คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : Login 41: แอพที่ทำให้บิน
Login 41: แอพที่ทำให้บิน
สัตว์เทวะระดับจ่าฝูงซึ่งมีรูปลักษณ์อันถือกำเนิดขึ้นจากตำนานของสัตว์เทพพิทักษ์จตุรทิศ
อัลบิโน่วคลอว์ (Albino Claw) ชื่อของสัตว์เทวะเสือขาวหุ้มเกราะซึ่งหันปลายกระบอกปืนใหญ่ที่ชาร์จอนุภาคแสงจำนวนมากเพื่อจะยิงกวาดล้างกองทัพขององค์กรเมตไตรยที่ขวางทางให้สิ้นซาก
แผนการจู่โจมด้วย ‘อิงศรฟอร์เมชั่น’ ล้มเหลว
กวินทร์ วชิระ ติดกับจนขยับตัวไม่ได้และถูกใช้เป็นตัวประกัน
นั่นคือสถานการณ์ทั้งหมดในตอนนี้
“ชาร์จบีมเนี่ยมันเป็นสกิลแบบไหนเหรอ”
อิงศร โรจน์จุฬา ได้ยินเสียงถามของเมษา ธุวดารกะ ท่ามกลางความวุ่นวายนี้
เบื้องหน้าของเขาเมษากำลังพูดคุยกับมีนา ธุวดารกะ
ที่มีสถานะเป็นพี่สาวฝาแฝดร่วมสายเลือดตระกูลธุวดารกะซึ่งเป็นตระกูลผู้นำองค์กรเมตไตรยที่เขาสังกัดอยุ่ในตอนนี้
“จำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นสกิลที่ต้องติดตั้งบิลด์คลาสสเปเชียลลิสต์(Specialist)
ของอาชีพเรนเจอร์เหมือนคุณพี่ข้าวหลามก็จะมีสกิลนี้นะ”
มีนาตอบคำถามให้น้องชาย
แล้วจากทางด้านหลังของอิงศรนั่นเอง นรินทร์ก็พูดแทรกเข้ามา
“ชาร์จบีมเป็นสกิลโจมตีกวาดล้างเป้าหมายด้านหน้าแบบเป็นเส้นตรงพลังทำลายน่ะถ้าโดนเข้าไปคงได้เจ็บหนัก
แถมคนใช้ยังเป็นสัตว์เทพระดับนั้นอีกมีหวังได้ตายในการโจมตีทีเดียวแน่”
เด็กหนุ่มพูดทั้งที่ยังสวมแว่นตาปีศาจเอาไว้ยังคงวิเคราะห์ข้อมูลของศัตรูออกมาเรื่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้นหลบออกด้านข้างก็พ้นแล้วสิเจ้านั่นตัวมันยังเป็นน้ำแข็งอยู่หันตามมายิงไม่ได้หรอก”
เมษาพูดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันก็ควรจะทำแบบนั้นจริงๆ นั่นล่ะ แต่ว่า...
แล้วกวินทร์ล่ะ?
จะให้ทิ้งไปเลยเหรอ?
ตอนนั้นเองมีนาก็ตะหวาดใส่น้องชาย
“แล้วจะให้ทิ้งคุณกวินทร์เหรอ”
พลางชี้ไปยังรุ่นน้องที่ติดสภาวะ ‘อัมพาต’ จนยืนตัวค้างอยู่เบื้องหน้ากระบอกปืนของสัตว์เทวะ
“เออ ลืมไปเลยเจ้ากวินทร์มันขยับตัวไม่ได้นี่นะ”
สรุปได้ว่ามีสองสาเหตุนั่นคือ...
ลืมเพราะความทึ่มที่สมองมีแต่กล้าม
ลืมเพราะความใจดำอำมหิต
อิงศรสรุปว่ามันเป็นแบบแรกโดยไม่นึกสงสัย
“ยังไงก็เถอะต้องช่วยคุณกวินทร์ก่อนล่ะค่ะเดม่อนแอพ”
เด็กสาวพูดแล้วตั้งท่าเงื้อเคียวในมือแต่อิงศรก็พูดขัดไว้ซะก่อน
“แต่ตอนนี้เจ้ากวินทร์มันพูดไม่ได้ไม่ใช่เหรอแล้วจะพามันกลับมายังไง”
เพียงแค่นั้นเด็กสาวก็หยุดชะงักทันที
“อ...อุ้ย จริงด้วย”
ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่คนน้องแต่คนพี่เองก็ยังขี้ลืมด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดล้อเล่นไร้สาระกันเลยแท้ๆ
เท่าที่รู้มา ’ชาร์จบีม’ เป็นสกิลที่ใช้เวลาในการรวบรวมพลังนานเป็นพิเศษ
เดิมทีแล้วมันเป็นท่าสำหรับทำลายปราการไม่ได้มีไว้พิชิตศัตรู
แต่สัตว์เทวะกลับใช้มันเล็งมาที่พวกเขาจะว่ามันโง่หรือเย่อหยิ่งจนดูถูกความสามารถของมนุษย์เกินไปดีล่ะ
ตอนนั้นเองเสือขาวก็พูดมาว่า
“ยืนรอกันสบายเชียวนะมนุษย์เอ๋ยถึงมันพอจะมีเวลาอยู่บ้างก็เถอะแต่พวกเจ้าไม่มีทางทิ้งตัวประกันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะเพราะข้าเห็นมาทั้งหมดแล้วจากดวงตาของเซลูลีนอายส์พวกเราทั้งสี่คือหนึ่งเดียวกันจึงเชื่อมถึงกันและรับรู้ได้ด้วยกันการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าน่ะข้า
ไม่สิถูกพวกเราคาดการณ์ไว้ทั้งหมดแล้ว”
หรือที่จริงแล้วฝ่ายที่โง่จะเป็นมนุษย์เสียเอง
โง่พอจะลังเลที่จะเคลื่อนไหวเพื่อรักษาชีวิตส่วนมากไว้ก่อนชีวิตส่วนน้อย
ถ้าว่ากันตามตรงแล้วก็ควรจะทิ้งกวินทร์แล้วระดมโจมตีไปเลยแต่ต้องใช้การโจมตีระยะไกลเท่านั้นเพราะในรัศมีรอบตัวเสือมีแต่สนามไฟฟ้าที่ทำให้เป็นอัมพาตปล่อยเอาไว้ซึ่งจะทำให้หลีกเลี่ยงไม่ให้กวินทร์โดนลูกหลงไปด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ยากจนเป็นไปไม่ได้
ควรจะทิ้งกวินทร์ไปซะ...
ถ้าเป็นตัวเขาคนก่อนก็คงจะคิดแบบนั้น
ถ้าเป็นตัวเขาก่อนที่จะได้สนิทกับทุกคนล่ะก็...
“ก็คงทำไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ”
เพราะหากทำได้ตอนที่โลกล่มสลายเมื่อสี่ปีก่อนตนเองคงเลือกจะทิ้งมิ่งขวัญที่เป็นน้องชายตอนอยู่ในห้างไปนานแล้วรวมถึงคงไม่นึกเสียใจที่ปกป้องใครไว้ไม่ได้เมื่อสามปีก่อนนั้นด้วย
ปิ๊บๆๆ
เสียงเมล์เข้า
มันมาแล้ว...
มาจนได้เจ้าตัวเร่งให้การตัดสินใจต้องเด็ดขาดและรวดเร็วยิ่งขึ้น
อิงศรเปิดเมล์อ่าน
======================
Subject: @Clipius Death Timing
Delivery
Form: GM
Detail:
ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!
เวลาชีวิตที่เหลือของ
กวินทร์ วชิระ คือ
[00:00:30]
======================
สามสิบวิ...น้อยขนาดนั้นเชียว
เวลาที่ต้องตัดสินใจกับลงมือทำมีเพียงแค่สามสิบวินาที
แค่เวลาจะเปิดภาพใบหน้ายามสิ้นชีพเพื่อคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นยังมีไม่พอเลยด้วยซ้ำ
“บ้าชะมัดเลย”
เด็กหนุ่มสบถแล้ววิ่งออกไป
เมษา มีนา และนรินทร์ต่างก็ส่งเสียงเรียกเขาไว้
“เฮ้เดี๋ยวจะทำอะไรน่ะศร”
“คุณอิงศร”
“อิงศรจะไปไหนน่ะ”
พวกนั้นไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แต่กวินทร์เองก็ไม่เหลือเวลาแล้วเช่นกัน
ดังนั้นช่วยกวินทร์ก่อนแล้วค่อยมาอธิบายกับเจ้าพวกนั้นอีกที
ถือเป็นการคิดและวางตัวอย่างสมเหตุสมผลที่สุด
แต่ขณะเดียวกันมันก็ไร้เหตุผลสิ้นดีเหมือนกันเพราะเขาก้าวเท้าออกมาโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าจะช่วยยังไง
รู้เพียงแค่ว่ากวินทร์กำลังลำบาก กำลังต้องการความช่วยเหลือ
ด้วยเหตุผลแค่นั้นทำให้เขาเคลื่อนไหวโดยไร้ซึ่งการคิดทบทวนมีแต่การเตรียมใจราวกับเป็นคนโง่
อีกไม่ถึงสิบก้าวน่าจะเหยียบเข้าไปในระยะที่สัตว์เทวะปล่อยสนามไฟฟ้าออกมา
อีกไม่ถึง 20 วินาทีกวินทร์จะตาย
อีกไม่นาที่ปืนของสัตว์เทวะก็จะชาร์จเสร็จ
เวลามีไม่พอ พลังมีไม่พอ แต่ทว่า....
“เจ้าสร้างข้า ข้าคือเจ้า”
เสียงปริศนาที่เคยดังขึ้นเมื่อตอนที่เข้าตาจนเพราะถูกมังกรในร่างของมีนาไล่ต้อนกลับดังขึ้นมาตอนนี้
มีแสงแยงตาลงมาจากทางด้านบนอิงศรเงยหน้าขึ้น มองไปยังต้นกำเนิดแสง
ไพ่ใบหนึ่งกำลังหมุนและร่วงหล่นลงมา
แล้วก็เหมือนมีปาฏิหาริย์หลั่งไหลเข้ามาในสมอง
อยู่ๆ ก็นึกวิธีช่วยกวินทร์ขึ้นมาได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ราวกับเป็นปาฏิหาริย์ ไม่สิมันคือปาฏิหาริย์จริงๆ นั่นแหละ
“อาคานาร์ฟอร์ซ”
ไพ่ตอบรับต่อเสียงเรียกของอิงศรและเปล่งแสงสว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้น
หน้าจอเด้งเปิดขึ้นมาเองมีข้อความเขียนเอาไว้
‘การติดตั้งเดม่อนแอพพลิเคชั่นเสร็จสิ้น’
แอพพลิเคชั่นปีศาจอันใหม่ถูกติดตั้งลงในดาบสั้นที่เอวเด็กหนุ่มชักมันออก
“สเลปเนียร์!!”
ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้น เบาเป็นอย่างมาก
เบาจนรู้สึกว่าจะลอยหวิวไปได้เลยถ้าหากโดนสายลมพัด
อาชาแห่งราชันย์เทพสเลปเนียร์มีความสามารถที่พอใช้งานแล้วจะทำให้ผู้ใช้ตัวเบาเหมือนลอยได้และบินได้ในระยะเวลาหนึ่งอีกทั้งยังมีสรรพคุณรักษาและป้องกันสถานะผิดปกติรวมถึงยังส่งผลของคุณสมบัติให้กับคนที่สัมผัสร่างกายของผู้ใช้ด้วย
เวลาในเมล์เหลืออีก 10 วินาที
10
9
8
7
อิงศรกระโดด
ร่างกายเริ่มลอยขึ้น เท้าไม่ติดพื้นอีกแล้ว
6
5
เด็กหนุ่มบินตรงไปข้างหน้า บินเหมือนพุ่งตัวไป
เหมือนกำลังเหาะอยู่ประหนึ่ง 'ปีเตอร์แพน' ในนิทาน
"กวินทร์!"
4
3
อิงศรเหาะมาถึงตัวกวินทร์
เขาใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับดาบซึ่งถือคันธนูอยู่สอดแขนลงไปในสายดีดเพื่อสะพายคันธนูแล้วจึงใช้มือข้างนั้นจับมือของเด็กหนุ่ม
2
1
“ตายซะเถอะมนุษย์”
เสือคำรามปืนของมันเล็งตรงมายังทั้งสอง
หลบไม่ได้
ไม่สิยังหลบทันอยู่ถ้าทิ้งกวินทร์ไปก็จะสามารถหลบได้
แต่แบบนั้น..
“บ้าเอ้ย”
อิงศรพูดสบถและไม่ยอมปล่อยมือจากกวินทร์ดังนั้นเขาจึงต้องตายที่นี่
ตายพร้อมกับคนที่ช่วยเอาไว้ แต่ทว่า…
“เมื่อได้ยินเสียงแตรแว่วมาโลกจักถึงคราล่มสลายฤดูหนาวจะโหมกระหน่ำถึงสามปีหายนะจะกลืนกินโลกทั้งใบ”
เสียงร่ายสกิลก็ดังขึ้นมาในตอนนั้นเอง
เป็นเสียงของนรินทร์
“กิอัลลาร์ฮอร์นฟิมบูลวินเทอร์ (Gjallarhorn Fimbulwinter)”
จากทางด้านหลังอิงศรรู้สึกถึงสายลมที่เข้ามาปะทะรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา
ผงละอองสีขาวลอยผ่านหน้าเขาไป
“หิมะ?”
มันคือเศษผงของหิมะ
จากนั้นผลึกหิมะจำนวนมากก็โถมซัดใส่ร่างของอิงศรกับกวินทร์รวมถึงเสือขาว
นี่เป็นสกิลที่นรินทร์ร่ายออกมา
พวกเขาไม่ได้รับความเสียหายดูเหมือนจะไม่ใช่สกิลสำหรับโจมตี
ถ้างั้นก็เป็นสกิลสำหรับตรึงเป้าหมายหรือไม่ก็ลดสมรรถภาพ
ท่ามกลางพายุหิมะที่โหมกระหน่ำมามีเพียงเสือที่กลายเป็นน้ำแข็ง
ดังนั้นก็จะเข้าเงื่อนไขแรกนี่เป็นสกิลสำหรับตรึงเป้าหมายแต่การที่พวกเขาไม่ถูกลูกหลงไปด้วยคงเป็นเพราะได้แพพลิเคชั่นปีศาจคุ้มครองเอาไว้จากสภาวะผิดปกติ
บนหน้าจอแสดงพลังชีวิตของเสือปรากฏสถานะผิดปกติ
Heraldic Beast Deity: Albino Claw
Lv. 50 (Ragnarok)
[///..18600:55000.....]
มีนาซึ่งยืนดูสถานการณ์โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนคนอื่นๆ
ในกองร้อยที่ตอนนี้พากันแตกตื่นก็พูดขึ้น
“กิอัลลาร์ฮอร์นฟิมบูลวินเทอร์ เป็นสกิลเลเวลหกสิบที่เงื่อนไขแค่เป็นอาชีพสเปลเลอร์ก็สามารถติดตั้งได้แล้วแต่ระยะเวลาในการร่ายสกิลนั้นนานมากเป็นสกิลที่การใช้งานยากพอๆ
กับมหาเขตแดนไกลนิลพ์ของคุณอิงศรเลย ไม่อยากเชื่อว่าคุณนรินทร์เองก็จะบิลด์สกิลแบบนั้นไว้นะคะเนี่ย”
แล้วหล่อนก็หันกลับไปมองด้านหลังซึ่งเด็กหนุ่มผู้ร่ายสกิลสร้างพายุหิมะยืนอยู่
นรินทร์ที่ยื่นมือขวาซึ่งปลดปล่อยพายุหิมะออกไปด้านหน้าส่วนมือซ้ายกำไม้เท้าไว้ก็พูด
“ผมกะเวลาให้ร่ายออกมาเร็วที่สุดเลยใช้มันแค่เลเวลหนึ่งเพื่อลดเวลาร่ายแต่ระยะเวลาแสดงผลอยู่ได้ไม่นานหรอกนะรีบบอกให้อิงศรหนีออกมาเถอะครับ”
แล้วฝากฝังมีนาไว้แบบนั้น แต่อิงศรที่อยู่ห่างจากเขาไปเสียไกลกลับพยักหน้าให้ราวกับได้ยินเรื่องที่ทางนี้พูดกันอยู่แล้วกึ่งหอบกึ่งลากตัวกวินทร์ออกมา
แต่น้ำแข็งที่ผนึกร่างของสัตว์เทวะไว้กลับกะเทาะแตก
นรินทร์ตะโกน
“เร็วเข้าเหลือเวลาไม่ถึงสามวิแล้ว”
ตอนนั้นเองจุดที่เมษายืนอยู่ก็เด่นชัดขึ้นมาด้วยแสงสีดำที่เปล่งออกมาจากลูกบอลพลังซึ่งถูกอังไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของเจ้าตัว
ลูกบอลพลังเป่งตัวขยายจนใหญ่เท่าลูกฟุตบอล
จากนั้นเมษาก็เล็งมันไปที่เสือซึ่งยังไม่หลุดออกมาจากน้ำแข็ง
“วอยด์บลาส”
ลูกบอลพลังหดตัวเล็กลงในชั่วพริบตาก่อนจะระเบิดแล้วปลดปล่อยลำแสงทำลายพุ่งออกไปข้างหน้า
จู่โจมบดขยี้ทำลายร่างของสัตว์เทวะที่อยู่ภายในน้ำแข็งจนแตกเป็นเสี่ยงแรงระเบิดทำให้น้ำแข็งป่นเป็นผงจนบริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยหมอกน้ำแข็ง
แต่หน้าจอแสดงพลังชีวิตของเสือก็….
Heraldic Beast Deity: Albino Claw
Lv. 50
[…..0:55000.....]
แล้วเมษาก็ยิ้มแต่สีหน้ายังคงเค้าลางแห่งความตกตะลึงไว้
“โว๊ะ! ทั้งที่กะยิงให้กระเด็นจะได้เบี่ยงเป้าเฉยๆ
ดันตายซะงั้น”
พอได้ยินแบบนั้นมีนาก็เริ่มอธิบาย
“เดิมทีวอยด์บลาสมันก็แรงอยู่แล้วล่ะแถมสถานะแช่แข็งที่สกิลของคุณนรินทร์ปล่อยใส่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่แค่แช่แข็งธรรมดาแต่เป็นแร็คนาร็อคที่ทำให้ความเสียหายกลายเป็นสามเท่าได้ครั้งหนึ่งด้วยนี่นา”
ขณะเดียวกันอิงศรก็เพิ่งจะพาตัวกวินทร์กลับมารวมกลุ่ม
เด็กหนุ่มตัวสั่นงกๆ
“น…หนาว~~”
แล้วถูกปล่อยตัวลงไปนั่งกับพื้น ส่วนอิงศรเก็บดาบลงฝักเพื่อให้แอพพลิเคชั่นปีศาจหยุดทำงานและกลับมายืนบนพื้นอีกครั้ง
สถานการณ์เหมือนจะคลี่คลายแต่อิงศรกลับปักใจเชื่อไม่ลง
เขามองไปยังกลุ่มหมอกควันที่เกิดจากน้ำแข็งซึ่งสัตว์เทวะเคยยืนอยู่จนถึงเมื่อครู่
แล้วหันกลับมามองนรินทร์พร้อมทั้งสั่งว่า
“นรินทร์ตรวจสอบเจ้านั่นที”
“กำลังทำอยู่ผมเองก็คิดเหมือนกันแหละว่ามันไม่น่าจบง่ายๆ แบบนี้ก็ตอนมังกรน่ะยังเล่นเราซะแทบแย่เลยนี่”
พอนรินทร์พูดมาแบบนั้น
มีนาก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบแล้วยืนกอดอกตัวสั่นเล็กน้อย
“พอคิดถึงตอนนั้นแล้วยังรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกอยู่เลยล่ะค่ะ”
ยัยนี่ก็ยังกล้าพูดเล่นแบบนั้นได้อีกทังที่ตัวเองเกือบจะตายไปหนหนึ่งแท้ๆ
ระหว่างที่พวกเขากำลังสนทนากันอย่างเย็นใจอยู่นั่นเอง…
เสียงหัวเราะของเสือกดังขึ้น
“ฮะฮะฮะ ขอชื่อชมในฝีมือของพวกเจ้าที่ทำให้เทพเจ้าอย่างพวกเราต้องล้มถึงสองครั้งสองคราแต่ว่าความสิ้นหวังที่เกิดจาการมาลบหลู่เทพนั้นพวกเจ้าจะรับมันไหวรึเปล่านะ”
ร่างของเสือที่อยู่ในหมอกน้ำแข็งเปล่งแสงออกมา
แสงสว่างนั้นทยอยเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มัน”
นรินทร์พูดน้ำเสียงหวาดผวาจนน่ากลัว
อิงศรถามหาสาเหตุทันที
“อะไรอีกล่ะ”
“เจ้านี่ก็มีพลังพิเศษที่จะทำงานตอนตายเหมือนกันมันจะระเบิดตัวเองเป็นความเสียหายที่รุนแรงมากแล้วพวกเราก็ยังยืนอยู่ในรัศมีของมันอีกด้วย”
“อีกนานแค่ไหนกันมันถึงจะระเบิด”
สิ้นคำอิงศร ก็เกิดเสียงระเบิดดังตูม
แสงสว่างวิ่งตัดหมอกน้ำแข็งอาบย้อมทุกอย่างจนราวกับโลกทั้งใบกลายเป็นกลายเป็นสีขาวโพลน
ความคิดเห็น