คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #299 : Extra Log 295: พี่ – น้องมังกรแห่งโศกนาฏกรรม
Extra
Log 295: พี่ – น้องมังกรแห่งโศกนาฏกรรม
ร่างของอิงศรถูกเขียนทับด้วยพลังที่บิดเบือนความเป็นจริง
บิดเบือนกฎแห่งกาล-อวกาศ
‘กฏแห่งสรรพสิ่ง’
ซึ่งแอดมินิสเทรเตอร์อย่างลูนาริส และ โซลาริส
เคยพยายามจะธำรงเอาไว้
กฎสูงสุดที่เป็นดั่งสัจธรรมนั่นถูกแหกอย่างง่ายดายต่อหน้าพลังของผู้รุกราน
ราหูลาริสทำให้กรอบที่เคยมีอยู่ของโลกใบนี้หายไปหมดสิ้น
และการแหกกรอบนั่นก็แพร่ลามมาถึงพวกเขาด้วย
แต่หากไม่ทำเหมือนกับที่มันทำล่ะก็จะไม่มีพลังพอจะเอาตัวรอดได้เลย
อิงศรกลายเป็นฟูในร่างไฮพีเรี่ยน
น้ำหนักของชุดเกราะเต็มตัวกดทับและดึงไหล่ทั้งสองข้างถ้าเป็นตัวเองคงจะขยับตัวแทบไม่ได้
แต่เพราะร่างกายเป็นของฟู ด้วยพลังเสริมจากสายอาชีพที่แข็งแรงที่สุดอย่าง ‘โคลสเซอร์’ กับพลังกล้ามเนื้อของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าและพลังกายของเดโมนอยด์จึงเพียงพอจะหอบชุดเกราะหนักไปบนร่างกายแล้ววิ่งตะลอนไปทั่วทั้งสนามรบได้พร้อมๆ
กับควงค้อนเหล็กอันเขื่องกับโล่ที่หนักเกือบสิบกิโลไปด้วยกัน
ขณะเดียวกันนั้นเอง
มังกรนินจาก็คืนสภาพกลับเป็นร่างมนุษย์
มิธริลซึ่งก็คือมิ่งขวัญในอนาคตจากโลกคู่ขนานที่ถูกล้างสมองไปกลับมายืนประจันหน้าพวกเขา
โดยมีแฟรนเซียมกับเมษาที่มาจากโลกฝั่งนั้นยืนอยู่ด้านหลัง
ตอนนี้ไพ่ในมือของมิธริลเหลืออีกแค่ใบเดียวนั่นหมายความการป้องกันอ่อนแอลงเป็นโอกาสที่จะโจมตีเพื่อจบเรื่องในคราวนี้
ตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มหมดตัวเดิมพันกับการโจมตีคราวนี้
อิงศรเลือกไพ่อาคานาร์ออกมาสองใบเพื่อเติมเต็มช่องว่างของนรินทร์กับเน็กส์ที่เสียไป
“ซีเซียม โพแทสเซียม”
ราชครูลำดับสองที่มีใบหน้าเหมือนกับตัวเอง
และ ราชครูลำดับสี่โพแทสเซียมผู้มีรอยยิ้มอยู่เสมอ
แม้แต่ในเวลาแบบนี้โพแทสเซียมก้ยังทำหน้ายิ้มแย้มพูดจาไม่เข้าหูอยู่เหมือนเคย
“อุหวาๆ
ถูกเรียกออกมาในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเลยนะครับเนี่ย”
มิธริลพูด
“อืม อืม อืม
บังเอิญรึเปล่านะเพราะมิ่งขวัญกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวในรูทนี้ตอนนี้การ์เดี้ยนรอบตัวเธอเลยเป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างเดียวไปเลยเน้นประสิทธิภาพสินะ”
เพราะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายไงล่ะ
“ไปเลย!”
อิงศรตะโกน
พวกเขาพุ่งออกไปพร้อมกัน
พอวิ่งไปได้ประมาณหนึ่งแฟรนเซียมกับลิเธียมก็แยกออกไปทางกาบซ้าย
ซีเซียมกับโพแทสเซียมวิ่งเบี่ยงออกไปทางกาบขวาจากนั้นก็หยุดวิ่งแล้วเริ่มโจมตีจากตรงนั้นด้วยปืนพกกับธนู
อิงศรที่ใช้ร่างของฟูกับออร์ฟี่กับมิ่งขวัญพุ่งตรงไปข้างหน้าตรงๆ
อิงศรนำอยู่ข้างหน้าสุดใช้แขนซ้ายยกโล่ขึ้นกำบังมือขวาควงค้อนในมือ
“ทอร์แฮมเมอร์”
พอวิ่งไปได้อีกเล็กน้อยจึงขว้างค้อนที่สะสมพลังไฟฟ้าจากสกิลที่ร่ายออกไป
ค้อนหมุนติ้วตรงดิ่งไปหามิธริล
ถึงตรงนี้สองคนข้างหลังคงจะออกมากันให้อิงศรเดาเอาไว้แบบนั้น
แต่มิธริล...ราหูกลับปรามทั้งสองคนนั้นไว้แล้วยืนพูดด้วยท่าทีสบายๆ
“อา แบบนี้นี่เองพยายามเก็บพวกที่ไฮพีเรียลไลซ์เอาไว้สินะแล้วการ์เดี้ยนที่เป็นมนุษย์ต่างดาวก็แข็งแกร่งไม่ถูกฆ่าตายง่ายๆ
เลยเป็นตัวเลือกสำหรับการยืนในระยะยาว เริ่มเล่นเกมนี้เป็นแล้วนี่ถ้างั้นทางนี้จะลุยต่อเหมือนกัน”
พูดจบก็ใช้ไพ่ใบสุดท้ายออกมา
“เพลย์ (Play)... เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งการดับสูญไมนาเซป”
ผู้รุกรานที่เหมือนกับมีนาปรากฏออกมาจากไพ่พร้อมกับเคียวสีดำอันใหญ่
“สกิลของไมนาเซปสังเวยการ์เดี้ยน”
ด้วยคำพูดของราหู
คมเคียวจึงเหวี่ยงเข้าหาพวกเดียวกัน โมนาชหรือเมษาจากโลกคู่ขนานถูกคมเคียวตวัดใส่
มองเห็นร่างกายนั้นขาดสองท่อนและแตกสลายไป
จากนั้นไมนาเซปจึงแทงตัวเองด้วยเคียวของตัวเองตายตามน้องชายฝาแฝดไป
“เป็นโชว์โศกนาฏกรรมของพี่น้องที่เจ๋งใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ”
“นี่แก!”
อิงศรสบถ
แต่ราหูเมินแล้วพูดต่อไปว่า
“จากนั้นเอาไพ่เท่ากับในจำนวนนั้นขึ้นมาไว้บนมือ”
ไพ่ที่ใช้ไปหมดแล้วเพิ่มขึ้นมาสองใบ
เป็นแบบนี้มาสามครั้งแล้ว
ทุกครั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่มีไพ่เหลือให้ใช้ก็มักจะมีวิธีเพิ่มไพ่ขึ้นมาอยู่เรื่อย
“งั้นก็จัดการก่อนที่จะใช้ไพ่พวกนั้นซะเลยสิ”
ออร์ฟี่พูดพลางส่งแส้ใบมีดพร้อมกับชูไม้เท้าไปข้างหน้า
“โซเดียราโอ”
ปลดปล่อยลำแสงทำลายออกไป
คนอื่นๆ ก็โจมตีตามไปด้วย
“รวมพลังยิงมาอีกแล้วเหรอไม่รู้จักเข็ดเอาซะเลยนะเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำหรือไง”
มิธริลหยิบหนึ่งในสองไพ่ที่ลอยอยู่ตรงหน้าแล้วใช้มัน
”ไฮพีเรียลไลซ์!”
ไพ่เปล่งแสงกลืนร่างของมิธริลเข้าไป
จากนั้นมังกรยักษ์ก็ปรากฏกายขึ้นมาแทนที่
“ดาราจุติธาตุมังกรสัตยาบันสงัดซวนหนี่
(Star-Vatar Vowing Silent Dragon Elemental Suanni)”
ร่างกายอันเกิดจากการเรียงตัวกันของวัตถุขนาดเล็กที่แยกด้วยตาเปล่าไม่ออก
คือมังกรกึ่งมนุษย์หุ้มด้วยเกราะเหล็กทั้งตัว
มันแบกดาบใหญ่ซึ่งมีใบดาบกว้างและพันทับด้วยวัสดุคล้ายกับผ้าสีเหลืองอร่ามถักเป็นผืนยาวลงลวดลายอักขระสีแดงคล้ายกับผ้ายันต์
ตั้งแต่หัวจรดหางล้วนเป็นสีขาวพิสุทธิ์ราวกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังห้อยกังหันทมิฬเอาไว้ตามร่างกาย
ตรงหัวไหล่และที่แผ่นหลังรวมถึงบนศีรษะ
กังหันดำเหล่านั้นเปล่งออร่าอันชั่วร้ายและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
เพียงแค่มันปรากฏตัวออกมาการโจมตีของพวกเขาก็สลายหายไปหมด
ค้อนกับแส้ใบมีดพากันกระเด็นออกมา
อิงศรกระโดดขึ้นไปรับค้อน
ออร์ฟี่ดึงแส้กลับมา
ตอนนั้นเอง
"ไม่ว่าจะความหวังหรือความสิ้นหวังท้ายที่สุดจะเหลือแต่เพียงความว่างเปล่าวงโคจรจินตนาการของเจ้าได้ถูกปิดลงแล้ว
ออร์บิทัลออฟ! (Orbital Off)”
มังกรก็คำราม
เพียงแค่นั้นพวกพ้องทั้งหมดก็..
อิงศรตะโกน
“ทุกคน!”
ถูกเปลี่ยนเป็นไพ่
ถูกพันธะนาการไว้ด้วยกังหันสีดำ
แม้แต่แฟรนเซียมของฝ่ายนั้นก็โดนด้วยเหมือนกัน
เหลือแค่เขากับออร์ฟี่แล้วก็มังกรเท่านั้น
“สกิลของซวนหนี่การ์เดี้ยนทั้งหมดไม่ว่าของฝ่ายไหนก็จะถูกปิดทั้งหมด”
“ทำกระทั่งพวกเดียวกันด้วยเหรอ”
ออร์ฟี่ถาม
“.....”
มังกรไม่ตอบ
มันใช้มือบรรจงดึงผ้ายันต์ที่พันทับตัวดาบออก
“หน้าที่ของข้าเสร็จแล้วจากนี้จะส่งต่อให้ท่านพี่ของข้า
ไฮพีเรียลไลซ์!”
ใบดาบซึ่งถูกผนึกไว้ใต้ผ้ายันต์พอถูกปลดผนึกก็เปล่งแสงสว่าง
มีตัวอักขระที่ไม่รู้จักสลักอยู่บนนั้นและปลดปล่อยความมืดสีดำสนิทออกมา
ความมืดราวกับคำสาปของอสูรคืบคลานออกมาจากตัวอักษรนั่น
กลืนกินร่างมังกรทั้งหมดแล้วก่อรูปลักษณ์อันใหม่ขึ้นมา
รูปลักษณ์ของมังกรกึ่งมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับร่างเดิมแต่มีกายเนื้อสีดำสนิท
ตั้งแต่หัวจรดปลายหางดำมืดไปหมด
มังกรแยกเขี้ยวพลางส่งเสียงคำรามอย่างกึกก้อง
“ข้าคือความสิ้นหวังสุดท้ายของเจ้า
ดาราจุติธาตุมังกรคลั่งสงครามหยาจื้อ (Star-Vatar Berserking Break Dragon
Elemental Yazi)”
กังหันอันชั่วร้ายหมุนควงอยู่ที่อุ้งมือข้างหนึ่งของมัน
กังหันนั้นแยกตัวออกจากกันแล้วประกอบขึ้นใหม่เป็นเคียวที่มีหัวเกี่ยวสองด้าน
"คมดาบของข้าไม่อาจสลักสิ่งใดทิ้งไว้นอกจากความว่างเปล่า“
มังกรควงเคียวนั่นอย่างคล่องแคล่วและคำราม
“ไฮพีเรียลไลซ์ซ้อนงั้นเหรอ”
ออร์ฟี่พูด
“แถมพลังต่างกับครั้งก่อนๆ
ลิบลับเลยด้วย”
อิงศรรู้สึกหวาดระแวง
บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่มังกรตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น
ทั้งสุรเสียงของมัน
ทั้งการคงอยู่ และ ออร่าอันชั่วร้ายที่มันแผ่ออกมาล้วนสัมผัสได้แต่ความอันตราย
นี่คือ ‘สิ่งที่อันตรายที่สุด’
สัญชาตญาณกำลังบอกกับร่างกายแบบนั้นและทำให้สั่นสะท้านไปทั้งตัว
มังกรชี้มาที่อิงศร
“เจ้ามีน้องชายด้วยสินะ”
“....”
“ข้าก็เป็นพี่คนเฉกเช่นเดียวกับเจ้าข้าถูกเรียกมายังที่แห่งนี้ด้วยพลังของน้องชายแต่ไหนแต่ไรมาแล้วพี่น้องคือสายสัมพันธ์ที่พิเศษมันทั้งรุนแรงและบอบบาง
แค่น้องชายคนเดียวยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้นี่จะกลายเป็นความรู้สึกผิดบาปของเจ้าและจะเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพร้อมจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นเครื่องจักรทำลายล้างแต่สิ่งที่เจ้าจะทำลายก็มีแต่ตัวเองเท่านั้น
ฮะฮะฮะ”
“.....”
อิงศรไม่เข้าใจว่ามันกำลังพูดถึงอะไรแต่ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ลุยกันอีกครั้งเถอะออร์ฟี่จนกว่าทุกคนจะกลับมา”
“อืม”
พวกเขาเตรียมจะก้าวขาออกไป
แต่ทว่า
“หมดเวลาพอดีเอ้ายิ้มต้อนรับพวกพ้องหน่อยสิ”
มังกรพูด
จู่ๆ
ผนึกทั้งหมดก็คลายออกพร้อมกันอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไม่สิ
มันคลายออกเพราะเวลาผ่านไปครบกำหนดแล้วต่างหาก เพราะเจ้ามังกรนั่นเอาแต่พูดถ่วงเวลา
แต่ไม่มีเวลาให้มัวมายินดียินร้ายกับการกลับมาหนนี้หรอกตอนนี้นี้เป็นโอกาสที่จะโจมตี
“ทุกคน...”
อิงศรตั้งใจจะสั่งให้โจมตีอีกครั้ง
”จงเตรียมใจไว้ซะเพราะสกิลของข้าทำงานไปแล้ว
คาออสเบรก! (Chaos Break)"
มังกรกลับพูดแทรกมา
”เมื่อการปิดผนึกคลายออกสิ่งเหล่านั้นจะถูกทำลาย”
“อึก...”
“อ๊ากกกก”
พวกพ้องที่กลับมาพากันส่งเสียงร้องและกรีดร้องด้วยความทรมาน
“เป็นอะไรไปน่ะ”
ออร์ฟี่พูด
“ขวัญญญ”
อิงศรตะโกนแล้ววิ่งเข้าไปหาน้องชายก่อน
“อึก..ศ..ศร”
มิ่งขวัญพูดใบหน้าแสดงความเจ็บปวด
มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจ้ามังกรนั่นบอกว่าสกิลของมันจะทำลายสิ่งที่อยู่ในผนึกที่ถูกปลดออกถ้าอย่างนั้นขวัญก็..
ทุกคนก็...
“อ๊ากกกกก”
ขวัญกรีดร้อง
“ขวัญ”
อิงศรพยายามดึงตัวน้องชายไว้
แต่ร่างนั้นก็แหลกสลายคามือเขาไป
ทุกคนก็ด้วย ทุกคนแตกสลายไปพร้อมกันทั้งหมด
แม้แต่แฟรนเซียมของฝั่งนั้นก็ถูกทำลายไปพร้อมๆ
กัน
“นี่ก็คือพลังของผู้ทำลายล้างแห่งความวุ่นวาย
คาออสเบรก ยังไงล่ะ”
เสียงหัวเราะของมังกรดังก้อง
เสียงหัวเราะโหยหวนแบบที่ไม่เคยได้ยินสิ่งมีชีวิตใดส่งเสียงพรรค์นั้นมาก่อน
ดังก้องและหมุนวนไปกับสายลมที่พัดพาเศษธุลีของพวกพ้องที่จากไป
“….”
อิงศรหยุดนิ่ง ร่างของฟูที่เขาใช้จู่ๆ
ก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
จิตใจกำลังจะพังทลายทั้งที่รู้ว่าทุกคนยังไม่ได้ตายเพียงแค่ถูกส่งไปยังที่ๆ
หนึ่งเท่านั้น
แต่ว่า
แต่ว่า
และ แต่ว่า
การได้เห็นมิ่งขวัญหายไปต่อหน้าต่อตามันไปกระตุ้นบาดแผลในจิตใจขึ้นมา
มโนภาพของสถานีรถไฟเมื่อสามปีก่อนเหมือนจะผุดขึ้นมาอีก
ความกลัวและความสับสนผุดขึ้นในอกและขยายพองตัวไม่หยุด
มังกรพูด
“สกิลของน้องชายข้าที่ไม่อยู่แล้วทำงานเจ้าจะต้องสิ้นหวังมากขึ้น
มากขึ้นไป และ
มากยิ่งขึ้นไปอีกเอาไพ่บนมือเจ้าไม่เกินจำนวนที่ถูกทำลายไปเมื่อกี้ลงมาในสภาพเทิร์นออฟ”
ทันใดนั้นเองไพ่ทั้งหมดที่เหลือเพียงแค่สี่ใบ
เหลือแต่พวกผู้หญิงก็ลอยออกไปจากมือเอง
“อะ...ไพ่มัน”
อิงศรพยายามคว้าเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน
ไพ่ทั้งหมดกระจายตัวกันแล้วปลดปล่อยคนที่ผนึกไว้ออกมา
ตอนนั้นเอง
เสียงกรีดร้องของทุกคนที่ออกมาก็ดังขึ้น
“อ๊า!!”
“พลอย!”
“จ....เจ็บ..”
“นิว!”
อิงศรหันสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน
เขาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะไปช่วยใครก่อนดี แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วยอย่างไรด้วย
ทำอะไรไม่ได้เลย
ทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง
ทุกคนกำลังทรมานด้วยพลังที่ไม่อาจเข้าใจของศัตรูตัวใหม่
“ฮะ ฮะ ฮะ”
เสียงหัวเราะของมังกรดังระเรื่อ
เสียงหัวเราะรื่นรมย์ที่เสพสรรความทุกข์ของศัตรูดังก้องไม่หยุด
“อึก...ไม่..ไหวแล้ว”
ซากิริพูด
“ท่าน....แฟรนเซียม”
วิเชียรมาศพูด
“ค...คุณอิงศร”
มีนาพูด
“มีนา!”
อิงศรหันไปแต่แล้ว
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วแต่ละคนก็ถูกเปลี่ยนเป็นไพ่
ถูกเปลี่ยนเป็นไพ่ทั้งหมด
ความมืดสีดำทะมึนเข้ามาห้อมล้อมและหมุนกวัดแกว่งเป้นกังหันทมิฬพันธะนาการพวกเธอ
“นี่ก็คือพลังของน้องชายข้าผู้ที่มีพลังจิตแก่กล้าพลังจิตที่ก้าวข้ามกาลเวลา”
“แกกกกกกกก”
อิงศรในร่างฟูพุ่งตัวออกเงื้อค้อนเตรียมจะขว้าง
“อิงศรอย่าเพิ่งวู่วาม”
เสียงของออร์ฟี่ที่พูดเกลี้ยกล่อมมาจากข้างๆ
นั้นฟังราวกับดังมาจากที่ห่างไกล
จิตใจกำลังโหมไปด้วยความโกรธจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นอีก
ร่างของฟูตอบสนองต่อความรู้สึกได้ง่าย
อิงศรรู้สึกว่าตัวเองถูกปั่นหัวอย่างง่ายดายแต่ต่อให้ตอนนี้เป้นร่างตามปกติของตัวเองเขาก็ไม่คิดว่าจะทนยืนดูอยู่เฉยๆ
ได้หรอก
“หึ หึ หึ
แบบนั้นแหละ แบบ .นั้น . ไง . ล่ะ”
มังกรพูด
และพริบตานั้น
เพียงแค่กะพริบตา
มังกรก็หายตัวไปจากตรงหน้าแล้ว
“หายไปไหนแล้ว”
“อยู่ตรงนี้”
เสียงของเจ้ามังกรดังมาจากด้านหลัง
อิงศรหันกลับไป
พยายามหันอย่างสุดกำลังแต่คมเคียวของมันเร็วกว่า
“อ๊ากกก”
เขาถูกคมเคียวเกี่ยวเข้าที่เอว
รู้สึกเหมือนสัมผัสที่ท่อนล่างกำลังจะฉีกขาดออกไป
แต่ความเจ็บปวดก็พลันหายไปซะก่อน
เพราะว่าร่างของเขาในตอนนี้คือร่างของฟูที่ขอยืมมา
คนที่รับเอาความเจ็บปวดนั่นไปแทนตัวเขาก็คือฟูที่กำลังจะหายไปในตอนนี้
“ฟู”
อิงศรยื่นมือไปข้างหน้า
พยายามจะคว้าไพ่ของฟูที่เด้งหลุดออกมาจากร่างของตัวเองที่คืนสภาพ
ไพ่แตกสลายไปคามือที่เกือบจะจับได้อยู่แล้ว
“อิงศร”
เสียงของออร์ฟี่ดังมา
เสียงนั่นบอกให้รู้ว่าศัตรูโจมตีเข้ามาอีก
อิงศรถีบตัวกระดอนถอยห่างออกมา
เขาหลบคมเคียวนั่นได้หวุดหวิดเกือบจะถูกฟันซ้ำแล้ว
ถ้าถูกฟันทั้งร่างนี้ก็คงจะตายจริงๆ
“ทีนี้ก็ไม่มีไพ่เหลือแล้วสินะ”
มังกรพูด
จากนั้นไพ่ก็ถูกเพิ่มขึ้นมาเองใบหนึ่งทำให้กลายเป็นสองใบ
“ถึงเทิร์นจั่วแล้วเหรอแถมยังจั่วได้ไพ่ใบนั้นซะทีพวกเวิร์สแอกเกรเซอร์จากโลกคู่ขนานก็ลงหลุมไปครบหมดทุกคนแล้วด้วย”
มันหยิบไพ่ที่เพิ่งจั่วขึ้นมาดู
“ จงสิ้นหวังให้มากขึ้นไปอีกข้าน่ะไม่ได้ใจดีเหมือนพวกพี่น้องตนอื่นหรอกนะสำหรับข้าแล้วหลักการหักล้างแห่งความว่างเปล่ามันไร้สาระทำไมจะต้องทำให้เหยื่อที่สู้อุตส่าห์ฝังมันลงไปในความสิ้นหวังแล้วลุกขึ้นมามีความหวังอีกกันเล่าข้านี่แหละคือผู้ที่แหกบัญญัติข้อนั้นข้าจะฝังเจ้าลงไปในความสิ้นหวังที่ลึกไร้ก้นจะส่งเจ้าดำดิ่งลงไปยังความสิ้นหวังจนกว่าจะแตกสลายและกลายเป็นความว่างเปล่าเอง
สกิลของข้าไม่ได้หมดแค่นั้นหรอกนะ”
แล้วแกว่งเคียวเล่นสองสามทีก่อนจะตวัดฟันใส่อากาศที่ว่างเปล่าซึ่งห่างเยื้องออกไปทางซ้ายเล็กน้อย
“เอาวิญญาณจากเพลนัลตี้บ็อกซ์ในจำนวนที่เท่ากับไพ่ของเจ้าที่ถูกข้าทำลายไปมาไว้ที่ตัวข้าด้วย
โซลแสตก! (Soul Stack)”
พื้นที่ว่างซึ่งถูกคมเคียวฟันเข้าไปเกิดแยกตัวเป็นโพรงมิติ
ลูกไฟสีขาวลอยอ้อยอิ่งออกมาจากโพรงนั้นห้าลูกด้วยกันแล้วโพรงก็ปิดตัวลง
มังกรชูไพ่ที่มันเลือกมาเมื่อกี้
“จงเขียนทับตัวข้าอีกครั้งแล้วลงมาดึงโลกใบนี้ไปสู่จุดจบ
ไฮเปอร์แมททีเรียลไลซ์ (Hyper Materialize) เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งจุดจบอินโดร่า!”
ไพ่เปล่งแสงสว่างกลืนร่างของมันให้หายเข้าไป
กายอันใหญ่โตนั้นกำลังหดเล็กลง
หดจนเหลือขนาดเท่ากับเด็กผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง
ขนาดตัวพอๆ
กับอิงศร
ลูกไฟวิญญาณที่ออกมาก่อนหน้านี้พากันเปลี่ยนร่างเป็นเหล่าพวกพ้องในโลกคู่ขนานที่กลายเป็นผู้รุกราน
มิ่งขวัญ กวินทร์
เมษา มีนา นรินทร์
และคนสุดท้ายที่ยังไม่เคยเผยตัวออกมาจนถึงบัดนี้
คนที่อยู่ในโลกซึ่งแตกพ่ายให้กับราหูและตกเป็นเชลยของความเปล่า
อิงศรในสภาพผู้รุกราน
“เมื่อตัวฉันถูกเรียกออกมาก็เท่ากับว่า...”
ข้อมือและข้อเท้าถูกจองจำไว้ด้วยกังหันสีดำ
อุปกรณ์ติดใบมีดซึ่งสวมติดกับแขนคล้ายกับของเมอร์คาบาห์ในร่างก่อนนั้นตัวเขาที่เป็นผู้รุกรานสวมมันอยู่ด้วย
”นี่คือจุดจบ คือตอนอวสานยังไงล่ะ”
****
ยัง!
ยังไม่อวสานตอนนี้ว้อยยย อย่ามาตัดหน้าคนเขียนพูดนะโอเมก้า!!!
เจอกันวันพฤหัสเน่อหรือไม่ก็วันศุกร์ถ้างานเข้าน่ะนะฮะ TwT แอ่ววว
***
Star-Vatar
Vowing Silent Dragon Elemental Suanni
ดาราจุติธาตุมังกรสัตยาบันสงัดซวนหนี่
"ไม่ว่าจะความหวังหรือความสิ้นหวังท้ายที่สุดจะเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า
วงโคจรจินตนาการของเจ้าได้ถูกปิดลงแล้ว ออร์บิทัลออฟ! (Orbital
Off)”
มังกรสมองกล(Cyber Dragon) มังกรเทียมซึ่งเทิร์นบริงเกอร์สร้างขึ้นมาใช้เป็นอาวุธสำหรับแนวหน้าการรุกราน
มังกรที่เกิดจากนาโนแมชชีนขนาดเล็กจำนวนมหาศาลทำให้การคงอยู่ของพวกมันเป็นอมตะ
ซวนหนี่คือหนึ่งในผลงานชั้นยอดนั่น มันถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับมังกรอีกตนที่ได้ชื่อว่า
‘ตัวตลกแห่งสนามรบ’ แต่ซวนหนี่นั้นตรงข้ามกับพี่ชายของมัน
มันมีสติปัญญาที่เฉียบคมไม่ได้ด้อยไปกว่าเต๋าตี้ที่เป็นผู้บัญชาการของพี่น้องมังกรทั้งเก้า
ซวนหนี่นั้นสงบนิ่งและแทบจะไม่พูดหากไม่จำเป็นว่ากันว่าพลังสมาธิของมันสูงมากและมีพลังจิตที่ลึกล้ำ
อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่าความสัมพันธ์ของมันกับพี่ชายฝาแฝดนั้นเป็นอย่างไร
ผู้ต่อต้านทั้งหมดสูญหายก่อนจะได้ทันส่งข้อมูลกลับมา
มีเพียงข้อมูลว่าเมื่อฝาแฝดแห่งนาโนดราก้อนปรากฏกายสมรภูมินั้นจะสูญสิ้น
Star-Vatar
Berserking Break Dragon Elemental Yazi
ดาราจุติธาตุมังกรคลั่งสงครามหยาจื้อ
"
คมดาบของข้าไม่อาจสลักสิ่งใดทิ้งไว้นอกจากความว่างเปล่า Chaos
Breaker!"
มังกรสมองกล(Cyber Dragon) มังกรเทียมซึ่งเทิร์นบริงเกอร์สร้างขึ้นมาใช้เป็นอาวุธสำหรับแนวหน้าการรุกราน
มังกรที่เกิดจากนาโนแมชชีนขนาดเล็กจำนวนมหาศาลทำให้การคงอยู่ของพวกมันเป็นอมตะ
หยาจื้อคือหนึ่งในผลงานสุดยอดนั่น
เป็นมังกรที่สร้างขึ้นเพื่อการสงครามอย่างแท้จริง
มันไม่ได้คลั่งการต่อสู้อย่างชื่อของมันแต่หยาจื้อนั้นเป็นโรคจิตโดยสมบูรณ์
มันชื่นชอบการทำลายล้างแบบที่ให้เหยื่อทำลายตัวเอง มันไม่ได้เจ้าเล่ห์อย่างเต๋าตี้
แต่มันเป็นบ้าจนไม่อาจคาดเดาความคิดได้ ในช่วงเวลาที่ถือกำเนิดขึ้นได้มีมังกรอีกตนที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับมันซึ่งเป็นเหมือนพี่น้องและด้านตรงข้ามของมันด้วย
มังกรทั้งสองเป็นเหมือน ‘หยิน’ กับ
‘หยาง’ ของกันและกัน
ความคิดเห็น