คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Login 28: นิทาน 25 เรื่องของผู้สิงสู่ซากศพ
Login 28: นิทาน 25 เรื่องของผู้สิงสู่ซากศพ
สวนสัตว์
บ่อเลี้ยงฮิปโปโปเตมัส
อิงศรและพวกพ้องอยู่ที่นั่น พวกเขามาถึงจุดที่มีสัตว์เทวะเลเวลสูงที่สุดในสวนสัตว์
โดยที่เหลือเวลาในการเก็บเลเวลวันนี้เป็นวันสุดท้าย
อิงศร
Lv. 60
[/////3560:3560/////]
กวินทร์
Lv. 59
[/////5904:5904/////]
มีนา
Lv. 59
[/////4230:4230/////]
เมษา
Lv. 60
[/////7060:7060/////]
หลายวันมานี้ อิงศรกับเมษาที่เลเวลนำอยู่ตั้งแต่แรกได้ถึงเป้าหมายไปแล้ว
เหลือเพียงมีนากับกวินทร์ ที่ต้องไล่ตามให้ทันภายในวันนี้
เบื้องหน้าพวกเขาคือสัตว์เทวะที่จัดการไปหลายครั้งจนค่าประสบการณ์จากมันไม่พอจะช่วยเลื่อนระดับได้อีกต่อไป
สัตว์เทวะซึ่งกลายพันธุ์มาจากฮิปโปโปเตมัส
แต่เรียกว่าอสุรกายอาจจะเหมาะกับมันมากกว่า ด้วยร่างที่เป็นผิวหนังเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นฉุนเหมือนซากศพ
ดวงตากลวงโบ๋
และที่พิเศษไปกว่านั้นมันยังมีศีรษะพิเศษสามารถลอยตัวในอากาศได้อีกถึงสิบหัวด้วยกัน
ศีรษะทั้งหมดเคลื่อนไหวแยกจากกันอย่างเป็นอิสระภายใต้การควบคุมของร่างต้น
มันต่อสู้ด้วยการให้หัวพิเศษทั้งสิบกระจายกันล้อมโจมตีพวกเขาจากทุกทิศทาง
จากนั้นร่างต้นจะรวบรวมอากาศเพื่อยิงลมหายที่รุนแรงดั่งพายุออกมาบดขยี้ทุกสิ่ง
Black Death Follower Lv. 68
[/////9999:9999////]
เมื่อสัตว์เทวะอ้าปากเพื่อจะสูดอากาศ มีนาก็ให้สัญญาณ
"จะมาแล้วค่ะ!"
ทุกคนที่กระจายกันอยู่รอบปากบ่อและต่อสู้กับแต่ละหัวของสัตว์เทวะ
พอได้ยินสัญญาณต่างก็เร่งมือจัดการกับหัวทั้งหมด
"ซุสนัคเคิล!"
หมัดสายฟ้าของเมษาขยี้หัวพิเศษได้ในการชกเพียงครั้งเดียว
แต่ยังเหลืออีกหลายหัว
และเหมือนมันจะรู้ว่าพวกเขาเล็งอะไรอยู่จึงบังคับให้หัวทั้งหมดหนีไปรอบๆ
เพื่อถ่วงเวลา
"อย่าหนีเซ่!"
เมษาวิ่งไล่หัวพิเศษ ถึงตามทันแต่พอง้างหมัดเตรียมจะชกมันก็จะหนีไปได้ทุกครั้ง
เวลากระชั้นชิดเข้ามาทุกขณะ
หากยังกำจัดหัวทั้งหมดไม่ได้ก่อนที่ร่างต้นจะรวบรวมพลังเสร็จล่ะก็พวกเขาจะต้องเสียเวลารอจนกว่าโอกาสโจมตีจะวนกลับมาอีกครั้ง
และเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในตอนนี้ด้วยเวลาที่เหลืออยู่อาจจะไม่พอทำให้มีนากับกวินทร์เลเวลหกสิบได้ทัน
มีนาพูดขึ้นมาว่า
"แบบนี้เราคงต้องรอรอบต่อไปแล้วล่ะค่ะ!"
เธอตัดใจไปแล้ว
ตัดใจอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ได้พยายามให้ถึงที่สุดแต่นั่นก็เป็นปกติในแบบของเธออยู่แล้ว
กลับกันกวินทร์ที่อยู่ใกล้กับเธอยังคงไล่ตามหัวพิเศษอย่างไม่ลดละ จนกลายเป็นภาพชวนขบขันที่เด็กสาวยืนถอนหายใจ
ส่วนเด็กชายก็วิ่งวนไปมารอบตัวเธอพร้อมกับเอาดาบไล่ฟาดหัวสัตว์เทวะที่ลอยไปลอยมา
"..."
อิงศรสังเกตรูปแบบการเคลื่อนไหวของหัวพิเศษมาซักพักแล้ว
ในที่สุดก็อ่านทางออก
เขาชักดาบสั้นที่เหน็บกับเอวเอามาขึงไว้กับธนูใช้มันต่างลูกศร
เด็กหนุ่มเล็งคันศรไปยังทิศที่เมษาวิ่งไล่กวดกับหัวพิเศษแล้วประกาศใช้สกิล
"ไวลด์วูฟล์ (Wild Wolf)"
ดาบพุ่งออกไปดั่งศร ทะลวงใส่หัวพิเศษตัดหน้าเมษาไป
จากนั้นดาบก็แวบหายกลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง
อิงศรแผลงดาบออกไปคราวนี้เล็งทำลายหัวที่อยู่ฝั่งพวกมีนา
สามารถจัดการได้ในดาบเดียวแล้วในทันทีนั่นเองดาบก็ย้อนกลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
มันคือสกิลของบิลด์คลาสฮันเตอร์ที่จะติดตั้งได้เมื่อมีเลเวลหกสิบขึ้นไป
เป็นสกิลที่ต้องใช้ธนูเป็นอาวุธหลักและสวมใส่ดาบสั้นเป็นอาวุธรอง
การโจมตีจะใช้ดาบยิงออกไปต่างลูกธนู
ถ้าการโจมตีเข้าเป้าดาบจะย้อนกลับมาแล้วพลังทำลายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
แถมยังโจมตีต่อได้ทันทีจนกว่าจะการโจมตีจะพลาดเป้าหรือไม่ยิงออกไปหลังจากดาบวนกลับมาแล้วภายในสิบวินาที
ด้วยหลักการทำงานเช่นนั้นทำให้อิงศรกลายเป็นป้อมปืนกลที่ยิ่งปล่อยนานไปลูกกระสุนที่ยิงจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจากปืนกลจะกลายเป็นปืนใหญ่ไปในที่สุด
แต่สกิลนี้ก็มีจุดอ่อนตรงที่ผู้ใช้จะเคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ระหว่างที่ใช้
ดังนั้นโดยปกติแล้วจะต้องมีคนคอยคุ้มกันและจะใช้ได้ผลกับศัตรูที่มีอัตราการหลบหลีกต่ำเพราะหากยิงพลาด
สกิลจะจบลงทันทีจากนั้นต้องรอช่วงเวลาพักสกิลไปอีกหลายสิบนาทีกว่าจะกลับมาใช้งานได้ใหม่
แต่อิงศรกลับใช้โดยแหกกฎทั้งหมดที่ว่ามา รอบตัวเขาไม่มีใครมาคอยคุ้มกัน
หัวพิเศษของสัตว์เทวะก็เคลื่อนไหวว่องไวโอกาสพลาดจึงมีสูง แถมพวกเดียวกันยังเคลื่อนที่ปะปนกันอยู่ในกลุ่มศัตรูความเสี่ยวที่จะยิงโดนพวกเดียวกันทำให้ไม่สมควรใช้สกิลนี้เป็นอย่างยิ่ง
แต่เขาก็ยังใช้มันและใช้ได้ดี
ไม่ใช่ว่าเขาเก่งฉกาจเหนือมนุษย์แต่อย่างใดส่วนหนึ่งที่มันเป็นไปได้ก็เพราะหัวเหล่านั้นเคลื่อนที่เป็นรูปแบบเดิมๆจนถูกเขาอ่านทางได้ต่างหาก
นอกจากนี้เมื่ออิงศรงัดสกิลนี้ออกมาใช้นั่นคือสัญญาณให้ทุกคนในทีมเคลื่อนไหวตามแผนขั้นต่อไป
"คุณกวินทร์คะ!"
มีนาออกคำสั่งแววตาของเธอกลับมาเปล่งประกายหลังจากทำหน้าตัดใจไปแล้ว
"ครับ!"
กวินทร์ตอบรับคำสั่งนั้นแล้วเปลี่ยนเส้นทางจากที่วิ่งไล่หัวพิเศษเป็นเลี้ยวตรงไปที่บ่อซึ่งสัตว์เทวะกำลังสะสมพลังอยู่
จากนั้นกระโดดลงไป
ภายในบ่อน้ำที่ใช้เลี้ยงนั้นกลายเป็นสภาพน้ำเน่าไปตั้งแต่ตอนที่โลกล่มสลาย
เมื่อฮิปโปโปเตมัสกลายเป็นสัตว์เทวะ...
แต่กวินทร์ที่กระโดดลงบ่อนี้มาหลายครั้งตั้งแต่ที่เลเวลของเขาขึ้นมาถึงห้าสิบเจ็ดก็รู้ถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี
เด็กหนุ่มแทงดาบลงไปในน้ำก่อนที่เท้าจะตกลงไปในน้ำเน่าแล้วใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจ
"เดม่อนแอพแจ็คฟรอส!"
คลื่นความเย็นแผ่ออกจากส่วนปลายของใบดาบ
แช่แข็งผืนน้ำในพริบตารวมถึงสัตว์เทวะที่แช่อยู่ในนั้นด้วย ดูเหมือนว่าอานุภาพของแอพปีศาจที่เคยไร้ประโยชน์เมื่อใช้บนพื้นดินจะกลับมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเอามาใช้ในสถานการณ์นี้
ตอนที่กวินทร์เหยียบเท้าลงบนพื้นน้ำแข็งเมษาก็กระโดดตามลงมาถึงด้วยพอดี
สัตว์เทวะถูกแช่แข็งไปพร้อมกับน้ำในบ่อการสะสมพลังจึงหยุดชะงักแถมยังเคลื่อนไหวไม่ได้
อิงศรที่ไล่ทำลายหัวพิเศษจนกระทั่งหัวสุดท้ายถูกทำลายลงจึงหันเป้ามายังสัตว์เทวะ
ดาบที่ย้อนกลับมาถึงสิบครั้ง
สะสมพลังทำลายถึงสิบเท่า...
ไม่ใช่!
...ทุกครั้งที่ย้อนกลับมาพลังจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีดังนั้นดาบจึงสะสมพลังไว้ที่
1024 เท่า!
ดาบที่มีพลังทำลายมหาศาลทะลวงผ่าoร่างของสัตว์เทวะแช่แข็งจนกลวงโบ๋
Black Death Follower Lv. 68
[//...1028:9999.....]
แค่ครั้งเดียวก็ทำความเสียหายได้อย่างรุนแรงจนเกือบจะจัดการได้ในนัดนั้นนัดเดียว
ดาบย้อนกลับมาที่มืออีกครั้งอิงศรตั้งใจจะยิงเพื่อปิดฉาก เขาตั้งใจจะทำแบบนั้นแต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง
“ชิ ถึงขีดจำกัดแล้วเรอะ...”
นั่นเพราะว่าดาบที่ย้อนกลับมาเป็นครั้งที่สิบเอ็ดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากเสียจนยกแทบไม่ไหว
ดาบที่มีพลังทำลายเพิ่มขึ้นมา 2048 เท่า
นั้นหนักกว่าตอนที่ยังมีพลัง 1024 เท่าอย่างเทียบไม่ติด
ไม่เพียงขึ้นดาบบนคันศรไม่ได้แค่จะยกดาบเอาไว้ก็สุดกำลังแล้ว
อิงศรปล่อยดาบหลุดจากมือเพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วแขนเขาคงจะหักไปด้วยแน่
ดาบที่ตกลงบนพื้นและสูญเสียน้ำหนักกับพลังทั้งหมดไปกลายเป็นเพียงดาบธรรมดา
สกิลถูกยกเลิกไปแล้ว
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลนักเพราะตอนนี้เมษากับกวินทร์ที่กระโดลงไปในบ่อได้จัดการกับซากของสัตว์เทวะที่ยังหลงเหลือให้เป็นที่เรียบร้อย
มีนาที่วิ่งอ้อมบ่อเพิ่งมาถึงและได้เห็นสภาพที่น่าสมเพชของเขา
ข้อมือเจ็บแปลบ ตอนที่ดาบย้อนกลับมาแล้วรับไว้ก็ถูกน้ำหนักของดาบลากจนข้อมือซ้น
เด็กหนุ่มจึงปล่อยมือจากคันธนูมากุมข้อมือด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
มีนามองข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นสีเขียวช้ำแล้วเบ้หน้า
“คุณอิงศรคะข้อมือ!”
“ช่างเถอะ สัตว์เทวะล่ะ!”
อิงศรพูดพลางปล่อยมือที่กุมออกแล้วเก็บดาบกับคันธนูกลับมา
"พวกเมษาจัดการไปแล้วค่ะ"
มีนาพูด จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนน้ำกำลังไหลบ่าดังมาจากในบ่อ
พวกเขาเดินเข้าไปใกล้ปากบ่อ ภายในนั้นน้ำที่แข็งตัวกลับคืนสภาพเดิมไปแล้ว
ส่วนอีกสองคนที่ลงไปในบ่อเองก็กลับขึ้นมาก่อนหน้านั้น แล้วตามมาสมทบ
น้ำภายในบ่อหมุนวน มันกำลังไหลลงไปข้างล่าง
ไม่นานนักพื้นก้นบ่อเลี้ยงฮิปโปฯ ก็ปรากฎขึ้นมา
ที่ก้นบ่อมีโพรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำไหลลงไป
ซึ่งโพรงนั่นคือทางเข้าที่เชื่อมไปยังเขาวงกตหรือ 'ดันเจี้ยน'
ที่จะเปิดออกก็ต่อเมื่อจัดการกับสัตว์เทวะที่เฝ้าทางเข้าเอาไว้
มันคือสถานที่สำหรับเก็บเลเวลของพวกเขาในตอนนี้
ดันเจี้ยน คือพื้นที่ลับที่ไม่สามารถเข้าออกได้ตามปกติ มีลักษณะเป็นเขาวงกตทางเดินซับซ้อนและเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย
ปกติแล้วในเกม ดันเจี้ยน
มักจะเป็นสถานที่มีไว้ให้เก็บเกี่ยวเลเวลและสมบัติจำนวนมหาศาล
สำหรับเกมโลกาวินาศเองก็ไม่ได้ต่างกัน
ตั้งแต่ที่กำหนดเอาไว้ว่าจะมาเก็บเลเวลกัน
อิงศรก็เล็งดันเจี้ยนที่อยู่ภายในสวนสัตว์แห่งนี้ไว้แต่แรก
เพราะสัตว์เทวะจะทวีความร้ายกาจตามร่างดั้งเดิมของพวกมันก่อนจะกลายพันธุ์
ยิ่งเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมากระดับเลเวลก็จะสูงขึ้นไปด้วย
แต่ในเมืองจะหาสัตว์แบบนั้นได้ก็มีแค่ในสวนสัตว์
แต่มันก็เป็นเพียงสัตว์ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้จึงไม่ได้มีความร้ายกาจอะไรมากนัก
ค่าประสบการณ์ที่ได้จากพวกมันจึงไม่เพียงพอจะเติมเต็มการเก็บเลเวลของพวกเขา
ถึงต้องพึ่งพาดันเจี้ยนเพราะระดับของสัตว์เทวะที่อยู่ภายในดันเจี้ยนจะมีความร้ายกาจเป็นพิเศษหนำซ้ำยังให้ค่าประสบการณ์มากกว่าปกติอีกด้วย
ดันเจี้ยนที่สวนสัตว์แห่งนี้ถึงจะลงมาหลายครั้งแล้วแต่สภาพภายในก็เปลี่ยนไปทุกครั้ง
เพราะดันเจี้ยนจะวนเปลี่ยนสถานที่สลับไปมาสามแบบ
แบบแรกคือดันเจี้ยนป่า
หลังจากที่ผ่านโพรงทางเข้าลงมาก็จะตกลงมาอยู่กลางป่าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสัตว์เทวะมากมายเป็นดันเจี้ยนที่ให้ค่าประสบการณ์ต่อการจบหนึ่งรอบมากที่สุด
แบบที่สองคือดันเจี้ยนกรง
แต่ดันเจี้ยนจะมีลักษณะเหมือนกับเรือนจำเสียมากกว่าห้องกรงจำนวนมากมายจะเรียงรานติดกันเป็นชั้นๆ
ไปมีด้วยกันสองฝั่ง
จุดเริ่มต้นหลังจากผ่านโพรงทางเข้ามาจะเป็นชั้นบนสุดของฝั่งใดฝั่งหนึ่งส่วนทางออกจะอยู่ที่ชั้นบนสุดของอีกฝั่ง
สัตว์เทวะที่นี่มีความร้ายกาจมากที่สุดในดันเจี้ยนทั้งสามแบบ
แต่พวกมันจะถูกขังอยู่ในกรง
พวกเขาต้องเลือกเปิดกรงเพื่อสู้กับสัตว์เทวะที่พอสู้ไหวเท่านั้น
หากสุ่มได้ดันเจี้ยนนี้พวกเขาจะพยานามจบมันให้เร็วที่สุดเพื่อสุ่มหาดันเจี้ยนอีกสองแบบแทน
แบบสุดท้ายคือดันเจี้ยนถ้ำน้ำแข็ง ภายในเป็นถ้ำที่เย็นจัด
พื้นเป็นน้ำแข็งจึงสามารถสไลด์เท้าไปพื้นแทนโดยที่ไม่ต้องออกแรงวิ่งได้
สัตว์เทวะของดันเจี้ยนนี้ระดับจะพอกันกับดันเจี้ยนป่าแต่มีจำนวนน้อยกว่า
จุดที่พิเศษของดันเจี้ยนนี้จะอยู่ที่การเก็บสะสมไอเท็มเนื่องจากมีห้องลับที่เก็บไอเทมล้ำค่าไว้มากมาย
แถมสัตว์เทวะในดันเจี้ยนเองก็ยังดรอปไอเท็มฟื้นฟูพลังอีกหลายอย่าง
ถือเป็นดันเจี้ยนที่มีไว้เพื่อการกักตุนสำหรับไปลุยกับดันเจี้ยนป่าเป็นอย่างดี
ตอนนั้นเองน้ำในบ่อก็ไหลลงโพรงไปหมด อิงศรบอกให้ทุกคนเตรียมตัว
"จะไปกันแล้วนะ"
ทุกคนพยักหน้า แล้วพวกเขาก็กระโดดจากปากบ่อลงไปในโพรง
ภายในดันเจี้ยนมีลักษณะเป็นห้องพื้นใสเหมือนกระจก น่าจะเป็นพื้นน้ำแข็ง
ที่นีคือดันเจี้ยนน้ำแข็ง...
แต่มันกลับดูแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา
"นี่มันใช่ดันน้ำแข็งรึเปล่าเนี่ย"
คำพูดของเมษานั้นสมเหตุสมผล ที่นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยนน้ำแข็ง
จากนั้นมีนาที่ยืนอยู่ข้างกวินทร์ก็ก้มตัวลงแล้วเคาะพื้นน้ำแข็งด้วยหลังมือ
มีเสียงสะท้อนดังก๊องๆ ออกมา
"ไม่เย็นเลยค่ะ พื้นนี่ไม่ใช่น้ำแข็งแต่เป็นกระจกต่างหาก"
แล้วพูดมาอย่างนั้น
"งั้นนี่ก็เป็นดันใหม่น่ะสิครับ"
กวินทร์ส่งเสียงตามมา
สรุปว่าเป็นอย่างนั้น
พวกเขาตกลงมาในดันเจี้ยนใหม่ที่ไม่ใช่ทั้งสามแบบที่เคยผ่านกันมา
"ถ้างั้นรีบสำรวจกันเถอะถ้าไม่ใช่ที่เหมาะๆ
กับการเก็บเลเวลจะได้เปลี่ยนดันใหม่"
อิงศรกล่าวจากนั้นก็เดินนำทุกคนไปตามทางเดินกระจกที่ทอดยาวจนมองไม่เห็นฝั่ง
เดินกันไปร่วมครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ถึงฝั่งเสียที
ในระหว่างทางก็ไม่มีสัตว์เทวะโผล่มา ดันเจี้ยนนี้ไม่มีอะไรซักอย่าง
สิ่งที่มันทำได้คือการผลาญเวลาของพวกเขาไปเปล่าๆ
ต้องรีบออกจากที่นี่...อิงศรบอกกับตัวเองเช่นนั้น
หลังจากเดินต่อกันมาอีกสิบนาทีพวกเขาก็มาถึงฝั่งด้านในสุดของห้อง
เบื้องหน้าคือทางเดินกระจกที่ลาดลงไปเป็นแอ่งและที่ใจกลางของแอ่งนั่นเองก็มีสัตว์เทวะ…
Unknown: Libra Avatar Lv. 100
[/////10000:10000/////]
ชื่อบนแถบแสดงพลังชีวิตของมันเขียนไว้ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสีแดง
ดั้งนั้นจะต้องเป็นสัตว์เทวะอย่างแน่นอน แต่รูปร่างของมันกลับดูไม่เหมือนสิ่งมีชีวิต
เจ้าสิ่งที่น่าจะเป็นสัตว์เทวะนั่นกลับดูเหมือนคันชั่งโบราณขนาดใหญ่
อิงศรกวาดสายตามองโดยรอบ แต่ไม่พบทางออกหรือเส้นทางไปต่อแต่อย่างใด
“ต้องทำลายเจ้านั่นถึงจะออกไปได้สินะ”
แล้วสรุปออกมา ทุกคนต่างก็เห็นพ้องกันกับเขา
ในเมื่อต้องสู้กันแล้วอิงศรจึงตรวจสอบข้อมูลของศัตรูทันที
คอนแทกเลนส์ที่มีข้อมูลของสัตว์เทวะบรรจุไว้เริ่มทำงาน
???
ข้อมูลสกิล:
???
แต่ทว่า ข้อมูลกลับไม่ปรากฏขึ้นมาอย่างทุกที
ตอนนั้นเองมีนาก็เดินมายืนเคียงข้างพร้อมกับหยิบแว่นเลนส์ข้างเดียวขึ้นมาสวมไว้ที่ตาข้างขวา
เลนส์สะท้อนข้อมูลของสัตว์เทวะออกมาเหมือนกับคอนแทกเลนส์ของเขาคงเป็นไอเท็มสำหรับตรวจสอบข้อมูลแบบเดียวกัน
“อ่านข้อมูลไม่ได้...สงสัยว่าทางกองทัพเราจะยังไม่มีข้อมูลของมันน่ะค่ะ”
ดันเจี้ยนที่เพิ่งค้นพบ ต่อมาก็สัตว์เทวะที่ไม่รู้จัก
ยังจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีก พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย
แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงพูดดังมาจากคันชั่งที่ตั้งอยู่กลางแอ่งกระจก
“มนุษย์ผู้ขลาดเขลาในโชคชะตาเอ๋ย ผู้ที่หลงวนเวียนอยู่ในทางวงกตแห่งการสะท้อนเอ๋ย”
เสียงของคันชั่งดังก้องสะท้อนไปทั้งห้อง
“หากความปรารถนาของพวกเจ้าคือการออกไปจากที่นี่ ก็จงก้าวเท้าเข้ามาแล้วพิสูจน์บาปของเจ้าต่อหน้าข้าผู้เที่ยงตรงอยู่เสมอ
หากเจ้าบริสุทธิ์จริงหนทางจักเปิดออกหรือไม่อย่างนั้นแสงแดงแห่งไฟชำระจักทำให้เจ้าบริสุทธิ์เอง"
คำพูดที่ฟังดูเป็นการท้าทายนั่นบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมา
ถ้าต้องการออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้ก็มีแต่ต้องลุยกับมันเท่านั้น
แล้วเมษาก็พูดออกมา
"พูดง่ายๆ ก็คือแค่อัดแกแล้วออกไปจากที่นี่ก็พอสินะ"
เป็นคำพูดที่เข้าใจได้ง่ายมากจริงๆ นั่นแหละ
"เอาเป็นว่าลุยก่อนก็แล้วกันไว้ถ้าหงายเงิบเอากลางทางก็ม้วนหางหนีกันตอนนั้นน่ะแหละ"
อิงศรกล่าว จากนั้นทุกคนก็เตรียมอาวุธ แล้วบุกโจมตีทันที เมษาวิ่งนำออกไปเป็นคนแรก
"เดี๋ยวชั้นจะตีฝ่าให้เองกวินทร์นายคุ้มกันที"
แล้วพูดมาอย่างนั้น
"ครับ"
กวินทร์ตอบรับคำขอนั้นแล้ววิ่งตามหลังไปติดๆ
เหลือแค่เขากับมีนาที่ยังไม่ได้ก้าวเท้าออกไป
มีนาเงื้อจอบแล้วฟันลงไป
"เนโครดราก้อนสเตโกซอมบี้"
แต่ทว่า
แกร๊ง จอบนั้นฟันพื้นกระจกไม่เข้าแถมยังสะท้อนกลับมา จอบกระดอนไปข้างหลัง
"ว้าย!"
มีนากรีดร้องขณะที่ร่างกายเสียหลักเซตามจอบไปข้างหลัง
ดูเหมือนว่าที่นี่จะสามารถใช้เนโครดราก้อนได้
ดังนั้นอิงศรจึงต้องรับหน้าที่โจมตีสนับสนุนเพียงคนเดียว
เด็กหนุ่มชักดาบสั้นจากเอวมาขึ้นธนู
"ไวลด์วูฟล์"
สกิลไม้ตายที่ดีที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้
ศัตรูไม่ได้ขยับตัวแถมไม่ได้โจมตีมา
ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขที่เอื้อมให้ใช้สกิลนี้
ดาบแผลงออกไป พุ่งตัวแหวกอากาศไปจนเกือบจะถึงตัวคันชั่งแล้ว แต่ทว่า
"ควอแวดิส (Quo Vadis)"
คันชั่งส่งเสียงมาอย่างนั้นแล้วดาบที่ควรจะพุ่งทะลวงตัวคันชั่งก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นจนสะท้อนกระเด็นไปทางอื่น
การโจมตีพลาดและจบลงตรงนั้น
"มันป้องกันการโจมตีได้เหรอ?!"
อิงศรตกตะลึงกับการป้องกันอันสมบูรณ์แบบนั่น
ตอนนั้นเองเมษาและกวินทร์ก็บุกเข้าไปถึงระยะโจมตีแล้ว
ตอนที่ตั้งใจจะจัดการกับคันชั่งอยู่นั่นเองมันก็ส่งเสียงออกมา
“ลิเบอร่าเม (Libera Me)”
จากนั้นลำแสงสีแดงที่น่าจะเป็นแสงเลเซอร์ก็ยิงลงมายังจุดที่ทั้งสองยืนอยู่
แต่พวกเขาก็หลบมันได้ แต่แล้วแสงที่ตกกระทบพื้นแทนที่จะระเบิดหรือหายไป
มันกลับสะท้อนกลับขึ้นมาในแนวทแยง
ลำแสงเฉี่ยวหัวไหล่ของเมษาจนแขนเสื้อฉีกขาด
ผิวหนังบริเวณนั้นถูกเผาจนไหม้เกรียม
"โอ้ย!"
เด็กหนุ่มผมแดงใช้มือกุมหัวไหล่เอาไว้พลางกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด
ฝืนไม่ให้ตัวเองล้มลงตอนนี้เพราะว่าลำแสงไม่ได้ยิงมาแค่เส้นเดียวแต่ยังกราดยิงลงมาอย่างต่อเนื่อง
เมษา
Lv. 60
[/////4790:7060//...]
พวกเขาหลบ แต่ลำแสงก็กระทบพื้นแล้วกระดอนทแยงมุม
ตัดกันไปมาจนยากที่มองตามแล้วหลบหรือคาดคะเนว่ามันจะกระดอนไปทางไหนได้
"บ้าเอ้ย!"
กวินทร์สบถแล้ววิ่งหลบลำแสงทั้งหมดไปพลางเคลื่อนที่เข้าใกล้ตัวคันชั่ง
และในทันทีที่เข้าประชิดตัวได้ เด็กหนุ่มก็กวัดแกว่งดาบกระหน่ำฟาดฟันใส่คันชั่งอย่างบ้าคลั่ง
Unknown: Libra Avatar Lv. 100
[/////8937:10000///..]
พลังชีวิตของคันชั่งลดลง
ทั้งที่การโจมตีของอิงศรถูกสะท้อนออกไปแต่การโจมตีในระยะประชิดของกวินทร์กลับได้ผล
แต่มันก็เท่านั้น ลำแสงกราดยิงลงมาอย่างไม่ยี่ระ
อิงศรที่มองการสะท้อนเหล่านั้นออกก็คาดคะเนได้แล้วว่าทั้งสองคนจะถูกลำแสงที่กระดอนกลับขึ้นมาฆ่าตายพร้อมๆ
กัน
"ถอยกลับมาเร็ว!"
แต่มันสายเกินไป ทั้งสองคนรู้ตัวช้าเกินไป
กว่าจะรู้ตัวก็ไม่มีโอกาสให้ขยับเท้าหนีแล้ว
ตอนนั้นเองมีนาก็กระแทกปลายของด้ามจอบลงกับพื้น
"เดม่อนแอพเวตาล (Vetala)"
วงเวทย์ที่ประกอบด้วยอักขระแปลกประหลาดแผ่ออกมาจากด้ามของจอบที่ติดกับพื้น
พอเห็นดังนั้นมีนาก็ตะโกนถามทั้งสองคนไปว่า
"ทุกคนคะช่วยบอกสีที่ชอบมาทีค่ะ"
เมษาหันกลับมา
"หา?!"
กวินทร์พูดทั้งที่ยังแกว่งดาบไม่หยุด
"ตอนนี้เนี่ยนะ!"
ไม่รู้ว่ามีนาตั้งใจจะทำอะไร แต่ลำแสงตกกระทบพื้นไปแล้ว
ตอนที่กำลังจะกระดอนขึ้นมานั่นเอง
“เวตาลปัญจวิงศติ! (Vetala Panchavimshati)”
พอมีนาร่ายคำพูดที่ฟังดูคล้ายกับคาถาหรืออะไรซักอย่าง
ร่างของกวินทร์กับเมษาที่ตกอยู่ในวงล้อมของลำแสงก็หายวับไป
ความคิดเห็น