คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Login 24 : ปศุสัตว์เทวะ
Login 24 : ปศุสัตว์เทวะ
ภายในรูนรูม
ผู้ถูกลืมเลือนนั่งอยู่บนโซฟา
ในมือของเขากำลังถือไพ่และพลิกมันไปมา สายตาจ้องไปที่ไพ่ใบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
ด้านหนึ่งของไพ่เป็นสีดำสนิทและอีกด้านเป็นรูปพระราชากับบัลลังก์
ผู้ถูกลืมเลือนละสายตาจากไพ่แล้วเงยหน้าขึ้น
“สวัสดีเหล่ามนุษย์ผู้ถูกบทละครเรื่องนี้เลือกมา
ผมคือผู้ถูกลืมเลือนโชคร้ายหน่อยที่ตอนนี้
มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกยังคงตื่นอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มาที่ห้องนี้”
จากนั้นจึงหันไพ่ในมือแสดงด้านที่มีรูปพระราชาออกมา
“เจ้านี่
อยู่ๆก็โผล่มาอีกแล้วล่ะเหมือนกับคราวก่อนเลยมันยังไงกันแน่นะ
แต่ว่าหนนี้กลับไม่สลายไปแฮะ”
ผู้ถูกลืมเลือนพลิกด้านไพ่กลับไปอีกครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า
“สิ่งนี้คืออาคาน่า
เดอะ เอ็มเพอเรอร์ ในคราวนี้มันปรากฏขึ้นมาในสภาพหันหัวขึ้นนั่นบ่งบอกถึงการปกครอง
การชี้นำ แต่ถ้าหากว่าไพ่ใบนี้มันกลับหัวแล้วล่ะก็”
ไพ่ถูกจับคว่ำหัวลง
“มันจะมีความหมายอีกอย่างว่า
ทรราช การปกครองที่ล้มเหลว
การนำทางไปยังความเสื่อม...ไว้เมื่อมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกมาจะลองถามเขาดูก็แล้วกันนะ”
หลังจากส่งมอบมนุษย์ NPC
ให้ทางค่ายรับไปจัดการต่อแล้ว อิงศรกับทีมก็ออกเดินทางต่อทันที
พวกเขาขับรถจนกระทั่งมาถึงลานอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า
วงเวียนถนนกว้างรายล้อมด้วยตึกของรัฐสภา
มีถนนตัดเข้ามาถึงสี่สาย
ใจกลางเป็นที่ตั้งของลานวงกลมกินพื้นที่ถนนไปหนึ่งในสี่โดยประมาณ
เป็นที่ตั้งของบรมรูปทรงม้า
พระบรมรูปซึ่งเคยแสดงประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรของมนุษย์บัดนี้เหลือแต่เพียงซากปรักเท่านั้น
ในยุคที่มนุษย์ต่างดาวเป็นผู้ปกครองและสัตว์เทวะมีชัยเหนือมนุษย์
อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์มากมายที่บ่งบอกว่ายุคของมนุษย์จบสิ้นลงแล้ว
เวลาห้าโมงตรง
ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยตัวตกดิน
แสงแดดเปลี่ยนเป็นสีส้ม ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีม่วง
รถที่พวกอิงศรขับมาจอดสนิทอยู่ด้านหน้าของพระบรมรูปที่เหลือแต่ซากปรัก
ทั้งที่เป็นถนนใหญ่แต่บริเวณโดยรอบกลับไม่มีซากของรถที่ควรจะถูกทิ้งร้างเอาไว้ในวันโลกาวินาศเลย
เพราะวันนั้นเป็นวันหยุดขึ้นปีใหม่ สถานราชการหยุดทำการทำให้ไม่มีรถสัญจรผ่านเส้นทางนี้ในเวลานั้น
ภายในรถ
กวินทร์ดับเครื่องยนต์ลงแล้วหันกลับไปทางเบาะหลังที่นั่งคนขับ
"ทุกคนถึงแล้วนะครับ"
"..."
ไม่มีการตอบกลับจากสองฝาแฝดธุวดารกะ....
ทั้งคู่หลับสนิท
กวินทร์จึงเรียกอีกครั้ง
"ถึงแล้วนะครับ!
รีบตื่นเหอะ!"
"..."
ทั้งคู่ยังคงหลับเป็นตาย
กวินทร์เบะปาก
"โธ่~"
แล้วถอดใจหันกลับมานั่งที่พลางส่งสายตามาทางนี้เหมือนจะขอความช่วยเหลือ
แต่อิงศรยังคงง่วนกับการพิมพ์ข้อความลงบนหน้าจอไม่หยุดตั้งแต่เรมออกเดินทางจากสวนสาธารณะ
"..."
ความเงียบยังคงดำเนินต่อไปอีกสักพักโดยมีเสียง
เคาะแป้นพิมพ์โฮโลแกรมดังแกร๊กๆ ให้ฟังต่างเพลงกล่อมนอน
"นายเองก็พักไปก่อนเถอะสู้เสร็จก็มาขับรถต่อเลยนี่เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงชั้นจะมาเรียก"
อิงศรพูดจบก็ปิดหน้าจอแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที
"แล้วพี่ศรจะไปไหนน่ะครับ"
กวินทร์ถาม
"ไปดูที่ทางว่าจะสร้างฟาร์มยังไงน่ะ"
อิงศรตอบเพียงแค่นั้นแล้วปิดประตูรถไปโดยไม่เปิดโอกาสให้กวินทร์ซักต่ออีก
ห้าโมงครึ่ง
กวินทร์ มีนา และ เมษา
ถูกอิงศรปลุกระหว่างการนอนหลับจากความเหนื่อยล้าแล้วให้ลงจากรถมายืนเรียงแถวเพื่อฟังอธิบายแนวทางที่กลุ่มจะดำเนินต่อไป
"..."
ทั้งสามคนยังดูงัวเงียเกินกว่าจะฟังอธิบายแน่ๆ
ดังนั้นอิงศรจึงยังไม่พูด
แล้วเปิดหน้าจอ Inventory พลางหยิบของหลายต่อหลายชิ้นออกมาวางลงบนพื้นถนนจนเกิดเสียงดังโครมคราม
ดูเหมือนว่าเสียงจะไปกระตุ้นทั้งสามคนจนตื่นจากสภาพงัวเงียเข้า
มีนาเป็นคนแรกที่ยิงคำถามมาก่อนใครเพื่อน
"จะทำอะไรกันเหรอคะ..."
เธออ้าปากหาวหวอดใหญ่ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
"ถึงได้เอาของออกมาเยอะแยะเลย..."
น้ำเสียงงึมงำเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี
ส่วนกวินทร์กับเมษาก็เอาแต่จ้องมองสิ่งของที่เขาหยิบออกมากองบนพื้นโดยไม่ได้ถามอะไร
ไม่รู้ว่าเพราะเห็นของพวกนั้นก็เลยเข้าใจแล้ว หรือ
กำลังนึกสงสัยว่าเขาจะให้ทำอะไรกันแน่
เพราะจ้าวของที่วางอยู่นั้นไม่ใช่ไอเทมสำหรับประกอบการเก็บเลเวลเลย
สิ่งของที่กองอยู่ประกอบด้วย
กองไม้กระดานพูนสูงเลยขอบศีรษะทุกคน ท่อนไม้ยาวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตรหลายท่อน และ กองเศษเหล็กที่ดูไม่รู้ว่าเป็นอะไรบ้างแต่มีหลายชิ้นในนั้นหน้าตาเหมือนฟันเฟือง
คันโยก และ หน้าปัดนาฬิกา
กวินทร์มองกองสิ่งของเหล่านั้นแล้วถามคำถาม
"หรือว่าที่คลังพี่ศรเต็มจะเป็นเพราะแบกของพวกนี้มาน่ะครับ"
อิงศรพยักหน้าตอบคำถามนั้น
"ใช่...แล้วก็นายกับเมษามีอาชีพรองเป็นช่างไม้ทั้งคู่สินะ"
พูดเสร็จก็เปิดหน้าจอระบบขึ้นมาอีกสองอัน
กวินทร์พยักหน้ารับ
ส่วนเมษาพูดตอบกลับมาว่า
"ก็ใช่อยู่หรอกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเก็บเลเวลด้วยล่ะ"
อิงศรไม่ได้ตอบคำถามนั้นทันทีแต่กลับพูดเบี่ยงประเด็น
"เลเวลของอาชีพหลักกับอาชีพรองใช้ร่วมกันตอนนี้พวกนายเลเวลสี่สิบกันแล้วคงจะมีสกิลสร้างของพวกนี้ได้สินะ"
แล้วยื่นหน้าจอหนึ่งที่เรียกขึ้นมาเมื่อครู่ส่งให้พวกเมษาดู
บนหน้าจอนั้นมีรูปของรั้วไม้และรายละเอียดกำกับเอาไว้ข้างใต้ว่าเป็น
'ไอเทมประเภทตกแต่งสถานที่' และอีกรูปเป็นโกดังไม้หน้าตาเหมือนเพิงหมาแหงน
มีรายละเอียดเขียนไว้เช่นกันบอกว่าเป็น 'คลังสำรองสำหรับกักเก็บไอเทมชั่วคราว'
แค่เห็นรายการเหล่านั้นเมษากับกวินทร์ก็มองหน้ากัน
ต่างฝ่ายต่างส่งสายตางุนงงให้กัน จากนั้นจึงหันมาพูดพร้อมกันว่า
"จะเอาไปทำอะไร?"
เพราะของเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์ในการเก็บเลเวลเลยซักนิดเดียว
อิงศรไม่ได้ตอบคำถาม...ที่จริงคือไม่ได้สนใจฟังเลยต่างหากพลางกดตั้งค่าลงบนหน้าจออีกอันที่เปิดค้างไว้
บนหน้าจอนั้นมีหัวข้อเขียนไว้ว่า
'Party'
หลังจากใส่ค่าต่างๆ
ลงไปหมดแล้ว...
"เอ้า
พวกนายเข้าปาร์ตี้ซะจะได้เริ่มกันซักที"
พอพูดไปแบบนั้นหน้าจอระบบก็เปิดขึ้นต่อหน้าทุกคนพอดิบพอดีเป็นหน้าจอที่มีข้อความชวนเข้าร่วมปาร์ตี้ของอิงศร
มีปุ่ม 'ตกลง' กับ 'ยกเลิก' ให้เลือกอยู่ด้านล่างของหน้าจอ
ทุกคนเลือกปุ่ม 'ตกลง' จากนั้นบนหน้าจอของอิงศรก็มีรายชื่อของทุกคนเรียงขึ้นมา
พอทำแบบนี้แล้วเวลาช่วยกันสู้กับสัตว์เทวะก็จะได้ค่าประสบการณ์แบ่งให้เท่าๆ
กันทุกคน
"ทีนี้พวกนายสองคน"
อิงศรเรียก
กวินทร์กับเมษาแล้วจึงชี้ไปที่กองไม้ด้านหลัง
"ใช้ของพวกนั้นสร้างรั้วไม้กับโกดังให้หมดซะ"
เมษาตอบกลับมาว่า
"มันก็ได้อยู่หรอกแล้วกองเศษเหล็กนั่นล่ะ
มันไม่ได้เอาไว้สร้างของพวกนี้นี่"
พลางชี้ไปที่กองเศษเหล็กที่วางอยู่ถัดไปจากกองไม้
"อันนั้นชั้นจะใช้เองพวกนายรีบๆ
ไปสร้างได้แล้วเวลายิ่งไม่มีอยู่"
พูดเสร็จอิงศรก็ดึงถุงผ้าซึ่งบรรจุของที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวอยู่ข้างในออกมาจากหน้าจอพลางหันไปเรียกมีนา
"ส่วนเธอมากับชั้นไปช่วยกันกางเต็นท์นอนก่อน"
มีนาพยักหน้ารับแทนคำพูด
จากนั้นทุกคนก็แยกกันไปทำงาน
กวินทร์กับเมษาใช้สกิลของสายอาชีพรอง
'ช่างไม้' เสกสารพัดเครื่องมือออกมาทั้งค้อน
ทั้งเลื่อย และอีกหลายอย่างสลับไปมา กับการตัดและตอกตะปูใส่แผ่นไม้แต่ละแผ่น
ท่อนไม้แต่ละท่อน จนกระทั่งเสร็จออกมารั้วไม้ในเวลาไม่กี่นาที
หากว่านี่เป็นโลกที่ยังไม่ล่มสลายแล้วล่ะก็การจะสร้างรั้วไม้ซักอันหนึ่งคงต้องใช้เวลามากกว่านั้น
แต่สกิลก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเป็นกอง
เสียงตัด เสียงเลื่อย
เสียงทุบไม้ ยังคงดังโครมครามต่อเนื่องไม่มีหยุด
ขณะเดียวกันอิงศรที่แยกออกมาพร้อมกับมีนาก็เดินไปกางเต็นท์ห่างจากที่เดิมไม่ไกลนัก
เริ่มจากวางเสาค้ำก่อน
อิงศรดึงเสาโลหะหลายท่อนออกจากถุงผ้า ส่งครึ่งหนึ่งให้กับมีนา
แต่พอรับไปแล้วน้ำหนักของท่อนเหล็กนั้นทำให้เธอเซถลาจนเกือบล้ม
“เฮ้! ไหวไหมเนี่ย”
อิงศรถามพลางยื่นมือเข้าไปช่วย
แต่มีนาก็รีบดึงท่อนโลหะหนีทันที
“ไหวค่ะ สบายค่ะ
ฉันทำได้ค่ะ”
เธอยืนยันมาแบบนั้นไม่รู้ว่าทำไม
สุดท้ายจึงต้องปล่อยให้ทำไป ระหว่างที่แยกกันไปตั้งเสาค้ำ
อิงศรพูดกับเธอว่า
"เนโครดราก้อนของเธอน่ะถ้าฆ่าสัตว์เทวะแล้วจะได้รับค่าประสบการณ์ไหม"
มีนาทำหน้าครุ่นคิดอยู่แปปนึงก่อนจะตอบคำถามนั้น
"ก็ได้เป็นปกติเหมือนฉันเป็นคนโจมตีเองนั่นแหละค่ะ"
"งั้นคำถามต่อไปมันมีเวลาในการคงอยู่นานแค่ไหน"
"ถ้าเรียกออกมาแล้วก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ
จนกว่าฉันจะยกเลิกหรือไม่ก็ถูกฆ่าตายไปก่อนน่ะค่ะถามทำไมหรือคะ"
"ถ้างั้นก็ดีขอใช้สกิลของเธอช่วยเก็บเลเวลคืนนี้เลยก็แล้วกัน"
แต่มีนาก็ยิ้มขึ้นมาและแสดงท่าทางราวกับรู้ทันความคิดของเขา
"อ๊ะๆ
ถึงเนโครดราก้อนจะต่อสู้เองได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสู้ได้ดีโดยที่ไม่มีคนออกคำสั่งให้หรอกนะคะ"
"งั้นถ้าเป็นคำสั่งง่ายๆ
อย่างเช่น 'ให้โจมตีแต่ศัตรูที่อยู่ตรงไหนซักแห่งก็พอ'ถ้าแค่นี้มันจะเป็นไปได้รึเปล่า"
หลังจากยิงคำถามไปแล้ว
เสาทั้งหมดก็ถูกวางเสร็จพอดี ต่อไปจะเป็นขั้นตอนปูพื้น
อิงศรดึงเสื่อผ้าใบสีดำออกมาจากถุงที่ใส่ท่อนเหล็ก
ส่งปลายด้านหนึ่งของเสื่อให้มีนาจับไว้ จากนั้นช่วยกันดึงให้มันกางออกอย่างเต็มที่
ระหว่างนั้นเองมีนาก็ตอบคำถามของอิงศรที่ถามค้างไว้
"ถ้าแค่นั้นก็ได้อยู่หรอกค่ะแต่ว่าจะมีการต่อสู้ที่ใช้แค่คำสั่งง่ายๆ
แบบนั้นแล้วได้ผลอยู่เหรอคะ"
อิงศรยิ้มแล้วพูดว่า
"มีสิเดี๋ยวคืนนี้จะทำให้ดู"
แล้วเสื่อผ้าใบก็ถูกปูเสร็จพอดี
ขั้นตอนถัดมาจึงเป็นการคลุมผ้าใบเต็นท์ ตอนนั้นเอง
อิงศรก็พูดขึ้นมาว่า
“เธอรู้จักอารย-สนธยาไหม”
ทันทีที่ได้ยินมีนาก็หรี่ตาแคบแล้วพูดว่า
"ทำไมถึงมาถามฉันละคะ"
เธอพูดด้วยเบาลงพลางเดินเข้ามาใกล้
เหมือนอยากจะบอกให้เขาพูดให้เบาลงด้วย ราวกับไม่อยากให้เมษากับกวินทร์ได้ยิน
"ก็ตอนที่พูดไปต่อหน้าเจ้าโพแทสเซียมน่ะเธอมีปฏิกิริยานี่"
อิงศรหมายถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอมาเมื่อตอนเที่ยง
แต่มีนากลับทำตาโตใส่แล้วโพล่งออกมาเสียงดัง
"เอ๋~นี่แอบมองหน้าฉันอยู่ตลอดเลยเหรอคะเนี่ยหรือว่า~~"
พลางเอาศอกกระทุ้งใส่หน้าอกของอิงศรเบาๆ
"จะหลงไหลในความงามของฉันจนตกหลุมรักขึ้นมากันคะ"
แล้วลดเสียงลงแต่ยังคงดังพอในระดับที่สองคนที่อยู่ห่างออกไปพอจะได้ยิน
เมษาเหลือสายตามาทางนี้แวบหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
ที่หันมาทางนี้ทันทีก็มีแค่กวินทร์คนเดียว
แต่เหมือนจะไม่ได้สนใจคงคิดว่ามีนาแค่ล้อเล่นไปตามปกติ
อิงศรเข้าใจถึงการกระทำทั้งหมดนั่น หล่อนอยากให้พูดถึงเรื่องนี้กันแบบลับๆ มากกว่า ถ้าอยากได้คำตอบคงต้องตามน้ำไปก่อน
"เชอะ ไร้สาระน่า
คนอย่างชั้นไม่มีวันลงทางแล้วก็ไม่มีทางเดินตกหลุมด้วย"
อิงศรพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น
"เห~~~"
มีนาลากเสียงยาว
ระหว่างนั้นสายตาของเธอเหลือบไปมองทางเมษาแวบหนึ่ง
จากนั้นจึงเปลี่ยนน้ำเสียงกลับไปพูดด้วยความดังแบบปกติ
"ที่จริงฉันเองก็ไม่ค่อยรู้มากนักหรอกค่ะก็แค่ได้ยินมาอีกทีเห็นเขาว่าเป็นองค์กรที่ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยไม่สนใจหลักมนุษยธรรมตั้งแต่ก่อนโลกจะล่มสลายแล้ว
เรื่องฉาวโฉ่ที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่ทำการโคลนนิ่งมนุษย์กับตัดต่อพันธุกรรมเพื่อสร้างมนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติหลายเท่าขึ้นมาน่ะค่ะแต่เรื่องนี้มันก็ฟังเขาเล่าต่อๆกันมาอาจจะมีใส่สีตีไข่เพิ่มขึ้นมาบ้างก็ได้"
"ไอ้การทดลองที่ว่านั่นน่ะคงไม่ใช่ว่าสร้างมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาทำลายโลกหรอกนะ"
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็ยิ้มขำๆ
"จินตนาการสูงกว่าที่เห็นนะคะ
คุณอิงศรเนี่ย แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ
มนุษย์เราน่ะไม่สามารถทำให้โลกล่มสลายกลายเป็นเกมได้หรอกนะคะ"
จากนั้นเต็นท์ก็กางเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
ทางพวกเมษายังคงมีเสียงตอก เสียงเลื่อย ดังมาอยู่เนืองๆ
คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะทำเสร็จทั้งหมด
ดวงตาของเด็กสาวเหลือบมองไปทางนั้น
เหมือนจะตรวจดูว่าไม่มีใครจะได้ยินที่พูดคุยกัน
“แล้วเรื่องเมื่อตอนกลางวันตกลงมันยังไงกันแน่คะ”
มีนาพูดด้วยเสียงที่เบาลง
“หมายถึง?”
แต่อิงศรไม่เข้าใจคำถามของเธอ
“จะอะไรซะอีกล่ะคะ
ก็คุณอิงศรน่ะสิทำอีท่าไหนถึงได้โดนพวกมนุษย์ต่างดาวมันจับตามองกันแบบนั้นห้ามปฏิเสธด้วยนะคะเพราะว่าฉันบอกสิ่งที่รู้ไปให้หมดแล้วดังนั้นคุณต้องตอบคำถามฉันด้วยสิคะ”
...ตกลงว่ายัยคนนี้รู้หรือไม่รู้เบื้องหลังของเรื่องนี้กันแน่?
อิงศรได้แต่ครุ่นคิดพลางจ้องตอบสายตาเอาจริงเอาจังที่ส่งมาจากใบหน้าอันงดงามของเด็กสาวที่เตี้ยกว่ากันถึงสิบเซนติเมตรทำให้ต้องก้มหน้าไปด้วยระหว่างพูด
“อ้าว
ตกลงไม่ใช่ว่าเธอฟังทุกอย่างมาจากสิงห์แล้วรึไง”
“ได้ฟังมาแค่เรื่องย่อเท่านั้นเองแหละค่ะพี่สิงห์เขาเป็นพวกที่ไม่คายข้อมูลมั่วๆ
น่ะค่ะแม้แต่กับน้องสาวสุดน่ารักปานไอดอลคนนี้ก็ตาม”
อิงศรพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ
เข้าใจว่ามันเป็นคำตัดพ้อของเด็กสาวที่มีความสามารถในการขุดคุ้ยข้อมูลสูงส่งยังต้องยอมแพ้ให้กับชายคนนั้น
ที่บอกว่าได้ฟังมาน่าจะเป็นไปล้วงมาได้มากกว่า
มีนาพูดต่อไปว่า
“เท่าที่รู้มาก็มีแค่ว่าคุณอิงศรถูกพี่สิงห์ช่วยเอาไว้จากมนุษย์ต่างดาวเมื่อสามปีก่อนแค่นั้นแหละค่ะ”
พอได้ฟังที่มีนาพูด
อิงศรก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา
เพราะแม้แต่ข้อมูลที่มีนาล้วงมาได้ยังไม่แทบจะไม่มีความถูกต้องเลย
บอกตามตรงว่ารู้สึกสงสารมีนาที่ไม่ได้รู้อะไรเลยจนต้องทึกทักเอาเอง
เหมือนกับเห็นตัวเองในตอนนี้ที่โดนปกปิดความจริงทุกอย่าง เพราะจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมสิงห์ถึงต้องเก็บเขามาฟูมฟักให้เป็นทหารด้วย
“จากนี้ไปชั้นจะขอใช้แกเป็นตัวหมากที่แสนสำคัญเพื่อกอบกู้มนุษยชาติล่ะนะเจ้าหนู”
คำพูดของสิงห์ซึ่งถูกพูดไว้เมื่อสามปีก่อนเหมือนจะลอยขึ้นมาทันทีที่ขบคิดถึงประเด็นนี้
“แต่ว่าน้า~ ซุงอิงกระทั่งเธอเองก็ยังเล่นเดม่อนแอพเนี่ย
พวกเมตไตรยก็บ้าบิ่นเอาเรื่องผิดคาดเลยนะ
เพราะว่าถ้าพลาดไปนิดเดียวล่ะก็โลกนี้มีหวังถึงจุดจบด้วยน้ำมือของเธอทันทีเลยนะ”
ไหนจะคำพูดของราชครูมนุษย์ต่างดาวที่เจอเมื่อตอนกลางวันอีก
คำพูดของทั้งสองเหมือนจะปะติดปะต่อกันได้อยู่ และหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็
มันก็ตีความได้แค่ว่า
…ตัวเขามีอะไรบางอย่างที่พวกมนุษย์ต่างดาวกลัวกันอยู่อย่างนั้นหรือ?
มีนาพูดแทรกขึ้นมาว่า
“ตกลงจะตอบมาได้รึยังคะ”
เธอยังคงรอฟังคำตอบจากปากของเขาอยู่
แต่การจะเล่าเรื่องของตัวเองให้กับเธอในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่สมควรทำรึเปล่า?
อย่างน้อยที่สุดเธอก็ตอบคำถามให้เขาแล้ว
ถึงจะไม่รู้มันเป็นข้อมูลปลอมหรือเปล่าก็ตามที
แต่ถ้าเขาโกหกไปแล้วมีผลกระทบอะไรขึ้นมาทีหลังก็คงจะไม่ดี การรักษาความไว้เนื้อเชื่อใจในตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับวันข้างหน้าเหมือนกัน
“…”
“เป็นอะไรไปคะได้ยินไหมเนี่ย”
มีนาเร่งเร้าให้ตอบคำถาม
แต่อิงศรยังคงตัดสินใจไม่ได้
“…”
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรแล้วเดินหนีเธอไปทั้งอย่างนั้น
หนีไปกลับไปรวมกลุ่มกับเมษาและกวินทร์เพื่อบีบให้เธอหยุดถามไปโดยปริยาย
เสียงทุบ เสียงเลื่อย
เงียบไปแล้ว พอมาถึงทุกอย่างก็เสร็จหมดพอดี
รั้วไม้สิบอันวางเรียงเป็นทิวแถว
ด้านหลังเป็นโกดังทำจากไม้เหมือนกันจำนวนสองหลัง
อิงศรตรวจสอบสภาพของงานอย่างละเอียดจากนั้นก็เอ่ยปากชมทั้งสองคนที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาซึ่งตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น
"ทำได้ดีมากพวกนายไปพักก่อนเถอะ"
"..."
ทั้งเมษาและกวินทร์ไม่ได้ตอบโต้คำพูดกลับมา
ทั้งสองทำแค่พยักหน้าให้คงเพราะเหนื่อยมากเกินไปจนไม่มีแรงจะพูดคุยกันแล้ว
อิงศรหันไปข้างหลัง
มีนาที่ตามหลังก็มาถึงพอดี
"เดี๋ยวชั้นจะไปสร้างอุปกรณ์ที่เหลือ
ฝากดูสองคนนี้หน่อย"
จากนั้นก็แยกตัวออกไปคนเดียว
เอาตัวนั่งลงตรงหน้ากองเศษเหล็กแล้วลงมือประดิษฐ์ประดอย
ประกอบเศษเหล็กเป็นชิ้นส่วนต่างๆ
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
พระจันทร์ขึ้นมาแทนที่
แสงระยิบระยับจากหมู่ดาวเต้นระบำกลางท้องฟ้า
งานทั้งหมดของพวกเขาก็เสร็จพอดี
รั้วไม้ทั้งสิบอันถูกจัดให้วางเรียงต่อๆ
กันจากปากทางแยกหนึ่งที่เชื่อมทางออกไปจากวงเวียนอนุสาวรีย์ แนวรั้วไม้นั้นนำทางไปยังหลุมกับดักที่อิงศรใช้สกิลเหมือนเมื่อตอนกลางวันขุดเตรียมเอาไว้
ข้างๆ หลุมมีเครื่องจักรตั้งรายล้อมอยู่ด้วยกันหลายสิบเครื่อง
ทุกเครื่องมีหน้านาฬิกาที่ยังไม่เดินและตั้งเข็มไว้ที่สิบสองนาฬิกา
ถัดจากหลุมไปอีกประมาณสิบเมตร
เนโครดราก้อนสเตโกซอมบี้ของมีนาจะยืนแสตนด์บายอยู่ที่นั่น
มันได้รับคำสั่งว่าให้โจมตีระยะไกลลงไปในหลุม เป็นคำสั่งสั้นๆเพียงเท่านั้น และถัดไปจากเนโครดราก้อน
ก็จะเป็นจุดที่ตั้งเต็นท์ของพวกเขาพอดี โดยที่วางโกดังไม้ทั้งสองหลังไว้ใกล้ๆ กัน
อิงศรเปิดหน้าจอระบบขึ้นมาดูเวลา
ทุกอย่างเตรียมพร้อมตอนหนึ่งทุ่มพอดี
ฮูม!
มีเสียงคำรามแหบต่ำดังแว่วมาจากทางแยกที่วางรั้วกั้นเอาไว้
มีอะไรบางอย่างกำลังมาแถมไม่ใช่แค่ตัวเดียวเพราะมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังมุ่งตรงมาทางนี้
เสียงฝีเท้าชัดเจนขึ้นทุกขณะ
นอกจากอิงศรแล้วทุกคนต่างพากันลุ้นตัวโก่งว่าจะมีอะไรออกมา
จนกระทั่งเจ้าของเสียงฝีเท้าก้าวออกมาจากความมืดของทางแยก
และเผยโฉมของมันใต้แสงจันทร์
Horn
Attacker Zodiac Lv. 50
[/////
9000:9000 /////]
สัตว์เทวะรูปร่างคล้ายกับแรด
แต่มีผิวหนังแข็งกระด้างเหมือนหินและเขางอกยาวออกมาจากโหนกกลางหน้าผากสะท้อนกับแสงจันทร์เปล่งประกายมันวาวราวกับหอกของอัศวินในยุคกลาง
“สัตว์เทวะเหรอครับน่ะ
ท่าทางจะเก่ง”
กวินทร์พูด
“ฮอร์นแอทแทกเกอร์
น่ะค่ะเรื่องความอึดต้องยกให้มันเลยล่ะแถมหนังก็หนาซะจนฟันแทงไม่เข้าอีกต่างหาก”
มีนากล่าวเสริม
พวกเขามองดูสัตว์เทวะเดินอุ้ยอ้ายไปตามแนวของรั้วมุ่งหน้าสู่หลุมกับดัก
โดยไม่คิดจะหยุดหรือเลี้ยวหลบออกไปราวกับต้องมนต์สะกด สัตว์เทวะเดินจนกระทั่งผลัดตกลงไป
ฟุ่บ ตึง!
เสียงล้มดังโครมครามขึ้นมาจากหลุม
จากนั้นเครื่องจักรที่ตั้งรายล้อมรอบปากหลุมก็เริ่มทำงาน หน้าปัดนาฬิกาของทุกเครื่องทยอยเดินกันแล้วลูกระเบิดก็ไหลลงมาจากส่วนที่คล้ายกับท่อยื่นออกมาจากตัวเครื่องหล่นลงไปในหลุม
เกิดระเบิดตูมตามหลายสิบครั้ง
ตูม! ตูม! ตูม!
มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากหลุม
สัตว์เทวะที่ติดหล่มอยู่ภายในคงใกล้จะตายเต็มที
ตอนนั้นเองเนโครดราก้อนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักก็เริ่มการโจมตี
แผ่นกระดูกบนหลังตั้งชันแล้วยิงลงไปในหลุมด้วยวิถีมิสไซล์
ตูม! ตูม! ตูม!
ลูกระเบิดยังคงไหลออกจากเครื่องอย่างต่อเนื่อง
ตูม! ตูม! ตูม!
จนกระทั่งเสียงร้องเงียบลงไปเครื่องจักรก็หยุดปล่อยลูกระเบิดรวมไปถึงเนโครดราก้อนเองก็หยุดการโจมตี
ไอควันและฝุ่นมากมายที่ตลบอบอวลอยู่ภายในหลุมลอยขึ้นฟุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปดูสภาพภายในหลุม
เพราะต่างก็จินตนาการถึงสภาพของศพอันแหลกเหลวที่ถูกระดมด้วยระเบิดต่อเนื่องจนเละไม่มีชิ้นดีกันไปต่างๆ
นานา แต่ทว่า
ฮูม!
มีเสียงคำรามดังต่อเนื่องมาอีก
ฮอร์นแอทเทกเกอร์ยังคงเดินออกมาจากทางแยก
เรียงแถวกันมาลงหลุมกับดักและถูกฆ่าเพื่อกลายเป็นค่าประสบการณ์ให้กับพวกเขา
“ทำไมมันถึงเดินไปลงหลุมง่ายๆ
งั้นล่ะ”
พอเมษาถามขึ้นมาอิงศรก็ตอบไปว่า
“ตอนที่พวกนายพักกันอยู่ฉันเอาเครื่องวางเหยื่อไปตั้งไว้ตรงจุดที่พวกมันเกิดน่ะแล้วก็ล่อให้มาจนถึงที่นี่
ซึ่งชั้นก็วางเหยื่อเอาไว้บนเครื่องทิ้งทุ่นระเบิดด้วย”
แล้วชี้ไปที่เครื่องจักรตรงปากหลุม
ที่ด้านบนของเครื่องจักรทั้งหมดจะมีก้อนสี่เหลี่ยมสีชมพูคล้ายดินน้ำมัน
ส่งกลิ่นโชยออกมา วางอยู่ทุกเครื่อง
เป็นไอเท็มเหยื่อล่อที่สร้างขึ้นด้วยสกิลของบิลด์คลาสฮันเตอร์ที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้
ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้คู่กับกับดักเพื่อลวงให้สัตว์เทวะมาติดกับโดยเฉพาะ
อิงศรพูดต่อไปว่า
“เห็นหน้าปัดนาฬิกาพวกนั้นรึเปล่าพอเข็มเดินครบรอบหนึ่งเหยื่อก็จะหมดฤทธิ์พอดีจากนั้นเครื่องก็จะวางอันใหม่ให้โดยอัตโนมัติ”
จังหวะนั้นเองมีนาก็แทรกถามเข้ามา
“แล้วระเบิดทิ้งลงไปยังไงล่ะคะนั่น”
“ชั้นตั้งกลไกเอาไว้แถวๆปากหลุมน่ะพวกฮอร์นแอทแทกเกอร์มันตัวใหญ่เวลาตกลงไปก็จะมีส่วนที่ไปแตะถูกกลไกพวกนั้นด้วยเครื่องก็เลยทิ้งทุ่นระเบิดลงไปได้”
ตอนนั้นเอง
เสียงระเบิดชุดใหญ่ก็หยุดลง สัตว์เทวะเพิ่งจะถูกฆ่าตายไปอีกสามตัว
แล้วเมื่อหมอกควันจางลง
ก็ปรากฏกองไอเท็มจำนวนหนึ่งหล่นกระจายอยู่รอบๆ ปากหลุม
“ไอเท็มดร็อปเพียบเลยครับ”
กวินทร์พูด
แววตาเป็นประกายคงกำลังคิดว่าพวกตนจะกอบโกยกำไรจากไอเทมเหล่านี้ได้ขนาดไหนกัน
แต่ความจริงแล้วอิงศรรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
“ไอเท็มที่ดร็อปมันจะกระเด็นขึ้นมาบนหลุมน่ะ
ถ้าจะเก็บก็รีบๆ
เถอะหลังจากนี้ต้องเข้านอนแล้วเราคงไม่มานั่งเสียเวลาเก็บไอเทมมันทั้งคืนหรอก”
อิงศรพูดจากนั้นมีนาก็ถามอีก
“อ้าว
แล้วโกดังพวกนั้นจะสร้างไว้ทำไมล่ะคะ”
พลางชี้ไปที่โกดังไม้สองหลังที่วางใกล้กับเต็นท์
“ตอนแรกก็กะว่าจะสร้างเครื่องเก็บไอเท็มด้วยอยู่หรอกแต่ของมันไม่พอเพราะว่าเมื่อเช้าเจียดเงินไปซื้อชุดกับดักสำหรับวางกลาสแทร็ปแบบปูพรมไปหมดแล้วน่ะสิ”
พอพูดสาเหตุออกไปอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่าทั้งสามคนมีปฏิกิริยากลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมๆ
กัน
“ข..ขอโทษก็แล้วกัน”
เมษาเอ่ยมาอย่างนั้น
แล้วมีนาก็พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าแค่เก็บไอเทมไปยัดใส่โกดังเอาไว้เฉยๆล่ะก็ฉันพอมีวิธีนะคะ”
พูดจบหล่อนก็ชักจอบออกมาแล้วเรียกเนโครดราก้อน
“เนโครดราก้อน
เวโรซอมบี้แรพเตอร์”
มังกรกระดูกขนาดจิ๋วสองตัวผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินส่งเสียงร้องแหลม
“แรพเตอร์จังคอยเก็บไปเทมที่กระเด็นขึ้นมาไปไว้ที่โกดังตรงนั้นให้ทีนะ”
มีนาสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด
พวกเขาเห็นมังกรกระดูกทั้งสองตัว
พยักหน้าให้กันก่อนจะเริ่มเดินไปเก็บไอเทมขึ้นมาจากบริเวณปากหลุมแล้วเอาไปใส่ลงในช่องของโกดังที่เปิดอ้ารอไว้
“แบบนี้ก็ถือว่าหายกันแล้วนะคะ”
เด็กสาวส่งยิ้มให้เขา
“ถ้างั้นจะยกทั้งหมดนั่นให้ชั้นสินะเพราะค่าเตรียมการทั้งหมดนี่เล่นเอาหมดตัวเลยล่ะเกินงบเบิกแถมเข้าเนื้อไปเยอะด้วย”
พอได้ยินอิงศรพูดมาแบบนั้นทั้งสามก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ
แล้วพยักหน้าให้กันเหมือนเป็นสัญญารว่าเชิญตามสบาย
“ดีถ้างั้นคืนนี้ก็เข้านอนกันเถอะ”
อิงศรพูดตัดบทแล้วเดินนำไปที่เต็นท์ก่อนใครเพื่อน
ทั้งสามคนตามมา
หลังจากนั้นก็เข้านอนโดยพร้อมกัน
ความคิดเห็น