คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #303 : Extra Log 299: The Root Opposite Messiah
Extra
Log 299: The Root Opposite Messiah
***ขอแก้วิธีสะกด
‘ซูลวาน’ ใหม่เป็น ‘ซรูวาน’ แทนไรท์สะกดผิดเพราะไม่ชินกับวิธีออกเสียงต้นฉบับมันออกเสียง
สะ-ลู-วาน ต้องควบกล้ำเสียง ซรู ด้วยแต่ตัวอักษร Zurvan เทียบเป็นตัวอักษรไทยแล้ว
มันต้องใช้ ซร แทน TwT’ ก็งงกันไปแอ่ววว ตังแต่ ยฮวฮ
ที่เลี่ยงบาลีมาตลอดแล้วนะเนี่ยโอเมก้า***
“มาทำให้พวกมันเห็นกันเถอะอิงศร”
“เออ
ฉันจะไปกับนายให้ถึงนรกเลย”
อิงศรตอบรับเด็กหนุ่มชุดขาวอย่างมั่นใจ
เขาให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกับเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก
ระหว่างทั้งสองคนนั้นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นถึงขนาดนั้น
สนิทชิดเชื้อจนเลี่ยนเหมือนกับคำพูดสวยหรูอย่าง ‘สายสัมพันธ์นี่จะเป็นพลังให้’
อย่างไรอย่างนั้น
เจ้าพวกบ้าสองตัวนั่นมันยังคิดว่าจะทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกรึ
ถูกต้อนจนมุม
ไม่มีไพ่เหลือบนมือ
โดนโจมตีอีกครั้งเดียวก็แพ้การดวลนี้แล้ว
แต่พวกมันก็ทำ
“เทิร์นของฉันดรออออออว์
!!!! (Draw)”
ไพ่ใบสุดท้ายที่จะได้จั่วจากสำรับคือไพ่ที่จะกำหนดโชคชะตาของพวกมัน
การจั่วแห่งปาฏิหาริย์อะไรนั่นน่ะไม่มีอยู่จริงหรอกหรือต่อให้มีจริงเมื่ออยู่ต่อหน้า
‘สถานการณ์อันสมบูรณ์แบบ’
ที่มังกรแก่นสสารเต๋าตี้อาจารย์ของเราเป็นผู้สร้างขึ้นมามันย่อมไร้ความหมาย
เป็นได้แค่การดิ้นรนสุดท้ายของหมาจนตรอกก็เท่านั้น
แต่แล้ว…
“อิงศรจะขอยืมพลังของนายล่ะนะ”
เจ้าเด็กหนุ่มนั่นกลับเผยรอยยิ้มออกมา
ไม่ใช่ยิ้มสู้เสือเสียด้วย
แต่เป็นความมั่นใจว่าจะพลิกกลับมาจากวิกฤตครั้งนี้ได้
“มันจั่วได้ไพ่อะไรกันน่ะ”
”ใจเย็นก่อนไนท์แมร์โซดิแอกการดิ้นรนของพวกมันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
ท่านอาจารย์ยังคงรับมือด้วยความสงบนิ่งอยู่
แต่ตัวข้ากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป
บางอย่างที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้
เด็กหนุ่มชุดขาวพูด
“ไฮพีเรียลไลซ์ที่เหนือขึ้นไปอีกขั้นจะแสดงให้พวกแกได้เห็นเอง”
แล้วชูไพ่ขึ้นสุดแขน
แสงตะวันทาบทับลงบนหลังไพ่นั่น
“นี่คือพลังของซรูวานกับไฮพีเรียลไลซ์”
ไพ่หายไปจากมือ
แล้วที่ด้านหลังเด็กหนุ่มก็เกิดรอยแยกมิติขึ้น
มีรถสกู๊ตเตอร์พุ่งออกมาจากรอยแยกมิตินั่นก่อนที่มันจะปิดตัวลง
เป็นรถสกู๊ตเตอร์เด็กเล่นที่ใช้แค่แรงขาไถในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าเท่านั้น
เด็กหนุ่มคว้าแฮนด์ของสกู๊ตเตอร์ที่กำลังจะเคลื่อนผ่านตัวเขาไปไว้แล้วกระโดดขึ้นขี่มันพลางไสเท้ากับพื้นเร็วๆ
ไถรถให้ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น
“เล่นปาหี่ปัญญาอ่อนหนีความจริงอยู่รึไง”
ตัวข้าในตอนนั้นยังไม่รู้จักกับสิ่งนั้นได้ปล่อยการโจมตีที่หมายเอาชีวิตไปถึงตัวเด็กหนุ่ม
ทว่า
“อะไรกันน่ะ!”
ลำพระเพลิงซึ่งทะยานออกจากปากตรงหน้าอกกลับทะลุผ่านทั้งสกู๊ตเตอร์และตัวเด็กหนุ่มไป
ดูเหมือนว่าการไถรถเด็กเล่นนั่นจะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมที่ขึ้นตรงกับกฎของเกมที่กำลังดวลกันในตอนนี้เพราะเหตุนั้นเลยทำให้เข้าไปแทรกแซงไม่ได้
สกู๊ตเตอร์ค่อยๆ
เร็วขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ถึงแม้เด็กหนุ่มเลิกไสเท้าแล้วมันก็ยังคงวิ่งต่อไปและเพิ่มความเร็วมากขึ้น
เร็วมากขึ้น
เร็วมากขึ้น
จนกระทั่งมันขับเคลื่อนด้วยความเร็วเท่ากับรถจักรยานยนต์และยังรักษาความเร็วเอาไว้ที่ระดับนั้น
เส้นทางที่สกู๊ตเตอร์ขับผ่านไปก็จะทิ้งไฟเอาไว้
เด็กหนุ่มขับวนไปวนมา วาดเส้นทางแห่งไฟเกิดเป็นวงแหวนราวกับกระถางเพลิงที่ใช้ในพิธีกรรม...
พิธีกรรมที่ใช้สัญลักษณ์กระถางไฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์บูชาต่อเทพมารแห่งกาล-อวกาศ
ผู้นำพาการไฮพีเรียลไลซ์มาสู่มนุษย์เมื่อนานมาแล้วตำนานว่าเอาไว้อย่างนั้น
เทพมารนามว่า
‘ซรูวาน’
ตัวเราเองก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับพื้นเพของเหยื่อที่เข้าทำการรุกรานซักเท่าไหร่
เพราะที่ผ่านมาทุกรายก็ถูกทำลายย่อยยับ สูญเสียทั้งตัวตนและประวัติศาสตร์ไปทั้งหมด
กลายเป็นความว่างเปล่า
กลายเป็นเทิร์นบริงเกอร์และทำให้จักรวรรดิยิ่งใหญ่เช่นทุกวัน
ในขณะเดียวกันนั่นเอง
บนท้องฟ้าก็ปรากฏวงจรแสงที่วาดขึ้นด้วยเส้นตรงกับวงกลมสิบสองวงด้วยกัน
วงจรนั้นจัดเรียงคล้ายกับคับบาลาห์แต่มีจำนวนวงกลมเกินมาสองวง
วงแหวนเพลิงที่วาดไว้ลอยขึ้นไปหาวงจรนั่น
โดยที่ตัววงแหวนจะหดขนาดเล็กลงจนเท่ากับวงกลมวงหนึ่งในแผนผังนั้น
และสวมเข้าไปยังวงจร
เด็กหนุ่มวาดวงแหวนเพลิงขึ้นใหม่อีก
วาดและส่งวงแหวนลอยขึ้นไปสามครั้งด้วยกัน
เมื่อวงจรแสงมีวงแหวนไฟสวมครอบอยู่สามวงแล้ว
วงจรก็ขมวดตัวเข้าหากันแล้วระเบิดออก
ท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้าของการระเบิดนั่นได้เส้นทางแห่งแสงทอดสายลงมายังเบื้องล่าง
เส้นทางขดตัวเป็นเกลียววงแหวนคล้ายสปริง
ราวกับเป็นเส้นทางที่มุ่งไปยังอนาคต
“ไปเลยอิงศร!”
เด็กหนุ่มบอกให้สหายร่วมรบลอดผ่านวงแหวนสปริงพวกนั้น
คิดจะทำอะไรกันแน่?
”ทะยานผ่านเส้นทางแห่งการก้าวเดินไปข้างหน้านั่นเลย!”
“โอ้!!!”
อิงศรตอบรับแล้วกระโดดเอาตัวเองเข้าไปอยู่กลางเส้นทางแห่งนั้น
“พลังของซรูวานจะหลอมรวมเข้ากับการไฮพีเรียลไลซ์…”
ในตอนนั้นตัวเราได้แต่ตั้งสมมติฐานแบบนั้น
…ซรูวานยังมีความหมายว่า
‘ปัจเจก’ อยู่ด้วยถ้าอย่างนั้นแล้ว
ซรูวาน (Zurvan) ซิงกูลาริตี้(Singularity ) ยูทิลไลซ์(Utilize)
คำเหล่านั้นที่ใช้เรียกกระบวนการนี้จึงควบรวมกันเป็น
ซิงกูลาไลซ์(Zingulalize)
พลังที่ทำให้ความเป็นไปได้อันมากมายรวมกันเป็นปัจเจกหนึ่งเดียวขึ้นมา…
แล้วก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำ
เคยคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้นซะอีก
ในตอนนั้นเอง
เด็กหนุ่มนั้นก็เอ่ยกล่าว
คำพูดที่เหมือนกับบทร่ายแห่งเวทมนตร์
“เหล่าธงชัยที่แตกพ่ายจงมาร้อยเรียงกันถักทอเป็นผ้าผืนใหม่”
คำพูดนั่นกล่าวถึงความเป็นไปได้นับร้อยพันที่ต่างก็แตกพ่ายไปแล้วตั้งแต่การต่อสู้นี้เริ่มขึ้นมาหรือก็คือหากตีความคำพูดนั่นด้วยกฎของเกมที่กำลังดวลกันอยู่เด็กหนุ่มได้เรียกไพ่ที่แพ้และถูกส่งไปยังเพลนัลตี้บ็อกซ์กลับมาใช้เป็นสื่อทำพิธีกรรม
ไพ่จำนวนสามใบเท่ากับจำนวนวงแหวนก็คือเส้นทางแห่งอนาคตของเจ้าพวกนั้น
แล้วอิงศรที่เข้าไปในเส้นทางนั่นก็กำลังจะมุ่งหน้าไปคว้า
‘ความเป็นไปได้’ อันใหม่ที่เกิดจากการควบรวม ‘ความเป็นไปได้’
ที่มากกว่าหนึ่งเข้าด้วยกัน
‘ความเป็นไปได้’
ก็คือ ‘ไฮพีเรี่ยน’
นี่คือพิธีกรรมที่ทำเพื่อเรียก
‘ความเป็นไปได้’ ที่เหนือกว่า ‘ความเป็นไปได้’ ใดๆ ออกมาไฮพีเรียลไลซ์
ที่เหนือขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง
เด็กหนุ่มก็ประกาศ
“ลาสแฟลกซ์(Last Flag) นี่คือธงสุดท้ายที่ความแตกแยกจะรวมกันกลมเกลียวและเป็นหนึ่ง
ซิงกูลาไลซ์! (Zingulalize)”
เส้นทางแสงกลืนอิงศรเข้าไป
ทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง
ทั้งซรูวาน
ทั้งไฮพีเรียบไลซ์
ว่ากันว่าในสงครามที่ความแตกแยกอุบัติไปจนถึงขีดสุดธงชัยที่ยกขึ้นเพื่อแบ่งแยกและฟาดฟันกันจะอุบัติขึ้นมากมายและในตอนสุดท้ายธงชัยที่เกิดขึ้นเป็นธงสุดท้ายก็คือธงสีขาวพิสุทธิ์เป็นอันสัญลักษณ์แห่งการจบความบาดหมางทั้งปวง
โดยผิวเผินแล้วมันอาจจะเหมือนกับธงแห่งความปราชัย
แต่สิ่งนี้มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิงมันไม่ใช่ความปราชัยแต่มันคือ
‘การจำยอมที่สยบทุกชัยชนะ’ คือ ‘ลูซเซอร์ที่แท้จริง’
เด็กหนุ่มตะโกน
“จงโบกสบัด
อีโวลูซเซอร์เซอร์เรนเดอร์ดราก้อนนนนนนนนน!!!!!! (Evo-Loser Surrender Dragon)”
สิ่งที่ออกมาจากการหลอมรวมนั่น
มันทั้งเปล่งประกาย
ทั้งงดงาม ไร้ซึ่งความรู้สึกที่จะคุกคาม
มันเป็นตัวตนที่เหมาะสมกับความว่างเปล่ายิ่งกว่าจักรวรรดิอันเกรียงไกรอย่างเทิร์นบริงเกอร์เสียอีก
มังกรไร้ปีก
ร่างกายเป็นสีขาวพิสุทธิ์ สะบัดผ้าคลุมสีขาวบนหลังของมัน
ดาบแสงสีขาวที่งอกออกมาจากข้อมือทั้งสองตวัดไปมาจนเห็นเป็นภาพติดตาราวกับมันกำลังโบกธงชัยแห่งการจำยอมตามนามเรียกขาน
‘มังกรแห่งการจำยอม’
ของ ‘ผู้พ่ายแพ้’
“……..”
ไม่รู้ทำไม
แต่พอได้เห็นอิงศรในตอนนี้แล้วความทรงจำแบบนั้นถึงได้ผุดขึ้นมา
สังหรณ์ไม่ดีอันแสนคุ้นเคยราวกับเรื่องราวในความทรงจำกำลังจะเกิดขึ้นมาอีก
“นี่มันอะไรกัน
ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเกร กีก้าสเลฟ มายืนอยู่ตรงนี้”
ราหูพึมพำชื่อของเด็กหนุ่มชุดขาวในความทรงจำออกมา
“….”
ในยามนี้ที่
อดัมหักหลังตนและไปเข้าร่วมกับอิงศร ทั้งยังทำให้เกิดอาคานาร์ชนิดใหม่ขึ้นมา
อาคานาร์ที่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งจาก
เดอะ เวิร์ล ซึ่งเป็นอาคานาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วกลายเป็น เดอะ อิออน
“…..”
ราหูส่ายหน้า
พยายามปฏิเสธความฟุ้งซ่านที่ไม่มีแก่นสารออกไปจากหัว
ไร้สาระสิ้นดีเจ้านั่นไม่มีตัวตนอยู่ในข้อมูลของโลกนี้สักหน่อย
ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้มันจบเสียที
เมื่อคิดได้ดังนั้นปากของใบหน้าตรงหน้าอกก็อ้าเผยอขึ้นปลดปล่อยเพลิงนรกออกมา
“ดาร์คเนสเซโร่เบลสเซอร์!”
ลำพระเพลิงมุ่งตรงไปข้างหน้าไปหาอิงศร
ออร์ฟิอูคูมันนาร์ และเจ้าคนทรยศอดัม
“จะมาแล้ว!”
อดัมตะโกนแล้วตั้งดาบในมือเตรียมจะป้องกันการโจมตี
แต่ทำแบบนั้นไปก็เท่านั้นเพราะก่อนหน้านี้อดัมใช้พลังทั้งหมดป้องกันท่านี้ไปครั้งหนึ่งแล้วจึงทำแบบนั้นไม่ได้อีก
“ฉันจัดการเอง”
อิงศรก้าวออกมาข้างหน้าพลางยื่นไพ่นำออกมา
“เดอะ อิออน
ส่งเสียงของแกออกมาซะ เสียงที่จะผูกโลกทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน
เสียงประสานแห่งพหุโลก....มัลติเวิร์สจูนนิ่ง! (Multiverse Tuning)”
ในตอนนั้นเอง
ไฟเพลิงก็เข้าปะทะ
เกิดระเบิดขึ้นและไฟก็ลุลามไปทั่วจนมองไม่เห็นอะไรอีก
ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทั้งสามคนนั่นก็จะกลายเป็นตอตะโกอยู่ภายใต้ทะเลไฟแห่งนั้น
แต่ว่าแบบนั้นน่ะ....
“มันจะไม่เป็นไปตามบทอย่างนั้นเหรอ....จะจบแค่นี้สินะ”
ราหูพูดราวกับไม่อยากให้มันลงเอยแบบนี้
“‘บท’
ยังมีอยู่อีกแต่ทั้งหมดนั่นจะไม่ถูกนำมาแสดงบนเวที
มันเป็นความเสียดายอย่างสุดซึ้ง.....อะ”
แต่กลับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในเปลวเพลิง
“....นั่นมัน”
วินาทีถัดมา
อิงศรก็พุ่งออกมาจากทะเลเพลิงพร้อมกับไถรถสกู๊ตเตอร์มาด้วย
ขณะเดียวกับอดัมก็พาออร์ฟิอูคูมันนาร์อ้อมหนีออกมาจากอีกทาง
อิงศรคงจะทำอะไรบางอย่างทำให้ไฟชะลอตัวตอนเข้าปะทะไม่อย่างนั้นสองคนนั่นไม่มีทางหนีออกมาได้ทันอยู่แล้ว
อะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็คือเจ้ารถสกู๊ตเตอร์เจ้าปัญหากับ...
.
“ชุดสีขาวแบบนั้นมัน”
ชุดของอิงศรที่พุ่งออกมาจากทะเลเพลิงเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวแดงเหมือนกับชุดของเด็กหนุ่มในความทรงจำ
“เครื่องแบบฟิคชั่นไมสเตอร์เรอะ”
ถึงจะไม่ได้สั่งแต่มังกรทั้งห้าก็เคลื่อนไหวเองเพราะรับรู้ได้ความคุกคามจากเรื่องที่เกิดขึ้น
เพราะว่าได้เห็นความทรงจำอันนั้นเหมือนๆ
กันแล้วบางทีอิงศรเองก็อาจจะเห็นเช่นเดียวกันเพราะกำลังทำย้อนรอยเดียวกับความทรงจำนั่น
อิงศรเริ่มวาดวงแหวนเพลิงไว้ตามทางที่สกู๊ตเตอร์วิ่งผ่าน
พวกมังกรที่เข้าไปจะขัดขวางก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอิงศรกับสกู๊ตเตอร์ทะลุผ่านตัวพวกมันไป
“จงปรากฏออกมาวงจรที่นำทางไปสู่อนาคตที่แท้จริง
ซรูดราซิล! (Zurdrasil)”
อิงศรพูดแล้ววงจรแผนผังต้นไม้ที่เหมือนกับในความทรงจำก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือสนามรบแห่งนี้
นอกจากนี้บนภาพสะท้อนที่อยู่เหนือวงจรนั่นขึ้นไปซึ่งฉายภาพสะท้อนของสนามรบเป็นเกมไพ่ก็ได้ปรากฏช่องว่างใหม่ขึ้นมาช่องหนึ่งตรงด้านหน้าไพ่ของอิงศร
สิ่งที่จะถูกอัญเชิญมาจากพิธีกรรมจะปรากฏลงในช่องว่างนั่น
อิงศรพูด
“ยืนยัน
ไฮพีเรี่ยนเซอร์เคิล (Hyperion
Circle) คือสิบสอง!”
สิบสองเหรอ?
ไฮพีเรี่ยนเซอร์เคิลก็คือวงกลมในวงจรนั่นซึ่งมีทั้งหมดสิบสองวงพอดี
หมายความว่าจะเอา ‘ความเป็นไปได้’ ใส่ลงไปทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ
“สิบสองเซอร์เคิลงั้นเรอะเธอจะไปเอาความเป็นไปได้มากมายพวกนั้นมาจากไหนกันอิงศร”
ราหูถาม
จากความทรงจำนั่นเด็กหนุ่มทำพิธีกรรมโดยใช้ไพ่จากเพลนัลตี้บ็อกซ์หรือก็คือหากอิงศรจะทำพิธีกรรมเดียวกันที่นี่ก็จะต้องใช้ร่างไฮพีเรี่ยนที่แพ้ไปตั้งแต่เริ่มสู้ซึ่งพวกพ้องของอิงศรมีสิบเอ็ดคนเท่านั้นที่มีร่างไฮพีเรี่ยน
แต่อิงศรก็ตอบว่า
“ฉันให้พวกพ้องทั้งหมดในเพลนัลตี้บ็อกซ์เติมเต็มวงจร”
พูดจบอิงศรก็กดเท้าข้างหนึ่งให้สกู๊ตเตอร์เอียงไปด้านหน้าและยกล้อหลังขึ้น
สกู๊ตเตอร์เริ่มหมุนเหวี่ยง จากนั้นจึงกดล้อหลังกระแทกพื้น
เกิดการเสียดสีและทำให้ไฟลุกติดขึ้นมาตามเส้นทางที่วิ่งผ่าน
อิงศรเริ่มวาดวงแหวนเพลิงด้วยสกู๊ตเตอร์ที่หมุนเหวี่ยง
วงแหวนไฟวงเล็กๆ ขนาดประมาณฝ่ามือคนได้ลอยขึ้นไปเติมเต็มวงจร
โดยที่คนอื่นๆ
ทำได้เพียงแค่ยืนมองพิธีกรรมดำเนินต่อไปโดยที่เข้าไปขัดขวางอะไรไม่ได้
เมื่อวงจรเติมเต็มถึงสิบเอ็ดครั้งแล้ว
แต่ยังขาดไปอีกหนึ่งวงจรจึงจะสมบูรณ์
แต่อิงศรไม่มีพวกพ้องที่มีร่างไฮพีเรี่ยนเหลือ
อยู่ในเพลนัลตี้บ็อกซ์อีกแล้ว
“ผมจะไปเองถ้าเป็นร่างไฮพีเรี่ยนของผมล่ะก็อิงศรจะใช้มันทำพิธีกรรมได้”
ออร์ฟี่อาสาตัวเอง
นั่นหมายความว่าที่นี่ตอนนี้หมอนั่นจะฆ่าตัวตายเพื่อให้วิญญาณไปอยู่ในเพลนัลตี้บ็อกซ์
แต่อดัมห้ามเอาไว้
“ไม่ได้”
“แต่ว่า”
“นายก็เห็นใช่ไหมความทรงจำที่ผุดขึ้นมาตอนที่อิงศรจับอาคานาร์เดอะ
อิออนนั่นน่ะ”
ออร์ฟี่พยักหน้า
“….”
อดัมพูดต่อ
”มีแต่อิงศรเท่านั้นที่รู้ว่าเงื่อนไขสำหรับเติมเต็มวงจรนั่นคืออะไรและนั่นคงไม่ใช่นาย”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็จะล้มเหลวงั้นเหรอ”
“เชื่อสิ
เชื่อในตัวเพื่อนของนายให้ถึงที่สุดสิออร์ฟี่ เหมือนกับที่นายเชื่อมั่นในตัวผม”
“อึก”
เพราะคำพูดขงอดัมออร์ฟี่ถึงยอมยืนดูต่อไปโดยไม่หุนหันทำอะไรไปเสียก่อน
การสนทนาทั้งหมดอยู่ในสายตาอิงศร
“….”
และนึกขอบคุณอดัมที่ช่วยห้ามออร์ฟี่เอาไว้เพราะว่าเขาไม่ได้กำลังทำเรื่องที่สูญเปล่าหรอก
มันจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอนแม้จะไม่มีหลักประกันอะไรเลยก็ตาม
“ฉันจะขอใช้ความเป็นไปได้ของตัวเองเพื่อเติมเต็มวงจรแห่งอนาคตเอง”
อีกนัยหนึ่งของคำพูดนั่นเข้าใจได้ว่าอิงศรจะทำลายตัวเองเพื่อกลายเป็นวัตถุดิบสำหรับพิธีกรรม
มันทำให้ราหูหัวเราะออกมา
“เฮอะ
แต่ถ้าตัวเธอลงไปอยู่ในเพลนัลตี้บ็อกซ์ซะตอนนี้พิธีกรรมก็จะสูญเปล่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก”
แต่อิงศรก็ยังยืนยันคำพูดเดิม
“ต้องได้อยู่แล้วเพราะว่าความเป็นไปได้ที่ฉันจะใช้ก็คือเวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งจุดจบอินโดร่าที่อยู่ในเพลนัลตี้บ็อกซ์ยังไงล่ะ”
“อะ...หา
นี่คิดจะใช้ไพ่ของข้าอย่างนั้นเรอะ!”
“ใช่
เพราะอินโดร่าที่แกเรียกมานั่นเป็นไพ่อีกใบที่เตรียมเอาไว้ดังนั้นในเพลนัลตี้บ็อกซ์ก็น่าจะมีอินโดร่าที่ถูกส่งไปเพราะแกใช้ไพ่ที่หักล้างพลังของหอกแห่งผู้กอบกู้ไปตอนนั้นอยู่ด้วย”
เมื่ออิงศรพูด
วงแหวนไฟวงที่สิบสองก็วาดเสร็จพอดีโดยที่ไม่ใช่วงแหวนเล็กๆ
แบบก่อนหน้านี้แต่เป็นวงแหวนที่เกิดจากการขับสกู๊ตเตอร์วิ่งไปรอบๆ สนามรบ
ในตอนนั้นเอง
ก่อนที่วงแหวนจะลอยขึ้นไป
ถึงจะแค่เลือนรางก็ตาม
อินโดร่าซึ่งก็คืออิงศรจากความเป็นไปได้ที่พ่ายแพ้ให้กับราหูในโลกคู่ขนานอื่นปรากฏให้เห็นเพียงแวบเดียวท่ามกลางวงแหวนนั่น
เพียงแวบเดียวจริงๆ
ก่อนจะหายไป
นี่จะเป็นสิ่งตอกย้ำคำพูดของอิงศรว่าพวกเขาในทุกความเป็นไปได้จะไม่ยอมสยบให้กับราหูอย่างเด็ดขาด
ตอนนี้วงจรแห่งอนาคตก็ถูกเติมเต็มทั้งหมด
อิงศรชูกำปั้นขึ้นไปข้างบนแล้วตะโกน
“กลุ่มก้อนความหวังที่แตกกระจายไปในอดีตจงมารวมกันแล้วเปิดหนทางไปสู่อนาคต”
วงจรยุบตัวลงแล้วกลายเป็นเส้นทางเกลียววงแหวนร้อยเรียงทอดตัวลงมากือบจรดพื้น
“ไปเลยเมอร์คาบาห์
ไปคว้าอนาคตนั่นมาฉันจะทำให้ซรูวานคืนชีพอย่างที่นายต้องการเอง”
เมื่ออิงศรออกคำสั่ง
เทวทูตผู้ที่รับใช้ซรูวานซึ่งหลังจากที่หอกแห่งผู้กอบกู้แตกไปแล้วก็เอาแต่ยืนดูมาโดยตลอดก็รับฟังและเข้ามามีส่วนร่วมในพิธีกรรม
เมอร์คาบาห์ฮันเซลลัชช่าบินทะยานลอดเข้าไปในเส้นทางแห่งนั้น
“นี่คือการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าของพวกเรา
คือความตั้งใจที่จะทำลายขวากหนามที่ขวางทางไปให้หมด ซิงกูลาไลซ์!”
ทันทีที่เมอร์คาบาห์ลอดผ่านเกลียววงแหวนทั้งหมดไปจนถึงปลายทาง
เส้นทางก็หลอมรวมกันจนกลายเป็นเสาแสงที่ทะยานจากพื้นสู่สรวงสวรรค์
แล้วก็ถือกำเนิดขึ้น
หรืออาจะคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
เทพมารผู้มีร่างอันเรือนรองไปด้วยแสงสว่างที่เอ่อล้น
ดวงตาเปล่งประกาย แววตาอ่อนโยน
เส้นผมสีทอง
ใบหน้าของอิงศรประทับอยู่บนหน้าของเทพมารในชุดกรุยกรายสีขาว
ในมือขวาคือดาบใหญ่เล่มหนึ่ง และ
ในมือซ้ายถือคันศร
นามแห่งเทพมารนั้นคือ....
”ผู้ปลดล็อกเส้นทางสู่อนาคต ออฟโพสิทเมสสิยาห์เมอร์คาบาห์ซรูวานนนนนน!!
(Opposite Messiah, MERKABAH ZURVAN) ”
****ตอนหน้าตอนที่ 300 พอดีเลขสวยเลย
ยกส่วนกระทืบราหูไปไว้ตอนหน้าละกัน....เอาความจริงก็ด้ายยย
ที่จริงคือเขียนไม่ทันเพราะโดนทั้งงานทั้งอีเวนท์เกมที่จู่ๆ ก็จัดให้ฟาร์มResource กันนรกแตกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เลยเขียนได้แค่นี้ซะงั้น แอ่ววว แต่พรุ่งนี้ก็เป็นไทจากอีเวนท์แบ้ว
วันอังคารได้หยุดวันหนึ่งอาจจะลงวันพฤหัสตอนแรกแล้วลงอีกตอนวันอาทิตย์ฮะ
แล้วก็ภาคผนวกอธิบายว่า ซิงโครโชวคัง เอ้ย ซิงกูลาไลซ์
นี่คืออะไรอยู่ข้างล่างฮับยาวไปหน่อยและอาจชวนมึนแต่ไหนๆ
ก็เล่นกับความจริงโลกเป็นเซิฟเวอร์เก็บข้อมูลไปแล้วงั้นลากไปเรื่อง AI ด้วยซะเลยโอเมก้า
ว่าแต่เรื่องนี้มันถีบจากศาสนา ปีศาจ เวทมนต์มาจบที่ Sci-Fi กับการ์ดเกมได้ยังไงเนี่ย
โทษเทิร์นบริงเกอร์ละกันแอ่ววว (โดนเหล่ารีดรุมตบ)****
Zingulalize
(Zurvan + Singularity+ Utillize)
-
Technological Singularity หรือ “ภาวะเอกฐานทางเทคโนโลยี”
คือสมมติภาพในอนาคตที่อัตราความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนปัญญาประดิษฐ์
(AI) มีศักยภาพเหนือกว่ามนุษย์ในทุกๆ
ด้าน กลายเป็น Artificial
Super Intelligence (ASI สุดยอดปัญญาประดิษฐ์) และเกิด Intelligence Explosion หรือ
“การระเบิดทางสติปัญญา” ที่จะทำให้ ASI ฉลาดขึ้นถึงขีดสุดจนมนุษย์ไม่อาจควบคุมหรือเข้าใจมันได้อีกต่อไป
- จากที่กล่าวไว้ข้างต้น
Zingulalize ก็คือภาวะเอกภาพที่เกิดขึ้นโดยซรูวาน
ซึ่งเปรียบให้ซรูวานคือ ASI ที่เทิร์นบริงเกอร์พัฒนาขึ้นมาและก้าวไปไกลกว่าภาวะ TS ตามที่กล่าวไว้ด้านบนแล้ว
ซรูวานคือ ASI
ที่พัฒนาตัวเองถึงขีดสุดมีการ
‘รู้สำนึกถึงตัวตน’ ของตัวเองหรือก็คือมี ‘เจตจำนงเสรี’
ขึ้นมาตามราหูบอกเอาไว้ในบทก่อนๆ
ข้างบนที่อ่านไปนั่นคือแนวคิดของซรูวานที่ไรท์คิดเอาไว้นั่นเอง(รีดเขาจะเข้าใจกันไหมเนี่ยโอเมก้า)
แล้วซิงกูลาไลซ์ในแง่การเปลีย่นร่าง
ฟิคชั่นไมสเตอร์นั้นมีพลังที่จะแทรกแซงความเป็นไปได้ในรูปแบบต่างๆ Hyperealize คือตัวอย่างความสำเร็จในการนำความเป็นไปได้ที่อยู่นอกเหนือปัจจุบันกลายเป็นจริงขึ้นมา
Zingularize ก็คือการที่ซรูวานถูกรวมกับร่างทรงเหมือนกรณี
Hyperealizeขยายขอบเขตความเป็นไปได้จนสามารถกลายเป็นความจริงได้นั่นเอง
ความคิดเห็น