ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #33 : Login 31: ชีพจรมังกร

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      47
      3 ต.ค. 59

               "สวัสดีมนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตานี้ดึงดูดมา"

                ผู้ถูกลืมเลือนพูด

                ห้องที่ผุพังและเก่าโทรม... ที่นี่คือรูนรูม

                "มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกเพิ่งจะกลับไปเองแล้วก็ยังไม่ชนะสลาฟผมเหมือนเดิม"

                "..."

                "เอ๋ ถามว่าทำไมผมถึงคุยกับเธอได้น่ะเหรอก็เพราะว่าที่นี่คือรูนรูมน่ะสิ"

                "..."

                "อะไรนะอยากรู้เหตุผลมากกว่านั้นเหรอ"

                ผู้ถูกลืมเลือนทำท่าคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดต่อไปว่า

                "คงต้องขออธิบายก่อนว่าอาคาชิกเรคคอร์ดคืออะไร มันคือศูนย์รวมเหตุการณ์ ความรู้ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ตั้งแต่ต้นไปจนจบ อาคาชิกเรคคอร์ดมีชะตากรรมของมนุษย์ทั้งหมดเก็บรวมอยู่ในนั้นแล้วที่ตรงส่วนฐานของศูนย์รวมเหตุการณ์นั่นก็คือที่นี่รูนรูมแห่งนี้"

                "..."

                ผู้ถูกลืมเลือนยังคงพูดต่อไปว่า

                "แน่นอนว่าพวกเธอมนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตานี้ดึงดูดมาก็ถูกบันทึกไว้ในอาคาชิกเรคคอร์ดด้วยเช่นกันดังนั้นเราถึงสื่อสารกันได้ ดังนั้นผมจึงรู้ถึงการมีคัวตนอยู่ของพวกเธอเหล่าผู้จับตาดูเฉกเช่นเดียวกัน"

                ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังปิ๊บติดกันสามครั้ง...

                "ดูเหมือนจะมีอัพเดทจากอาคาชิกเรคคอร์ดมาล่ะ"

                ผู้ถูกลืมเลือนพูดพลางแตะนิ้วลงบนอากาศที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นหน้าจอระบบก็ปรากฏขึ้นมา เขาก้มมองหน้าจออ่านรายละเอียดของมัน

                จากนั้นจึงเงยหน้าแล้วพูดว่า...

                "ตอนนี้ผมกำลังมีความรู้สึกที่พวกเธอเรียกกันว่า 'ลำบากใจ' เกิดขึ้นมาแล้วสิ ผมควรจะส่งเมลล์ฉบัยนี้ให้ใครดีนะ"

                พูดพร้อมกับเปิดหน้าจอย่อยขึ้นมาอีกหน้า บนหน้าจอนั้นมีรายชื่อลอยอยู่

                อิงศร

                มิ่งขวัญ

                มีนา

                เมษา

                กวินทร์

     

                ยังมีรายชื่อต่อลงไปอีกแต่ความสูงของหน้าจอไม่พอที่จะแสดงมันได้ทั้งหมด

                "เอาเถอะไว้ค่อยคิดก็แล้วกัน"

                ผู้ถูกลืมเลือนสรุป

                จากนั้นห้องก็ถูกปกคลุมด้วยหมอก...

                ทุกสิ่งค่อยๆ เลือนลางหายไป...

     


                Login 31: ชีพจรมังกร

     

                ค่ายฝึกทหารชั่วคราวของเมตไตรยถูกโจมตีโดยเรดบอสระดับห้าสิบ

                นั่นเป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว จึงได้มีการอพยพพลเรือนออกไปจากค่ายเพื่อป้องกันความเสียหายต่อมนุษยชาติให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด แต่เพราะว่ากำลังพลมีไม่เพียงพอจึงไม่สามารถส่งคนไปคุ้มกันขบวนรถอพยพได้และเส้นทางที่ใช้เคลื่อนขบวนก็ยังควบคุมฮาบิแททพอยซ์จากที่นี่ ดังนั้นจะปล่อยให้ค่ายแตกไปก่อนที่ขบวนผู้อพยพจะเข้าสู่เส้นทางที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของศูนย์บัญชาการกลางที่ชลบุรีไม่ได้เด็ดขาด

                ด้วยเหตุนั้นและเพื่อการรักษาค่ายแห่งนี้เอาไว้สำหรับในเรื่องของผลประโยชน์ต่อกองทัพทำให้มีการวางแผนรบรับมือกับเรดบอสในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ เป็นแผนการรบระดับที่เรียกว่าสงครามขนาดย่อมเลยก็ว่าได้เพราะมีการใช้คนมากถึงสามร้อยคนในปฏิบัติการคราวนี้ เป็นจำนวนที่มากเอาการสำหรับโลกที่ล่มสลายซึ่งมนุษย์เหลือจำนวนอยู่เพียงหยิบมือ...

                พื้นที่ของมหาลัยที่ใช้เป็นค่ายฝึกชั่วคราวมีประตูทางเข้าหลักสี่ทิศด้วยกัน แบ่งเป็นประตูทิศ ตะวันออก ตะวันตก ทิศเหนือ และ ทิศใต้ กองกำลังจึงถูกแบ่งออกเป็นสี่กองย่อย

                อันดับแรกคือกองร้อยจู่โจมมีกำลังพลทั้งหมดหนึ่งร้อยนายเป็นกำลังหลักในสงครามครั้งนี้ซึ่งมีหน้าที่จัดการกับศัตรูที่จะบุกมายังประตูทิศตะวันออก

                อีกสองกองย่อยเป็นหน่วยที่แบ่งกันไปกองละสี่สิบห้าคนคอยรับผิดชอบประตูทิศใต้กับทิศตะวันตกส่วนอีกห้าคนที่เหลือนั้นจะรับผิดชอบประตูทิศเหนือซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของสงครามครั้งนี้ ที่สามารถใช้จำนวนเพียงแค่นั้นในการรับมือกับประตูทิศนั้นได้เพราะว่าผู้ควบคุมหน่วยที่นั่นคือพันโทข้าวหลามที่มีเลเวลเก้าสิบ เป็นเลเวลสูงสุดสำหรับมนุษย์อีกทั้งพันโทเองก็ยังมีประสบการณ์โชกโชนจึงไว้ใจเรื่องนั้นได้

                กองกำลังที่ประตูทั้งสามทิศจะทำหน้าที่ถ่วงเวลาจนกว่ากองร้อยจู่โจมจะจัดการจ่าฝูงสัตว์เทวะที่บุกมาจากทิศตะวันออกเสร็จจากนั้นก็จะวนรวมกำลังกับแต่ละประตูแล้วจัดการไล่ไปเรื่อยๆ จนไปบรรจบกันที่ประตูทิศเหนือของพันโทข้าวหลาม

                นั่นคือแผนของสงครามครั้งนี้ที่ นรินท์ สรุปออกมา เขาจำเป็นต้องจำมันให้ขึ้นใจเพราะต้องรับหน้าที่บัญชาการกองร้อยจู่โจมซึ่งเป็นกุญแจหลักในการพิชิตสงครามนี้... หรืออย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าทีมของอิงศรจะกลับมาถึง พลเอกสิงห์สั่งเขาไว้อย่างนั้น ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ร้อยโทเพื่อให้มีอำนาจสั่งการในระดับกองร้อยได้

                บัดนี้เวลาเก้าโมงตรง

                บนถนนที่แบ่งไว้สี่เลน คั่นตรงกลางระหว่างเลนสองกับสามด้วยเสาค้ำสะพานที่ทอดยาวไปจนลับสายตา

                ท้องฟ้าเปิดโล่งไร้ซึ่งเมฆหมอก

                อุณหภูมิก็สูงด้วยเช่นกัน

                รูสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้านหลังสะพาน

                มันขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว

                บางสิ่งพุ่งออกมาจากข้างในรูสีดำนั่น แล้วมันก็หดตัวปิดจนกระทั่งหายไปในที่สุด

                สายลมพัดกรรโชกรุนแรงเพราะสิ่งที่พุ่งออกมาจากรู่นั่น ได้ทะยานข้ามหัวเขากับพรรพวกร่วมกองร้อยทั้งเก้าสิบเก้าคนไป

                เจ้าสิ่งนั้นพุ่งไปตามแนวของสะพานแล้วบินตีลังกากลางอากศวกกลับมาด้วยความเร็วสูง

                ขณะเดียวกันก็มีเสียงของพลเอกสิงห์ที่ตอนนี้อยู่ที่ศูนย์บัญชาการ ดังแว่วออกมาจากหน้าจอสื่อสารที่นรินท์เปิดทิ้งไว้ก่อนหน้านี้

                “เปิดสนามพลังชีพจรมังกร

                จากนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงและผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมในห้องนั้นดังขึ้นมาว่า

                “รับทราบ! เปิดใช้สนามพลังชีพจรมังกร

                “เริ่มการส่งถ่ายพลังงานไฟฟ้าเข้าไปยังระบบ

                ”การส่งถ่ายเสร็จสมบูรณ์!

                “เปิดใช้งานเดม่อนแอพพลิเคชั่น อวาตารศักดิ์สิทธิ์ โอริว! (Ouryu)”

                บทสนทนาจากศูนย์บัญชาการดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

                เจ้าสิ่งที่พุ่งออกมาจากรูสีดำกำลังจะบินข้ามกำแพงรั้วเข้าไปข้างในค่าย แต่ทว่า...

                “เสร็จสมบูรณ์สนามพลังชีพจรมังกรทำงานหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น

                เสียงพูดจากศูนย์บัญชาการดังขึ้นมา จากนั้นเจ้าสิ่งที่พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นแล้วกระเด็นลอยออกไปอย่างรุนแรง

                ร่างของสิ่งนั้นหยุดลอยอยู่เหนือสะพาน

                ร่างกายอันใหญ่โตและรูปลักษณ์อันบ่งบอกถึงตำนาน

                มังกร... มันมีรูปร่างที่เรียกได้ว่าอย่างนั้น มีลำตัวยาว มีแขนขางอกออกมาจากลำตัวมีกรงเล็บด้วยกันสี่นิ้ว ศีรษะมีเขายาวโง้ง ปากยื่น เขี้ยวแหลมคม ดวงตาสีแดงลุกวาวราวกับคบเพลิง ทั้งหมดบ่งบอกว่ามันคือมังกร แต่ถึงอย่างนั้น...

                มันกลับมีผิวกายและส่วนประกอบทั้งหมดเป็นรากไม้ ร่างกายของมันเกิดขึ้นจากการมัดพันกันของรากไม้ยกเว้นแต่ส่วนที่เป็นดวงตา

                มังกรอ้าปากคำราม เสียงของมันดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ดังมาก ดังเสียจนหูอื้อไปชั่วขณะ

                “เจ้านั่นคือสัตว์เทวะแน่เหรอ

                นรินทร์พูดย้ำกับตัวเอง นี่เป็นครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขามองไปยังรายละเอียดบนหน้าจอแสดงแถบพลังชีวิตของมังกร

     

    Heraldic Beast Deity: Cerulean-Eyes Lv. 50

    [/////56000:56000/////]

     

                แค่เห็นตัวเลขแสดงพลังชีวิตก็ยังเป็นจำนวนที่เกินจะรับมือ พวกเขาจะต้องโค่นมันด้วยพลังของมนุษย์กระจ้อยร่อยทั้งหนึ่งร้อยคนจะต้องผสานเข้าด้วยกันแล้วทำลายตัวตนที่อาจเรียกได้ว่าเป็น เทพเจ้า

                ในตอนนี้ทุกคนยังผวากับเสียงคำรามของมังกร แล้วมันก็พูด...

                สัตว์เทวะกำลังพูดอยู่จริงๆ เป็นการพูดที่ไม่ใช่การใช้สกิล

                “เจ้าพวกมนุษย์ที่แสนอ่อนแอไม่เพียงแค่จองจำเทพยังเอามาใช้เป็นเครื่องมือของตนเสียอีกพวกเจ้านี่มันบาปหนานัก

                “เทพ...

                นรินทร์พึมพำ

                เมื่อกี้มันพูดว่า จองจำแล้วก็ นำมาใช้หรือว่ามันกำลังพูดถึงเดม่อนแอพพลิเคชั่นที่พลเอกสิงห์สั่งให้ใช้งานที่ศูนย์บัญชาการ ได้ยินมาว่าทางกองทัพเคยพัฒนาเดม่อนแอพพลิเคชั่นที่ทรงพลังอยู่ตัวหนึ่งแต่มันกลับไม่สมบูรณ์แล้วก็ได้ยินว่ามีการเอามันมาประยุกต์ใช้สร้างข่ายป้องกันให้กับค่ายในสงครามครั้งนี้ด้วย บางทีกำแพงที่สะท้อนตัวของมังกรกลับมาอาจจะเป็นสิ่งนั้น

                ถ้าหากว่าตำนานของสัตว์เทพิทักษ์ทั้งสี่เป็นเรื่องจริง บางทีเรดบอสนี่อาจจะเป็นการทำให้เดม่อนแอพพลิเคชั่นตัวนั้นเสร็จสมบูรณ์ก็ได้อาจจะเป็นแผนที่พลเอกสิงห์คาดหวังผลลัพธ์เอาไว้

                มังกรยังคงพูดต่อไป

                “จะทะลวงเข้าไปคงไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องจัดการพวกเจ้าที่ขวางไปเสียก่อน

                มันพูดมาอย่างนั้นแล้วโก่งคอขึ้นสูง อ้าปากกว้างอวดเขี้ยวไม้แหลมคม แล้วสูดลมเข้าไปข้างใน

                ดูยังไงก็เป็นการเตรียมโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย นรินทร์สั่งการทุกคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา

                “ทุกนายระวัง! มันจะโจมตีเข้ามาแล้ว!

                ทุกคนได้รับการฝึกมาอย่างดีและตอบสนองต่อคำสั่ง

                คนที่มีความสามารถในการป้องกันรีบวิ่งออกมาข้างหน้าพร้อมกันโดยพลัน

                 พลโล่ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอาชีพโคลสเซอร์และมีบิลด์สกิล ‘Safe Guard’ ที่สามารถสร้างกำแพงป้องกันเฉพาะการโจมตีระยะไกลที่มองไม่เห็นได้ ต่างขึ้นมายืนเรียงแถวหน้ากระดานขวางคนข้างหลังเอาไว้สร้างเป็นแนวป้องกันด่านสุดท้าย ขณะที่พลเทคนิกซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพสเปลเลอร์ใช้สกิลสร้างกำแพงดินขึ้นมาจากพื้นดินเบื้องหน้าแถวของพลโล่ถูกยกขึ้นด้วยพลังเวทจนพูนตัวสูงกลายเป็นแนวเขื่อนดินเรียงซ้อนกันหลายชั้น

                ทันใดนั้นมังกรก็ปล่อยการโจมตีออกมาเป็น ลมหายใจรุนแรงที่มีไอควันสีเขียวปะปนมาด้วย

                สายลมอันรุนแรงของลมหายใจนั้นฉีกกระชากคว้านพื้นถนนตามทางที่มันพุ่งผ่านมาจนกระแทกเข้ากับกำแพงดิน พลังของมันสามารถะลุแนวป้องกันนี้ไปได้ แต่ก็หยุดลงที่แนวสุดท้ายซึ่งเป็นแถวของพลโล่

                การโจมตีจบลงเพียงเท่านั้นโดยที่ไม่มีใครต้องเสียสละ

                “ป้องกันสำเร็จ..สินะ

                นรินทร์พูดด้วยความรู้สึกโล่งอกน้ำเสียงของเขายังคงสั่นอยู่เล็กน้อย ตอนนั้นเองทหารหญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ตะโกนขึ้นมาว่า

                “ตอนนี้แหละรีบโต้กลับไปเลย!

                เด็กสาวผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลท่าทางห้าวหาญคนนี้เขาเคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง ชื่อบนหน้าจอแสดงพลังชีวิตของเธอก็เขียนว่าภัสรา ถ้าจำไม่ผิดเป็นชื่อของนักเรียนฝึกทหารหญิงระดับท็อปของห้องควีน เธออายุสิบเจ็ดเท่ากัน หลายครั้งที่เขามักจะโดนเธอเขม่นใส่เพราะเรื่องการแข่งขันภายในชั้นเรียน

                มีเสียงร้องขานรับคำพูดของภัสราดังมาจากพวกทหารที่อยู่ถัดไปด้านหน้า พวกนั้นเป็นลูกน้องในหน่วยที่เธอควบคุมอยู่

                “เดี๋ยวก่อนจะบุกเข้าไปตอนนี้เลยมันเสี่ยงเกินไปนะ!

                นรินทร์พยายามห้ามเพราะคิดว่าการบุกเข้าไปตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม แต่ก็ถูกเธอสวนกลับมา

                “แล้วไงเล่านายจะรอให้จนต้องมีคนตายไปก่อนรึไง พวกเราคือหน่วยจู่โจมนะต้องโจมตีสิไม่ใช่มาตั้งรับอยู่แบบนี้

                “ไม่ใช่อย่างนั้นนะแต่ว่าเรายังมีข้อมูลของมันไม่พอถ้าบุ่มบ่ามเข้าไปมันจะ...

                “งั้นนายก็วิเคราะห์ไปสิมันเรื่องถนัดของนายไม่ใช่รึไง งานของฉันคือการโจมตีฉันก็จะทำหน้าที่ของฉันนายก็ไปทำหน้าที่ของนายสิ

                เด็กสาวพูดมาอย่างนั้นแล้วไม่สนใจฟังคำห้ามปรามอีก

                “แต่ว่า...

                นรินทร์เถียงไม่ออก มันก็จริงตามที่เธอว่ามาพวกเขาคือหน่วยจู่โจมยิ่งเสียเวลาคิดนานเท่าไหร่พวกที่ถ่วงเวลาประตูบานอื่นก็จะยิ่งลำบากไปด้วย เขาซึ่งได้รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมกองร้อยก็ควรจะต้องสนับสนุนเรื่องการโจมตีเป็นหลัก

                ภัสรากับกลุ่มวิ่งนำออกไปข้างหน้าโดยแบกค้อนอันใหญ่ไปด้วย มีทหารบางส่วนติดตามการนำของเธอไป พวกเขาบุกเข้าหาศัตรูโดยไร้ซึ่งความขาดกลัว

                “มากันแล้วรึเจ้าพวกมนุษย์ที่แสนอ่อนแอ การมาลบหลู่เทพนั้นจะมีผลเช่นไรข้าจะแสดงให้เห็นเอง

                มังกรพูดคำราม จากนั้นรากไม้ที่มัดพันกันเป็นร่างของมันก็คลายตัวออกบางส่วนแล้วยืดออกมา รากไม้ซึ่งมีปลายอันแหลมคมพุ่งเข้าหาเหล่าทหาร พุ่งเข้าหาภัสราที่นำอยู่ด้านหน้า

                แต่เด็กสาวตอบสนองในทันที เธอหวดค้อนยักษ์ออกไป

                “เซอร์เคิลสวิง!

                ค้อนเหวี่ยงไปโดนรากไม้ปัดมันกระเด็นออกไป แต่ยังมีรากชุดอื่นที่ตามมาทีหลังจู่โจมเข้ามาไม่หยุด เด็กสาวเองก็ไม่ได้หยุดแค่การเหวี่ยงหนเดียวเธอหมุนตัวกลับมาแล้วหวดค้อนไปทั้งอย่างนั้น รากไม้ถูกปัดกระเด็นครั้งแล้วครั้งเล่า

                “ตอนนี้แหละบุกเข้าไปเลย!

                ภัสราตะโกนทั้งที่ยังหมุนตัวอยู่ การปัดป้องของเธอช่วยเปิดทางให้พวกพ้องที่ตามมารุกไปข้างหน้าได้ ทุกนายกำลังเตรียมจะโจมตี ตอนนั้นเองปากของมังกรก็ยิ้มแสยะ

                “มนุษย์ช่างโง่เขลานัก

                แล้วทหารทุกนายที่กำลังจะโจมตีก็พากันทำอาวุธหลุดจากมือ พวกเขากรีดร้องออกมา ร้องโอดโอยอย่างไม่มีสาเหตุ

                “อ๊ากกก!!

                “โอ้ย! ท้องชั้น...

                “ปวด...เจ็บไปหมดเลย..

                “ช...ช่วยด้วย...หายใจไม่...ออ..

     

                ภัสราเพิ่งจะหยุดหมุนจากการใช้สกิลพอได้เห็นภาพบรรดาพวกพ้องกำลังทำท่าทรมานเธอก็ตะโกน

                “เฮ้! เป็นอะไรกันไป...อึก...

                แต่คำพูดก็หยุดลงแค่นั้น

                สีหน้าของภัสราเปลี่ยนไป

                หล่อนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เริ่มมีอาการไม่ต่างไปจากคนอื่น

                “นี่มัน...

                ลมหายใจติดขัดรู้สึกได้ว่าปอดกำลังถูกทำลายจากข้างในรวมไปถึงอวัยวะอื่นๆ ตอนนั้นเองสายตาก็ไปเห็นเข้าว่าบริเวณที่พวกเธอยืนอยู่นี้คละคลุ้งไปฝุ่นควันสีเขียวที่มังกรพ่นออกมาพร้อมกับการโจมตีก่อนหน้า ถึงจะจางลงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังพอมองเห็นได้ชัดเจน

                นรินทร์เพิ่งจะวิ่งออกมาถึงด้านหน้าของกองร้อยและทันเห็นภาพนั้นเข้าพอดี

                “พวกนายเป็นอะไรกันน่ะบาดเจ็บงั้นเหรอ!?”

                เด็กหนุ่มร้องตะโกนพลางวิ่งเข้าไปหา โดยที่ไม่สังเกตบริเวณรอบตัวของพวกภัสรา ทันทีที่ไปถึงเขาก็ถูกผลักออกมา

                “อย่าเข้ามานะ….อึก...อ๊าาาา

                เสียงกรีดร้องดังขึ้น

                แถบพลังชีวิตกำลังลดลง

     

    ภัสรา Lv. 56

    [/////5960:6890///..]

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×