คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : Login 51: เกมวันโลกาวินาศ
Login 51: เกมวันโลกาวินาศ
เมื่อลืมตาตื่นทุกอย่างก็จะกลายเป็นเพียงความฝัน
นี่คือเรื่องราวในความฝันของเด็กชาย
ความสิ้นหวังในจิตใจได้สร้างโลกแห่งการล่มสลายขึ้นมา
ความปรารถนาที่อยากจะได้รับความสำคัญตนจึงทำให้เขากลายเป็นตัวละครหลักที่โลดแล่นอยู่บนเนื้อเรื่องอันวิปลาส
นี่คือความฝัน....
"...ศร"
มีเสียงเรียกดังแว่วมา
"พี่ศร!"
อิงศรลืมตาและพบว่าตนเองอยู่ในร่างเด็กอายุสิบสามเหมือนสมัยที่โลกยังไม่ล่มสลาย
สถานที่ก็คือร้านสุกี้ที่ตั้งอยู่ข้างในห้างสรรพสินค้าที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังเป็นเวลาหนึ่งปีในโลกที่ล่มสลาย
ตัวเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวสำหรับสองคนฝั่งด้านในติดกับผนังร้าน
บนโต๊ะตรงหน้ามีหม้อไฟฟ้ากับชุดจานชามจัดวางเอาไว้และถัดไปอีกคือเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
เด็กชายที่อ่อนวัยกว่าซึ่งเป็นคนเรียกเขาให้ตื่นจากความฝันและกำลังทำหน้ามุ่ยก็คือมิ่งขวัญวัยสิบเอ็ดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกันซึ่งก็คือแม่ของพวกเขา
"พี่ศรจะสั่งได้ยังอ่ะขวัญหิวแล้วนะ!"
น้องชายพูด
จากนั้นชายคนที่นั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับอิงศรก็ยื่นกระดาษรายการอาหารให้
"ดูเมนูรึยังล่ะศรสั่งอันนี้ไหมที่ลูกชอบน่ะ"
พ่อนั่นเอง...
ได้ยินเสียงฝนตกดังแว่วมา
เสียงพูดคุยของลูกค้าคนอื่นที่อยู่กันคับคั่ง
เสียงเพลงดังกระหึ่มจากเครื่องเสียงที่อยู่ข้างนอกร้าน
อิงศรรับรู้ไปเรียบร้อยว่าเวลาในขณะนี้คือวันปีใหม่ที่โลกควรจะล่มสลาย
หมายความว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน...
"ครับ"
อิงศรพยักหน้าตอบแล้วพ่อก็หันไปสั่งพนักงานที่กำลังจดรายการอาหาร
"ขอเต้าหู้ปลาอีกที่นะ"
"ค่ะ"
พนักงานหญิงจดรายการเพิ่มลงในเครื่องสั่งสินค้า
หลังจากเวลาก็ผ่านไปอีกเล็กน้อย...
อาหารก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ
มิ่งขวัญลวกของสดอย่างสนุกสนานกับแม่ ส่วนพ่อก็หัวเราะกับท่าทางตะกละตะกลามนั้น
อิงศรนั่งกินอยู่เงียบๆ
เด็กชายยังรู้สึกแปลกอยู่นิดหน่อย ประสบการณ์โลกที่ล่มสลายมันยาวนานราวกับเป็นความจริง
พ่อกับแม่เริ่มพูดคุยกันเองแล้วปล่อยให้มิ่งขวัญกับเขานั่งกินกันไปตามอัธยาศัย
"คุณคะแล้วเรื่องงานเป็นยังไงบ้าง"
"เพิ่งจะส่งผลทดสอบครั้งสุดท้ายไปนี่เองแต่ธุวดารกะเนี่ยเป็นลูกค้าที่จุกจิกที่สุดเลยล่ะ"
"งั้นเดม่อนแอพก็พัฒนาเสร็จแล้วสินะคะ"
"ก็ยังแค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์แหละนะอาทิตย์หน้าคงเห็นผลจริงแล้วล่ะมั้ง"
อิงศรหยุดตะเกียบในมือทันทีที่ได้ยินบทสนทนาของพ่อกับแม่
'เดม่อนแอพ' เด็กชายมั่นใจว่าฟังไม่ผิดอย่างแน่นอน
แต่มันก็น่าแปลกถ้าเรื่องที่โลกล่มสลายเป็นความฝันแล้วทำไมเขาถึงยังเข้าใจเรื่องของแอพพลิเคชั่นปีศาจอีกล่ะ?
พ่อยังคงพูดกับแม่ต่อ
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะมีเอเย่นต์จากอารย-สนธยาเข้ามาคุยอีกรู้สึกว่าโปรเจคเมอร์คาบาห์น่าจะเป็นจริงได้เร็วๆ
นี้แล้วล่ะ"
คราวนี้เป็น 'อารย-สนธยา'
อิงศรที่เริ่มไม่มั่นใจว่าอะไรคือความเป็นจริงกันแน่
ก็เริ่มมองหาสิ่งบ่งบอกเวลา แต่ตัวเขาไม่มีนาฬิกาหรือโทรศัพท์มือถือ
ภายในร้านก็ไม่มีปฏิทินเลย เพียงแต่...
'จิงเกิลเบล จิงเกิลเบล
จิงเกิลออนเดอะเวย์'
มีเสียงเพลงดังแว่วมาจากข้างนอกร้าน
เป็นทำนองเพลงฉลองวันคริส์ตมาส ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่วันปีใหม่ที่โลกล่มสลายแต่เป็นวันที่
25 ธันวาคม ก่อนหน้าการล่มสลายหนึ่งอาทิตย์
อิงศรนึกออกในที่สุด
สถานการณ์ตอนนี้คือช่วงเวลาในอดีต
เป็นวันที่ครอบครัวออกมากินข้าวข้างนอกในวันคริส์ตมาสซึ่งวันนั้นฝนก็ตกเหมือนกัน
ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือความทรงจำของเขา...
เมื่อพิจารณาจากคำพูดของพ่อที่ว่าจะเห็นผลในอาทิตย์หน้าบางทีอาจจะหมายถึงหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ไป
วันอาทิตย์หน้าจะมีข่าวออกมาว่ากองทัพของมนุษย์สามารถต่อต้านการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวได้แล้วจากนั้นโลกก็จะล่มสลาย
หมายความว่าพ่อกับแม่เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับ
ธุวดารกะ แถมยังมี อารย-สนธยา เข้ามาร่วมวงด้วยอีก
จากความทรงจำอิงศรจำได้ว่าพ่อของเขาเป็นเภสัชกรที่ทำงานให้โรงพยาบาลของ...
แล้วเด็กหนุ่มก็รู้สึกตัว
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ได้ยินชื่อ อารย-สนธยา จากปากของพันโทข้าวหลามถึงได้รู้สึกประหลาด
ความจริงมันเป็นความรู้สึกคุ้นเคยต่างหาก
เพราะว่านั่นเป็นชื่อของโรงพยาบาลที่พ่อของเขาทำงานอยู่
‘โรงพยาบาลเอกชนในเครือ อารย-สนธยา’
ตอนนั้นเองแม่ก็หยิบตะเกียบที่ยังไม่ได้แกะจากซองขึ้นมาเคาะเพื่อให้ตะเกียบแทงทะลุซองถ้าหากเป็นตัวเขาในอดีตมันก็เป็นแค่การแกะตะเกียบออกจากซองเฉยๆ
เพียงแต่อิงศรในตอนนี้คือทหารที่ได้รับการฝึกฝนมา
ประสาทรับเสียงที่เฉียบคมและโดดเด่นเป็นที่สุดจับจังหวะเคาะตะเกียบของแม่ได้เป็นรหัสมอส
'พูด'
'ข้างหน้า' 'ไม่ดี'
หมายความว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดต่อหน้าอย่างนั้นหรือ?
พ่อเหมือนจะชะงักคำพูดไป
แสดงว่ารู้สึกตัวจากรหัสมอสของแม่อย่างแน่นอน
อิงศรไม่ได้มองพ่อกับแม่ตรงๆ
อาศัยเหลือบสายตาเป็นพักเอาพลางขยับตะเกียบคีบของในหม้อมาเคี้ยวไปด้วยจะได้ไม่น่าสงสัย
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจำเป็นรึเปล่าเพราะที่นี่น่าจะเป็นภายในความทรงจำถ้าอย่างนั้นถึงจะทำอะไรไปก็ไม่มีใครสังเกตอยู่แล้ว
จากนั้นพ่อก็เริ่มเคาะนิ้วแล้วมองไปที่มิ่งขวัญซึ่งกำลังสำลักเพราะรีบซดน้ำซุปเกินไป
"เอ้าๆ ค่อยๆ กินสิลูก"
พูดจบรหัสมอสจากนิ้วก็หยุดลง
จับใจความได้ว่า
'ไม่เป็นไร' 'ยัง'
'ไม่รู้' 'ของที่'
'ส่งให้' 'คือ'
'สิ่งนี้'
ต้องใช้เวลาในการตีความซักเล็กน้อยแต่อิงศรก็ถอดความได้ทั้งหมดเมื่อรวมการหันไปพูดกับมิ่งขวัญทันทีที่เริ่มส่งรหัสนั่นหมายความว่าพ่อกับแม่คิดจะส่งมิ่งขวัญให้กับอารย-สนธยา
นี่มันบ้าชัดๆ....
อิงศรคิดว่าเผลอหลุดปากออกไปแต่ความจริงแล้วเสียงกลับไม่ดังอย่างที่คิด
เขาพูดไม่ได้
อันที่จริงแล้วการขยับตัวก็เป็นไปเองไม่สามารถควบคุมได้เหมือนกัน
สัมผัสอันคุ้นเคยทำให้เด็กชายรู้ตัวว่ากำลังขยับเหมือนกับที่ทำในวันนั้นกำลังแสดงบทบาทในอดีตเหมือนเดิมทุกประการเว้นแต่จิตสำนึกที่ยังควบคุมได้เป็นปกติ
ความทรงจำดำเนินมาถึงแค่ตรงนี้...
จากนั้นอิงศรก็ปรือตาขึ้น
แล้วพบว่าที่ที่เขาอยู่เป็นสถานที่อันคุ้นเคย
ท้องฟ้ายามราตรี อากาศเย็นเฉียบ
ไร้ซึ่งกลิ่นอายของชีวิต
ที่นี่รูนรูมนั่นเอง
อิงศรนอนอยู่บนพื้นห้องสวมชุดเครื่องแบบพร้อมรบที่อยู่ในสภาพไม่เสียหาย
เขาชันลำตัวท่อนบนขึ้น แล้วเริ่มสำรวจตัวเองและพบว่าบนท้องมีไพ่วางอยู่ใบหนึ่ง
“นี่มัน...”
อิงศรหยิบไพ่นั่นขึ้นมา
มันเป็นไพ่อาคานาร์แต่ภาพบนไพ่กลับเป็นสีขาวดำ เป็นรูปรถม้าที่กลับหัวลง
เขามั่นใจว่าไม่ได้จับไพ่กลับด้านเพราะขอบของไพ่จะบอกตำแหน่งหันหัวของมัน
ซึ่งเขาก็หันไพ่ถูกด้านแล้วแต่รูปในไพ่ก็ยังกลับหัว
“ในที่สุดก็ตื่นซักทีนะมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก”
มีเสียงของผู้ชายดังมา
อิงศรหันไปแล้วก็พบกับเด็กหนุ่มผมสีขาวกำลังถือไพ่อาคานาร์อยู่ในมือเช่นกัน
อิงศรพูดแล้วลุกขึ้นจากพื้น
“ผู้ถูกลืมเลือน”
“แปลกแฮะปกติเธอไม่เคยเรียกผมว่าแบบนั้นเลยนี่”
จากนั้นผู้ถูกลืมเลือนก็โยนไพ่มา
อิงศรรับเอาไว้แล้วดูภาพบนไพ่นั้น
เป็นภาพน้ำจากแก้วสองใบกำลังถ่ายเทไปหาอีกใบและเหนือแก้วขึ้นไปมีนกพิราบกับวงแหวนเพลิง
"อาคานาร์ลำดับที่สิบหก เดอะ
เทมเพอแรนซ์ (The Temperance) เป็นไพ่หันหัวขึ้นที่ได้มาจากการช่วยชีวิตของเพื่อนเธอ
มันมีความหมายว่าการเปลี่ยนแปลงพอจะเอะใจบ้างรึเปล่าล่ะ"
อิงศรพยักหน้ารับ
เขาเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นไพ่ใบนี้
เพราะไพ่นี้ได้จากการช่วยกวินทร์ที่เกือบถูกสัตว์เทวะเสือขาวฆ่าตาย
ในตอนนั้นสิ่งที่เขาแสดงออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ก็คือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ดังนั้นถึงได้เป็นไพ่ใบนี้
เด็กหนุ่มเข้าใจเรื่องทั้งหมดตอนที่ได้จับไพ่รวมไปถึงพลังซึ่งมันจะมอบให้กับเขาด้วย
เหมือนถูกถ่ายเทวิธีใช้ลงในสมองโดยตรง
หากมีไพ่ใบนี้ก็จะสามารถรวมร่างปีศาจที่มีอยู่ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมได้
“แล้วเจ้านี่ล่ะ”
อิงศรชูไพ่รูปรถม้าที่เก็บได้ในตอนแรก
ถึงจะจับไพ่ใบนี้แต่ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรหรือเข้าใจว่ามันใช้ทำอะไร
ไม่เหมือนกับไพ่อีกใบ
"นั่นคือเดอะ แชริออท
ที่ก่อนหน้านี้เคยปรากฏออกมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็หายไปไงล่ะ"
ผู้ถูกลืมเลือนตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งเรื่องนั้นอิงศรจำได้เพราะเคยฟังจากปากของผู้ถูกลืมเลือนมาแล้ว
"ไอ้นั่นน่ะรู้แล้วที่ถามหมายถึงว่าทำไมไพ่ใบนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ต่างหากคนที่ฉันช่วยเอาไว้ครั้งสุดท้ายมีแค่กวินทร์นี่
อีกอย่างเป็นไพ่กลับหัวด้วยถ้ามันเป็นแบบที่เคยพูดกันไว้แปลว่าไพ่ใบนี้ฉันช่วยใครซักคนไม่สำเร็จน่ะสิ"
แล้วผู้ถูกลืมเลือนก็ชี้มาที่เขา
"ถูกต้องมันเป็นอย่างนั้นแหละคนที่ช่วยไว้ไม่ได้ก็คือตัวเธอเอง"
"ตัวฉันเอง? หมายความว่าไง"
อิงศรไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น
“การที่มาเจอนายที่นี่ก็หมายความว่าตัวฉันกำลังหมดสติอยู่ไม่ใช่เหรอแล้วตายนี่มัน...”
แต่ผู้ถูกลืมเลือนกลับส่ายหน้า
“เปล่าเธอตายไปแล้วต่างหากเป็นการตายครั้งที่สอง”
“ครั้งที่สอง?”
“อืม แต่ฟันเฟืองไม่ยอมให้เธอตาย
หลังจากนั้นก็...”
ผู้ถูกลืมเลือนหยุดคำพูดลงแล้วหรี่ตามองอิงศร
“ก็อะไร? พูดมาให้หมดเซ่”
“ผมว่าเธอดูเอาเองจะเข้าใจได้มากกว่านะ”
ผู้ถูกลืมเลือนพูดมาอย่างนั้นแล้วถอดเฮดโฟนออก
บิดหูฟังออกข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้มันลอยออกมาข้างหน้า
“…”
อิงศรจ้องไปที่หูฟังซึ่งต่อมามันก็เปลี่ยนไปด้วยกลไกอันแปลกประหลาดกลายเป็นโดรนที่มีรูปร่างคล้ายหัวของงู
ดวงตาเปล่งแสงออกมาแล้วแสงนั่นก็ฉายเป็นภาพโฮโลแกรมกลางอากาศ
ภาพที่ฉายคือเหตูการหลังจากที่เขาถูกไฟครอกในคืนที่ช่วยพิพัฒน์ไม่สำเร็จจากเมล์ตัวจับเวลาความตายฉบับแรก
อิงศรได้รู้ว่าหญิงมนุษย์ต่างดาวที่เคยเจอกันตอนไปช่วยปลดปล่อย
NPC ในวันแรกของการออกค่ายเป็นคนยิงเขาด้วยไฟจนตายอย่างที่คาดคิดเอาไว้
"นั่นคือการตายครั้งแรก"
ผู้ถูกลืมเลือนพูด
ตัวของอิงศรที่อยู่ในภาพฉายหลังถูกไฟครอกแล้วแถบพลังชีวิตก็แสดงให้เห็นว่าเขาตายไปแล้วแต่หลังจากนั้นพลังชีวิตกลับฟื้นฟูขึ้นมาเองอย่างน่าอัศจรรย์
ไหนจะยังมีฟันเฟืองที่มีสีขาวซีดเหมือนกระดูกผุดงอกออกมาจากกลางหลังอีก
แล้วภาพก็ตัดไป
คราวนี้คือตอนที่เขาถูกไฟครอกขณะที่จะช่วยมิ่งขวัญ
เจ้าของไฟที่สังหารเขาคือคนเดียวกับครั้งแรก
"ส่วนนั่นก็เป็นครั้งที่สอง"
พอผู้ถูกลืมเลือนพูดจบ
อิงศรก็ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองหลังจากฟื้นขึ้นมาทำลงไป
เห็นความพินาศสิ้นที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบลงที่เขาถูกเพื่อนพ้องช่วยเอาไว้
เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่ก่อนหน้านี้เหมือนจะได้ยินเสียงฮาร์โมนิก้าแล้วก็นึกถึงพวกพ้องและครอบครัวขึ้นมา
จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก
ภาพโฮโลแกรมหยุดฉายลงทันทีที่หลังจากอิงศรออกมาจากตัวของม้า
แล้วผู้ถูกลืมเลือนก็เก็บหูฟังที่ฉายภาพไปประกอบใส่เฮดโฟนดังเดิมก่อนจะสวมมันอีกครั้ง
อิงศรถาม
“นั่นมันอะไรกันน่ะ เจ้าม้านั่น”
แววตาของเด็กหนุ่มยังคงตกตะลึงอยู่
"สิ่งที่เธอเรียกว่าม้าคงจะหมายถึงเครื่องทำสวนสินะ”
“เครื่องทำสวน?”
อิงศรทำหน้าไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น
"ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกไว้ใช่ไหมเรื่องที่มนุษย์ไม่น่าจะเก็บอาคานาร์ไว้ในรูปลักษณ์เช่นนั้นได้เว้นแต่..."
ผู้ถูกลืมเลือนจ้องมาที่ไพ่ในมือของอิงศร
"ตอนนั้นผมบอกไปว่าเมื่อเวลามาถึงจะเล่าให้ฟังสินะแล้วตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะรู้เรื่องนี้
ดังนั้นผมจะเล่าให้ฟัง ข้อยกเว้นนั้นก็คือตัวตนที่ควบคุมความเป็นไปและกฎระเบียบของทุกสรรพสิ่ง
ผู้ที่ทำให้เกิดการทดสอบที่พวกเธอเรียกมันว่าเกมโลกาวินาศตัวตนนั้นก็คือ..."
อิงศรรู้สึกได้ว่าจากตรงนี้ไปจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
อาคานาร์แห่งการเปลี่ยนแปลงได้มาอยู่ในกำมือราวกับเป็นคำเตือน
การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้การรับรู้ทุกอย่างพลิกผันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
จากนั้นผู้ถูกลืมเลือนก็พูดชื่อของตัวตนที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดออกมาอย่าง่ายดาย
"...ผู้ที่ร่วมกันควบคุมกฎระเบียบของทุกสรรพสิ่ง
‘โซลาริส’ และ ‘ลูนาริส’ "
ความคิดเห็น