คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : Login 46: มุ่งหน้าสู่จุดจบ
ประกาศแก้ไขขอทำการเปลี่ยนวิธีเขียนชื่อของ ลิเทียม เป็น ลิเธียม ครับ
Login 46: มุ่งหน้าสู่จุดจบ
...ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย...
บนพื้นถนนหน้าประตูวิทยาลัย
ก่อนที่คมดาบของอิงศรซึ่งโดนปีศาจสิงสู่จะกระทบกับดาบของลิเธียม
"ถ้างั้นดิฉันขอห้าคนตรงนั้นก็แล้วกัน"
ไทเทเนียมพูดแล้วจึงแยกตัวไป
หล่อนย่างเท้ากึ่งวิ่งกึ่งกระโดดไปด้วยท่าทางน่ารัก
หลังจากนั้นเสียงประดาบของชายทั้งคู่ก็ดังกังวาน
ห่างออกไปจากจุดนั้นราวสิบเมตร
บนทางเดินเท้าฝั่งติดกับประตูวิทยาลัย
มีนาเพิ่งรู้สึกตัวว่าอิงศรพุ่งออกไปแล้ว
"คุณอิงศรกลับมาก่อนค่ะล้ำหน้าไปแบบนั้นมัน..."
แต่ไทเทเนียมกลับปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคำพูดจึงหยุดชะงัก
"อ๊ะ..."
มีนารู้สึกตัวแต่ตอบโต้ไม่ทัน
เงื้อมือของมนุษย์ต่างดาวสาวเอื้อมเข้ามาใกล้ ตอนนั้นเอง
"ฟรอสฟิวรี่!"
เสียงของกวินทร์ดังขึ้น
จากนั้นคมดาบซึ่งห้อมล้อมด้วยผลึกน้ำแข็งก็ตวัดลงมา รวดเร็ว แม่นยำ
และเป็นท่าฟันต่อเนื่องสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที
แต่ร่างของไทเทเนียมก็เลือนหายไปก่อนที่ดาบจะสัมผัสถูก
ความเร็วแตกต่างกันถึงขนาดนั้น
สาวต่างดาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังของกลุ่มห่างไปหลายเมตร
ถ้ารวมอิงศรที่แยกตัวไปด้วยเท่ากับพวกเขาถูกขนาบด้วยมนุษย์ต่างดาวชั้นสูงจนไม่มีทางให้หนีได้เลย
ไทเทเนียมพูด
"ใช้ได้ขึ้นมานิดหน่อยนะแต่ยังช้าอยู่ดี"
ดวงตาของหล่อนจ้องตรงมาที่กวินทร์
"ตกลงว่าใช่พี่จริงๆ สินะ"
กวินทร์พูดตอบแล้วเดินย้อนขึ้นมาเผชิญหน้ากับไทเทเนียม
"แล้วชื่อนั่นมันอะไร"
เด็กหนุ่มถามพลางชี้ไปที่ชื่อซึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะของหล่อน
ชื่อแบบมนุษย์ต่างดาว
Titanium Lv. 100
[/////27000:27000/////]
พอโดนถามแบบนั้นสายตาของไทเทเนียมก็เบี่ยงเป้าไป
หล่อนมองข้ามหัวกวินทร์
มองข้ามกลุ่มของพวกเขา สายตาของหล่อนกำลังจ้องมองไปที่มิ่งขวัญ
"ฉันไม่เหมือนกับเจ้าคนโลเลนั่นหรอกนะ
ฉันเต็มใจที่จะกลายเป็นแบบนี้เอง ชื่อนี้คือหลักฐานความตั้งใจของฉันยังไงล่ะ"
ดูเหมือนว่าหล่อนจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นมากกว่าจะเป็นเรื่องของตัวเอง
"เอ่อคุณกวินทร์คะนี่มัน..."
มีนาถามเพราะตามสถานการณ์ไม่ทันและไม่ใช่แค่เธอ
แต่ทั้งเมษา ทั้งนรินทร์ รวมถึงพันโทข้าวหลามก็จ้องมองมาเหมือนกับจะรอคำตอบด้วย
แต่กวินทร์ไม่ได้สนใจเลยซักนิด
สายตาของเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องไทเทเนียมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนดูไม่เหมือนกับกวินทร์ในแบบที่เป็นอยู่เสมอ
กวินทร์กระชับดาบในมือแล้วพูดว่า
"ยอมทิ้งความเป็นคนไปเพื่อเรื่องแค่นั้นน่ะเหรอ"
"เรื่องแค่นั้น..."
อีกฝ่ายทวนคำพูดแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หางตาเชิดขึ้นเหมือนกับจะหงุดหงิดในคำพูดของกวินทร์
"ดูเหมือนนายจะยังไม่เข้าใจถึงความสมบูรณ์แบบสินะแต่ก็เพราะแบบนั้นนายถึงได้ทรยศฉัน
หักหลังความคาดหวังของฉัน"
"พี่ตั้งใจจะหลอกใช้ผมตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก"
เด็กหนุ่มตะโกนสวนแล้วพุ่งออกไปพร้อมกับเงื้อดาบ
กลายเป็นสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ไปแล้ว...
มีนาไม่รู้ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร
เธอหันไปหาคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าใครก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
ตอนแรกก็อิงศรคราวนี้ก็กวินทร์ทั้งสองคนต่างก็ทำตามใจตัวเองจนทีมเวิร์คที่รักษามาได้ตลอดเละไม่เป็นท่า
กรณีของอิงศรนั้นพอจะทำความเข้าใจได้อยู่แม้จะสับสนไปบ้างก็ตามแต่อีกฝ่ายคือน้องชายที่คิดว่าตายไปแล้วจะขาดสติก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจส่วนกรณีของกวินทร์นั้นข้อมูลยังไม่พอ
ทำไมเด็กหนุ่มถึงเคลื่อนไหวด้วยความกราดเกรี้ยวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสาเหตุน่าจะเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวหญิงสาวตนนั้น
ทั้งสองพูดคุยราวกับรู้จักกันมาก่อน ไหนจะยังคำพูดก่อนหน้านี้กวินทร์ได้พูดเอาไว้ว่า
‘ตกลงว่าใช่พี่จริงๆ สินะ’
มันหมายความว่ายังไงกันทั้งสองคนนั่นเคยเป็นพี่น้องกันมาก่อนเหมือนกรณีของอิงศรอย่างนั้นหรือ
แต่ท่าทีที่กวินทร์มีให้อีกฝ่ายซึ่งน่าจะเป็นพี่สาวกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง
“ไพโรเบลด”
เปลวไฟวนพันรอบตัวดาบกวินทร์ฟาดมันลงบนตัวของมนุษย์ต่างดาว
"นั่นคือคำตอบของนายสินะ...ก็ได้จะให้นายได้เห็นพลังของชุดสกิลอันสมบูรณ์ที่ชั้นจัดขึ้นมา"
ไทเทเนียมกล่าวแล้วมือขวาที่เคยว่างเปล่าก็ถูกติดตั้งถุงมือที่มีพลอยอัญมณีสีแดงสดประดับเอาไว้
“ชาโดว์สเปลไนท์ไนฟ (Shadow Spell, Night Knife)”
พลอยส่องประกายในพริบตาที่ร่ายสกิลเสร็จ
เป็นประกายแสงสีดำที่ดูลึกลับ
ไทเทเนียมเอื้อมมือไปแตะที่พลอยแล้วดึงบางอย่างออกมา
บางอย่างที่คล้ายกับอาวุธลับของนินจา รูปร่างเหมือนมีดสำหรับปาซัดที่เรียกว่า ‘คุไน’
แต่สิ่งนั้นเป็นสีดำสนิทราวกับทำขึ้นจากเงา
คุไนถูกยกขึ้นรับดาบของกวินทร์แต่ถึงรับเอาไว้เปลวเพลิงที่หมนุวนรอบตัวดาบก็จะเผาผลาญศัตรูอยู่ดี
กวินทร์ที่คิดแบบนั้นก็เผลอเปิดช่องว่าง
“อ่อนหัดไม่เปลี่ยนคิดว่าแค่นั้นชนะแล้วหรือไง”
ไทเทียมพูดมาอย่างนั้นแล้วร่างกายก็เลือนหายไป
“ฮึ่ม!”
กวินทร์ชักดาบกลับแล้วหันไปข้างหลังทันที
หันไปโดยที่ตรงทิศนั้นไม่ได้มีอะไรอยู่เลย
“ชาโดว์ไดรฟ์”
เสียงดังขึ้น
ดังมาจากเงาของกวินทร์ไทเทเนียมพุ่งขึ้นมาจากเงานั่นแล้วซัด ‘คุไน’
สองอันใส่แต่กวินทร์ปัดด้วยดาบได้ทั้งหมดแล้วร่ายสกิล
“ฟรอสเบลด อิเล็คทริกส์เบลด”
น้ำแข็งและสายฟ้าห้อมล้อมดาบเพลิง
เด็กหนุ่มใช้สองมือจับดาบหวดขึ้นด้านบน
“ท่าฟันสามธาตุไทรสแลช!”
พลังงานทั้งสามธาตุใกล้จะระเบิดออกมา
แต่ทว่า...
“ชาโดว์ซุปเปอร์สเปลชาโดว์คอนโทรล (Shadow Super Spell, Shadow Control)”
ไทเทเนียมร่ายสกิลสวนกลับมาแล้วหายเข้าไปในเงาของกวินทร์
“เสร็จกัน”
เด็กหนุ่มสบถจากนั้นดาบที่เตรียมจะปล่อยพลังก็เบนทิศไปที่มีนา
พลังของดาบระเบิดออกแล้วพุ่งจู่โจมใส่พวกพ้อง
นรินทร์ออกมาขวางหน้ากลุ่ม
ร่ายสกิลป้องกันอย่างรวดเร็วพร้อมกับยื่นมือไปรับคลื่นพลังที่พุ่งเข้ามา
“คับบาลาห์ เซฟิร่า เคเธอร์”
เกิดเสียงดังฟุ่บจากนั้นคลื่นพลังก็สลายไป
แต่คมดาบของกวินทร์กลับพุ่งตรงมาหาแทน
“เดี๋ยวสิกวินทร์”
นรินทร์ใช้ไม้เท้ารับดาบนั้นแต่พลังตามสายอาชีพเทียบกับกวินทร์ไม่ติดจึงถูกดันจนถอยครูดลงจากทางเท้าไปอยู่บนถนน
แว่นตาปีศาจที่สวมอยู่ก็พลอยหลุดกระเด็นไปด้วย ตอนนั้นเองเมษาก็วิ่งอ้อมมาช่วยจับไม้เท้าจากด้านหลังเสริมแรงยันดาบของกวินทร์เอาไว้
“เฮ้ยคลั่งไปแล้วรึไงเนี่ย”
เมษาพูด
แต่กวินทร์ที่หันคมดาบเข้าใส่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่ผมนะ
เงาต่างหาก...ผมถูกควบคุมเงาอยู่”
“หาเงา?”
“กวินทร์ถูกควบคุมเงาอยู่เป็นสกิลของบิลด์ชาโดว์เอ็นฟอร์สเซอร์น่ะแต่ปกติแล้วจะควบคุมได้กับคนที่เลเวลต่ำกว่าผู้ใช้เท่านั้น”
นรินทร์ซึ่งพอจะเดาสถานการณ์ได้ก็พูดออกมาอย่างนั้น
มีนาพูด
“ถ้ารู้ว่าอยู่ในเงาก็จัดการง่ายขึ้นแล้วล่ะค่ะ”
แล้วเงื้อเคียวเล็งไปที่เงาของกวินทร์
แต่ขณะเคลื่อนที่เพื่อให้เข้าระยะฟันของเคียวนั้นเงาของเธอก็ทับลงบนเงาเป้าหมาย
พริบตานั้นแรงดันจากดาบของกวินทร์ก็ผ่อนลง
แต่เคียวของมีนากลับตวัดใส่เมษาแทน
“นี่เธอจะทำอะไรกันเนี่ย”
“ไม่ใช่นะมือมันขยับไปเองน่ะ ว้าย”
คมเคียวแล่นเข้าหาต้นคอของน้องชายฝาแฝดแต่ก็หยุดลงแค่ทิ่มลงไปลึกประมาณสามเซนติเมตร
เป็นแผลแค่ให้เลือดซึมออกมาเล็กน้อย
มีนารู้สึกว่าต้นขาของเธอนั้นเย็นเฉียบมา
สาเหตุเพราะกระสุนอาคมที่พันโทข้าวหลามยิงในช่วงวินาทีฉุกเฉินนั่นเอง
“เกือบไปๆ นี่มันย้ายเงาได้ด้วยสินะ”
ปืนของพันโทมีควันลอยฉุยออกมาทั้งสองกระบอกนั่นหมายความว่ายิงออกไปสองนัด
นัดแรกแช่แข็งเงาของมีนาส่วนนัดที่สอง...
“มีคนที่พอมีฝีมืออยู่บ้างนี่”
แช่แข็งเงาของพวกกวินทร์ที่ซ้อนทับกับเงาของเมษาและนรินทร์อยู่บนพื้นถนน
ไทเทเนียมพุ่งขึ้นมาจากเงานั้นทลายน้ำแข็งที่เกาะออกไปจนหมดในทีเดียว
“ถึงโดนเด็กชมก็ไม่ดีใจหรอกนะยิ่งเป็นสาวทอมต่างดาวแบบเธอด้วยแล้วยิ่งแหยงเลยล่ะ”
พันโทข้าวหลามพูด
แสร้งทำเป็นพูดอวดดีเพื่อกลบเกลื่อนความว้าวุ่นในจิตใจ
ไหนจะมนุษย์ต่างดาว
ไหนจะสัตว์เทวะอีก ช่วงที่โดนดึงความสนใจอยู่แบบนี้พวกหงส์กับเต่าก็เดินหน้ารุกล้ำอาณาเขตค่ายเข้าไปแล้ว
สนามพลังที่มีอยู่ก็โดนมิ่งขวัญทำลายจนไม่มีอะไรมาขวางกั้น
สถานการณ์เข้าขั้นเลวร้ายสุดกู่...
“ชาโดว์สเปลไนท์ไนฟ”
ไทเทเนียมซัดคุไนมาอีกแต่ก็ถูกพันโทข้าวหลามอ่านทางและยิงดักไว้ได้ทั้งหมด
เสียงปืน เสียงคุไนกระทบกับลูกกระสุนดังแก๊งๆ
ตอนนั้นเองก็มีลมพัดมา
เป็นสายลมพัดกรรโชกอย่างรุนแรง
สายลมนั้นหยุดการต่อสู้อันแสนวุ่นวายลง
จากนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังด้านหลังที่ตัวการสร้างคลื่นลมนั้นยืนอยู่
มิ่งขวัญนั่นเอง
สร้างลมเพื่อช่วยชีวิตอิงศรที่เกือบจะโดนลิเธียมฆ่า
ตอนนั้นเอง
ร่างของอิงศรก็ลอยผ่านไปและตกลงในจุดที่ไม่ไกลนัก
“คุณอิงศร”
มีนาตั้งท่าจะวิ่งไปแต่คุไนก็ซัดมาอีกซึ่งเบรกเท้าไว้ทันแบบฉิวเฉียดคุไนจึงลอยผ่านหน้าไป
“ไม่ยอมให้ไปขัดขวางท่านลิเธียมได้หรอกนะ”
ไทเทเนียมกล่าวแล้วร่ายสกิลเรียกคุไนเงาออกมาซัดต่อเนื่องไม่ให้มีเวลาพัก
การปะทะจึงดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อจนไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งอิงศรเป็นอย่างไรบ้างเพราะลำพังแค่เอาตัวให้รอดจากคุไนเงาก็แทบแย่แล้วแต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ตั้งใจเอาชีวิตเพราะการโจมตีทั้งหมดเป็นแบบฉิวเฉียดที่ไม่พอมีเวลาให้เหม่อนานนัก
จนกระทั่งมีเมล์เข้ามา
ปิ๊บๆๆๆ
มีเมล์ส่งมาพร้อมกันถึงมีนา เมษา
กวินทร์ และนรินทร์ แล้วหน้าต่างเมล์ก็เปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
ภาพยามสิ้นชีพของอิงศรปรากฏแก่สายตาและกำลังจะกลายเป็นจริงในอีก
12 วินาที
มีนาหันไปตรงจุดที่อิงศรเคยหล่นอยู่แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มคนที่ว่าก็หายไปแล้ว
จึงกวาดสายตามองหา
ถึงตรงนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุไนที่ซัดออกมาต่อเนื่องถึงหยุดไป
“นั่นมันอะไรกันน่ะ”
ไทเทเนียมพูดแล้วหยุดซัดคุไน
พลางมองไปยังฝั่งตรงข้ามมหาลัย ขณะเดียวกันมีนาก็หาอิงศรเจอ
เด็กหนุ่มดูเหม่อลอยแต่เท้ายังคงก้าวเดินอยู่อย่างนั้นอิงศรเดินจนมาขวางอยู่ด้านข้างกลุ่มของพวกเธอกับเกาะกลางถนน
แวบหนึ่งที่มองข้ามอิงศรไป สายตาก็จับภาพสิ่งอยู่บนทางเท้าฝั่งตรงกันข้าม
เงา...เงาจำนวนมากยืนเรียงรายอยู่ที่นั่น
พอเพ่งสายตามองดีๆ แล้วก็พบว่าเงาเหล่านั้นคือคนใส่ชุดสีดำ
ชุดเครื่องแบบของมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์จำนวนมากกว่าสามสิบตน ประมาณคร่าวๆ
ด้วยสายตาก็เห็นแต่เลขเลเวล 60
ขึ้นไปทุกตนแถมในนั้นยังมีพวกที่เลเวล 70
ขึ้นไปติดผ้าคลุมสีขาวซึ่งน่าจะเป็นชั้นครูอีกหลายตนปะปนอยู่ด้วย
ราวกับสัญชาตญาณในตัวร่ำร้องออกมา
มีนาตะโกนไปตามสัญชาตญาณนั้น
“คุณอิงศรหนีไป!”
อิงศรได้ยินเสียงแล้วรู้สึกตัวจังหวะนั้นเองก็มองเห็นมนุษย์ต่างดาวตนหนึ่งยืนล้ำหน้ามนุษย์ต่างดาวตนอื่นที่ฝั่งตรงกันข้ามกำลังควงไม้เท้า
ไฟลุกลามจากไม้เท้าที่กำลังหมุนควงกลายเป็นลำแสงเพลิงพุ่งออกมา
ลำพระเพลิงมุ่งจู่โจมอิงศรตรงๆ
แต่แค่นั้นเด็กหนุ่มต้องหลบมันได้อยู่แล้ว
ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเธอที่อยู่ตรงนี้ก็จะ...
“ไม่เป็นไรหนีไปเถอะค่ะ...รีบหนีไปเถอะค่ะคุณอิงศร”
มีนาพึมพำด้วยเสียงพูดที่เบามากจนไม่มีใครได้ยิน
ปรารถนาจะให้อิงศรรีบหนีไปเพราะภาพถ่ายยามสิ้นชีพได้กำหนดความตายของเขาไว้
เธอเป็นคนเดียวที่บอกกับอิงศรว่าเชื่อเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง
เรื่องของเมล์ตัวจับเวลาตาย เรื่องของผู้ถูกลืมเลือน เรื่องของอาคานาร์
ดังนั้นเธอจึงรู้ในทันทีที่เห็นเมล์ฉบับที่ว่าต่อหน้าต่อตาและตอบสนองมันได้ก่อนใครในทีม
แต่อิงศรก็เหมือนจะลังเล
แล้วก้าวเท้าออกไปในวินาทีสุดท้ายซึ่งสายเกินไป...
เขาถูกไฟคลอกร่าง
อิงศร Lv.
60
[.....0:3560.....]
คุณเกมโอเวอร์แล้วจะเล่นต่อไหม?
1.เล่นต่อ
2.จบเกม
อิงศรเลือกจบเกม...
แต่กลับเลือกจบเกมไม่ได้...
อิงศรเลือกเล่นต่อ...
แต่ก็เลือกไม่ได้...
'นี่ไม่ใช่เกม' เขารู้เรื่องนั้นดี
ถ้าอย่างนั้นตัวเลือกเหล่านี้คืออะไรกันล่ะ?
มันคือความยึดติดอย่างนั้นหรือ?
ใช่...คงเป็นอย่างนั้น
เขายังรู้สึกยึดติดกับความปรารถนาอยู่
อยากปกป้องพวกพ้อง
อยากสู้ร่วมกับพวกพ้อง อยากแก้แค้นมนุษย์ต่างดาว อยากช่วยมิ่งขวัญ ฯลฯ
ความปรารถนามากมายกำลังมอดไหม้ไปพร้อมกับร่างกาย
อิงศรล้มลง
ฟุบหน้าลงกับพื้นแล้วไฟก็ดับมอดโดยที่สร้างความเสียหายทางกายภาพเพียงเล็กน้อย
แต่พลังชีวิตว่างเปล่าไปแล้ว เขาตายแล้ว...
“คุณอิงศร!!”
แต่กลับได้ยินเสียงตะโกนเรียกของมีนารู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นสะอื้นเล็กน้อย
“ศรนี่แกล้อเล่นใช่ไหมเนี่ยลุกขึ้นมาสิฟะ!”
จากนั้นก็เป็นเสียงของเมษา
ก็อยากจะลุกอยู่หรอกแต่ตอนนี้ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามที่สั่ง
“พี่ศร...”
คราวนี้เป็นเสียงของกวินทร์ต่อจากนั้นก็ของนรินทร์แล้วก็พันโทข้าวหลาม
“อิงศร”
“อย่ามาล้อเล่นนะโว้ยศรขืนแกตายตรงนี้พวกฉันก็ซวยไปด้วยน่ะเซร่”
รู้สึกได้ว่าพวกพ้องกำลังห้อมล้อมตัวเองอยู่
แต่ไม่รู้ทำไมเสียงเหล่านั้นถึงไกลออกไป
“ชาวโลกมักพลาดในตอนท้ายเสมอ”
คำพูดแบบนี้ เสียงแบบนี้
รู้สึกเหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน...
อิงศรไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขารู้สึกตัวแต่ขยับไม่ได้จึงไม่รับรู้สถานการณ์
ผู้ที่โจมตีเขาจนเสียชีวิตคือมนุษย์ต่างดาวเพศหญิงตัวสูงราวกับยักษ์กะคร่าวๆ
ประมาณ 190 เซนติเมตร
ท่าทางเย่อหยิ่งทรงผมสไตล์บ๊อบเส้นผมสีเงินแบบมนุษย์ต่างดาวทั่วไป
แววตาภายใต้เลนส์แว่นนั้นดูเฉิดฉาย
เธอคือมนุษย์ต่างดาวชั้นราชครู
ลำดับที่ห้าโซเดียม
กองทัพของโซเดียมล้อมถนนเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
มีนา เมษา กวินทร์ นรินทร์
และพันโทข้าวหลามถูกจับกุมโดยที่ไม่อาจต่อต้านได้พวกเขาถูกมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์จับตัวไว้
มิ่งขวัญ ไทเทเนียม ลิเธียม
ทั้งสามก็ถูกควบคุมตัวเช่นกันโดยมนุษย์ต่างดาวชั้นครูทั้งหมด
ระดับราชครูอย่างลิเธียมจะขัดขืนเมื่อไหร่ก็ได้แต่เพราะผู้สั่งการกองทัพคือโซเดียมที่มีลำดับสูงกว่าจึงไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้อยู่เงียบๆ
ให้ถูกจับกุมโดยที่ไม่รู้สาเหตุ
“ท่านลำดับที่ห้าคิดจะทำอะไรกันครับ”
โซเดียมซึ่งกำลังสำรวจพวกมีนาที่จับตัวได้ก็หันมาตอบว่า
“อยู่เฉยๆ
ไปซะตอนนี้ทุกการกระทำมีสิทธิจะถูกประเมินว่าเป็นกบฏ”
“กบฏเหรอ ไร้สาระน่ะพวกเรา...”
แต่คำพูดของลิเธียมก็หยุดลงเพราะรอยยิ้มที่พิมพ์อยู่บนใบหน้าของโซเดียม
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ฉุกคิดได้ว่าบางทีนี่คงเป็นแผนที่วางเอาไว้ถ้าอย่างนั้นถึงจะขัดขืนไปก็ไม่มีทางชนะ
เมื่อเห็นว่าลิเธียมเงียบไปแล้ว
โซเดียมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่มิ่งขวัญ
“เจ้าเองก็อาละวาดได้ดีมากแต่หน้าที่จบลงแล้วล่ะ”
พูดจบหล่อนก็วางฝ่าเท้าลงบนหลังของอิงศรที่ล้มฟุบอยู่บนพื้น
ตอนนั้นเองแววตาของมิ่งขวัญก็เปลี่ยนไป เด็กหนุ่มจ้องมองโซเดียมด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อแล้วพูดคำราม
“เอาเท้าสกปรกของแก...”
แต่ไม่ทันขาดคำใบหน้าก็ถูกซัดด้วยหัวไม้เท้าของโซเดียมจนหน้าหันไปตามแรงฟาด
“ปากดีนักนะเป็นแค่อดีตชาวโลกแท้ๆ
ตอนแรกตั้งใจจะไว้ชีวิตอยู่แล้วเชียวเพราะเห็นว่าแกทำงานให้หรอกนะแต่เปลี่ยนใจแล้วจะฆ่าพวกแกไปพร้อมกันให้หมดนี่แหละแล้วค่อยไปเปิดโปงยัยรูบิเดียมที่เอามนุษย์มาเปลี่ยนเป็นพวกเราจนทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตขนาดนี้คงจะพอทำให้ฉันเลื่อนขึ้นไปแทนที่ยัยนั่นในทันทีเลยเชียว”
“สรุปว่านี่เป็นแผนตั้งแต่แรกแล้วสินะคนที่ปล่อยให้มิ่งขวัญหนีออกมาคือท่านลำดับที่ห้าอย่างนั้นสินะครับ”
ในน้ำเสียงของลิเธียมสะท้อนถึงความเกลียดชังในตัวผู้บังคับบัญชาชั้นสูงกว่าที่ใช้วิธีลอบกัดอย่างนี้
“ก็ไม่รู้สิ”
โซเดียมตอบปัดแล้วหันไปสั่งการเหล่าลูกศิษย์
“ข้างหน้านี่คือรังของพวกชาวโลกที่น่ารังเกียจซึ่งมีชื่อว่ากองกำลังต่อต้านผู้รุกรานเมตไตรยจงกวาดล้างพวกมันที่คิดแข็งข้อให้หมดสิ้นอย่าได้เหลือไว้แม้แต่คนเดียวล่ะ”
อิงศรรับรู้สถานการณ์จากเสียงพูดคุยเท่านั้น
ทำความเข้าใจได้แค่ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวแตกคอกันเอง
จากนั้นก็มีเสียงดังมา
เสียงเฮโลของเหล่าทหารมนุษย์ดังกึกก้องมาจากด้านหลังของประตูมหาวิทยาลัย
พวกกำลังเสริมที่ไปรวมตัวกันที่ประตูทิศใต้เพิ่งจะเคลื่อนทัพมาและคงกำลังต่อต้านสัตว์เทวะที่รุกล้ำเขตแดนโดยที่ยังไม่รู้เห็นเหตุการณ์ด้านนอกว่ามนุษย์ต่างดาวยกกองทัพมากวาดล้าง
จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงดังเอี้ยดอ้าด
เสียงความปรารถนาที่ยังคงมอดไหม้ไม่หมด
เสียงเคลื่อนตัวของฟันเฟือง
สู่จุดจบของโลก
สู่วันโลกาวินาศที่แท้จริง
อิงศรรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง
เหมือนถูกทดสอบ
เพียงสิ่งเดียวที่สะท้อนสู่ดวงตาคือก้อนศิลาที่ร่วงหล่นจากสวรรค์มาเพื่อลงทัณฑ์เหล่าวัชพืชที่รุกล้ำอาณาเขต
รุกล้ำสวนศักดิ์สิทธิ์
“ว...วัช...วัชพืช...”
ความคิดเห็น