คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #287 : Extra Log 283: Grand God Beast 2
Extra
Log 283: Grand God Beast 2
การโจมตีไฟนอลเรดระดับความยาก
400 ที่มีระดับมหาเทพสัตว์เทวะเป็นบอสนั้น
ต่อให้มีเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์สองเครื่องต่อการฆ่าหนึ่งตัวก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยาก
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เป้าหมายหลักที่จะถมกำลังทั้งหมดไปจัดการ
เป้าหมายสุดท้ายคือราหูที่หลบซ่อนอยู่ตรงใจกลางระหว่างเขตแดนทั้งสามนั่น
เน็กส์นึกทบทวนแผนการทั้งหมดในหัวอีกครั้งระหว่างตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนจะเริ่มปฏิบัติการของเขาเอง
อย่างที่รู้กันว่าถึงจะแบ่งทีมโดยกำหนดจำนวนคนที่มีร่างไฮพีเรี่ยนไปทีมละสองคนแล้วนั่นก็ยังไม่เพียงพอ
เพื่อให้แน่ใจว่าจะฆ่ามหาเทพสัตว์เทวะได้อย่างแน่นอนจำนวนคนที่ไฮพีเรียลไลซ์ได้ต้องมีสามคนต่อการฆ่าหนึ่งตัว
ถ้าทำแบบนั้นพวกเขาก็ต้องยกโขยงกันไปทำลายกันทีละหนึ่งหรือสองเขตแดนซึ่งเวลาไม่ได้มีมากมายขนาดนั้นเพราะนี่เป็นแผนบุกสายฟ้าแลบ
ตามชื่อเป็นแผนบุกโจมตีที่ไม่มีแผนสองและถอยหนีไม่ได้
ดังนั้นจึงใช้วิธี ‘โรมมิ่ง’ เข้าไปเสริมในส่วนที่พลังรบไม่พอ โดยให้คนที่สามารถควบคุมจังหวะการต่อสู้และมีความคล่องแคล่วว่องไวเคลื่อนย้ายไปช่วยเหลือพวกพ้องตามจุดต่างๆ
ของสนามรบหรือก็คือเขากับนิวจะตระเวนไปสู้กับสัตว์เทวะทุกตัวเลยนั่นเอง
โรมมิ่ง
คือยุทธวิธีที่ราชามนุษย์ต่างดาวสอนให้ ชายคนนั้นมองเขาออกทะลุปรุโปร่ง
รู้กระทั่งว่าเด็กผู้ชายอย่างเขาอยากจะออกไปต่อสู้ร่วมกับพวกพี่ๆ
ขนาดไหน แล้วก็รู้ไปถึงขั้นสร้างกลยุทธ์ที่จะดึงเอาพลังออกมาอย่างเต็มที่
สรุปก็คือแฟรนเซียมมอบหน้าที่สำคัญที่จะพลาดไม่ได้มาให้เพราะว่าไว้วางใจในพลังและฝีมือของเด็กอย่างเขา…
ไม่สิ
อีกฝ่ายไม่ได้มองว่าเขาเป็นเด็กเลยแต่ให้เกรียติอย่างนักรบคนหนึ่ง
“…”
เน็กส์แอบเหลือบสายตาไปมองแผ่นหลังของราชามนุษย์ต่างดาว
ชายคนนั้นที่พี่ศรบอกว่าอันตรายและอย่าได้ไว้ใจ
เน็กส์เข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี
เพราะครั้งหนึ่งตอนที่ยังเป็นศัตรูกัน
ที่สนามรบบนชายหาดตอนนั้นพลังที่แฟรนเซียมสำแดงออกมาสร้างความหวาดกลัวให้เป็นอย่างมาก
เป็นความหวาดกลัวที่ทั้งรู้สึกชื่นชมและหวาดกลัวไปด้วยกัน
คงจะเป็นความน่าเกรงขามที่ยากจะหาใครเทียบ
รู้สึกผิดขึ้นมาเลยที่ตัวเองกำลังรู้สึกนับถือคนแบบนั้น
“เน็กส์พร้อมแล้วล่ะ”
นิวพูด
เด็กหญิงอยู่ในร่างไฮพีเรี่ยน
นอกจากเครื่องแบบชุดเดิมที่ใส่อยู่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คือหมวกผ้าคลุมสีแดงกับอาวุธที่มีหน้าตาเป็นกล่องไม้มีหูหิ้ว
ถ้าจะให้พูดแล้วล่ะก็เหมือนกับหนูน้อยหมวกแดงก็ใกล้เคียงทีเดียว
หากแยกตามกลุ่มก็จะไปคล้าย พี่ขวัญ กับ พี่กวินทร์ที่มีผ้าคลุมเสริมขึ้นมา
ส่วนตัวเขาเองร่างไฮพีเรี่ยนค่อนข้างไปทางเดียวกับพี่อิงศรมากกว่า
ปีกไอพ่นที่หลัง
หมวกกับหูฟังที่มีไซเบอร์อายยูนิทดวงตาที่วิเคราะห์ข้อมูลและช่วยควบคุมอาวุธที่เปลี่ยนแปลงจากร่างก่อน
ซึ่งของเขานั้นเดิมเป็นไม้เท้าอันเดียวก็แยกออกมาเป็นสองอัน อันหนึ่งสีแดง
อีกอันสีฟ้า
“อืม งั้นไปกันเถอะ”
เน็กส์พูดตอบแล้วจับมือเด็กสาว
จากนั้นทั้งสองก็พากันกระโดดลงไปจากเรือ
บินทะยานตรงไปยังเขตแดนสีดำที่มี มหาเทพสัตว์เทวะจ้าวแห่งพิภพเบฮีมอท
“เน็กส์…”
มิ่งขวัญเหม่อมองแผ่นหลังของทั้งสองที่หายลับไปในความมืดของเขตแดน
จากนั้นจึงละสายตาแล้วหันจากกาบเรือกลับไปด้านหลัง
พวกพ้องออกไปต่อสู้กันหมดแล้วตอนนี้คนที่นะปกป้องเรือจนถึงตอนที่ชัยชนะเหนือสัตว์เทวะจะมาถึงก็มีแต่พวกเขาที่อยู่ตรงนี้
กวินทร์ ไทเทเนียม
แฟรนเซียม ข้าวหลาม ซากิริ แล้วก็ซีลอร์ด
พวกผู้รุกรานยังคงแห่กันออกมาจากโพรงมิติไม่หยุดถึงแม้ว่าแฟรนเซียมจะต้านเอาไว้ก็ยังมีส่วนที่หลุดมาอยู่ดี
ตอนนี้ซีลอร์ดเข้าไปช่วยอยู่ แส้ใบมีดสิบสามเส้นยืดจากแผ่นหลัง
ฆ่าทำลายศัตรูที่หลุดเข้ามาได้ทั้งหมด
แส้ใบมีดที่เป็นพลังของเครื่องทำสวนก็ได้กลับคืนมาจากที่ผ่านการทดสอบเหมือนกัน
ซีลอร์ดบินขึ้นไปจากเรือพร้อมกับเรียกหอกแห่งเมสสิยาห์
“มิเรียดวิล”
แล้วตวัดหอกปลดปล่อยลำแสงสอยทหารศัตรูร่วงไปทีเดียวสามคน
“เราก็ไปช่วยกันเถอะขวัญ”
กวินทร์พูด
“เทคนิคัลเวพ่อน”
แล้วแยกดาบเป็นสองเล่ม
ก่อนจะวิ่งตะลุยไปที่กาบเรืออีกด้าน
มิ่งขวัญก็ชักเรเปียขึ้นมาแล้วตามไปติดๆ
พวกเขาสู้ด้วยร่างปกติ
ใช้แค่สกิลตามปกติกับเดม่อนแอพ
เพราะตอนนี้ทีมจู่โจมของพวกเขามีสองคนที่ใช้ร่างไฮพีเรี่ยนไปแล้วคือ
อิงศรที่กำลังจะตามมาสมทบแล้วก็แฟรนเซียม
ถึงจะพอมีเวลาจนกว่าจะจัดการสัตว์เทวะข้างล่างหมดแต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังนั้นจึงตกลงกับกวินทร์ไปแล้วว่าจะเก็บไฮพีเรี่ยนเอาไว้ก่อน
ยิ่งนานไปจำนวนศัตรูก็มีมากขึ้นจนพวกมันออกมากันมืดฟ้ามัวดินไปหมด
หรือพวกมันจะล้มเลิกการไปโจมตีสวนแล้วก็ไม่รู้ เวลาไฮพีเรี่ยนของแฟรนเซีนมก็ใกล้จะหมดลงแล้ว
ซึ่งนั่นรวมถึงอิงศรที่แปลงร่างไปก่อนในเวลาไล่เลี่ยกัน
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แวว
“หรือว่าศรจะ…”
ความคิดไม่ดีชั่ววูบแล่นขึ้นมา
มิ่งขวัญจ้องเขม็งไปยังทิศที่โพรงมิติถูกบดบังโดยทหารศัตรู
หรือว่าอิงศรจะเสียท่าพวกมันไปแล้ว?
ถึงไฮพีเรี่ยนจะทรงพลังขนาดไหนแต่คนเดียวสู้กับจำนวนเป็นล้านแบบนั้นคงเป็นเรื่องยาก
ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ
ถ้าเกิดว่าพี่ชายยังติดอยู่ในลิฟต์นั่น
เขาก็จะทิ้งทุกอย่างแล้วตามไปช่วย…
…เลยดีไหม
“…”
มิ่งขวัญลังเล
เด็กหนุ่มตระหนักขึ้นมาว่านี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกลังเลเรื่องที่จะช่วยอิงศร
ถ้าเป็นตัวเขาคนเดิมตอนนี้คงจะพุ่งออกไปจากเรือแล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้นทุกอย่างก็จะพังทลายทันทีแล้วพวกพ้องก็มีความเสี่ยงจะตายกันหมดรวมถึงตัวเขาเองที่บ้าบิ่นทำเรื่องแบบนั้น
“ต้องไม่เป็นไรสิ”
มิ่งขวัญปลุกปลอบตัวเองให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา
เชื่อมั่นในตัวอิงศร
เชื่อในพลังของพี่ชายและรออยู่ที่นี่…
จู่ๆ
พวกทหารศัตรูก็พากันแหวกหนีออกจากหน้าโพรงโดยไม่รู้สาเหตุ
แต่คำตอบก็มาทันควัน
ทหารที่หนีไม่ทันจากหน้าโพรงต่อมาก็ถูกลำแสงสีแดงกลืนหายไป ลำแสงนั้นมีเอกลักษณ์พิเศษที่จะแตกแขนงออกเหมือนเส้นวงจรไฟฟ้า
“ศร!”
มิ่งขวัญพูดด้วยความยินดี
ภายหลังจากการระเบิดของลำแสงนั่น
อิงศรก็พุ่งออกมาจากหมู่ควันระเบิด
อิงศรที่พุ่งออกมาข้างหน้าแล้วหันหลังให้ทัพศัตรูอยู่ก็เหน็บหน้าไม้ไว้หลังเอวแล้วตีลังกา
ปีกกลพับไปด้านหลัง ดันปืนใหญ่ขึ้นมาพาดบนบ่าทั้งสองข้าง
“โซเดียราโอ”
ปากกระบอกปืนเปล่งแสงสีแดงสว่างเจิดจ้า
ลำแสงสีแดงพุ่งทะยานออกไปโดยที่ยังกลับหัวอยู่
การยิงในท่านั้นทำให้แรงสะท้อนของปืนดันร่างอิงศรเข้ามาหาเรือขณะเดียวกันก็ทำลายศัตรูที่จะไล่ตามมาไปด้วย
มันเป็นท่ายิงที่มีการคิดมาเป็นอย่างดีซึ่งในการฝึกซ้อมก่อนหน้านี้อิงศรก็ซ้อมกับมิกซ์ผู้ที่มีร่างไฮพีเรี่ยนคล้ายกัน
เป็นท่ายิงที่เคลื่อนที่ไปด้วยขณะยิงในจังหวะที่ถูกไล่ตาม
พวกเขากำหนดชื่อเรียกให้มันเพื่อเป็นสัญญาณในการรบครั้งนี้ว่า High Motivity Aerial Technique หรือ ‘HiMAT’
หลังจากยิงแบบ HiMAT ไปแล้วอิงศรก็พลิกตัวร่อนลงพอเรือพอดี
“ออร์ฟี่พวกมันออกมาจากลิฟต์หมดแล้วเหลืออยู่แค่นั้นแหละ!”
แล้วตะโกนบอก
“เข้าใจล่ะ”
ออร์ฟี่ตอบรับอย่างเข้าใจ
เพราะดูจากจำนวนของศัตรูที่บอกว่าออกมาจากโพรงหมดแล้วเท่ากับว่ากำลังของศัตรูตอนนี้เหลือแค่จำนวนที่เห็นอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ตอนนี้โพรงมิติปิดตัวไปแล้ว
ไม่มีที่ให้หนีแล้วนี่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะหนีไปจากศัตรูซึ่งลอบมาตลบหลังในถิ่นของตัวเอง
ด้วยตรรกะแบบนั้นพวกทหารศัตรูก็แห่กันเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว
“แบบนี้ง่ายขึ้นเยอะเลย”
ออร์ฟี่ควงหอกในมือ
เพระาตอนนี้อิงศรมาอยู่ที่นี่แล้วดังนั้นก็จะใช้พลังของหอกแห่งเมสสิยาห์ได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาอาติแฟคไฮพีเรียลไลซ์เขาก็สามารถฆ่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้ทั้งหมด
“อาคานาร์อาร์ค”
ไพ่อาคานาร์ยี่สิบสองใบหมุนวนห้อมล้อม
จำนวนเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนเป็นเท่าตัวเพราะว่าอิงศรได้ปลดล็อกพลังทั้งหมด
อาคานาร์สมบูรณ์และก้าวไปอีกขั้นทำให้พวกเขาสามารถไฮพีเรียลไลซ์ได้
...และนี่คือพลังเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อตวัดหอกที่ควง
อาคานาร์ทั้งหมดก็พุ่งออกไป กลายเป็นแสงที่ทำลายกองทัพของผู้รุกรานลงทั้งหมด
***สำหรับตอนที่ลงในวันทำงานก็สั้นๆเป็นปกติไป รอต่อตอนวันอาทิตย์กันเน่อ***
ความคิดเห็น