คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Login 31: ชีพจรมังกร
"สวัสดีมนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตานี้ดึงดูดมา"
ผู้ถูกลืมเลือนพูด
ห้องที่ผุพังและเก่าโทรม...
ที่นี่คือรูนรูม
"มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกเพิ่งจะกลับไปเองแล้วก็ยังไม่ชนะสลาฟผมเหมือนเดิม"
"..."
"เอ๋
ถามว่าทำไมผมถึงคุยกับเธอได้น่ะเหรอก็เพราะว่าที่นี่คือรูนรูมน่ะสิ"
"..."
"อะไรนะอยากรู้เหตุผลมากกว่านั้นเหรอ"
ผู้ถูกลืมเลือนทำท่าคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดต่อไปว่า
"คงต้องขออธิบายก่อนว่าอาคาชิกเรคคอร์ดคืออะไร
มันคือศูนย์รวมเหตุการณ์ ความรู้ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ตั้งแต่ต้นไปจนจบ
อาคาชิกเรคคอร์ดมีชะตากรรมของมนุษย์ทั้งหมดเก็บรวมอยู่ในนั้นแล้วที่ตรงส่วนฐานของศูนย์รวมเหตุการณ์นั่นก็คือที่นี่รูนรูมแห่งนี้"
"..."
ผู้ถูกลืมเลือนยังคงพูดต่อไปว่า
"แน่นอนว่าพวกเธอมนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตานี้ดึงดูดมาก็ถูกบันทึกไว้ในอาคาชิกเรคคอร์ดด้วยเช่นกันดังนั้นเราถึงสื่อสารกันได้
ดังนั้นผมจึงรู้ถึงการมีคัวตนอยู่ของพวกเธอเหล่าผู้จับตาดูเฉกเช่นเดียวกัน"
ตอนนั้นเอง
ก็มีเสียงดังปิ๊บติดกันสามครั้ง...
"ดูเหมือนจะมีอัพเดทจากอาคาชิกเรคคอร์ดมาล่ะ"
ผู้ถูกลืมเลือนพูดพลางแตะนิ้วลงบนอากาศที่ว่างเปล่า
ทันใดนั้นหน้าจอระบบก็ปรากฏขึ้นมา เขาก้มมองหน้าจออ่านรายละเอียดของมัน
จากนั้นจึงเงยหน้าแล้วพูดว่า...
"ตอนนี้ผมกำลังมีความรู้สึกที่พวกเธอเรียกกันว่า
'ลำบากใจ'
เกิดขึ้นมาแล้วสิ ผมควรจะส่งเมลล์ฉบัยนี้ให้ใครดีนะ"
พูดพร้อมกับเปิดหน้าจอย่อยขึ้นมาอีกหน้า
บนหน้าจอนั้นมีรายชื่อลอยอยู่
อิงศร
มิ่งขวัญ
มีนา
เมษา
กวินทร์
ยังมีรายชื่อต่อลงไปอีกแต่ความสูงของหน้าจอไม่พอที่จะแสดงมันได้ทั้งหมด
"เอาเถอะไว้ค่อยคิดก็แล้วกัน"
ผู้ถูกลืมเลือนสรุป
จากนั้นห้องก็ถูกปกคลุมด้วยหมอก...
ทุกสิ่งค่อยๆ เลือนลางหายไป...
Login
31: ชีพจรมังกร
ค่ายฝึกทหารชั่วคราวของเมตไตรยถูกโจมตีโดยเรดบอสระดับห้าสิบ
นั่นเป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว
จึงได้มีการอพยพพลเรือนออกไปจากค่ายเพื่อป้องกันความเสียหายต่อมนุษยชาติให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด
แต่เพราะว่ากำลังพลมีไม่เพียงพอจึงไม่สามารถส่งคนไปคุ้มกันขบวนรถอพยพได้และเส้นทางที่ใช้เคลื่อนขบวนก็ยังควบคุมฮาบิแททพอยซ์จากที่นี่
ดังนั้นจะปล่อยให้ค่ายแตกไปก่อนที่ขบวนผู้อพยพจะเข้าสู่เส้นทางที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของศูนย์บัญชาการกลางที่ชลบุรีไม่ได้เด็ดขาด
ด้วยเหตุนั้นและเพื่อการรักษาค่ายแห่งนี้เอาไว้สำหรับในเรื่องของผลประโยชน์ต่อกองทัพทำให้มีการวางแผนรบรับมือกับเรดบอสในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่
เป็นแผนการรบระดับที่เรียกว่าสงครามขนาดย่อมเลยก็ว่าได้เพราะมีการใช้คนมากถึงสามร้อยคนในปฏิบัติการคราวนี้
เป็นจำนวนที่มากเอาการสำหรับโลกที่ล่มสลายซึ่งมนุษย์เหลือจำนวนอยู่เพียงหยิบมือ...
พื้นที่ของมหาลัยที่ใช้เป็นค่ายฝึกชั่วคราวมีประตูทางเข้าหลักสี่ทิศด้วยกัน
แบ่งเป็นประตูทิศ ตะวันออก ตะวันตก ทิศเหนือ และ ทิศใต้
กองกำลังจึงถูกแบ่งออกเป็นสี่กองย่อย
อันดับแรกคือกองร้อยจู่โจมมีกำลังพลทั้งหมดหนึ่งร้อยนายเป็นกำลังหลักในสงครามครั้งนี้ซึ่งมีหน้าที่จัดการกับศัตรูที่จะบุกมายังประตูทิศตะวันออก
อีกสองกองย่อยเป็นหน่วยที่แบ่งกันไปกองละสี่สิบห้าคนคอยรับผิดชอบประตูทิศใต้กับทิศตะวันตกส่วนอีกห้าคนที่เหลือนั้นจะรับผิดชอบประตูทิศเหนือซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของสงครามครั้งนี้
ที่สามารถใช้จำนวนเพียงแค่นั้นในการรับมือกับประตูทิศนั้นได้เพราะว่าผู้ควบคุมหน่วยที่นั่นคือพันโทข้าวหลามที่มีเลเวลเก้าสิบ
เป็นเลเวลสูงสุดสำหรับมนุษย์อีกทั้งพันโทเองก็ยังมีประสบการณ์โชกโชนจึงไว้ใจเรื่องนั้นได้
กองกำลังที่ประตูทั้งสามทิศจะทำหน้าที่ถ่วงเวลาจนกว่ากองร้อยจู่โจมจะจัดการจ่าฝูงสัตว์เทวะที่บุกมาจากทิศตะวันออกเสร็จจากนั้นก็จะวนรวมกำลังกับแต่ละประตูแล้วจัดการไล่ไปเรื่อยๆ
จนไปบรรจบกันที่ประตูทิศเหนือของพันโทข้าวหลาม
นั่นคือแผนของสงครามครั้งนี้ที่
นรินท์ สรุปออกมา
เขาจำเป็นต้องจำมันให้ขึ้นใจเพราะต้องรับหน้าที่บัญชาการกองร้อยจู่โจมซึ่งเป็นกุญแจหลักในการพิชิตสงครามนี้...
หรืออย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าทีมของอิงศรจะกลับมาถึง พลเอกสิงห์สั่งเขาไว้อย่างนั้น
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ‘ร้อยโท’ เพื่อให้มีอำนาจสั่งการในระดับกองร้อยได้
บัดนี้เวลาเก้าโมงตรง
บนถนนที่แบ่งไว้สี่เลน
คั่นตรงกลางระหว่างเลนสองกับสามด้วยเสาค้ำสะพานที่ทอดยาวไปจนลับสายตา
ท้องฟ้าเปิดโล่งไร้ซึ่งเมฆหมอก
อุณหภูมิก็สูงด้วยเช่นกัน
รูสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้านหลังสะพาน
มันขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
บางสิ่งพุ่งออกมาจากข้างในรูสีดำนั่น
แล้วมันก็หดตัวปิดจนกระทั่งหายไปในที่สุด
สายลมพัดกรรโชกรุนแรงเพราะสิ่งที่พุ่งออกมาจากรู่นั่น
ได้ทะยานข้ามหัวเขากับพรรพวกร่วมกองร้อยทั้งเก้าสิบเก้าคนไป
เจ้าสิ่งนั้นพุ่งไปตามแนวของสะพานแล้วบินตีลังกากลางอากศวกกลับมาด้วยความเร็วสูง
ขณะเดียวกันก็มีเสียงของพลเอกสิงห์ที่ตอนนี้อยู่ที่ศูนย์บัญชาการ
ดังแว่วออกมาจากหน้าจอสื่อสารที่นรินท์เปิดทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
“เปิดสนามพลังชีพจรมังกร”
จากนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงและผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมในห้องนั้นดังขึ้นมาว่า
“รับทราบ! เปิดใช้สนามพลังชีพจรมังกร”
“เริ่มการส่งถ่ายพลังงานไฟฟ้าเข้าไปยังระบบ”
”การส่งถ่ายเสร็จสมบูรณ์!”
“เปิดใช้งานเดม่อนแอพพลิเคชั่น
อวาตารศักดิ์สิทธิ์ โอริว! (Ouryu)”
บทสนทนาจากศูนย์บัญชาการดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าสิ่งที่พุ่งออกมาจากรูสีดำกำลังจะบินข้ามกำแพงรั้วเข้าไปข้างในค่าย
แต่ทว่า...
“เสร็จสมบูรณ์สนามพลังชีพจรมังกรทำงานหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น”
เสียงพูดจากศูนย์บัญชาการดังขึ้นมา
จากนั้นเจ้าสิ่งที่พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นแล้วกระเด็นลอยออกไปอย่างรุนแรง
ร่างของสิ่งนั้นหยุดลอยอยู่เหนือสะพาน
ร่างกายอันใหญ่โตและรูปลักษณ์อันบ่งบอกถึงตำนาน
มังกร...
มันมีรูปร่างที่เรียกได้ว่าอย่างนั้น มีลำตัวยาว
มีแขนขางอกออกมาจากลำตัวมีกรงเล็บด้วยกันสี่นิ้ว ศีรษะมีเขายาวโง้ง ปากยื่น
เขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงลุกวาวราวกับคบเพลิง ทั้งหมดบ่งบอกว่ามันคือมังกร
แต่ถึงอย่างนั้น...
มันกลับมีผิวกายและส่วนประกอบทั้งหมดเป็นรากไม้
ร่างกายของมันเกิดขึ้นจากการมัดพันกันของรากไม้ยกเว้นแต่ส่วนที่เป็นดวงตา
มังกรอ้าปากคำราม
เสียงของมันดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ดังมาก ดังเสียจนหูอื้อไปชั่วขณะ
“เจ้านั่นคือสัตว์เทวะแน่เหรอ”
นรินทร์พูดย้ำกับตัวเอง
นี่เป็นครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
เขามองไปยังรายละเอียดบนหน้าจอแสดงแถบพลังชีวิตของมังกร
Heraldic Beast Deity: Cerulean-Eyes
Lv. 50
[/////56000:56000/////]
แค่เห็นตัวเลขแสดงพลังชีวิตก็ยังเป็นจำนวนที่เกินจะรับมือ
พวกเขาจะต้องโค่นมันด้วยพลังของมนุษย์กระจ้อยร่อยทั้งหนึ่งร้อยคนจะต้องผสานเข้าด้วยกันแล้วทำลายตัวตนที่อาจเรียกได้ว่าเป็น
‘เทพเจ้า’
ในตอนนี้ทุกคนยังผวากับเสียงคำรามของมังกร
แล้วมันก็พูด...
สัตว์เทวะกำลังพูดอยู่จริงๆ
เป็นการพูดที่ไม่ใช่การใช้สกิล
“เจ้าพวกมนุษย์ที่แสนอ่อนแอไม่เพียงแค่จองจำเทพยังเอามาใช้เป็นเครื่องมือของตนเสียอีกพวกเจ้านี่มันบาปหนานัก”
“เทพ...”
นรินทร์พึมพำ
เมื่อกี้มันพูดว่า ‘จองจำ’
แล้วก็ ‘นำมาใช้’
หรือว่ามันกำลังพูดถึงเดม่อนแอพพลิเคชั่นที่พลเอกสิงห์สั่งให้ใช้งานที่ศูนย์บัญชาการ
ได้ยินมาว่าทางกองทัพเคยพัฒนาเดม่อนแอพพลิเคชั่นที่ทรงพลังอยู่ตัวหนึ่งแต่มันกลับไม่สมบูรณ์แล้วก็ได้ยินว่ามีการเอามันมาประยุกต์ใช้สร้างข่ายป้องกันให้กับค่ายในสงครามครั้งนี้ด้วย
บางทีกำแพงที่สะท้อนตัวของมังกรกลับมาอาจจะเป็นสิ่งนั้น
ถ้าหากว่าตำนานของสัตว์เทพิทักษ์ทั้งสี่เป็นเรื่องจริง
บางทีเรดบอสนี่อาจจะเป็นการทำให้เดม่อนแอพพลิเคชั่นตัวนั้นเสร็จสมบูรณ์ก็ได้อาจจะเป็นแผนที่พลเอกสิงห์คาดหวังผลลัพธ์เอาไว้
มังกรยังคงพูดต่อไป
“จะทะลวงเข้าไปคงไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องจัดการพวกเจ้าที่ขวางไปเสียก่อน”
มันพูดมาอย่างนั้นแล้วโก่งคอขึ้นสูง
อ้าปากกว้างอวดเขี้ยวไม้แหลมคม แล้วสูดลมเข้าไปข้างใน
ดูยังไงก็เป็นการเตรียมโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย
นรินทร์สั่งการทุกคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
“ทุกนายระวัง! มันจะโจมตีเข้ามาแล้ว!”
ทุกคนได้รับการฝึกมาอย่างดีและตอบสนองต่อคำสั่ง
คนที่มีความสามารถในการป้องกันรีบวิ่งออกมาข้างหน้าพร้อมกันโดยพลัน
พลโล่ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอาชีพโคลสเซอร์และมีบิลด์สกิล
‘Safe Guard’ ที่สามารถสร้างกำแพงป้องกันเฉพาะการโจมตีระยะไกลที่มองไม่เห็นได้
ต่างขึ้นมายืนเรียงแถวหน้ากระดานขวางคนข้างหลังเอาไว้สร้างเป็นแนวป้องกันด่านสุดท้าย
ขณะที่พลเทคนิกซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพสเปลเลอร์ใช้สกิลสร้างกำแพงดินขึ้นมาจากพื้นดินเบื้องหน้าแถวของพลโล่ถูกยกขึ้นด้วยพลังเวทจนพูนตัวสูงกลายเป็นแนวเขื่อนดินเรียงซ้อนกันหลายชั้น
ทันใดนั้นมังกรก็ปล่อยการโจมตีออกมาเป็น
ลมหายใจรุนแรงที่มีไอควันสีเขียวปะปนมาด้วย
สายลมอันรุนแรงของลมหายใจนั้นฉีกกระชากคว้านพื้นถนนตามทางที่มันพุ่งผ่านมาจนกระแทกเข้ากับกำแพงดิน
พลังของมันสามารถะลุแนวป้องกันนี้ไปได้
แต่ก็หยุดลงที่แนวสุดท้ายซึ่งเป็นแถวของพลโล่
การโจมตีจบลงเพียงเท่านั้นโดยที่ไม่มีใครต้องเสียสละ
“ป้องกันสำเร็จ..สินะ”
นรินทร์พูดด้วยความรู้สึกโล่งอกน้ำเสียงของเขายังคงสั่นอยู่เล็กน้อย
ตอนนั้นเองทหารหญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“ตอนนี้แหละรีบโต้กลับไปเลย!”
เด็กสาวผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลท่าทางห้าวหาญคนนี้เขาเคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง
ชื่อบนหน้าจอแสดงพลังชีวิตของเธอก็เขียนว่าภัสรา
ถ้าจำไม่ผิดเป็นชื่อของนักเรียนฝึกทหารหญิงระดับท็อปของห้องควีน
เธออายุสิบเจ็ดเท่ากัน
หลายครั้งที่เขามักจะโดนเธอเขม่นใส่เพราะเรื่องการแข่งขันภายในชั้นเรียน
มีเสียงร้องขานรับคำพูดของภัสราดังมาจากพวกทหารที่อยู่ถัดไปด้านหน้า
พวกนั้นเป็นลูกน้องในหน่วยที่เธอควบคุมอยู่
“เดี๋ยวก่อนจะบุกเข้าไปตอนนี้เลยมันเสี่ยงเกินไปนะ!”
นรินทร์พยายามห้ามเพราะคิดว่าการบุกเข้าไปตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม
แต่ก็ถูกเธอสวนกลับมา
“แล้วไงเล่านายจะรอให้จนต้องมีคนตายไปก่อนรึไง
พวกเราคือหน่วยจู่โจมนะต้องโจมตีสิไม่ใช่มาตั้งรับอยู่แบบนี้”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะแต่ว่าเรายังมีข้อมูลของมันไม่พอถ้าบุ่มบ่ามเข้าไปมันจะ...”
“งั้นนายก็วิเคราะห์ไปสิมันเรื่องถนัดของนายไม่ใช่รึไง
งานของฉันคือการโจมตีฉันก็จะทำหน้าที่ของฉันนายก็ไปทำหน้าที่ของนายสิ”
เด็กสาวพูดมาอย่างนั้นแล้วไม่สนใจฟังคำห้ามปรามอีก
“แต่ว่า...”
นรินทร์เถียงไม่ออก
มันก็จริงตามที่เธอว่ามาพวกเขาคือหน่วยจู่โจมยิ่งเสียเวลาคิดนานเท่าไหร่พวกที่ถ่วงเวลาประตูบานอื่นก็จะยิ่งลำบากไปด้วย
เขาซึ่งได้รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมกองร้อยก็ควรจะต้องสนับสนุนเรื่องการโจมตีเป็นหลัก
ภัสรากับกลุ่มวิ่งนำออกไปข้างหน้าโดยแบกค้อนอันใหญ่ไปด้วย
มีทหารบางส่วนติดตามการนำของเธอไป พวกเขาบุกเข้าหาศัตรูโดยไร้ซึ่งความขาดกลัว
“มากันแล้วรึเจ้าพวกมนุษย์ที่แสนอ่อนแอ
การมาลบหลู่เทพนั้นจะมีผลเช่นไรข้าจะแสดงให้เห็นเอง”
มังกรพูดคำราม
จากนั้นรากไม้ที่มัดพันกันเป็นร่างของมันก็คลายตัวออกบางส่วนแล้วยืดออกมา
รากไม้ซึ่งมีปลายอันแหลมคมพุ่งเข้าหาเหล่าทหาร พุ่งเข้าหาภัสราที่นำอยู่ด้านหน้า
แต่เด็กสาวตอบสนองในทันที
เธอหวดค้อนยักษ์ออกไป
“เซอร์เคิลสวิง!”
ค้อนเหวี่ยงไปโดนรากไม้ปัดมันกระเด็นออกไป
แต่ยังมีรากชุดอื่นที่ตามมาทีหลังจู่โจมเข้ามาไม่หยุด
เด็กสาวเองก็ไม่ได้หยุดแค่การเหวี่ยงหนเดียวเธอหมุนตัวกลับมาแล้วหวดค้อนไปทั้งอย่างนั้น
รากไม้ถูกปัดกระเด็นครั้งแล้วครั้งเล่า
“ตอนนี้แหละบุกเข้าไปเลย!”
ภัสราตะโกนทั้งที่ยังหมุนตัวอยู่
การปัดป้องของเธอช่วยเปิดทางให้พวกพ้องที่ตามมารุกไปข้างหน้าได้
ทุกนายกำลังเตรียมจะโจมตี ตอนนั้นเองปากของมังกรก็ยิ้มแสยะ
“มนุษย์ช่างโง่เขลานัก”
แล้วทหารทุกนายที่กำลังจะโจมตีก็พากันทำอาวุธหลุดจากมือ
พวกเขากรีดร้องออกมา ร้องโอดโอยอย่างไม่มีสาเหตุ
“อ๊ากกก!!”
“โอ้ย! ท้องชั้น...”
“ปวด...เจ็บไปหมดเลย..”
“ช...ช่วยด้วย...หายใจไม่...ออ..”
ภัสราเพิ่งจะหยุดหมุนจากการใช้สกิลพอได้เห็นภาพบรรดาพวกพ้องกำลังทำท่าทรมานเธอก็ตะโกน
“เฮ้! เป็นอะไรกันไป...อึก...”
แต่คำพูดก็หยุดลงแค่นั้น
สีหน้าของภัสราเปลี่ยนไป
หล่อนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
เริ่มมีอาการไม่ต่างไปจากคนอื่น
“นี่มัน...”
ลมหายใจติดขัดรู้สึกได้ว่าปอดกำลังถูกทำลายจากข้างในรวมไปถึงอวัยวะอื่นๆ
ตอนนั้นเองสายตาก็ไปเห็นเข้าว่าบริเวณที่พวกเธอยืนอยู่นี้คละคลุ้งไปฝุ่นควันสีเขียวที่มังกรพ่นออกมาพร้อมกับการโจมตีก่อนหน้า ถึงจะจางลงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังพอมองเห็นได้ชัดเจน
นรินทร์เพิ่งจะวิ่งออกมาถึงด้านหน้าของกองร้อยและทันเห็นภาพนั้นเข้าพอดี
“พวกนายเป็นอะไรกันน่ะบาดเจ็บงั้นเหรอ!?”
เด็กหนุ่มร้องตะโกนพลางวิ่งเข้าไปหา
โดยที่ไม่สังเกตบริเวณรอบตัวของพวกภัสรา ทันทีที่ไปถึงเขาก็ถูกผลักออกมา
“อย่าเข้ามานะ….อึก...อ๊าาาา”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น
แถบพลังชีวิตกำลังลดลง
ภัสรา Lv.
56
[/////5960:6890///..]
ความคิดเห็น