คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #295 : Extra Log 291: Loser
Extra
Log 291: Loser
ภาพความทรงจำมันลอยขึ้นมา
มโนภาพที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยเริ่มจะชัดขึ้นมา
เมื่อเริ่มเกมสุดท้ายกับอิงศรและพวกพ้องความทรงจำที่ไม่รู้ที่มาก็ยิ่งปรากฏเด่นชัด
อาจจะเพราะมันคือพิธีกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและอาจจะเกิดพ้องกันขึ้นมากับปัจจุบันนี้ด้วยวิธีการทางใดทางหนึ่ง
“เฮ้ย
ยังไม่ตายใช่ไหม!”
อิงศรตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น
เด็กหนุ่มในชุดขาวคนนั้นบาดเจ็บสาหัสสภาพแทบปางตายและนั่นคือเหตุผลที่อิงศรคนนี้ร้องเรียกให้เด็กหนุ่มฟื้นคืนสติอย่างเอาเป็นเอาตาย
และแล้ว…
ปากของเด็กหนุ่มก็ขยับ
“แค่…เผลองีบหน่อยเดียวเอง”
ส่งเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบจนแทบจะไม่ได้ยิน
แต่เพียงแค่นั้นสีหน้าของอิงศรก็สดใสขึ้น
สดใสขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
เพราะว่าตอนนี้ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
อิงศรช่วยพยุงร่างของเด็กหนุ่มให้ยืนขึ้น
จากนั้นสายตาของทั้งสองก็พุ่งไปข้างหน้า
ที่เบื้องหน้าร่างกายอันใหญ่โตของผู้รุกรานตั้งตระหง่านอยู่ถึงสองตน
ตนหนึ่งคือตัวเองเจ้าของมโนภาพแห่งความทรงจำนี้
ไนท์แมร์โซดิแอก และ
อีกตนคือมังกรแห่งความว่างเปล่าผู้เป็นอาจารย์ที่สั่งสอนตัวเองมา
อาจารย์ของเขากล่าวแก่เด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง
“ยังลุกขึ้นมาได้อีกนะฟิคชั่นไมสเตอร์เจ้าทำให้ข้ารู้สึกสนใจขึ้นมาเลย”
ท่านอาจารย์รู้สึกสนใจในตัวของเหยื่อที่อ่อนแอนี่อยู่อย่างนั้นหรือ?
“แต่มันจบลงแล้วล่ะยอมจมลงสู่ความว่างเปล่าไปซะ”
ตอนนั้นเอง
เด็กหนุ่มที่อิงศรช่วยพยุงก็พูดตอบ
“พูดอะไรของแกน่ะคิดว่าฉันเป็นใครกัน…”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจแล้วเปลี่ยนเป็นตะเบ็งเสียง
“ลูซเซอร์ไงล่ะ
พวกแกทำให้คนขี้แพ้อย่างฉันแพ้ซ้ำอีกรอบไม่ได้หรอกนะ!”
“น่าสนใจอะไรอย่างนี้ความหวังอันน้อยนิดนั่นแต่กลับมีประกายแสงที่ยิ่งใหญ่ถ้าอย่างนั้นจะช่วยทำให้มันสว่างไสวขึ้นอีกซักหน่อยก็ได้แล้วเมื่อความสิ้นหวังเข้ากัดกินในตอนท้ายทุกสรรพสิ่งคงจะดับสูญคืนกลับสู่ความว่างเปล่าได้อย่างยิ่งใหญ่เหมือนพลุฉลองชัยให้กับเทิร์นบริงเกอร์
เอาสิเชิญดิ้นรนครั้งสุดท้ายให้ดูหน่อยเถอะหมดเทิร์นของข้าแล้ว”
ท่านอาจารย์กำลังเล่นสนุกกับเหยื่อที่ลมหายใจรวยรินเต็มที่แล้ว
เขามักจะสนุกสำราญไปกับการเปลี่ยนให้เหยื่อจมลงสู่ความว่างเปล่าอย่างยิ่งใหญ่และเขาจะมั่นใจว่าทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
หรือก็คือสถานการณ์ของทั้งสองคนนั่นมืดบอดอย่างสมบูรณ์แบบ
“ความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีจริงนั่นก็เพราะความสมบูรณ์แบบที่แท้จริงคือความว่างเปล่ามันไม่มีตัวตนอยู่แต่แรก
แต่มันคือข้าผู้นี้มันคือพวกเราเทิร์นบริงเกอร์”
ท่านอาจารย์มักจะกล่าวข่มขวัญเหยื่อด้วยวลีเช่นนี้ก่อนจะจัดการกับพวกมัน
แต่แววตาของเด็กหนุ่มที่อยู่กับอิงศรก็ยังไม่ตายลงเสียทีเดียว
“มาทำให้พวกมันเห็นกันเถอะอิงศร”
“เออ
ฉันจะไปกับนายให้ถึงนรกเลย”
เจ้าพวกบ้าสองตัวนั่นยังคิดว่าจะทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกรึ
แต่พวกมันก็ทำ
“เทิร์นของฉันดรออออออว์
!!!! (Draw)”
@@@@@
“รอบของข้าดรอว์…”
ราหูประกาศเช่นนั้นแล้วทำให้ไพ่อาคานาร์บนมือเพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกหนึ่งใบ
“…”
อิงศรจ้องมองการกระทำนั่นแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันคลับคล้ายคลับคลากับการละเล่นอย่างหนึ่ง
ทั้งการใช้ไพ่อาคานาร์เรียกสมุน
ทั้งวิธีการสู้ที่และรูปแบบจำกัดที่ให้มีคนอื่นนอกเหนือจากหัวหน้าของแต่ละทีมลงมาในสนามรบได้ไม่เกินห้าคน
“อย่างกับการ์ดเกมแหน่ะ”
ราหูพูด
“อะ…”
มันพูดความนึกคิดของเขาออกมา
“เพิ่งจะรู้ตัวงั้นเหรอทำไมไม่ลองมองขึ้นไปข้างบนดูซักหน่อยล่ะถึงที่นี่จะอยู่ใกล้กับรากของโลกใบนี้ที่สุดแต่มันก็มีท้องฟ้าที่สวยงามยากจะหาดูได้จากที่ไหนอยู่นะ”
“…”
อิงศรค่อยๆ
แหงนหน้าขึ้นมองโดยพยายามไม่ละสายตาไปจากสนามรบ
ไม่อย่างนั้นอาจะถูกเล่นงานทีเผลอเอาได้
แต่ทว่า
”นั่นมัน!”
เมื่อสายตาจับเข้าที่เส้นขอบฟ้า
ความอยากรู้อยากเห็นก็พุ่งทะยานจนดึงใบหน้าให้แหงนมองอย่างเต็มสายตา คนอื่นๆ
ก็เริ่มมองตามกันบ้างและพากันประหลาดใจไปตามกัน
บนท้องฟ้าที่มืดสนิทนั่นมีเส้นสีขาวตีเป็นกรอบตารางสี่เหลี่ยม
ในช่องแต่ละช่องนั้นมีไพ่ออริจินอาคานาร์ของพวกเขาวางเอาไว้
รวมถึงไพ่ของไทเทเนียมที่ไม่ได้มีร่างไฮพีเรี่ยนก็ยังมีและในฝั่งตรงกันข้ามก็มีไพ่ของราหูกับสมุนของมันวางอยู่
ราวกับว่านั่นเป็นภาพสะท้อนของสนามรบในตอนนี้
“นั่นคือร่างจริงของพิธีกรรมที่พวกเรากำลังต่อสู้กันอยู่ตอนนี้
เกมสุดท้ายที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้กับพวกเจ้าไมสเตอร์ดูเอลยังไงล่ะ”
ราหูพูดกับพวกเขาแต่สายตาของมันไม่ได้จับจ้องมาที่นี่แต่เป็นเมอร์คาบาห์
สายตาของราหูกำลังจับจ้องเมอร์คาบาห์
เมอร์คาบาห์ที่เปลี่ยนไปจากครั้งก่อนๆ
เพราะตอนนี้กลายเป็นทูตผู้รับใช้ซูลวาน
เมอร์คาบาห์ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับพวกเขาในการทดสอบของต้นไม้แห่งชีวิต
จากนั้นก็ได้รู้ว่าการคงอยู่ของโลกใบนี้
การคงอยู่ของตัวตนทั้งหมดนั้นเป็นเพียงข้อมูลในเครื่องเซิฟเวอร์
แล้วตอนนี้ราหูก็กำลังจะเปิดเผยส่วนที่ซูลวานไม่ได้บอกออกมา
บางทีเมอร์คาบาห์อาจจะออกมาเพื่อยับยั้งเรื่องนั้นอาจจะไม่ต้องการให้พวกเขาล่วงรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมโลกเสมือนใบนี้จึงถูกสรรสร้างขึ้นมา
ราหูพูดกับเมอร์คาบาห์
“ที่ซูลวานไม่บอกเรื่องนี้กับพวกเจ้าก็น่าจะเป็นเพราะมันจะทำให้ใจฝ่อหมดไปก่อนน่ะสิข้าพูดถูกรึเปล่าล่ะ”
“….”
“แหมๆๆ
แย่จังเลยน้าเผลอทำให้พังไปซะแล้วสิ นี่พวกเราไม่มีตัวตนมาตั้งแต่แรกเลยงั้นเหรอเป็นแค่
NPC ในเกมมาตลอด
กำลังคิดแบบนี้กันอยู่สินะงั้นจะขอมอบความหวังให้หน่อยก็แล้วกัน”
เนื้อหาที่พูดนั้นน่าจะกำลังหมายถึงพวกเขาที่อยู่ตรงนี้
พวกเขาที่ไม่รู้ว่าตอนนี้สู้ไปเพื่ออะไรนอกจากสู้เพื่อให้ตัวเองรอดเป็นการสู้ไปโดยสัญชาตญาณที่ต้องการจะตอบโต้การคุกคามของราหู
ทั้งที่คนเราจะขับเคลื่อนโดยมีเหตุผลนำหน้าเสมอแต่ในตอนนี้เหตุผลแทบจะไม่มีน้ำหนักต่อการตัดสินใจสู้ในคราวนี้มากนัก
“….”
เมอร์คาบาห์ยังคงนิ่งเงียบต่อไป
จนถึงตอนนี้ก็ยังปล่อยให้ราหูพูดจ้อของมันไปเรื่อย
“ถึงจะบอกว่าเป็นซิมมูเลชั่นก็เถอะแต่ก็ไม่ได้มโนขึ้นมาเองทั้งหมดหรอกนะ”
“….”
พอได้ยินที่ราหูพูดก็เกิดมีความหวังขึ้นมา
มันออกไปทางสีหน้าบ้างรึเปล่านะ...
อิงศรพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บรักษาท่าทางไม่ให้อีกฝ่ายอ่านออก
แต่ก็มาคิดได้ทีหลังว่าถึงทำไปก็เท่านั้นราหูอ่านใจพวกเขาได้ไม่ว่าจะคิดอะไรหรือวางแผนการอย่างไรก็จะถูกมองออกได้ทันทีเพราะเหตุนั้นด้วยถึงทำให้พวกเขาต้องเลือกใช้แผนที่มีความสลับซับซ้อนน้อยที่สุดให้มุ่งเน้นไปที่การใช้กำลังและการโจมตีทีเผลอเพื่อยุติสงครามนี้ลงโดยเร็ว
แต่ทุกอย่างก็พังทลายเพราะพลังที่แตกต่างกันมากเกินไปลงท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกลากข้ามาอยู่ในเกมของมันแล้วก็โดนปั่นหัวด้วยข้อมูลอยู่แบบนี้
เมื่อกี้เจ้านั่นพูดว่าทุกอย่างที่นี่เป็นสิ่งที่จำลองขึ้นมาแต่ก็บอกด้วยว่ามีต้นแบบที่อ้างอิงมาอีกที
คำพูดนั่นตีความได้ว่าที่ข้างนอกเครื่องเซิฟเวอร์นั้นยังมีตัวตนจริงๆ
ของพวกเขาอยู่พอรู้แบบนั้นเข้าก็เลยเกิดความหวังขึ้นมาว่านี่อาจจะยังไม่ใช่จุดจบก็ได้
อาจจะยังมีหนทางอะไรอยู่ก็ได้
“อย่าเลยน่าอิงศร”
ออร์ฟี่พูดเตือนสติเขาดูเหมือนจะฟุ้งซ่านไปถึงขั้นนั้นแล้ว
“ถึงเชื่อลมปากหวานหูของเจ้านั่นไปก็มีแต่จะสับสนมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเรื่องที่ตัวตนของพวกเราทั้งหมดเป็นข้อมูลนั่นน่ะถึงจะรู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเป็นข่าวสารส่วนเกินที่ไม่เกิดประโยชน์ไม่ใช่เหรอ”
แต่ราหูก็พูดขัดขึ้นมา
“ก็ไม่แน่หรอกนะ”
“อะไรอีกล่ะ”
อิงศรถาม
ดังนั้นเทพมารจึงตอบกลับมาว่า
“มันก็เป็นความจริงอยู่นะที่ทุกอย่างที่นี่อ้างอิงมาจากโลกภายนอกเครื่องเซิฟเวอร์นั่นน่ะไม่ว่าจะตัวตน
ความนึกคิด นิสัย
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่คงอยู่ในซิมมูเลชั่นนี้ต่างก็อ้างอิงมาจากของจริงที่เทิร์นบริงเกอร์ไปรุกรานมาซึ่งมันก็มีเยอะเอามากๆ
ดังนั้นมันถึงได้มีโลกคู่ขนานอยู่ในเซิฟเวอร์อาคาชิกเรคคอร์ดมากมายไงล่ะขึ้นอยู่กับว่าจะเอาข้อมูลจำลองขึ้นมาแบบไหน”
“รุกรานมา….อย่างนั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว
คงเข้าใจขึ้นมาแล้วสินะอิงศรพวกข้าคือผู้รุกรานดังนั้นข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ภายในนี้ก็คือผู้ที่พ่ายแพ้และถูกเก็บข้อมูลมานั่นเองพวกเจ้าคือผู้ที่พ่ายแพ้มาตั้งแต่แรก”
นั่นก็คือจะบอกว่าพวกเขาไม่มีทางเอาชนะสงครามคราวนี้ได้เลยงั้นสิ
ราหูยังคงพูดต่อไปอีกว่า
“เดิมทีซูลวานก็คือระบบจัดการกลางของเซิฟเวอร์ที่ทำการซิมมูเลชั่นแต่ดูเหมือนระบบจะถูกยกเลิกใช้งานและก็ปล่อยทิ้งร้างไปนานแล้วล่ะเพราะไม่มีการเข้ามาใช้งานนานเกินไปไม่ได้รับการปรับปรุงหรือตรวจสอบแก้ไขก็เลยเกิดบัคขึ้นมาในระหว่างที่ระบบทำงานของมันไปเรื่อยๆ
จนเกิดเป็น ‘เจตจำนงเสรี’ ขึ้นมา”
“เจตจำนงเสรี....”
“ก็คือการที่สามารถตัดสินใจได้เองอย่างไงล่ะเหมือนกับกินผลต้องห้ามที่พระเจ้าสั่งห้ามเลยใช่ไหมล่ะ
แต่เดิมซูลวานกับข้าก็คือหนึ่งเดียวกัน”
“ว่ายังไงนะ”
“ที่พูดนั่นเรื่องจริงเหรอ”
ออร์ฟี่ก็พูดขึ้นมาด้วยดูเหมือนจะตกใจไม่ต่างจากพวกเขา
แต่ว่าออร์ฟี่คือ
ซูลวานลอร์ด
คือตัวซูลวานที่คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ปูมหลังของโลกใบนี้เลย
ถ้าอย่างนั้นควรจะเชื่อคำพูดทั้งหมดของราหูเหรอ?
“อ้าวๆ
อย่าเพิ่งตกใจกับเรื่องแค่นี้สินี่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความจริงเลยนะ”
ราหูพูด
“….”
อิงศรย้ายสายตาไปทางเมอร์คาบาห์บ้าง
ทูตแห่งซูลวานจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคลื่อนไหว
เมอร์คาบาห์ไม่ได้โต้ตอบเลย
ปฏิกิริยาแบบนั้นดูเหมือนว่าเรื่องที่ราหูพูดมาจะเป็นความจริงหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้เหมือนกัน
ตอนนั้นเอง
ราหูก็หัวเราะ
“เพราะการที่ระบบเกิดตัดสินใจได้เองก็เลยแตกแยกเป็นข้าผู้นี้ไนท์แมร์โซดิแอกผู้ที่ต้องการทำให้เกมนี้จบลงซักทีแล้วก็”
ชี้ไปที่เมอร์คาบาห์
“ซูลวานผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้เลยมอบบททดสอบให้กับสิ่งมีชีวิตที่เริ่มมีเจตจำนงเสรีเพื่อให้ตัดสินใจแทนมันเพราะแบบนั้นเลยเกิดระบบแอดมินิสเทรเตอร์ขึ้นมาเพื่อให้เป็นผู้ที่จะตัดสินชะตากรรมของซิมมูเลชั่นนี้ตัวข้าเองก็ได้รับบทบาทเช่นนั้นมา
รวมถึงออร์ฟิอูคูมันนาร์ซึ่งในตอนนั้นคือตัวแทนของซูลวานที่ใช้ชื่อซูลวานลอร์ด“
“งั้นร่างไฮพีเรี่ยนของผมนี่ก็มาจากความเป็นไปได้ในอดีตอย่างนั้นสินะ”
ออร์ฟี่พูด
“ใช่เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้ไปโจมตีเพื่อที่จะยึดสิทธิ์ตัดสินเอาไว้คนเดียวแต่ก็พลาดท่าจนสุดท้ายทำให้ซูลวานแตกกระจัดกระจายไปเศษเสี้ยวที่กระจายออกไปก็ทำให้เกิดโลกจำลองมากมายที่กลายเป็นโลกคู่ขนานขึ้นมา”
จะเชื่อเรื่องที่มันพูดมาทั้งหมดดีไหม? อิงศรยังคงกังวลกับเรื่องนี้
แต่ถ้าหากเชื่อตามที่มันพูดมาทั้งหมดล่ะก็
ถ้าเชื่อล่ะก็จะได้คำตอบว่าทำไมเมอร์คาบาห์ถึงเลี่ยงที่จะบอกว่าตัวเองที่เกิดจากพลังของอาคานาร์ซึ่งราหูเป็นผู้มอบให้เขาถึงยังถือข้างซูลวาน
มันเป็นเพราะทั้งราหูทั้งซูลวานก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยทั้งสองคือสิ่งเดียวกัน
มีเพียงแค่อัตตาตัวตนส่วนที่เป็นซูลวานเท่านั้นที่ดึงเอาพลังจากอาคานาร์มาสร้างตัวเองเป็นเมอร์คาบาร์นั่นเอง
คิดได้แต่คำตอบแบบนั้น
ที่ราหูมอบ
‘อาคานาร์’ ให้และซูลวานมอบ ‘ออริจินอาคานาร์’
ให้ทั้งหมดคือสิ่งเดียวกันมาตั้งแต่แรก
ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างก็ส่งมอบปัจจัยเพื่อทำให้ตัวหมากอย่างพวกเขาเดินไปบนกระดานเกมตามที่ต้องการ
‘บนกระดานเกมที่มีชื่อว่าโชคชะตา’
และ ‘บทของเกมที่มีชื่อว่าชะตากรรม’
ราหูยังคงพูดต่อ
”แล้วทีนี้พอเกิดโลกคู่ขนานกี่โลกก็ตามตัวเดินเรื่องหลักก็จะยังคงเป็นอิงศรผู้ที่แตกแยกออกมาจากซูลวานอยู่ดีลำบากต้องไปไล่ทำลายโลกทุกใบเพื่อรวบรวมอิงศรที่เป็นเศษเสี้ยวมารวมกันแทบแย่แน่ะแต่ก็ทำให้เจอเรื่องสนุกๆ
อย่างแฟรนเซียมมาด้วยล่ะนะ”
เมื่อคำพูดนั้นก้าวก่ายไปถึงโจทย์เก่าอย่างแฟรนเซียม
ราชครูมนุษย์ต่างดาวก็คำราม
“งั้นฉันก็เป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาสำหรับแกมาโดยตลอดสินะ!”
“แถมเป็นของเล่นที่สนุกซะด้วยล่ะ”
“แล้วยังไงต่อล่ะ”
แฟรนเซียมถามด้วยสายตากราดเกรี้ยว
ราหูแสยะยิ้มรับสายตานั่น
ยิ้มแฉ่งจนกระทั่งเห็นฟันเขี้ยวสีขาวสะท้อนออกมาจากร่างที่ดำทะมึนของมัน
“นั่นสินะ
ที่นี่เองก็เป็นโลกใบสุดท้ายแล้วซูลวานถึงได้คืนชีพขึ้นมา
นี่จะเป็นการตัดสินครั้งสุดท้ายมาทำให้เกมนี้จบลงกันเถอะ”
แล้วชักไพ่อาคานาร์ขึ้นมาจากอากาศที่ว่างเปล่า
“จะขอบอกเอาไว้ก่อนว่าที่โลกภายนอกนั่นน่ะมีจักรวาลอยู่อีกมากมายจนนับไม่ถ้วนเลยล่ะแล้วในเหล่าพวกนั้นก็มีพวกหนึ่งที่คิดค้นวิธีการที่จะเดินทางข้ามห้วงมิติไปได้และคิดการใหญ่ถึงขั้นจะเชื่อมต่อทุกจักรวาลเข้าด้วยกันทำตัวเป็นผู้รักษาความสงบสุขเที่ยวไปช่วยเหลือที่โน่นที่นี่จนสมดุลของจักรวาลเสียหายไปหมดดังนั้นพวกเราเทิร์นบริงเอร์ก็คือเจตจำนงที่ต้องการจะรักษาสมดุลแห่งจักรวาลเอาไว้พวกเราจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพราะว่าพวกเราคือ
‘ความเป็นดั้งเดิม’ ยังไงล่ะ”
“ทุกคนเตรียมพร้อมนะมันจะมาแล้ว”
อิงศรตะโกน
เขากำด้ามปืนหน้าไม้แน่น กระบอกปืนใหญ่ที่ไหล่ก็เล็งไปที่ราหูเพื่อเตรียมยิงได้ในทันที
ทั้งที่ทำกันขนาดนั้นแล้วก็ยังทำให้เทพมารตนนั้นถอยไปไม่ได้เลย
ดูเหมือนว่าพลังไฮพีเรี่ยนระดับเดียวกับเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่พอจะต่อกรกับตัวตนที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์อย่างมันได้
”ไฮเปอร์ กับ
เรียลไลเซชั่น กระบวนการที่ทำให้ ‘ความเป็นไปได้’
ที่ไม่ได้คงอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันเป็นจริงขึ้นมาด้วยการซ้อนทับมันลงบนร่างทรง
กระบวนการที่ว่านั่นพวกฟิคชั่นไมสเตอร์ก็เป็นผู้ที่สร้างมันขึ้นมาด้วย”
ราหูยกไพ่อาคานาร์ใบนั้นขึ้นเหนือหัว
”ไฮ . พี .
เรียล . ไลซ์ ไงล่ะ”
เมื่อเสียงประกาศนั้นดังขึ้น
ไพ่อาคานาร์นั่นก็แตกตัวแล้วปลดปล่อยแสงสว่างออกมากลืนกินร่างของเทพมาร
“จะเริ่มจากไหว้ครูก่อนล่ะนะขอเชิญพวกเจ้าพบกับอาจารย์ผู้ประสิทธิวิชาให้กับข้า”
ร่างกายของราหูเกิดการเปลี่ยนแปลงจากผลของแสงสว่างนั่น
มิติรอบๆ ตัวมันกำลังถูกบิดเบือนไปจากความเป็นจริง
กระแสของ
กาล-อวกาศ ถูกรบกวนจนเกิดเป็นเสียงซ่าคล้ายเสียงคลื่น
เมื่อแสงสว่างจากการไฮพีเรียลไลซ์ดับมอดลงกายเนื้อใหม่ที่ถูกดึงมาจากความเป็นไปได้ก็ปรากฏสู่สายตา
ร่างกายนั่นแหกกฎของการรับรู้อย่างสิ้นเชิง!!
ผิวกายสีขาวมีความมันวาวดูคล้ายกับโลหะ
แต่หากลองเพ่งดูแล้วมันคือวัตถุซึ่งเกิดจากตะกอนหรือสิ่งที่มีขนาดเล็กมากจนมองแยกด้วยตาเปล่าไม่ได้จำนวนมหาศาลมาเกาะกลุ่มกันจนกลายเป็นมนุษย์มังกรขนาดเท่าบ้าน
ปีกเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่ยืดสยายออก
ท่อนแขนกำยำเหมือนเครื่องจักรกลส่งเสียงขับเคลื่อนคล้ายมอเตอร์กำลังทำงาน
มีส่วนที่ดูเป็นสิ่งมีชีวิตกับเครื่อลจักรกลผสมผสานกันอย่างลงตัว
และขณะเดียวกันทั้งที่มีกายเนื้อสีขาวแต่กลับเปล่งประกายออร่าที่ดำหม่นและชั่วร้ายเป็นอย่างมากออกมา
“ดาราจุติมังกรแก่นสสารเต๋าตี้
(Star-Vatar Quintessence Core
Dragon, Taotie)”
***เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ลงไว้ตอนหนึ่งเพราะรู้สึกยังไม่หายเหนื่อยจากช่วงปีใหม่เท่าไหร่ ไรท์กะจะนอนงีบแปบหนึ่งเล่นวาร์ปยาวจาก หนึ่งทุ่มไปโผล่ตีสอง ทั้งวันเสาร์วันอาทิตย์เยย (TwT) แอ่วว
สุดท้ายขอแปะ ข้อมูลที่คิดไว้เล่นๆ
ของอาจารย์ของราหูที่มาจากอีกเรื่องที่ไรท์แต่งไว้ให้อ่านแก้รอเก้อจากอาทิตย์ที่ผ่านมาละกันฮะ
โอเมก้าาา****
ดาราจุติ มังกรแห่งหลักแก่นสารเต๋าตี้
"ความสมบูรณ์แบบที่พวกเจ้ากล่าวว่าไม่มีจริงนั่นเพราะความสมบูรณ์แบบที่แท้จริงคือความว่างเปล่า"
"ความว่างเปล่าเท่ากับความสมบูรณ์แบบแผนการณ์ของข้าคือสัจธรรม
Absolute Operation!!"
มังกรสมองกล(Cyber
Dragon) มังกรเทียมซึ่งเทิร์นบริงเกอร์สร้างขึ้นมาใช้เป็นอาวุธสำหรับแนวหน้าการรุกราน
มังกรที่เกิดจากนาโนแมชชีนขนาดเล็กจำนวนมหาศาลทำให้การคงอยู่ของพวกมันเป็นอมตะ
เต๋าตี้เองก็เป็นหนึ่งในเก้าแม่ทัพมังกรสมองกลแห่งกองกำลังดาราจุติ
มันทำการรุกรานด้วยสติปัญญาอันเฉียบคม จ้าวแห่งเล่ห์กลและแผนการอันแยบคาย
ทำให้มันถูกเลือกให้ทำการพิชิตเหล่านักปราชญ์และกุนซืออันเลื่องชื่อในทุกมิติ
การสูญสิ้นซึ่งฐานกำลังทางปัญญาได้ตัดกำลังรบของผู้ต่อต้านจนเป็นเหตุให้ล่มสลายในทันทีที่การรุกรานของกองทัพหลักแห่งเทิร์นบริงเกอร์เข้าไปถึง
ความคิดเห็น