ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #271 : Extra Log 268: พี่น้องไม่ถูกโฉลก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 105
      4
      4 ต.ค. 61

    Extra Log 268: พี่น้องไม่ถูกโฉลก

     

                จนถึงตอนนี้มิ่งขวัญก็ยังไม่ยอมเดินหน้า

                “….”

                ดังนั้นเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน

                อิงศรเดินนำหน้าตลอดทางที่ผ่านมา พวกเขาเดินทางมาถึงซุ้มเกมสุดท้ายของภารกิจ เมื่อมองเข้าไปภายในตัวร้านก็เห็นตู้ไม้สีขาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งเรียงกันอยู่ห้าตู้ด้วยกัน แต่ละตู้ถูกแบ่งเป็นช่องเล็กๆ เก้าช่องด้วยกัน แต่ละช่องจะมีลูกโป่งยัดเอาไว้

                อิงศรก้มหน้ามองไปที่โต๊ะหน้าซุ้มร้านซึ่งจะต้องมีสิ่งนั้นวางอยู่อย่างแน่นอน

                ลูกดอกพลาสติกที่มีแต่ส่วนปลายลูกดอกเท่านั้นที่เป็นโลหะแหลมสำหรับเจาะลูกโป่งให้แตก ลูกดอกหลายสีกองอยู่ในตะกร้าพลาสติกที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ ตำแหน่งตรงกับตู้แต่ละตัว

                เกมสุดท้ายคือปาลูกดอกเจาะลูกโป่งนั่นเอง

                อิงศรคิด...

                นี่คือเกมที่ง่ายที่สุดสำหรับนักกีฬาดาร์ทอย่างเขา แต่เงื่อนไขการผ่านภารกิจนี้ไม่ง่ายแบบนั้น ลูกดอกทั้งหมดจะต้องปาให้เข้าเป้าทั้งหมด สำหรับคนที่ไม่มีทักษะอย่างมิ่งขวัญนับเป็นอุปสรรคที่ยากมาก

                เกมนี้คงปล่อยให้มิ่งขวัญเล่นไม่ได้ อิงศรคิดว่าตัวเองควรจะเป็นคนเคลียเกมนี้ด้วยตัวเอง

                ถึงแม้จะไม่ได้แสดงพลังของพี่น้องออกมาตามที่การทดสอบต้องการแต่ถ้าภารกิจไม่ล้มเหลวก็อาจจะพอเจรจาได้

                อิงศรเอื้อมมือไปที่ลูกดอกบนโต๊ะ แต่มือของเขาถูกดึงไว้โดยมือที่เล็กกว่านิดหน่อย

                เขามองหน้าเจ้าของมือนั้น

                ขวัญ?”

                มิ่งขวัญเงยหน้าสบตาเขา

                “.....”

                เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง มิ่งขวัญเหมือนกับจะตัดสินใจได้แล้วก็พูดออกมาว่า

                พอกันทีคิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

                อิงศรไม่เข้าใจที่น้องชายพูด

                พูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย

                ก็นะเพราะว่านี่เป็นการทดสอบพี่น้องใช่ไหมล่ะก็เลยคิดมาตั้งแต่ตรงนั้นเลยว่าจะทำตัวยังไงดี

                หมอนี่ก็คิดถึงเรื่องนั้นด้วยเหรอ อิงศรรู้สึกทึ่งนิดหน่อยที่มิ่งขวัญก็คิดเรื่องเดียวกัน ขวัญเองก็คงจะรู้ตัวเรื่องการทดสอบเหมือนกัน บางทีคงรู้ว่าภารกิจไม่ได้เขียนอยู่ในกระดาษไว้ทั้งหมด

                แต่ว่า...

                เกมนี้น่ะมันยากนะฉันว่า

                พูดเหมือนกับตอนนั้นเลย

                มิ่งขวัญหรี่ตาจ้องเขม็งมายิ่งกว่าเดิม แต่แทนที่จะตกใจเขากลับรู้สึกคุ้นเคยเสียมากกว่า

                เรา...เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

                อยากได้ไอ้นั่นอ่ะ

                แต่มันมันยากนะ

                บทสนทนาในความทรงจำมันลอยขึ้นมา ทั้งที่มันไม่น่าจะมีอยู่จริงความทรงจำของโลกก่อนล่มสลายนั้นถ้าพยายามนึกถึงมันก็จะได้แต่ข้อมูลที่เป็นเหมือนกับตัวหนังสือบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

                แต่ว่า มันกลับลอยขึ้นมา

                ภาพในความทรงจำ ในงานเทศกาลที่ไหนซักแห่ง

                เป็นเหตุการณ์ในช่วงวัยเด็กของพวกเขา ที่หน้าร้านเกมปาลูกโป่งเหมือนกับในเวลานี้ มิ่งขวัญอ้อนอยากเล่นเกมนี้ เพราะอยากจะได้ของเล่นที่เป็นของรางวัล ซึ่งจะต้องทำคะแนนสูงสุดในการปาลูกดอกสองชุดด้วยกัน

                แน่นอนว่ามันยากเกินไปสำหรับตัวเขาในตอนนั้นด้วยแต่เพราะกลัวว่ามิ่งขวัญจะไปงอแงต่อหน้าพ่อกับแม่จนวุ่นวายอีกก็เลยออกตัวเป็นคนเล่นเพื่อเอาของรางวัลมาให้

                ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะปาให้ก็แล้วกัน

                แต่มิ่งขวัญก็ส่ายหัวแล้วดึงเสื้อเขาไว้

                สอนขวัญเล่นทีสิ

                มันยากนะ นายปาไม่ได้หรอก

                แต่มิ่งขวัญก็ยืนกรานจะให้เขาสอนปาลูกดอก ซึ่งผลลัพธ์ก็คือได้เป็นรางวัลปลอบใจแทน

                ทีแรกเขานึกว่าขวัญจะงอแง แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ใบหน้าของมิ่งขวัญในเวลานั้นดูอิ่มเอมแล้วก็มีความสุขมาก อย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมแต่มิ่งขวัญอวดตุ๊กตาผ้าที่ได้เป็นของปลอบใจกับพ่อกับแม่ไม่หยุดเลยทีเดียว

                ถ้ามันยากนักก็สอนสิ

                เสียงของมิ่งขวัญดึงเขากลับมาจากภวังค์ความคิด หมอนั่นหยิบตะกร้าลูกดอกไปวางอยู่ข้างหน้าตัวเองแล้ว

                นี่นาย...หรือว่าตอนนั้นไม่ได้อยากได้รางวัลนั่นอยู่แล้วน่ะ

                หา

                ก็ตอนนั้นไง นายขอให้ฉันสอนปาแทนที่จะให้ฉันปาให้น่ะ

                หรือว่าที่จริงแล้วตอนนั้นขวัญ...

                อ๋อ ตอนนั้นน่ะเหรอ รางวัลน่ะอยากได้อยู่หรอกแต่ว่าอยากเล่นมากกว่าอ่ะ มันทำไมเหรอ

                นายเนี่ยน้า~~”

                อิงศรนึกต่อว่าตัวเองในใจ ว่าเขาไม่น่าปล่อยความคิดให้เตลิดไปขนาดนั้นเลย อย่างขวัญคงไม่คิดจะทำตัวน่ารักมาออดอ้อนเขาอยู่แล้วล่ะนะ หรือว่าตัวเองที่คิดแบบนั้นก็คาดหวังอยู่กันล่ะ?

                ไม่รู้สิ เริ่มไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว

                ความทรงจำในอดีตที่น่าจะเป็นแค่ข้อมูลปลอมๆ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากความทรงจำนั้น สมมติฐานเรื่อง บทที่ราหูพูดมาพวกเขาอาจจะตีความกันผิดหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นก็ได้

                ที่สำคัญสำหรับตอนนี้ มิ่งขวัญก้าวออกมาแล้วถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องก้าวออกไปบ้าง

                แล้วจะไหวเหรอต้องปาให้แตกหกลูกเลยนะห้ามพลาดแม้แต่ดอกเดียวเลยให้ฉันปาแทนดีกว่ามั้ง

                อิงศรยื่นมือไปจะหยิบตะกร้าลูกดอก แต่มิ่งขวัญไม่ยอมปล่อยตะกร้าให้เขา

                มิ่งขวัญพูด

                พอพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วศรก็เหมือนจะเปลี่ยนไป

                ฉันเนี่ยนะ

                มิ่งขวัญพยักหน้า

                ตั้งแต่เมื่อก่อนเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ศรชอบไม่อยู่ตรงนั้นตลอด บางทีก็รู้สึกเหมือนเป็นคนอื่นกันไปเลยแต่พอโลกล่มสลายลงก็รู้สึกว่าศรดูน่ากลัวขึ้นนิดหน่อยน่ะ

                นั่นเพราะนายชอบหาเรื่องมาให้ฉันต่างหากเล่าคิดว่าใครกันที่ต้องมาดูแลนายตอนที่เราไม่มีพ่อแม่กันแล้วน่ะ

                ก็นั่นแหละ!!

                มิ่งขวัญขึ้นเสียงใส่ อย่างคาดไม่ถึง

                “….”

                เพราะเอาแต่เก็บงำเอาไว้ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ ซักทีนั่นแหละ ตอนเจอพวกฟูครั้งแรกนั่นก็เหมือนกัน ไม่ยอมบอกเหตุผลที่ยกข้าวให้พวกนั้นแล้วใครมันจะไปรู้กันเล่าว่าศรคิดอะไรอยู่ คราวนี้ก็เหมือนกันจนถึงตอนนี้ศรก็ยังเอาแต่แบกรับเอาไว้คนเดียวตลอดเลยไม่ใช่รึไง

                “…”

                คราวนี้...มิ่งขวัญกำลังพูดถึงการทดสอบนี้อย่างนั้นสินะ

                เพราะศักดิ์ศรีของพี่ชายบ้าๆ นั่นอีกแล้วน่ะเหรอ

                เรื่องนั้น...

                พลอยบอกมาน่ะว่าที่ศรไม่พูดเรื่องที่ช่วยพวกฟูเพราะศักดิ์ศรีอะไรนั่น ศักดิ์ศรีนั่นมันสำคัญมากรึไง

                ไม่รู้สิ พอถูกมิ่งขวัญถามเอาตรงๆ แบบนี้เขาเองก็เริ่มจะรู้สึกประหลาดใจกับความยึดมั่นถือมั่นของตัวเองขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

                ทำไมกันนะ อิงศรคิด...

                ทำไมที่ผ่านมาถึงไม่แบ่งปันความทุกข์กับขวัญเลย ศักดิ์ศรีของพี่ชาย อะไรนั่นน่ะทำไมตอนนี้ถึงเพิ่งมารู้สึกตัวว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างกันนะ ตัวเองก็แค่ไม่อยากจะให้ขวัญเข้ามายุ่มย่ามเพราะกลัวเรื่องจะเสีย หรือ เพราะว่าจงใจจะปิดกั้นตัวเองจากขวัญกันแน่ เขาไม่รู้เรื่องนั้นเลย

                ...ไม่สิ แค่ทำเป็นไม่รู้ต่างหาก

                มิ่งขวัญพูด

                ศักดิ์ศรีอะไรนั่นน่ะ ไม่เข้าใจหรอกแล้วก็ไม่อยากจะเข้าใจเลยซักนิดด้วย แต่ว่า...

                น้องชายมองมาทางเขาด้วยใบหน้าน้อยใจ

                พอจบเรื่องทั้งหมดแล้วพวกเรายังต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกนะ

                มิ่งขวัญพูดด้วยความหงอยเหงา

                ไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เล่นด้วยกัน มีเรื่องอีกตั้งมากมายที่อยากจะทำด้วยกัน ยังไงศรก็เป็นพี่นะ เพราะงั้นอย่าปิดบังกันอีกได้ไหม อย่าทำตัวเหมือนพร้อมจะแยกจากไปได้ตลอดเวลาได้ไหม

                ฉันก็ไม่ได้จะจากไปไหนซักหน่อย นายคิดมากเกินไปแล้วน่า

                ถ้างั้นทำไมถึงปิดบังกันล่ะ ความรู้สึกของศรน่ะ

                ....

                พูดมาเซ่

                หนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่าขวัญจะล้ำเส้นเกินไป น้องชายขึ้นเสียงกับพี่แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน

                แล้วก็ช่างหัวการทดสอบมันแล้วด้วย

                ก็ไม่ได้อยากจะปิดอะไรซักหน่อย คนที่เอาแต่พูดทุกอย่างที่คิดน่ะมันคนบ้าชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง

                นี่จะบอกว่าขวัญบ้างั้นเหรอ คนที่ว่าคนอื่นบ้านั่นแหละที่บ้า

                และแล้ว...

                ก็เริ่มทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ พวกเขาเป็นพี่น้องกันแบบนี้แหละ

                พี่น้องที่ไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนในนิยาย ที่จริงพี่น้องแบบนั้นก็คงมีแหละแต่พวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเท่านั้นเอง

                พอทีไม่ต้องสง ต้องสอนมันแล้ว

                มิ่งขวัญหยิบลูกดอกขึ้นมาจากตะกร้าตั้งท่าจะปามันออกไป

                เฮ้ย เดี๋ยว!”

                อิงศรพยายามจะห้าม แต่ลูกดอกถูกปาออกไปแล้ว

                ลูกดอกพุ่งไปชนเข้ากับขอบตู้แล้วกระดอนออก ทีนี้ก็จบสิ้นกันล่ะ

                “….”

                “……”

                พี่น้องพากันหน้าซีดทั้งคู่

                มะ...ไม่เป็นไรมั้ง เมื่อกี้ไม่นับละกัน

                คำพูดที่คิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดกู่หลุดจากปากคนอย่างอิงศร แล้วมิ่งขวัญที่เป้นต้นเหตุก็เห้นดีเห็นงามชนิดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

                ใช่...ใช่ เมื่อกี้แค่ลองปาดูน่ะ

                แต่ก็มีเสียงพูดขัดขึ้นมา

                จะโกงกันหน้าด้านๆ ไปหน่อยมั้ง

                ทั้งศรทั้งขวัญพากันสะดุ้งตัวโยน สองพี่น้องค่อยๆ หันกลับไปข้างหลังด้วยความทุลักทุเล

                ที่นั่นคู่แฝดเครื่องทำสวนกำลังยืนจ้องมองมาทางนี้

                จูเนอร์มินาร์ ผู้กัดแทะวัชพืช คู่ฝาแฝดพี่สาวกับน้องชาย

                เด็กสาวที่เป็นคนพี่คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

                พวกนายทุกคนสอบตก....

                แต่คนน้องก็พูดแทรกด้วยใบหน้าชวนขบขัน

                ซะเมื่อไหร่ล่า!”

                ก็ตามนั้นแหละนะ ล้อเล่นน่าล้อเล่น เดิมทีภารกิจมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอยู่แล้วแค่สร้างบรรยากาศให้พี่น้องได้เปิดอกคุยกันเท่านั้นเอง….หืม

                เด็กสาวนึกสงสัยที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาจึงเพ่งสายตามองไปที่หน้าของอิงศรกับมิ่งขวัญ

                อะไรกันเนี่ยช็อกไปเลยเรอะ เฮ้ ตายรึยาง~~”

                พอถูกเรียก อิงศรก็ถามกลับไป

                ทำไม

                แน่นอนว่ามันก็น่าตกใจอยู่แต่ไม่ได้ช็อกโอเวอร์ขนาดนั้น ก็แค่สงสัยว่าทำไมเครื่องทำสวนถึงมาที่นี่ในเมื่อไม่ได้มาปรับพวกเขาตกการทดสอบ

                จูเนอร์มินาร์ถามกลับ

                อะไรล่ะ

                ก็แล้วพวกเธอมาที่นี่ทำไมถ้าไม่ได้ปรับพวกฉันตก

                อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอก็แบบว่าไหนๆ พวกนายก็ทำท่าจะสอบผ่านอยู่แล้วก็เลยคิดว่ามาดักคอแกล้งซักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

                หา?”

                ที่จริงแล้วการทดสอบยังไม่จบลงหรอกนะแต่หวิดสอบตกแล้วล่ะถ้าไม่ได้มิ่งขวัญพูดขึ้นมาคงดำเนินการทดสอบพี่น้องต่อไปไม่ได้ นายน่ะเกือบจะทำการทดสอบล่มไปแล้วนะ คราวนี้ได้น้องช่วยชีวิตเอาไว้แล้วสิ

                ถ้างั้นตอนนี้พวกฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ

                นายน่ะไม่ต้องแล้ว

                จูเนอร์มินาร์หันไปทางมิ่งขวัญ

                แต่มิ่งขวัญต้องพูดออกมาให้หมด ความรู้สึกของตัวนายน่ะบอกเขาไปสิ ถ้ามัวแต่อายจะปรับตกนะ

                พอพูดมาแบบนั้นแล้ว มิ่งขวัญก็หันมาหาเขา แต่ท่าทางฝืดแข็งสุดๆ ราวกับฝืนสังขารอย่างไรอย่างนั้น

                ใบหน้าของมิ่งขวัญขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะความเขินอาย

                ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าที่มิ่งขวัญจะลดความประหม่าลงแล้วเริ่มพูด

                ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ ถ้าไม่บอกออกมาขวัญก็ไม่รู้หรอกว่าศรคิดอะไรอยู่เพราะงั้น...

                น้องชายยกมือขึ้นเกาหัวแล้วหลบสายตาเพื่อลบดความประหม่าที่เพิ่มขึ้นตามคำพูด

                ถ้าจะให้เจ๊ากันไปขวัญจะบอกของตัวเองให้ฟัง หลังจบเรื่องทั้งหมดแล้ว หลังจากที่พวกเราได้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งคราวนี้จะไม่ยอมให้ศรอยู่คนเดียวอีกแล้ว ขวัญจะทำตัวกล้าหาญให้เป็นน้องชายที่สามารถชวนพี่ชายที่ดีที่สุดไปเล่นด้วยกันให้ได้

                เมื่อมิ่งขวัญพูดจบ อิงศรก็แย้งไปว่า

                ท่อนสุดท้ายห้วนไปนะแถมพูดเร็วเกินไปด้วย

                ก็มันน่าอายนี่หว่า พี่ศรลองมาพูดเองดูบ้างเด่ะ!”

                “….”

                เมื่อกี้หมอนี่พูดว่า พี่ศร นั่นน่ะพูดโดยรู้ตัวอยู่แล้วหรือว่าไม่รู้ตัวกันนะ เอาเถอะไม่ต้องมีพี่นำหน้าก็ได้แบบนั้นน่าจะสนิทสนมกันมากกว่าแล้วก็พวกเขาไม่ใช้พี่น้องประเภทที่ต้องมาเกรงใจกันด้วย ไอ้แบบที่ผ่านมาตลอดนี่สินะที่เรียกว่า ฝืน

                แล้วคำตอบล่ะ

                มิ่งขวัญทวงถามถึงคำตอบ อิงศรหันไปทางจูเนอร์มินาร์

                ขอเปิดคลังเก็บหน่อยได้ไหม

                ก็เอาสิ

                เมื่อหล่อนอนุญาตแล้วอิงศรจึงเปิดหน้าจอคลังแล้วล้วงหยิบบางอย่างออกมา เป็นกล่องใส่แว่นที่มิ่งขวัญให้เป็นของขวัญวันเกิด เมื่อคืนวันสิ้นปีที่ตอนนั้นอยู่ระหว่างค้างคืนก่อนเดินทางไปหอคอยบาเบลในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง

                เขายื่นมันให้มิ่งขวัญดู

                เรื่องนั้นเราพูดกันไปแล้วตอนที่นายให้นี่ฉันมาไง อย่าบอกนะว่าลืม

                มิ่งขวัญสีหน้าซีดเซียวลงทันตา

                ลืมจริงๆ สินะ คนอย่างนายนี่มัน

                ก็มันมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะเลยนี่นา

                อิงศรรู้สึกเหนื่อยที่จะทะเลาะกับขวัญแล้วจึงพูดเพื่อบ่ายเบี่ยง

                เออ ช่างเหอะ เอาเป็นว่าจากนี้ไปถ้ามีอะไรฉันจะบอกก็แล้วกัน

                แต่นั่นก็พูดออกมาจากใจจริง

                อื้ม

                มิ่งขวัญพยักหน้า

                ....แล้วทีนี้

                จูเนอร์มินาร์คนน้องก็พูดโพล่งเสียงดังขึ้นมา

                หาสมบัติเจอจนได้สิน้า~”

                คนพี่พูดเสริมต่อไปอีกว่า

                นั่นสิ สมบัติที่มีแต่พี่น้องด้วยกันเท่านั้นที่จะครอบครองมันได้ สายสัมพันธ์ที่เป็นทั้งครอบครัวและพวกพ้องในหนึ่งเดียว ชื่อของการทดสอบที่แท้จริง การทดสอบสายสัมพันธ์ที่แท้จริง ถึงจะรักใครกลมเกลียวกันขนาดไหน หรือ แม้จะเกลียดกันเข้าไส้เพียงใด พี่น้องก็ไม่ได้แบ่งกันความสุขหรือความทุกข์ ต่างคนต่างก็เป็นตัวของตัวเองแล้วสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากความเป็นตัวเองของแต่ละคนที่มาเชื่อมต่อกันนั่นแหละคือสมบัติที่ล้ำค่าล่ะ

                แต่กระนั้นก็ไม่มีใครฟังที่หล่อนพูดอยู่ดี อิงศรเริ่มคุยกับมิ่งขวัญโดยที่น้องชายของเธอเข้าไปผสมโรงด้วยจนวุ่นวายกันใหญ่

                งั้นก็เหลือแต่หมอนั่นแล้วสินะที่ต้องมาทดสอบ

                จูเนอร์มินาร์พึมพำโดยไม่หวังให้ใครได้ยิน

     

                @@@@@@@@

                @@@@

     

                ดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นของพวกเจ้าเนี่ยจะไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละน้า~~~”

                ออร์ทิเกสซาร์พูด ข่าวเรื่องการสอบ่านอย่างปาฏิหาริย์เพิ่งจะกระจายจากจูเนอร์มินาร์มาเมื่อครู่นี้แล้วเขาก็บอกผลนั้นให้นรินทร์รู้

                นรินทร์อมยิ้มด้วยความดีใจ

                ผ่านแล้วสินะครับ เห็นไหมล่ะเหมือนที่ผมบอกเลยใช่ม้า~”

                ก็นะ ผ่านแบบฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปดเลยล่ะถ้ามิ่งขวัญไม่ช่วยน่ะนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะยอมรับไหมนี่สิยิ่งเคี่ยวๆ อยู่ด้วย

                นรินทร์เอียงคอด้วยความฉงนกับสิ่งที่ราชห์สีเผือกพูด

                เจ้านั่นนี่หมายถึงใครเหรอครับ

                ก็จะใครซะอีกเล่า ดีเซมแมร์น่ะสิ เจ้านั่นคือคนที่ทดสอบอิงศรแล้วก็เป็นคนที่เจ้ากี้เจ้าการที่สุดในหมู่พวกเราอีกด้วยถ้าความเห็นของหมอนั่นไม่ลงรอยกับคนอื่นๆ ล่ะก็ได้มีสิทธิตกเอาจริงๆ แน่

                เอ๋?”

                เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะมีอีกเรื่องที่อยากจะบอกเอาไว้

                จู่ๆ โทนเสียงของออร์ทิเกสซาร์ก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงดูจริงจังกว่าทุกครั้ง

                คนที่โดนราหูเล่นงานไม่ใช่แค่ออร์ฟิอูคูมันนาร์เท่านั้นแต่โดโกบาร์และ ข้าเองก็ด้วยที่ถูกปลูกความทรงจำให้ ตัวข้านั้นถูกทำให้เป็นบ้าไปแล้วครั้งหนึ่งแต่เพราะความยึดมั่นที่มีอยู่ทำให้ยังดำเนินการในฐานะของเครื่องทำสวนได้ เหมือนอย่างที่เจ้าเห็นบนสวนแห่งที่สองนั่นแหละ

                เรื่องนั้นมัน

                นรินทร์ปรับตัวตามความจริงจังของออร์ทิเกสซาร์ไม่ทัน เขารู้สึกสับสนว่าควรจะเพ่งเล็งไปที่เรื่องไหนก่อนดี

                ออร์ทิเกสซาร์พูดต่อ

                สำหรับเจ้าที่ผ่านการทดสอบความเชื่อมั่นจากข้าได้มีเรื่องที่อยากจะฝากฝังเอาไว้หน่อย

                ฝากฝังกับผมน่ะเหรอ

                ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามจงทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอนั่นคือหน้าที่ของเจ้าเด็กหนุ่มผู้กำเนิดจากความตายนรินทร์

     

                @@@@@@@@@@@

                @@@@@

     

                ดูเหมือนว่าอิงศรจะผ่านนะ

                โดโกบาร์ก้มตัวลงพูดกับเมษาที่ยังนอนแผ่อยู่บนสังเวียน

                เมื่อได้ยินว่าอิงศรผ่านการทดสอบ เมษาก็แผ่ยิ้มกว้างด้วยความโล่งอก ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะถูกเตทอนให้รู้สึกว้าวุ่นใจกับการสอบของอิงศรที่ทำทีว่าจะสอบตก

                เฮอะ ก็บอกแล้วว่าอย่างหมอนั่นยังไงก็ผ่าน

                โดโกบาร์จ้องมองรอยยิ้มของเขาแล้วพูด

                ก็เกือบไปแล้วเหมือนกันแต่ช่างเถอะยังจำเรื่องที่พูดไปเมื่อกี้ได้รึเปล่า

                เมษาพยักหน้า

                ที่บอกว่าความจริงโลกนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนน่ะเหรอ

                ช่วงเวลาก่อนหน้าสี่ปีนั้นตั้งแต่พวกเจ้ายังไม่ถือกำเนิด หรือแม้แต่เรื่องภายในสวนศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกเขียนขึ้นในภายหลัง เมื่อข้ากลับมาที่ต้นไม้แห่งชีวิตอันเป็นต้นกำเนิดความจริงถึงได้กระจ่าง

                เพื่อจะได้ฟังให้ถนัด เมษาจึงยันตัวขึ้นมานั่ง พอได้พักแล้วร่างกายก็ฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้าและความบอบช้ำจากการชกมวยกับร่างแยกของกรกฏเป็นปลิดทิ้ง

                โดโกบาร์พูดต่อ

                ต้นไม้แห่งชีวิตนี้จะชำระวิญญาณที่กลับมาให้บริสุทธิ์ก่อนจะหมุนเวียนให้ออกไปเป็นชีวิตใหม่ ดังนั้นการปลูกความทรงจำปลอมๆ นั่นก็เลยหายไปด้วยคิดว่าคงเป็นฝีมือของศัตรูที่พวกเจ้ากำลังเผชิญหน้าอยู่นั่นล่ะนะ

                ราหูสินะ

                เมษาจิกปากด้วยความหงุดหงิด

                เจ้านั่นมันคิดจะทำอะไรกันแน่ ไม่ใช่ดิ! โลกเรามันเป็นอะไรกันแน่ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่างหาก อย่างกับเจ้าราหูเป็นคนสร้างโลกแล้วก็เป็นพระเจ้าเลยไม่ใช่เหรอ แบบนั้นน่ะ

                โดโกบาร์พูด

                แม้แต่ความทรงจำของข้าที่เคยลงไปจัดการพวกสาวกของ ยฮวฮ เรื่องต้นกำเนิดของมนุษย์กับพวกบุตรแห่งแสงที่ข้าเคยเล่าให้พวกเจ้าไปก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาด้วยล่ะนะ ความจริงแล้วจุดเริ่มต้นของโลกใบนี้อาจจะเริ่มขึ้นในวันที่เกิด อีเด็นฟอลก็เป็นได้

                หมายถึงจุดเริ่มต้นทั้งหมดคือวันโลกกลายเป็นเกมน่ะเหรอ

                คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ตอนที่พวกเจ้าเข้ามายังต้นไม้แห่งชีวิตนี้ความทรงจำภายในจิตวิญญาณของพวกเจ้าก็ถูกตรวจสอบด้วยดูเหมือนว่าความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านั้นจะเป็นผลที่มาจากปัจจัยภายนอก พวกเจ้านั้นแท้จริงแล้วไม่เคยมีช่วงเวลาตั้งแต่ที่เริ่มถือกำเนิดขึ้นมาก่อนเลย

                จะบอกว่าพวกฉันตั้งแต่จำความได้แล้วก็เป็นเด็กอายุสิบสามเลยงั้นเรอะ

                ก็ไม่ผิดจากที่พูดมาหรอกนะ

                นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย เข้าใจยากชะมัดเลยเจ้าอิงศรมันรู้เรื่องนี้ไหมเนี่ย

                เขารู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว ที่จริงข้าคิดว่ามีแต่เจ้านั่นแหละที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้

                “นี่จะด่าว่าฉันโง่ใช่ไหมเฮ้ย!


    ***สำหรับรีดที่ตามอ่านอยู่ตลอดและมักจะกดเข้ามาที่ตอนล่าสุดทันทีหลังจากที่อัพ รึเปล่าก็ไม่รู้ขอบอกว่าวันนี้ไรท์อัพสองตอนฮะ =w=’ เพราะงั้นถ้ายังไม่ได้อ่านบทของทดสอบของนรินทร์ก็ย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้วด้วยเน่อ โอเมก้า****

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×