ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #26 : Login 24 : ปศุสัตว์เทวะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.2K
      60
      15 ก.ย. 59

    Login 24 : ปศุสัตว์เทวะ

     

                ภายในรูนรูม

                ผู้ถูกลืมเลือนนั่งอยู่บนโซฟา ในมือของเขากำลังถือไพ่และพลิกมันไปมา สายตาจ้องไปที่ไพ่ใบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ

                ด้านหนึ่งของไพ่เป็นสีดำสนิทและอีกด้านเป็นรูปพระราชากับบัลลังก์

                ผู้ถูกลืมเลือนละสายตาจากไพ่แล้วเงยหน้าขึ้น

                “สวัสดีเหล่ามนุษย์ผู้ถูกบทละครเรื่องนี้เลือกมา ผมคือผู้ถูกลืมเลือนโชคร้ายหน่อยที่ตอนนี้ มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกยังคงตื่นอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มาที่ห้องนี้

                จากนั้นจึงหันไพ่ในมือแสดงด้านที่มีรูปพระราชาออกมา

                “เจ้านี่ อยู่ๆก็โผล่มาอีกแล้วล่ะเหมือนกับคราวก่อนเลยมันยังไงกันแน่นะ แต่ว่าหนนี้กลับไม่สลายไปแฮะ

                ผู้ถูกลืมเลือนพลิกด้านไพ่กลับไปอีกครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า

                “สิ่งนี้คืออาคาน่า เดอะ เอ็มเพอเรอร์ ในคราวนี้มันปรากฏขึ้นมาในสภาพหันหัวขึ้นนั่นบ่งบอกถึงการปกครอง การชี้นำ แต่ถ้าหากว่าไพ่ใบนี้มันกลับหัวแล้วล่ะก็

                ไพ่ถูกจับคว่ำหัวลง

                “มันจะมีความหมายอีกอย่างว่า ทรราช การปกครองที่ล้มเหลว การนำทางไปยังความเสื่อม...ไว้เมื่อมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกมาจะลองถามเขาดูก็แล้วกันนะ

     


     

                หลังจากส่งมอบมนุษย์ NPC ให้ทางค่ายรับไปจัดการต่อแล้ว อิงศรกับทีมก็ออกเดินทางต่อทันที

                พวกเขาขับรถจนกระทั่งมาถึงลานอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า

     

                วงเวียนถนนกว้างรายล้อมด้วยตึกของรัฐสภา มีถนนตัดเข้ามาถึงสี่สาย ใจกลางเป็นที่ตั้งของลานวงกลมกินพื้นที่ถนนไปหนึ่งในสี่โดยประมาณ เป็นที่ตั้งของบรมรูปทรงม้า

                พระบรมรูปซึ่งเคยแสดงประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรของมนุษย์บัดนี้เหลือแต่เพียงซากปรักเท่านั้น

                ในยุคที่มนุษย์ต่างดาวเป็นผู้ปกครองและสัตว์เทวะมีชัยเหนือมนุษย์ อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์มากมายที่บ่งบอกว่ายุคของมนุษย์จบสิ้นลงแล้ว

     

                เวลาห้าโมงตรง

                ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยตัวตกดิน แสงแดดเปลี่ยนเป็นสีส้ม ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีม่วง

                รถที่พวกอิงศรขับมาจอดสนิทอยู่ด้านหน้าของพระบรมรูปที่เหลือแต่ซากปรัก

                ทั้งที่เป็นถนนใหญ่แต่บริเวณโดยรอบกลับไม่มีซากของรถที่ควรจะถูกทิ้งร้างเอาไว้ในวันโลกาวินาศเลย เพราะวันนั้นเป็นวันหยุดขึ้นปีใหม่ สถานราชการหยุดทำการทำให้ไม่มีรถสัญจรผ่านเส้นทางนี้ในเวลานั้น

     

                ภายในรถ

                กวินทร์ดับเครื่องยนต์ลงแล้วหันกลับไปทางเบาะหลังที่นั่งคนขับ

                "ทุกคนถึงแล้วนะครับ"

                "..."

                ไม่มีการตอบกลับจากสองฝาแฝดธุวดารกะ.... ทั้งคู่หลับสนิท

                กวินทร์จึงเรียกอีกครั้ง

                "ถึงแล้วนะครับ! รีบตื่นเหอะ!"

                "..."

                ทั้งคู่ยังคงหลับเป็นตาย

                กวินทร์เบะปาก

                "โธ่~"

                แล้วถอดใจหันกลับมานั่งที่พลางส่งสายตามาทางนี้เหมือนจะขอความช่วยเหลือ

                แต่อิงศรยังคงง่วนกับการพิมพ์ข้อความลงบนหน้าจอไม่หยุดตั้งแต่เรมออกเดินทางจากสวนสาธารณะ

     

                "..."

                ความเงียบยังคงดำเนินต่อไปอีกสักพักโดยมีเสียง เคาะแป้นพิมพ์โฮโลแกรมดังแกร๊กๆ ให้ฟังต่างเพลงกล่อมนอน

                "นายเองก็พักไปก่อนเถอะสู้เสร็จก็มาขับรถต่อเลยนี่เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงชั้นจะมาเรียก"

                อิงศรพูดจบก็ปิดหน้าจอแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที

                "แล้วพี่ศรจะไปไหนน่ะครับ"

                กวินทร์ถาม

                "ไปดูที่ทางว่าจะสร้างฟาร์มยังไงน่ะ"

                อิงศรตอบเพียงแค่นั้นแล้วปิดประตูรถไปโดยไม่เปิดโอกาสให้กวินทร์ซักต่ออีก

     

     

                ห้าโมงครึ่ง

                กวินทร์ มีนา และ เมษา ถูกอิงศรปลุกระหว่างการนอนหลับจากความเหนื่อยล้าแล้วให้ลงจากรถมายืนเรียงแถวเพื่อฟังอธิบายแนวทางที่กลุ่มจะดำเนินต่อไป

     

                "..."

                ทั้งสามคนยังดูงัวเงียเกินกว่าจะฟังอธิบายแน่ๆ

                ดังนั้นอิงศรจึงยังไม่พูด แล้วเปิดหน้าจอ Inventory พลางหยิบของหลายต่อหลายชิ้นออกมาวางลงบนพื้นถนนจนเกิดเสียงดังโครมคราม

                ดูเหมือนว่าเสียงจะไปกระตุ้นทั้งสามคนจนตื่นจากสภาพงัวเงียเข้า

                มีนาเป็นคนแรกที่ยิงคำถามมาก่อนใครเพื่อน

                "จะทำอะไรกันเหรอคะ..."

                เธออ้าปากหาวหวอดใหญ่ก่อนจะเริ่มพูดต่อ

                "ถึงได้เอาของออกมาเยอะแยะเลย..."

                น้ำเสียงงึมงำเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี

                ส่วนกวินทร์กับเมษาก็เอาแต่จ้องมองสิ่งของที่เขาหยิบออกมากองบนพื้นโดยไม่ได้ถามอะไร ไม่รู้ว่าเพราะเห็นของพวกนั้นก็เลยเข้าใจแล้ว หรือ กำลังนึกสงสัยว่าเขาจะให้ทำอะไรกันแน่ เพราะจ้าวของที่วางอยู่นั้นไม่ใช่ไอเทมสำหรับประกอบการเก็บเลเวลเลย

                สิ่งของที่กองอยู่ประกอบด้วย กองไม้กระดานพูนสูงเลยขอบศีรษะทุกคน ท่อนไม้ยาวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตรหลายท่อน และ กองเศษเหล็กที่ดูไม่รู้ว่าเป็นอะไรบ้างแต่มีหลายชิ้นในนั้นหน้าตาเหมือนฟันเฟือง คันโยก และ หน้าปัดนาฬิกา

     

                กวินทร์มองกองสิ่งของเหล่านั้นแล้วถามคำถาม

                "หรือว่าที่คลังพี่ศรเต็มจะเป็นเพราะแบกของพวกนี้มาน่ะครับ"

                อิงศรพยักหน้าตอบคำถามนั้น

                "ใช่...แล้วก็นายกับเมษามีอาชีพรองเป็นช่างไม้ทั้งคู่สินะ"

                พูดเสร็จก็เปิดหน้าจอระบบขึ้นมาอีกสองอัน

                กวินทร์พยักหน้ารับ ส่วนเมษาพูดตอบกลับมาว่า

                "ก็ใช่อยู่หรอกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเก็บเลเวลด้วยล่ะ"

                อิงศรไม่ได้ตอบคำถามนั้นทันทีแต่กลับพูดเบี่ยงประเด็น

                "เลเวลของอาชีพหลักกับอาชีพรองใช้ร่วมกันตอนนี้พวกนายเลเวลสี่สิบกันแล้วคงจะมีสกิลสร้างของพวกนี้ได้สินะ"

                แล้วยื่นหน้าจอหนึ่งที่เรียกขึ้นมาเมื่อครู่ส่งให้พวกเมษาดู

                บนหน้าจอนั้นมีรูปของรั้วไม้และรายละเอียดกำกับเอาไว้ข้างใต้ว่าเป็น 'ไอเทมประเภทตกแต่งสถานที่' และอีกรูปเป็นโกดังไม้หน้าตาเหมือนเพิงหมาแหงน มีรายละเอียดเขียนไว้เช่นกันบอกว่าเป็น 'คลังสำรองสำหรับกักเก็บไอเทมชั่วคราว'

     

                แค่เห็นรายการเหล่านั้นเมษากับกวินทร์ก็มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างส่งสายตางุนงงให้กัน จากนั้นจึงหันมาพูดพร้อมกันว่า

                "จะเอาไปทำอะไร?"

                เพราะของเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์ในการเก็บเลเวลเลยซักนิดเดียว

                อิงศรไม่ได้ตอบคำถาม...ที่จริงคือไม่ได้สนใจฟังเลยต่างหากพลางกดตั้งค่าลงบนหน้าจออีกอันที่เปิดค้างไว้

                บนหน้าจอนั้นมีหัวข้อเขียนไว้ว่า 'Party'

                หลังจากใส่ค่าต่างๆ ลงไปหมดแล้ว...

                "เอ้า พวกนายเข้าปาร์ตี้ซะจะได้เริ่มกันซักที"

                พอพูดไปแบบนั้นหน้าจอระบบก็เปิดขึ้นต่อหน้าทุกคนพอดิบพอดีเป็นหน้าจอที่มีข้อความชวนเข้าร่วมปาร์ตี้ของอิงศร มีปุ่ม 'ตกลง' กับ 'ยกเลิก' ให้เลือกอยู่ด้านล่างของหน้าจอ

                ทุกคนเลือกปุ่ม 'ตกลง' จากนั้นบนหน้าจอของอิงศรก็มีรายชื่อของทุกคนเรียงขึ้นมา พอทำแบบนี้แล้วเวลาช่วยกันสู้กับสัตว์เทวะก็จะได้ค่าประสบการณ์แบ่งให้เท่าๆ กันทุกคน

                "ทีนี้พวกนายสองคน"

                อิงศรเรียก กวินทร์กับเมษาแล้วจึงชี้ไปที่กองไม้ด้านหลัง

                "ใช้ของพวกนั้นสร้างรั้วไม้กับโกดังให้หมดซะ"

                เมษาตอบกลับมาว่า

                "มันก็ได้อยู่หรอกแล้วกองเศษเหล็กนั่นล่ะ มันไม่ได้เอาไว้สร้างของพวกนี้นี่"

                พลางชี้ไปที่กองเศษเหล็กที่วางอยู่ถัดไปจากกองไม้

                "อันนั้นชั้นจะใช้เองพวกนายรีบๆ ไปสร้างได้แล้วเวลายิ่งไม่มีอยู่"

                พูดเสร็จอิงศรก็ดึงถุงผ้าซึ่งบรรจุของที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวอยู่ข้างในออกมาจากหน้าจอพลางหันไปเรียกมีนา

                "ส่วนเธอมากับชั้นไปช่วยกันกางเต็นท์นอนก่อน"

                มีนาพยักหน้ารับแทนคำพูด

                จากนั้นทุกคนก็แยกกันไปทำงาน

     

                กวินทร์กับเมษาใช้สกิลของสายอาชีพรอง 'ช่างไม้' เสกสารพัดเครื่องมือออกมาทั้งค้อน ทั้งเลื่อย และอีกหลายอย่างสลับไปมา กับการตัดและตอกตะปูใส่แผ่นไม้แต่ละแผ่น ท่อนไม้แต่ละท่อน จนกระทั่งเสร็จออกมารั้วไม้ในเวลาไม่กี่นาที

                หากว่านี่เป็นโลกที่ยังไม่ล่มสลายแล้วล่ะก็การจะสร้างรั้วไม้ซักอันหนึ่งคงต้องใช้เวลามากกว่านั้น แต่สกิลก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเป็นกอง

     

                เสียงตัด เสียงเลื่อย เสียงทุบไม้ ยังคงดังโครมครามต่อเนื่องไม่มีหยุด ขณะเดียวกันอิงศรที่แยกออกมาพร้อมกับมีนาก็เดินไปกางเต็นท์ห่างจากที่เดิมไม่ไกลนัก

                เริ่มจากวางเสาค้ำก่อน อิงศรดึงเสาโลหะหลายท่อนออกจากถุงผ้า ส่งครึ่งหนึ่งให้กับมีนา แต่พอรับไปแล้วน้ำหนักของท่อนเหล็กนั้นทำให้เธอเซถลาจนเกือบล้ม

                “เฮ้! ไหวไหมเนี่ย

                อิงศรถามพลางยื่นมือเข้าไปช่วย แต่มีนาก็รีบดึงท่อนโลหะหนีทันที

                “ไหวค่ะ สบายค่ะ ฉันทำได้ค่ะ

                เธอยืนยันมาแบบนั้นไม่รู้ว่าทำไม สุดท้ายจึงต้องปล่อยให้ทำไป ระหว่างที่แยกกันไปตั้งเสาค้ำ

                อิงศรพูดกับเธอว่า

                "เนโครดราก้อนของเธอน่ะถ้าฆ่าสัตว์เทวะแล้วจะได้รับค่าประสบการณ์ไหม"

                มีนาทำหน้าครุ่นคิดอยู่แปปนึงก่อนจะตอบคำถามนั้น

                "ก็ได้เป็นปกติเหมือนฉันเป็นคนโจมตีเองนั่นแหละค่ะ"

                "งั้นคำถามต่อไปมันมีเวลาในการคงอยู่นานแค่ไหน"

                "ถ้าเรียกออกมาแล้วก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าฉันจะยกเลิกหรือไม่ก็ถูกฆ่าตายไปก่อนน่ะค่ะถามทำไมหรือคะ"

                "ถ้างั้นก็ดีขอใช้สกิลของเธอช่วยเก็บเลเวลคืนนี้เลยก็แล้วกัน"

                แต่มีนาก็ยิ้มขึ้นมาและแสดงท่าทางราวกับรู้ทันความคิดของเขา

                "อ๊ะๆ ถึงเนโครดราก้อนจะต่อสู้เองได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสู้ได้ดีโดยที่ไม่มีคนออกคำสั่งให้หรอกนะคะ"

                "งั้นถ้าเป็นคำสั่งง่ายๆ อย่างเช่น 'ให้โจมตีแต่ศัตรูที่อยู่ตรงไหนซักแห่งก็พอ'ถ้าแค่นี้มันจะเป็นไปได้รึเปล่า"

                หลังจากยิงคำถามไปแล้ว เสาทั้งหมดก็ถูกวางเสร็จพอดี ต่อไปจะเป็นขั้นตอนปูพื้น

                อิงศรดึงเสื่อผ้าใบสีดำออกมาจากถุงที่ใส่ท่อนเหล็ก ส่งปลายด้านหนึ่งของเสื่อให้มีนาจับไว้ จากนั้นช่วยกันดึงให้มันกางออกอย่างเต็มที่

                ระหว่างนั้นเองมีนาก็ตอบคำถามของอิงศรที่ถามค้างไว้

                "ถ้าแค่นั้นก็ได้อยู่หรอกค่ะแต่ว่าจะมีการต่อสู้ที่ใช้แค่คำสั่งง่ายๆ แบบนั้นแล้วได้ผลอยู่เหรอคะ"

                อิงศรยิ้มแล้วพูดว่า

                "มีสิเดี๋ยวคืนนี้จะทำให้ดู"

                แล้วเสื่อผ้าใบก็ถูกปูเสร็จพอดี ขั้นตอนถัดมาจึงเป็นการคลุมผ้าใบเต็นท์ ตอนนั้นเอง

                อิงศรก็พูดขึ้นมาว่า

                “เธอรู้จักอารย-สนธยาไหม

                ทันทีที่ได้ยินมีนาก็หรี่ตาแคบแล้วพูดว่า

                "ทำไมถึงมาถามฉันละคะ"

                เธอพูดด้วยเบาลงพลางเดินเข้ามาใกล้ เหมือนอยากจะบอกให้เขาพูดให้เบาลงด้วย ราวกับไม่อยากให้เมษากับกวินทร์ได้ยิน

                "ก็ตอนที่พูดไปต่อหน้าเจ้าโพแทสเซียมน่ะเธอมีปฏิกิริยานี่"

                อิงศรหมายถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอมาเมื่อตอนเที่ยง

                แต่มีนากลับทำตาโตใส่แล้วโพล่งออกมาเสียงดัง

                "เอ๋~นี่แอบมองหน้าฉันอยู่ตลอดเลยเหรอคะเนี่ยหรือว่า~~"

                พลางเอาศอกกระทุ้งใส่หน้าอกของอิงศรเบาๆ

                "จะหลงไหลในความงามของฉันจนตกหลุมรักขึ้นมากันคะ"

                แล้วลดเสียงลงแต่ยังคงดังพอในระดับที่สองคนที่อยู่ห่างออกไปพอจะได้ยิน

                เมษาเหลือสายตามาทางนี้แวบหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วก้มหน้าทำงานต่อ

                ที่หันมาทางนี้ทันทีก็มีแค่กวินทร์คนเดียว แต่เหมือนจะไม่ได้สนใจคงคิดว่ามีนาแค่ล้อเล่นไปตามปกติ

                อิงศรเข้าใจถึงการกระทำทั้งหมดนั่น หล่อนอยากให้พูดถึงเรื่องนี้กันแบบลับๆ มากกว่า ถ้าอยากได้คำตอบคงต้องตามน้ำไปก่อน

                "เชอะ ไร้สาระน่า คนอย่างชั้นไม่มีวันลงทางแล้วก็ไม่มีทางเดินตกหลุมด้วย"

                อิงศรพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น

                "เห~~~"

                มีนาลากเสียงยาว ระหว่างนั้นสายตาของเธอเหลือบไปมองทางเมษาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเปลี่ยนน้ำเสียงกลับไปพูดด้วยความดังแบบปกติ

                "ที่จริงฉันเองก็ไม่ค่อยรู้มากนักหรอกค่ะก็แค่ได้ยินมาอีกทีเห็นเขาว่าเป็นองค์กรที่ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยไม่สนใจหลักมนุษยธรรมตั้งแต่ก่อนโลกจะล่มสลายแล้ว เรื่องฉาวโฉ่ที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่ทำการโคลนนิ่งมนุษย์กับตัดต่อพันธุกรรมเพื่อสร้างมนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติหลายเท่าขึ้นมาน่ะค่ะแต่เรื่องนี้มันก็ฟังเขาเล่าต่อๆกันมาอาจจะมีใส่สีตีไข่เพิ่มขึ้นมาบ้างก็ได้"

                "ไอ้การทดลองที่ว่านั่นน่ะคงไม่ใช่ว่าสร้างมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาทำลายโลกหรอกนะ"

                พอได้ยินแบบนั้นเธอก็ยิ้มขำๆ

                "จินตนาการสูงกว่าที่เห็นนะคะ คุณอิงศรเนี่ย แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ มนุษย์เราน่ะไม่สามารถทำให้โลกล่มสลายกลายเป็นเกมได้หรอกนะคะ"

                จากนั้นเต็นท์ก็กางเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทางพวกเมษายังคงมีเสียงตอก เสียงเลื่อย ดังมาอยู่เนืองๆ คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะทำเสร็จทั้งหมด

                ดวงตาของเด็กสาวเหลือบมองไปทางนั้น เหมือนจะตรวจดูว่าไม่มีใครจะได้ยินที่พูดคุยกัน

                “แล้วเรื่องเมื่อตอนกลางวันตกลงมันยังไงกันแน่คะ

                มีนาพูดด้วยเสียงที่เบาลง

                “หมายถึง?”

                แต่อิงศรไม่เข้าใจคำถามของเธอ

                “จะอะไรซะอีกล่ะคะ ก็คุณอิงศรน่ะสิทำอีท่าไหนถึงได้โดนพวกมนุษย์ต่างดาวมันจับตามองกันแบบนั้นห้ามปฏิเสธด้วยนะคะเพราะว่าฉันบอกสิ่งที่รู้ไปให้หมดแล้วดังนั้นคุณต้องตอบคำถามฉันด้วยสิคะ

                ...ตกลงว่ายัยคนนี้รู้หรือไม่รู้เบื้องหลังของเรื่องนี้กันแน่?

                อิงศรได้แต่ครุ่นคิดพลางจ้องตอบสายตาเอาจริงเอาจังที่ส่งมาจากใบหน้าอันงดงามของเด็กสาวที่เตี้ยกว่ากันถึงสิบเซนติเมตรทำให้ต้องก้มหน้าไปด้วยระหว่างพูด

                “อ้าว ตกลงไม่ใช่ว่าเธอฟังทุกอย่างมาจากสิงห์แล้วรึไง

                “ได้ฟังมาแค่เรื่องย่อเท่านั้นเองแหละค่ะพี่สิงห์เขาเป็นพวกที่ไม่คายข้อมูลมั่วๆ น่ะค่ะแม้แต่กับน้องสาวสุดน่ารักปานไอดอลคนนี้ก็ตาม

                อิงศรพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ

                เข้าใจว่ามันเป็นคำตัดพ้อของเด็กสาวที่มีความสามารถในการขุดคุ้ยข้อมูลสูงส่งยังต้องยอมแพ้ให้กับชายคนนั้น ที่บอกว่าได้ฟังมาน่าจะเป็นไปล้วงมาได้มากกว่า

                มีนาพูดต่อไปว่า

                “เท่าที่รู้มาก็มีแค่ว่าคุณอิงศรถูกพี่สิงห์ช่วยเอาไว้จากมนุษย์ต่างดาวเมื่อสามปีก่อนแค่นั้นแหละค่ะ

                พอได้ฟังที่มีนาพูด อิงศรก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา

                เพราะแม้แต่ข้อมูลที่มีนาล้วงมาได้ยังไม่แทบจะไม่มีความถูกต้องเลย

                บอกตามตรงว่ารู้สึกสงสารมีนาที่ไม่ได้รู้อะไรเลยจนต้องทึกทักเอาเอง เหมือนกับเห็นตัวเองในตอนนี้ที่โดนปกปิดความจริงทุกอย่าง เพราะจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมสิงห์ถึงต้องเก็บเขามาฟูมฟักให้เป็นทหารด้วย

     

                “จากนี้ไปชั้นจะขอใช้แกเป็นตัวหมากที่แสนสำคัญเพื่อกอบกู้มนุษยชาติล่ะนะเจ้าหนู

                คำพูดของสิงห์ซึ่งถูกพูดไว้เมื่อสามปีก่อนเหมือนจะลอยขึ้นมาทันทีที่ขบคิดถึงประเด็นนี้

                 “แต่ว่าน้า~ ซุงอิงกระทั่งเธอเองก็ยังเล่นเดม่อนแอพเนี่ย พวกเมตไตรยก็บ้าบิ่นเอาเรื่องผิดคาดเลยนะ เพราะว่าถ้าพลาดไปนิดเดียวล่ะก็โลกนี้มีหวังถึงจุดจบด้วยน้ำมือของเธอทันทีเลยนะ

                ไหนจะคำพูดของราชครูมนุษย์ต่างดาวที่เจอเมื่อตอนกลางวันอีก คำพูดของทั้งสองเหมือนจะปะติดปะต่อกันได้อยู่ และหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็ มันก็ตีความได้แค่ว่า

                …ตัวเขามีอะไรบางอย่างที่พวกมนุษย์ต่างดาวกลัวกันอยู่อย่างนั้นหรือ?

                มีนาพูดแทรกขึ้นมาว่า

                “ตกลงจะตอบมาได้รึยังคะ

                เธอยังคงรอฟังคำตอบจากปากของเขาอยู่ แต่การจะเล่าเรื่องของตัวเองให้กับเธอในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่สมควรทำรึเปล่า?

                อย่างน้อยที่สุดเธอก็ตอบคำถามให้เขาแล้ว ถึงจะไม่รู้มันเป็นข้อมูลปลอมหรือเปล่าก็ตามที แต่ถ้าเขาโกหกไปแล้วมีผลกระทบอะไรขึ้นมาทีหลังก็คงจะไม่ดี การรักษาความไว้เนื้อเชื่อใจในตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับวันข้างหน้าเหมือนกัน

                “…”

                “เป็นอะไรไปคะได้ยินไหมเนี่ย

                มีนาเร่งเร้าให้ตอบคำถาม แต่อิงศรยังคงตัดสินใจไม่ได้

                “…”

                ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วเดินหนีเธอไปทั้งอย่างนั้น หนีไปกลับไปรวมกลุ่มกับเมษาและกวินทร์เพื่อบีบให้เธอหยุดถามไปโดยปริยาย

                เสียงทุบ เสียงเลื่อย เงียบไปแล้ว พอมาถึงทุกอย่างก็เสร็จหมดพอดี

                รั้วไม้สิบอันวางเรียงเป็นทิวแถว ด้านหลังเป็นโกดังทำจากไม้เหมือนกันจำนวนสองหลัง

                อิงศรตรวจสอบสภาพของงานอย่างละเอียดจากนั้นก็เอ่ยปากชมทั้งสองคนที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาซึ่งตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น

                "ทำได้ดีมากพวกนายไปพักก่อนเถอะ"

                "..."

                ทั้งเมษาและกวินทร์ไม่ได้ตอบโต้คำพูดกลับมา ทั้งสองทำแค่พยักหน้าให้คงเพราะเหนื่อยมากเกินไปจนไม่มีแรงจะพูดคุยกันแล้ว

                อิงศรหันไปข้างหลัง มีนาที่ตามหลังก็มาถึงพอดี

                "เดี๋ยวชั้นจะไปสร้างอุปกรณ์ที่เหลือ ฝากดูสองคนนี้หน่อย"

                จากนั้นก็แยกตัวออกไปคนเดียว เอาตัวนั่งลงตรงหน้ากองเศษเหล็กแล้วลงมือประดิษฐ์ประดอย ประกอบเศษเหล็กเป็นชิ้นส่วนต่างๆ

     

                เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน

                พระจันทร์ขึ้นมาแทนที่ แสงระยิบระยับจากหมู่ดาวเต้นระบำกลางท้องฟ้า

                งานทั้งหมดของพวกเขาก็เสร็จพอดี

                รั้วไม้ทั้งสิบอันถูกจัดให้วางเรียงต่อๆ กันจากปากทางแยกหนึ่งที่เชื่อมทางออกไปจากวงเวียนอนุสาวรีย์ แนวรั้วไม้นั้นนำทางไปยังหลุมกับดักที่อิงศรใช้สกิลเหมือนเมื่อตอนกลางวันขุดเตรียมเอาไว้ ข้างๆ หลุมมีเครื่องจักรตั้งรายล้อมอยู่ด้วยกันหลายสิบเครื่อง ทุกเครื่องมีหน้านาฬิกาที่ยังไม่เดินและตั้งเข็มไว้ที่สิบสองนาฬิกา

                ถัดจากหลุมไปอีกประมาณสิบเมตร เนโครดราก้อนสเตโกซอมบี้ของมีนาจะยืนแสตนด์บายอยู่ที่นั่น มันได้รับคำสั่งว่าให้โจมตีระยะไกลลงไปในหลุม เป็นคำสั่งสั้นๆเพียงเท่านั้น และถัดไปจากเนโครดราก้อน ก็จะเป็นจุดที่ตั้งเต็นท์ของพวกเขาพอดี โดยที่วางโกดังไม้ทั้งสองหลังไว้ใกล้ๆ กัน

                อิงศรเปิดหน้าจอระบบขึ้นมาดูเวลา ทุกอย่างเตรียมพร้อมตอนหนึ่งทุ่มพอดี

     

                ฮูม!

                มีเสียงคำรามแหบต่ำดังแว่วมาจากทางแยกที่วางรั้วกั้นเอาไว้ มีอะไรบางอย่างกำลังมาแถมไม่ใช่แค่ตัวเดียวเพราะมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังมุ่งตรงมาทางนี้

                เสียงฝีเท้าชัดเจนขึ้นทุกขณะ นอกจากอิงศรแล้วทุกคนต่างพากันลุ้นตัวโก่งว่าจะมีอะไรออกมา

                จนกระทั่งเจ้าของเสียงฝีเท้าก้าวออกมาจากความมืดของทางแยก และเผยโฉมของมันใต้แสงจันทร์

     

    Horn Attacker Zodiac Lv. 50

    [///// 9000:9000 /////]

     

                สัตว์เทวะรูปร่างคล้ายกับแรด แต่มีผิวหนังแข็งกระด้างเหมือนหินและเขางอกยาวออกมาจากโหนกกลางหน้าผากสะท้อนกับแสงจันทร์เปล่งประกายมันวาวราวกับหอกของอัศวินในยุคกลาง

                “สัตว์เทวะเหรอครับน่ะ ท่าทางจะเก่ง

                กวินทร์พูด

                “ฮอร์นแอทแทกเกอร์ น่ะค่ะเรื่องความอึดต้องยกให้มันเลยล่ะแถมหนังก็หนาซะจนฟันแทงไม่เข้าอีกต่างหาก

                มีนากล่าวเสริม

                พวกเขามองดูสัตว์เทวะเดินอุ้ยอ้ายไปตามแนวของรั้วมุ่งหน้าสู่หลุมกับดัก โดยไม่คิดจะหยุดหรือเลี้ยวหลบออกไปราวกับต้องมนต์สะกด สัตว์เทวะเดินจนกระทั่งผลัดตกลงไป

                ฟุ่บ ตึง!

                เสียงล้มดังโครมครามขึ้นมาจากหลุม จากนั้นเครื่องจักรที่ตั้งรายล้อมรอบปากหลุมก็เริ่มทำงาน หน้าปัดนาฬิกาของทุกเครื่องทยอยเดินกันแล้วลูกระเบิดก็ไหลลงมาจากส่วนที่คล้ายกับท่อยื่นออกมาจากตัวเครื่องหล่นลงไปในหลุม เกิดระเบิดตูมตามหลายสิบครั้ง

                ตูม! ตูม! ตูม!

                มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากหลุม สัตว์เทวะที่ติดหล่มอยู่ภายในคงใกล้จะตายเต็มที ตอนนั้นเองเนโครดราก้อนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักก็เริ่มการโจมตี แผ่นกระดูกบนหลังตั้งชันแล้วยิงลงไปในหลุมด้วยวิถีมิสไซล์

                ตูม! ตูม! ตูม!

                ลูกระเบิดยังคงไหลออกจากเครื่องอย่างต่อเนื่อง

                ตูม! ตูม! ตูม!

                จนกระทั่งเสียงร้องเงียบลงไปเครื่องจักรก็หยุดปล่อยลูกระเบิดรวมไปถึงเนโครดราก้อนเองก็หยุดการโจมตี

                ไอควันและฝุ่นมากมายที่ตลบอบอวลอยู่ภายในหลุมลอยขึ้นฟุ้งขึ้นมาเล็กน้อย

                ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปดูสภาพภายในหลุม เพราะต่างก็จินตนาการถึงสภาพของศพอันแหลกเหลวที่ถูกระดมด้วยระเบิดต่อเนื่องจนเละไม่มีชิ้นดีกันไปต่างๆ นานา แต่ทว่า

                ฮูม!

                มีเสียงคำรามดังต่อเนื่องมาอีก ฮอร์นแอทเทกเกอร์ยังคงเดินออกมาจากทางแยก เรียงแถวกันมาลงหลุมกับดักและถูกฆ่าเพื่อกลายเป็นค่าประสบการณ์ให้กับพวกเขา

                “ทำไมมันถึงเดินไปลงหลุมง่ายๆ งั้นล่ะ

                พอเมษาถามขึ้นมาอิงศรก็ตอบไปว่า

                “ตอนที่พวกนายพักกันอยู่ฉันเอาเครื่องวางเหยื่อไปตั้งไว้ตรงจุดที่พวกมันเกิดน่ะแล้วก็ล่อให้มาจนถึงที่นี่ ซึ่งชั้นก็วางเหยื่อเอาไว้บนเครื่องทิ้งทุ่นระเบิดด้วย

                แล้วชี้ไปที่เครื่องจักรตรงปากหลุม ที่ด้านบนของเครื่องจักรทั้งหมดจะมีก้อนสี่เหลี่ยมสีชมพูคล้ายดินน้ำมัน ส่งกลิ่นโชยออกมา วางอยู่ทุกเครื่อง เป็นไอเท็มเหยื่อล่อที่สร้างขึ้นด้วยสกิลของบิลด์คลาสฮันเตอร์ที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้คู่กับกับดักเพื่อลวงให้สัตว์เทวะมาติดกับโดยเฉพาะ

                อิงศรพูดต่อไปว่า

                “เห็นหน้าปัดนาฬิกาพวกนั้นรึเปล่าพอเข็มเดินครบรอบหนึ่งเหยื่อก็จะหมดฤทธิ์พอดีจากนั้นเครื่องก็จะวางอันใหม่ให้โดยอัตโนมัติ

                จังหวะนั้นเองมีนาก็แทรกถามเข้ามา

                “แล้วระเบิดทิ้งลงไปยังไงล่ะคะนั่น

                “ชั้นตั้งกลไกเอาไว้แถวๆปากหลุมน่ะพวกฮอร์นแอทแทกเกอร์มันตัวใหญ่เวลาตกลงไปก็จะมีส่วนที่ไปแตะถูกกลไกพวกนั้นด้วยเครื่องก็เลยทิ้งทุ่นระเบิดลงไปได้

                ตอนนั้นเอง เสียงระเบิดชุดใหญ่ก็หยุดลง สัตว์เทวะเพิ่งจะถูกฆ่าตายไปอีกสามตัว

                แล้วเมื่อหมอกควันจางลง ก็ปรากฏกองไอเท็มจำนวนหนึ่งหล่นกระจายอยู่รอบๆ ปากหลุม

                “ไอเท็มดร็อปเพียบเลยครับ

                กวินทร์พูด แววตาเป็นประกายคงกำลังคิดว่าพวกตนจะกอบโกยกำไรจากไอเทมเหล่านี้ได้ขนาดไหนกัน แต่ความจริงแล้วอิงศรรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

                “ไอเท็มที่ดร็อปมันจะกระเด็นขึ้นมาบนหลุมน่ะ ถ้าจะเก็บก็รีบๆ เถอะหลังจากนี้ต้องเข้านอนแล้วเราคงไม่มานั่งเสียเวลาเก็บไอเทมมันทั้งคืนหรอก

                อิงศรพูดจากนั้นมีนาก็ถามอีก

                “อ้าว แล้วโกดังพวกนั้นจะสร้างไว้ทำไมล่ะคะ

                พลางชี้ไปที่โกดังไม้สองหลังที่วางใกล้กับเต็นท์

                “ตอนแรกก็กะว่าจะสร้างเครื่องเก็บไอเท็มด้วยอยู่หรอกแต่ของมันไม่พอเพราะว่าเมื่อเช้าเจียดเงินไปซื้อชุดกับดักสำหรับวางกลาสแทร็ปแบบปูพรมไปหมดแล้วน่ะสิ

                พอพูดสาเหตุออกไปอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่าทั้งสามคนมีปฏิกิริยากลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมๆ กัน

                “ข..ขอโทษก็แล้วกัน

                เมษาเอ่ยมาอย่างนั้น

                แล้วมีนาก็พูดขึ้นมาว่า

                “ถ้าแค่เก็บไอเทมไปยัดใส่โกดังเอาไว้เฉยๆล่ะก็ฉันพอมีวิธีนะคะ

                พูดจบหล่อนก็ชักจอบออกมาแล้วเรียกเนโครดราก้อน

                “เนโครดราก้อน เวโรซอมบี้แรพเตอร์

                มังกรกระดูกขนาดจิ๋วสองตัวผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินส่งเสียงร้องแหลม

                “แรพเตอร์จังคอยเก็บไปเทมที่กระเด็นขึ้นมาไปไว้ที่โกดังตรงนั้นให้ทีนะ

                มีนาสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด พวกเขาเห็นมังกรกระดูกทั้งสองตัว พยักหน้าให้กันก่อนจะเริ่มเดินไปเก็บไอเทมขึ้นมาจากบริเวณปากหลุมแล้วเอาไปใส่ลงในช่องของโกดังที่เปิดอ้ารอไว้

                “แบบนี้ก็ถือว่าหายกันแล้วนะคะ

                เด็กสาวส่งยิ้มให้เขา

                “ถ้างั้นจะยกทั้งหมดนั่นให้ชั้นสินะเพราะค่าเตรียมการทั้งหมดนี่เล่นเอาหมดตัวเลยล่ะเกินงบเบิกแถมเข้าเนื้อไปเยอะด้วย

                พอได้ยินอิงศรพูดมาแบบนั้นทั้งสามก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วพยักหน้าให้กันเหมือนเป็นสัญญารว่าเชิญตามสบาย

                “ดีถ้างั้นคืนนี้ก็เข้านอนกันเถอะ

                อิงศรพูดตัดบทแล้วเดินนำไปที่เต็นท์ก่อนใครเพื่อน

                ทั้งสามคนตามมา หลังจากนั้นก็เข้านอนโดยพร้อมกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×