ์สิทธิ์แต่กลับไม่รายงานซ้ำยังคิดปกปิดเอาไว้อีก”
กุมภาพูดเหมือนพูดกับทุกคนแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่บัลลังก์เท่านั้น
เห็นได้ชัดเจนว่าดวงตาของหล่อนกำลังเปล่งประกายไปด้วยความยินดีแต่ก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นการแสดงหรือว่าเป็นความรู้สึกจริงๆ
ของหล่อนกันแน่ ข้อมูลมีน้อยเกินไปจนไม่สามารถคาดเดาอีกฝ่ายได้แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าสายเลือดอะไรนั่นมันมาเกี่ยวข้องกับการที่สิงห์เป็นคนทรยศได้อย่างไรแต่ดูจากปฏิกิริยาของพวกธุวดารกะที่อยู่รอบตัวก็พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
กุมภาหันเหสายตามมาทางนี้
“เอาล่ะตอนนี้เรารู้แล้วว่าเธอคือหนึ่งในครอบครัวของพวกเราดังนั้นสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่าให้ความสัมพันธ์ต้องร้าวฉานไปกว่านี้เลยมาอยู่ข้างเดียวกันเถอะเพื่อพวกเราในฐานะผู้มีสายเลือดแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พันปี”
พูดแบบนั้นแล้วปรายยิ้มพร้อมกับส่งมือมาให้จับราวกับอยากจะผูกมิตรขึ้นมา
เรื่องราวมันชักจะตลกเกินคาดทำไมอยู่ดีๆ
จากสถานะผู้ต้องสงสัยมันถึงได้เลื่อนขึ้นมาเป็น VIP ขนาดนี้นั่นก็เพราะชื่อของธุวดารกะอย่างนั้นหรือ
“ให้เชื่อลมปากของคนที่ฆ่าครอบครัวตัวเองลงเนี่ยฉันคงบ้าแล้วมั้ง”
อิงศรตอบปฏิเสธไปโดยที่รู้อยู่แล้วว่าการทำแบบนี้จะเป็นการตอกหน้าอีกฝ่ายได้ขนาดไหน
สถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนกับว่าอยู่ๆ
ก็เจอของมีค่าที่คนทรยศซุกซ่อนเอาไว้และถ้าได้สิ่งนั้นมาก็จะทำให้ได้ผลประโยชน์ดังนั้นการตอบปฏิเสธก็จะหักหน้าผู้หญิงคนนี้ได้โดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย
เดิมทีอิงศรก็ไม่มีธุระอะไรกับองค์กรหรือพวกธุวดารกะอยู่แล้วที่มีพันธะอยู่ด้วยก็มีแค่สิงห์ที่เขาเป็นหนี้ชีวิตแล้วก็ถึงอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น
มันมีอยู่แค่นั้นแต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว
แต่แล้ว...
“ดูกรเถิดผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าเอ๋ย”
กาบรีเอลเทวทูตผู้ถือคันธนูกลับเปล่งเสียงแทรกจังหวะเข้ามา
กุมภาหันกลับไปทันที
“มีอะไรหรือคะท่านกาบรีเอล”
เทวทูตตอบว่า
“บุตรแห่งมนุษย์ผู้สืบทอดสายเลือดบริสุทธิ์ผู้นี้แปดเปื้อนไปด้วยความบาปสมควรแก่การชำระให้บริสุทธิ์หมดจดเสียก่อน”
แล้วยกคันธนูเล็งมาที่อิงศร
“เฮ้ย! นี่คิดจะฆ่ากันเลยรึไง”
อิงศรสบถใส่คันธนูนั่นแล้วเอื้อมมือไปที่ดาบตรงเอวจะชักออกมา
“จับตัวเขาไว้!”
กุมภาสั่งแล้วทหารสองคนก็เข้ามาดึงแขนของอิงศรไม่ให้จับอาวุธ
เด็กหนุ่มพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของทหารเหล่านั้นไม่ไหวขณะเดียวกันปลายศรของเทวทูตก็ชี้มาทางนี้
“เพราะเจ้าแปดเปื้อนไปด้วยความบาปของเหล่าผู้ไม่บริสุทธิ์จึงไม่อาจเข้าใจในประสงค์อันดีของพระเป็นเจ้าได้จงละเถิดแล้วก้าวมาสู่ทางแห่งแสงภายใต้การอวยพรของพระเป็นเจ้า
เจ้าจะได้รับการให้อภัย”
“ให้อภัยบ้านแกสินี่มันคิดจะฆ่าแกงกันแล้วไม่ใช่เรอะไง”
อิงศรตะหวาดแต่ก็ไม่อาจหยุดคมศรของเทวทูตได้อีก
ทว่า…
“หุบปากเสียเทวทูตปลอม”
มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาแล้วทหารที่จับแขนอิงศรก็ถูกทำให้หมดสติโดยไม่ทราบวิธีการ
แต่พอจะรู้ตัวคนทำอยู่
โดโกบาร์ซึ่งไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก้าวเข้ามาขวางคมศรของกาบรีเอลแล้วพูดตอกหน้ากลับไปว่า
“พระเป็นเจ้าของพวกเจ้ามันก็แค่เรื่องแต่ง
ปีศาจที่หลุดออกมาจากอาคาชิกเรคคอร์ดในเฮเว่นฟอลที่พวกเจ้าเรียกว่าพระเป็นเจ้าไม่ได้มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว”
ความคิดเห็น