ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #45 : Login 43: ปรารถนาที่มากเกินพอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 902
      50
      15 ธ.ค. 59

    Login 43: ปรารถนาที่มากเกินพอ

     

                บนชั้นดาดฟ้าของอาคารแห่งหนึ่ง

                จากที่นี่จะมองเห็นประตูทิศเหนืออยู่ไกลลิบ

                มนุษย์ต่างดาวเครื่องแบบชั้นราชครูตนหนึ่งกำลังสอดแนมจากที่ตรงนี้

                มนุษย์ต่างดาวเพศชายผมสีเงิน

                ดวงตาสีแดงที่มักจะเก็บซ่อนไว้หลังเปลือกตาที่หยีกันจนปิดสนิทเหลือบขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองผ่านกล้องส่องทางไกล

                ชุดประจำตำแหน่งราชครูเป็นโค้ทสีดำ

                ราชครูลำดับที่สี่โพแทสเซียมมองดูการต่อสู้ของมิ่งขวัญจากตรงนี้ตั้งแต่เริ่มด้วยใจเต้นระทึก

                "เอาอีกแล้วซุงมิ่งยังชอบทำเป็นเข้มแข็งอยู่เรื่อยเลยน้าเห็นแล้วอยากลงไปแกล้งชะมัดเอาซักทีดีไหมเนี่ยหื้ม~"

                มนุษย์ต่างดาวยิ้มปรี่

                "คงยอมให้ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ"

                มีเสียงของผู้ชายดังมาจากทางด้านหลัง

                ทั้งที่จนถึงเมื่อครู่ไม่มีกลิ่นอายของใครอื่นเลย แต่จู่ๆ ก็ปรากฏวี่แววของคนอื่นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์

                โพแทสเซียมละสายตาจากกล้องแล้วหันกลับไป พอเห็นหน้าเจ้าของเสียงเขาก็ผุดยิ้มกว้าง

                "อ้าวนึกว่าใครที่แท้ก็ท่านอดีตลำดับที่หนึ่งนี่เอง"

                ผู้ที่เขาทักว่าเป็น 'อดีตราชครูลำดับที่หนึ่ง' คือเด็กหนุ่มผมสีขาวใส่หูฟังแบบมีฟองน้ำครอบสวมเสื้อวอร์มสีแดงและกางเกงยีนส์สีดำ

                ผู้ถูกลืมเลือนนั่นเอง

                "ผมทิ้งชื่อนั้นไปนานแล้ว"

                "นั่นสินะตอนนี้ท่านมีชื่อว่าซะ.."

                แต่ผู้ถูกลืมเลือนก็พูดขัดคำพูดนั้นเสียก่อน

                "เธอเองสินะที่ไปยุให้ลำดับที่ห้าช่วยมิ่งขวัญผู้ถูกฟันเฟืองเลือกหนีออกมา"

                พูดพลางใช้สายตาคมกริบจดจ้องชายต่างดาวจนอีกฝ่ายออกอาการทางสีหน้าไปพริบตาหนึ่งแต่ก็แค่พริบตานั้นจริงๆ

                โพแทสเซียมพยายามเรียกคืนสีหน้าสงบเสงี่ยมของตนก่อนจะพูดตอบคำถามนั้นไปว่า

                "อะฮะ ไม่มีหลักฐานซักหน่อยอย่าปรักปรำกันสิ"

                พออีกฝ่ายพูดมาอย่างนั้นผู้ถูกลืมเลือนก็หรี่ดวงตาแคบลง

                "ทั้งที่รู้ว่าโลกนี้จะล่มสลายเอาได้แต่แล้วทำไมเธอถึงยังทำแบบนั้นอีกกันนะ"

                แล้วพูดโดยไม่สนการชักจูงของอีกฝ่าย ยังคงยืนยันคำเดิมว่าสิ่งที่ตนพูดไปไม่ใข่การปรักปรำ

                "..."

                เป็นคนที่เกินจะรับมือด้วยจริงๆ นั่นแหละ...

                โพแทสเซียมหุบยิ้มลงแต่ยังพยายามตีหน้าเซ่อต่อไป

                "แหมๆ จะเป็นแบบนั้นได้ใครคนหนึ่งในสองคนนั่นก็ต้องตายซะก่อนแต่พวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกันมากคงไม่มีทางฆ่าแกงกันลงหรอกครับพลังแห่งความรักน่ะมันเป็นของสามัญของชาวโลกนะ"

                "ผมจำได้ว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนอกจากรูบิเดียมนะที่เคยบอกไปก็แค่จะให้พวกเขาพบกันไม่ได้เท่านั้นเอง เธอนี่มันน่ากลัวจริงๆ"

                เด็กหนุ่มผมขาวยังคงพูดจาไล่ต้อนสายตาของเขามองทะลุคำโกหกที่โพแทสเซียมพ่นมาได้ทั้งหมด

                 แต่โพแทสเซียมกลับหัวเราะ "ฮะฮะฮะ แหมๆ ผมต่างหากที่ต้องกลัว" แล้วพูดอย่างคนใจเสาะ

                ผู้ถูกลืมเลือนเมินต่อการแสดงท่าทีเหล่านั้นแล้ว...

                "แต่ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามที่บันทึกไว้ในอาคาชิกเรคคอร์ดโชคชะตาน่ะมันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ หรอก"

                ก็พูดโดยที่ไม่สบตากับอีกฝ่ายแต่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มครึ้มไปด้วยเมฆสีดำ

                "แล้วยิ่งถ้าไปฝืนเปลี่ยนมันมากๆ เข้าสุดท้ายโชคชะตาก็จะลงโทษคนผู้นั้น"

                เหมือนดั่งเมล์ตัวจับเวลาตายที่ได้พุ่งเป้าไปหาอิงศร...

                อิงศรผู้เปลี่ยนแปลงโชคชะตามากเกินไป

                บิดเบือนเส้นทางสู่การล่มสลายของโลกมากเกินไป

                มีความโลภมากเกินไป

                หลังจากพบกันครั้งสุดท้ายที่รูนรูมภายในตัวของเด็กหนุ่มผู้นั้นก็เต็มไปด้วยความโลภที่เรียกว่า 'ความปรารถนา'

                ปรารถนาที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

                ปรารถนาที่จะไม่ก้าวเดินซ้ำรอยในอดีต

                ปรารถนาที่จะรักผู้คนทุกคน

                ความปรารถนานั้นมีมากเกินไปจนกลายเป็น 'ความโลภ'

                ผู้ถูกลืมเลือนหันเหสายตา จากท้องฟ้า จากคู่สนทนา มองไปที่ประตูทิศเหนือ

                ดวงตาสีเทาจับจ้องไปยังอีกหนึ่งผู้ถูกฟันเฟืองเลือกซึ่งยืนอยู่ที่นั่น

                หน้าจอเมล์ของเด็กหนุ่มเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

     

    ======================

    Subject: @Clipius Death Timing Delivery

    Form: GM

    Detail:

    ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!

    เวลาชีวิตที่เหลือของ อิงศร โรจน์จุฬาคือ

    [00:12:12]

    ======================

     

                เวลาของอิงศรเหลืออีกเพียงสิบสองนาที

                อีกสิบสองนาทีโลกจะถึงกาลจบสิ้น...

     

                บนถนนหน้าประตูทิศเหนือการประมือเพิ่งจะจบลงไป

                มันจบลงในพริบตาที่มนุษย์ต่างดาวงัดแอพพลิเคชั่นปีศาจออกมาถึงข้าวหลามจะงัดแอพพลิเคชั่นปีศาจออกมาใช้เหมือนกันแต่ก็พ่ายแพ้

                แพ้จากความต่างชั้นของเผ่าพันธุ์อีกฝ่ายเลเวลเท่ากันแต่เพราะเป็นมนุษย์ต่างดาวจึงมีพลังมากกว่า 6 เท่า

                แพ้จากความต่างชั้นกันของแอพพลิเคชั่นปีศาจ ในช่วงที่ต่อสู้ก็ได้รับรู้ว่าแอพฯ ของอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในของมายาที่อาจจะไม่มีอยู่จริง เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีพลังเหนือกว่าของทุกคนในองค์กรเมตไตรยรวมกันเลยก็ว่าได้

                ข้าวหลามสภาพร่อแร่เนื้อตัวมีแต่บาดแผลทั้งรอยถูกฟันและรอยถลอกเสื้อขาดวิ่นไปหมด

                เขาถูกจับส่วนคอเอาไว้และถูกยกจนเท้าไม่ติดพื้นด้วยมือข้างเดียวของมนุษย์ต่างดาว

                ใกล้ๆ กันนั้นปืนทั้งสองกระบอกของข้าวหลามตกอยู่บนพื้น ปืนเหล่านั้นอยู่ในสภาพเป็นสองเสี่ยงเหมือนถูกตัดด้วยของมีคมและเป็นการตัดอย่างรวดเร็วแค่ครั้งเดียว

                “จะไว้ชีวิตให้ก็ได้แต่ขอถามอะไรหน่อย

                มนุษย์ต่างดาวพูดและแม้ว่าข้าวหลามกำลังพยายามแกะมือที่บีบคอแต่การขัดขืนนั้นไร้ผลโดยสิ้นเชิง

                “…”

                ถ้าไม่ใช่ว่าต้นขาได้รับบาดเจ็บจนยกแทบไม่ขึ้นก็ตั้งใจจะถีบและดิ้นรนให้ถึงที่สุดทำอย่างนั้นคงพอช่วยให้หลุดหนีไปได้บ้าง

                “ในบรรดาพวกแกน่ะรู้จักมนุษย์ที่ชื่ออิงศรรึเปล่า

                พอได้ฟังคำพูดนั้นข้าวหลามก็เบิกตากว้าง จากนั้นแรงบีบของมือที่จับคออยู่เหมือนจะเพิ่มขึ้น รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังยั้งมือตัวเองอยู่เพราะไม่อย่างนั้นลำคอของเขาอาจจะแหลกเละไปแล้ว

                ทว่าตอนนั้นเอง...

                แกว๊ก!!!

                เสียงร้องแหลมเหมือนเสียงนกดังก้องขึ้น

                “มาแล้วสินะ...

                มนุษย์ต่างดาวพึมพำ

                จากนั้นก็หันไปมองหัวมุมถนนที่เป็นทางหักเลี้ยวซึ่งเชื่อมไปยังด้านตะวันตก

                จากตรงหัวมุมนั่นสัตว์เทวะรูปร่างหงส์มีร่างที่เผาผลาญลุกเป็นไฟตลอดเวลาดวงตาสีแดงก่ำเปล่งแสงสว่างแวววาวดุจดั่งอัญมณีกำลังโบยบินออกมา

     

    Heraldic Beast Deity: Crimson Feather Lv. 50

    [/////40000:59000///..]

     

                “แต่ทำไมถึงบินอ้อมมาล่ะ

                มนุษย์ต่างดาวยังพึมพำคำพูดอยู่คนเดียว

                “อ๋อพวกแกเล่นตุกติกกันสินะพูดพลางยื่นดาบในมืออีกข้างให้ปลายดาบชี้ไปยังประตูรั้ว บริโอแน็ก

                จากนั้นดาบที่เดิมเปล่งแสงอยู่แล้วเพราะมีการใช้สกิลเสริมพลังอาวุธเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังต่อสู้กัน และเมื่อครู่ที่ประกาศใช้สกิลออกมานั้นก็ทำให้แสงสว่างที่ห้อมล้อมดาบทวีความเจิดจ้ายิ่งขึ้น

                ดาบยืดตัวยาวราวกับหอกแห่งแสงและยังคงยืดออกไปจนกระทั่งปะทะเข้ากับกำแพงสนามพลังที่กางปกป้องประตูไว้ เพียงพริบตาเดียวที่สัมผัสกันหอกแสงก็แทงทะลุปราการป้องกันนั้นทำให้กำแพงกั้นที่เคยมีอยู่สลายไป

                ข้าวหลามมองดูปราการซึ่งพวกตนทุ่มเทกำลังและเทคโนโลยีมากมายเพื่อสร้างมันขึ้นถูกทำลายลงอย่างง่ายดายก็สบถออกมา

                “อึก...ชีพจร...มังกร ไอ้ปีศาจเอ้ย.."

                อีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้นก็เพิ่มแรงบีบที่มือ

                “อ๊ากกก!

                ข้าวหลามกรีดร้อง

                “ปีศาจน่ะมันพวกแกต่างหาก

                มนุษย์ต่างดาวพูดเหมือนไม่พอใจก่อนจะผ่อนแรงที่มือลง

                "..."

                ขณะเดียวกันสัตว์เทวะทั้งเต่าและหงส์ก็โคจรมาพบกันในที่สุด

                ตอนนั้นเองหางของสัตว์เทวะเต่าก็กลายเป็นสายธารทรายไหลบ่าเทลงบนท้องถนน ธารทรายนั้นต่อมาได้ก่อรูปก่อร่างเป็นศีรษะงู ทำให้มีทั้งเต่าและงูอยู่ในร่างเดียวกัน

                เม็ดทรายบนพื้นเริ่มลอยตัวเพราะแรงลมร้อนที่เกิดจากการลุกไหม้ร่างกายของสัตว์เทวะหงส์ไม่นานจากนั้นพายุทรายก็ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ทำให้ทัศนวิสัยย่ำแย่ลงถึงขั้นมองไม่เห็นชื่อบนหน้าจอแสดงพลังชีวิต

                มนุษย์ต่างดาวพูด

                "เอ้า รีบบอกมาซักทีว่าอิงศรที่พวกแกเอาตัวไปน่ะอยู่ที่ไหน"

                อีกฝ่ายเปิดเผยเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมาจนน่ากลัว แต่หากมันมีเป้าหมายที่อิงศรแล้วล่ะก็นั่นยิ่งบอกไม่ได้เข้าไปใหญ่

                "ค..ใครมันจะไปรู้วะ"

                พอตอบไปอย่างนั้นคอก็ถูกบีบแน่นขึ้น

                "อึก...อ๊ากกก!"

                ข้าวหลามกรีดร้องอีกครั้งแต่หนนี้กลับยังไม่มีการผ่อนแรงดูเหมือนจะไปกระตุ้นต่อมเข้าให้ซะแล้ว สายตาของมนุษย์ต่างดาวเหมือนบอกว่า 'จะไม่ปราณีแล้ว' ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงต้องตายที่นี่เพราะไม่สามารถขายพวกพ้องได้

                ท่ามกลางพายุทรายที่โหมกระหน่ำมีเพียงตัวเด็กหนุ่มกับศัตรู

                แต่ทั้งอย่างนั้นแล้วมิ่งขวัญกลับรู้สึกถึงตัวตนอื่น

                ในตอนนั้นเอง...

                ดาบก็พุ่งออกมาจากพายุทราย มิ่งขวัญรับไว้ด้วยดาบในมือขวาแล้วมองไปยังอีกฝ่ายที่จับดาบจู่โจมมาปรากฏตัวจากม่านทราย เป็นเด็กหนุ่มผมตั้งในชุดเครื่องแบบที่เหมือนกับชายคนที่เขากำลังบีบคอเค้นความจริง

                มิ่งขวัญเดาะลิ้น

                "ชิ ยังจะมีคนมาเพิ่มอีกเรอะ"

                แล้วออกแรงดันดาบจนอีกฝ่ายเซถลากลับไปอย่างง่ายดาย

                "ถอยออกมาเลยกวินทร์"

                มีเสียงของผู้ชายดังมาอย่างนั้น

                มิ่งขวัญกวาดสายตามองรอบๆ อย่างใจเย็นและพบว่าจากทางขวาของเขามีเงาคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังม่านทราย

                "ตรงนั้น"

                มิ่งขวัญแทงดาบไปที่เงานั่นแต่มันกลับหายไป รู้สึกได้ว่าดาบไม่ได้แทงโดนเป้าหมาย

                จากนั้นเด็กหนุ่มที่จู่โจมมาตอนแรกก็ถอยฉากกลับเข้าไปในม่านทรายเป็นจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงแหวกทรายดังขึ้น

                เสียงมาจากทางด้านบนของจุดที่เขาแทงดาบไปเมื่อครู่

                บนนั้นเด็กหนุ่มผมสีแดงกระโจนฝ่าม่านทรายออกมา บางทีตอนที่แทงดาบแรกไปอาจจะกระโดดหลบแล้วพุ่งเข้ามาทั้งอย่างนั้นเลย

                มิ่งขวัญยังคงไม่ขยับเท้าและไม่คิดจะปล่อยมือจากคอของตัวประกันเพราะว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเชื่องช้าจนมองออกได้ทั้งหมด

                วินาทีที่คิดอย่างนั้นก็เผลอให้ความประมาทครอบงำ

                แล้ววินาทีที่ประมาทนั่นเอง คมเคียวสีดำก็พุ่งมาจู่โจมจากอีกด้านตรงมุมบอดที่เกิดจากร่างของตัวประกันที่เขาจับเอาไว้พอดี

                เด็กสาวผมแดงซัดเคียวเข้ามาในขณะเดียวกันเด็กหนุ่มผมแดงก็...

                "ไกอาแฮมเมอร์"

                ตะโกนชื่อสกิลแล้วทำให้ท่อนแขนทั้งสองข้างกลายเป็นค้อนหินทุบลงมา

                ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทิ้งตัวประกัน ถึงเขาจะรวดเร็วกว่าแต่หากคิดจะตอบโต้การโจมตีนี้ก็คงเลี่ยงที่จะฆ่าทั้งสองคนไม่ได้ เขาไม่อยากฆ่าโดยไม่จำเป็นและถ้าเป็นไปได้ก็จะพาอิงศรผู้เป็นพี่ชายหนีไปโดยที่ไม่ต้องฆ่าใคร

                มิ่งขวัญปล่อยมือจากคอของตัวประกันแล้วกระโดดถอยไปข้างหลัง การจู่โจมของทั้งคู่จึงพลาดไป

                "มันไวจริงๆ เลยพับผ่าสิ"

                เด็กหนุ่มผมแดงพูด

                "แต่ก็ต้อนมาถึงตามแผนแล้วนะครับ"

                เด็กหนุ่มผมตั้งที่จู่โจมด้วยดาบโผล่จากม่านทรายมารวมแถวเป็นสามคน

                แล้วเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางแถวก็ย่อตัวก้มลงครึ่งขา

                "จัดการเลยค่ะ"

                เธอพูดกับใครบางคนที่ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในนี้ แล้วจากช่องว่างที่ย่อตัวลงลูกธนูโลหะก็ทะยานออกมาจากที่นั่น รวดเร็วและกะทันหันเกินไปจนหลบไม่พ้น ดังนั้นมิ่งขวัญจึงยกโล่ต้านรับการโจมตีแทนที่จะหลบ

                ลูกธนูปะทะเข้ากับโล่แต่ไม่สะท้อนออก กลับกันส่วนหัวของธนูแตกปลายแล้วยึดจับกับโล่เหมือนรากไม้ มิ่งขวัญจำได้ในทันทีที่เห็นมัน

                "นี่มัน...ไลท์เทนนิ่งร็อดแอโร่ว..."

                เหมือนภาพความทรงจำเมื่อสามปีก่อนจะหวนกลับคืนมา 'เขากับพี่ชายสองคนร่วมมือการต่อสู้กับสัตว์เทวะด้วยสกิล 'ไลท์เทนนิ่งร็อดแอโร่ว' และตัวเขาก็จะใช้สกิลธาตุสายฟ้าเพื่อสร้างความเสียหายจากผลของสกิลนั้น' ภาพความทรงจำในวัยเยาว์นั่นราวกับจะเล่นซ้ำขึ้นมาตอนนี้ แต่มีส่วนที่ต่างออกไป

                ส่วนต่างที่ว่าก็คือตัวเขาที่กลายเป็นเป้าให้กับการโจมตีผสานนั่นซะเอง

                เด็กสาวถือเคียวที่ยืนอยู่ตรงกลางแถวพูดว่า

                "เอาล่ะค่ะมาเริ่มยุทธการสายล่อฟ้าเชือดเอเลี่ยนกันเถอะ"

                จากนั้น...

                "อิเล็กทริคเบลด"

                เด็กหนุ่มที่ใช้ดาบก็เสกให้สายฟ้าวนพันรอบตัวดาบ

                "ซุสนัคเคิล"

                เด็กหนุ่มผมแดงเรียกสายฟ้าลงมาห่อหุ้มที่กำปั้น

                แล้วผลลัพธ์ก็คือกระแสไฟฟ้าซึ่งกระจายออกจากสกิลที่ใช้ถูกรวบรวมไปโดยลูกธนูที่ติดอยู่กับโล่ทำให้มิ่งขวัญถูกไฟฟ้าช็อตจนแถบพลังชีวิตลดลง

               

    มิ่งขวัญ Lv. 90

    [/////14560:16000///..]

     

                เด็กหนุ่มต่างดาวพยายามฝืนกลั้นต่อความเจ็บปวด

                "อึก..พวกแก...กล้าเอาวิธีของชั้นกับพี่มาใช้อย่างนั้นเหรอ"

                แล้วพึมพำด้วยสีหน้าเจ็บปวดเพราะถูกเล่นงานโดยของที่ตัวเองเคยใช้มาก่อน รู้สึกเหมือนความโกรธกำลังปะทุขึ้นมาข้างในอก

                มิ่งขวัญกระชับดาบในมือแล้วมองข้ามสามคนตรงหน้าไป

                มองไปยังเงาร่างที่อยู่พ้นพายุทรายซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ยิงลูกธนูนี้มาแต่เพราะทรายเลยทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นใครอย่างไรก็ตาม...

                "จะเป็นใครก็ช่างจะขอจัดการล่ะนะ"

                มิ่งขวัญขบกรามแล้วพูดคำรามออกมาทั้งอย่างนั้น ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจยกโทษให้เจ้าคนที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

                ...โดยที่ไม่รู้เลยว่าความปรารถนาได้มาอยู่ต่อหน้าแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×