ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #235 : Login 232: คมหอกทะลวงแห่งคำสาบาน 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 131
      7
      18 พ.ค. 61

    Login 232: คมหอกทะลวงแห่งคำสาบาน 2

     

                มิ่งขวัญหวนนึกถึงคำสาบานของตนเอง

                จะปกป้องศรเอง’

                คำสาบานว่าจะทุ่มเททั้งหมดปกป้องอิงศร

                แล้วก็คิดขึ้นมาว่าทำไมตัวเองถึงทำได้ถึงขั้นนี้กันนะสามปีก่อนก็ด้วย

                พอลองย้อนกลับไปแล้วพวกเขาเป็นพี่น้องที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเลยออกจะเกลียดกันด้วยซ้ำ

                แต่พอโลกล่มสลาย พอได้อยู่กับศรมากขึ้น รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนที่สามารถยกทุกอย่างของตัวเองแม้กระทั่งชีวิตให้กับพี่ชายคนนั้นได้ไปแล้ว

                ว้ากกกกกกก!!!”

                มิ่งขวัญพุ่งตัวออกไป ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะปกป้อง สายตาจ้องเขม็งไปที่วงแหวนเพลิงสีคราม พลังที่ตัวเองไขว่คว้ามาเพื่อปกป้องคนสำคัญ

                แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนที่ต้องปกป้องไม่ได้มีแค่พี่ชายอีกต่อไป ที่เบื้องหลังนั้นยังมีพวกพ้องที่ทำให้ได้รู้ถึงเรื่องนั้นอยู่

                เมื่อทะลุผ่านวงแหวนเพลิง พลังอันมหาศาล พลังแห่งดวงดาวก็ไหลบ่าเข้ามา

                หมุนวนขับเคลื่อนอยู่ภายในร่าง

                ร่างกายเปล่งแสง เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่าแสงสว่าง

                คมดาบที่สะบั้นแม้แต่แสงของพระเป็นเจ้า

                นามนั้นคือ…

                แทคีออนสไลเซอร์!!”

                ขวัญ…”

                เสียงตะโกนของกวินทร์ที่ดังไล่หลังมานั้นถูกทิ้งห่างออกไปในพริบตาเหมือนกลายเป็นเสียงดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล

                กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงนั้นขมขื่นสักเพียงใด ตนเองก็เข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นเมื่อถูกอิงศรปกป้องในวัยเด็ก ความรู้สึกขมขื่นที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองดูการเสียสละของผู้เป็นที่รัก

                เข้าใจมันเป็นอย่างดี

                เข้าใจถึงความเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างดี

                แต่ถ้าไม่มีใครซักคนลงมือทำก็จะไม่มีใครที่รอดเลย

                อิงศรมักจะพูดว่า ‘ต้องก้าวเดินไปข้างหน้า’ แล้วก็ ‘ต้องแสดงความตั้งใจออกมา’ ในตอนแรกเขาคิดว่าพี่ชายโดนหลอก ถูกเป่าหูให้กลายเป็นพวกคลั่งอุดมการณ์ เขาไม่สบายใจเสมอมา อิงศรเอาแต่เลือกเส้นทางอันตรายอยู่เสมอ

                แต่พอไม่มีที่ให้พึ่งแล้ว… พออิงศรหมดสติไป พอตัวเองถูกทิ้งให้ไร้ที่พึ่งก็เข้าใจขึ้นมาว่าตลอดเวลาตัวเองเอาแต่พึ่งพาอิงศรมากขนาดไหน พอหมดที่พึ่งไปเขาจึงได้รู้ว่าอิงศรต้องเผชิญหน้ากับอะไร

                ทำไมถึงเลือกทางอันตรายอยู่ตลอด

                ทำไมถึงเลือกจะแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว

                นั่นเพราะโชคชะตามันขี้โกงพวกเขามาโดยตลอดนั่นเอง อิงศรถูกบีบด้วยทางเลือกแสนขี้โกงที่บีบคั้นแบบนี้เสมอ

     

                ถ้าอย่างนั้นคราวนี้เขาจะทำลายมันเอง ทำลายสิ่งที่โกงพวกเขามาโดยตลอด

                มิ่งขวัญพุ่งไปถึงจุดรอยร้าวที่ว่า เสียบปลายหอกเข้าไปในรอยนั่นอย่างแม่นยำพร้อมกับส่งพลังทั้งหมดไปที่จุดๆ นั้น

                ว้ากกกกกก!!!!!”

                อะ…อึก แกจะทำอะไรน่ะวัชพืช’

                รอยร้าวเล็กเท่ารูมดเริ่มปริแตกและแพร่กระจายมากขึ้น รอยร้าวลามไปจนกระทั่งเกิดรูโหว่ลึกเท่ากับตัวหอกที่เสียบจนมิดด้าม

                สำเร็จ เท่านี้พระเจ้าก็จะตาย

                “…”

                แต่เขาเองก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน

                ถ้าปล่อยมือจากหอกเร็วกว่านี้ก็อาจจะรอดแต่ถ้าทำอย่างนั้นพลังจะไม่พอเจาะทะลวงจนสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับพระเจ้าได้

                มิ่งขวัญถูกดึงขึ้นไปตามการหมุนของดวงจันทร์ ถูกลากเข้าหาแสงสว่างที่จะฆ่าตัวเอง

                “…”

                โลกที่ไม่มีอิงศรนั้นเขาไม่สามารถอยู่ได้

                ความกลัวในเรื่องนั้นมันจับใจเสียยิ่งกว่าความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาเสียอีก

                “…”

                เพื่อพี่ชายแล้วเขาฆ่าได้กระทั่งพระเจ้า

                ถ้าหาก....

                ถ้าหากว่า

                ถ้าหากว่าได้เริ่มต้นใหม่

                ถ้าหากว่าชาติหน้ามีจริงล่ะก็

                ขอให้ได้เป็นพี่น้องที่สนิทกันอย่างตอนนี้ก็คงจะดี

                พี่...ศร”

                มิ่งขวัญเปรยอย่างเศร้าๆ เด็กหนุ่มหลับตาลงเพื่อให้ยอมรับชะตากรรมที่ไม่ยุติธรรมนั่นได้โดยไม่เจ็บปวด

                แสงสว่างห้อมล้อมเข้ามา รู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังจะหลอมละลาย

                “…”

                มิ่งขวัญได้ตายลง…

                ถูกแผดเผาจนตายในแสงสว่างเจิดจ้า

                แล้วจากนั้นก็เป็นตาของพระเจ้าบ้าง

                ลูนาริสที่หยุดการหมุนของตัวเองไม่ทันเพราะมิ่งขวัญจู่โจมเจ้ามากะทันหันเกินไป

                ด้านที่ถูกหอกของมิ่งขวัญเสียบเอาไว้สัมผัสกับแสงสว่าง

                แสงไหลทะลักเข้าไปในรอยแผล ละลายหอกหายไปหมดสิ้นแล้วเผาทำลายภายในของลูนาริส

     

                อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”

                ดวงจันทร์พองตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อมันรับเอาแสงสว่างเข้าไปข้างใน พื้นผิวเริ่มมีรอยปริร้าวออกมาให้เห็น

                ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีที่กวินทร์ร้องตะโกนชื่อของเพื่อนคนสำคัญ

                ขวัญญญญญญญญญญญญ!!!”

                กวินทร์ทรุดเข่าลงทันที เขาใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายไปกับการตะโกนห้ามทำให้แรงค้ำยันร่างกายเหือดหายไปหมด

                ดวงจันทร์ที่ใกล้จะระเบิดกดทับลงมา

                แย่ล่ะสิขืนเป็นแบบนี้ได้เกมโอเวอร์กันหมดเลยนะ”

                ซีลอร์ดกล่าว แต่ว่าไม่มีใครที่จะยืนขึ้นมาไหวแล้วในตอนนี้

                ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องจบอยู่แค่ตรงนี้

     

                ถึงตอนนั้นก็ฝากด้วยนะ’

                จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยขึ้นมา

                ซีลอร์ดหันไป…ตามเสียงนั้น

                อดัม…”

                เขาเปรยด้วยความตกตะลึง เขามองเห็นเงาที่ซ้อนทับขึ้นมาบนอิงศรที่นอนหมดสติอยู่ไม่ไกลนัก

                เงาคล้ายกับอดีตสหายคนสนิท

                ไม่สิ”

                สิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ใช่อดัม แต่ว่าเป็นร่างที่โปร่งใสจนแทบมองไม่เห็นของเมอร์คาบาห์ ปีศาจแห่งโชคชะตาที่อิงศรครอบครอง คงเพราะลูนาริสหมดลมหายใจไปและใกล้จะระเบิดออกพลังที่ยับยั้งปีศาจไว้เลยหายไปด้วย

                งั้นเหรอ ที่นายบอกว่าฝากหมายถึงตอนนี้สินะ อดัม”

                เขาพยักหน้าให้กับความคิดที่ทึกทักเอาเอง

                จนถึงตอนนี้ตัวเองก็ก่อกบฏต่อผู้สร้างลงไปแล้ว พวกอิงศรแสงความตั้งใจให้เห็นแล้ว

                ความตั้งใจที่ฆ่าผู้ควบคุมโชคชะตาได้ ถ้าอย่างนั้นเขาเองก็ต้องทำบ้าง

                แสดงความตั้งใจที่ก้าวต่อไปข้างหน้า

                ความตั้งใจที่จะมองดูปลายทางของการเลือกสำหรับมนุษย์ในตอนนี้

                อึก…”

                กวินทร์พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ร่างกายที่บาดเจ็บจากการค้ำยันดวงจันทร์เอาไว้ยังไม่ฟื้นฟู

                กระดูกยังไม่เข้าที่เข้าทางพอจะขยับตัวได้สะดวกนัก

                ต้องรีบ…หนี”

                ในเมื่อลุกไม่ได้กวินทร์ก็เริ่มคลาน คลานไปหาอิงศรขณะที่ดวงจันทร์ใกล้ระเบิดกดทับลงมา

                หมอบลงซะ”

                ซีลอร์ดพูดแล้วแส้ใบมีดก็ผุดทะลวงขึ้นมาจากพื้นยันดวงจันทร์ขึ้นไปเล็กน้อย รู้สึกว่าร่างของผู้สร้างเบากว่าที่คิด อำนาจภายในคงเสื่อมถอยไปหมดสิ้นแล้ว

                จากนั้นจึงบังคับแส้ให้ดึงกวินทร์กับอิงศรเข้ามารวมกันแล้วเรียกแส้ขึ้นมาเพิ่มมัดทบกันเป็นโดมครอบพวกตนไว้ด้วยความหนาเป็นพิเศษเพื่อต่อต้านแรงปะทะจากการระเบิดที่จะเกิดขึ้น

     

                ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

                มมมมมมมม!!!

     

                ระเบิดแล้ว

                พระเจ้าได้ตายลงไปแล้วหนึ่งองค์

                แรงระเบิดรุนแรงเป็นอย่างมาก แส้ที่อยู่ชั้นนอกละลายหายไปอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนทำขึ้นใหม่แทบไม่ทัน

                ไม่ทันแล้ว”

                ซีลอร์ดพูดสบถ โดมที่ช่วยป้องกันกำลังจะพังทลายเข้ามาถึงชั้นในสุดนี้

                น่ากลัวว่าไม่ใช่แค่โดมแต่ลิฟต์อาจจะพังไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อให้รอดไปได้ก็ต้องตกลงไปข้างล่างอยู่ดี

                ผนังโดมป้องกันปริร้าวขึ้นเรื่อยๆ บางจุดถูกเจาะทะลุจนมีแสงสว่างลอดเข้ามา

                อีกนิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นช่วยอดทนไว้หน่อยเถอะตัวของผม”

                ซีลอร์ดรับรู้ได้ว่าข้างนอกนั่นแรงระเบิดกำลังอ่อนแรงลง มันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ถ้าทนรับเอาไว้ได้อีกซักห้าวินาทีล่ะก็

                ไม่ได้เหรอเนี่ย”

                ซีลอร์ดรู้ว่าตัวเองคงทนได้ไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ

                เหลือเศษอยู่สองวินาที แต่ถ้าปล่อยให้แรงระเบิดเข้ามาปะทะในสองวินาทีที่เหลือพื้นลิฟต์ที่มีเหลืออยู่แค่ใต้โดมนี่ก็จะต้องพังทลายลงไปแน่

                เงื่อนไขโหดจังเลยนะอดัม ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้”

                ซีลอร์ดพูดกลั้วหัวเราะอย่างประชดประชันแล้วเรียกแส้จำนวนหนึ่งให้จับตัวเขาเหวี่ยงขึ้นไปที่หลังคาโดม ซีลอร์ดใช้แผ่นหลังของตัวเองอุดรูรั่วเอาไว้และใช้แส้จากร่างกายของตัวเองสานกับหลังคาโดมเพิ่มความหนาเข้าไป

                5 วินาที

                4

                3

     

                อ๊ะ…”

                บริเวณหน้าอกของซีลอร์ดเกิดเป็นรูขึ้น แสงสว่างลอดเข้ามาจากทางรูนั้น ยังมีรูอีกหลายจุดที่เจาะเข้ามาจนร่างกายของซีลอร์ดที่เย็บติดกับหลังคาโดมป้องกันพรุนเป็นรังผึ้ง

     

                2 วินาที

     

                กวินทร์ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้เต็มที่แล้ว ต้องขอบคุณพลังของเวพ่อนไนซ์กับระดับพลังฟื้นฟูสายอาชีพเอเลเมนทัลเอนแชนท์เตอร์ที่เลเวล 144 แถบพลังชีวิตกลับมาเต็มอีกครั้งกระดูกทุกชิ้นในร่างกายผสานกันสนิท

     

    กวินทร์ Lv.144 [/////82200:82200/////]

     

                เฮ้ ไหวรึเปล่าน่ะ”

                ปกป้องอิงศรที!”

                ซีลอร์ดไม่ตอบคำถามแต่บอกสิ่งที่ต้องทำออกไปทันทีเพราะว่านี่คือ…

                1 วินาทีสุดท้าย

                โผละ ร่างกายแตกเหมือนแก้วที่ถูกทุบด้วยค้อน ทั้งหลังคาโดม ทั้งร่างกายของซีลอร์ดแตกละเอียดไม่เป็นชิ้น

                แสงสว่างสาดเข้ามา แสงระเบิดที่เป็นหลักฐานยืนยันความตายของพระเจ้า

                กำลังไล่ตามมา

                ตามมาเอาชีวิต

                ไม่ยอมให้ทำหรอกน่า!”

                กวินทร์สบถใส่แสงสว่างนั่น เขายื่นมืออย่างเร็วที่สุดไปคว้าซีลอร์ดที่ตอนนี้เหลือแค่ศีรษะที่หลุดร่วงลงมาเหน็บไว้ใต้รักแร้แล้วพลิกตัวไปดึงอิงศรเข้ามาหลบใต้ตัวเอง

                จากนั้นก็ตวัดดาบ

                คมเขี้ยวอัคคีกวัดแกว่งกำราบมาร โอนิมารุ คุนิ ทซึนะ”

                ลูกแก้วที่ดาบเปลี่ยนเป็นสีแดง ตัวดาบก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเช่นกัน ออร่าพลังสีแดงห้อมล้อมเขา ท่ามกลางสีแดงจัดจ้านนั้นมีสีขาวเบ่งบานออกมา เงาสีขาวคล้ายเสือกำลังคำราม

                กวินทร์แทงดาบลงกับพื้นลิฟต์ ด้วยพลังของดาบทำให้เกิดระเบิดจนพื้นแตกออกเป็นชิ้น เขาคว้านพื้นนั้นขึ้นมาเป็นโล่กำบัง

                สามารถลดทอนแรงระเบิดลงไปได้ แต่พื้นลิฟต์ที่โดนคว้านไปเกือบครึ่งหนึ่งนั้นทนต้านรับแรงปะทะกับน้ำหนักตัวของพวกเขาไม่ไหวจึงพังทลายลง

                เหวอ!!”

                กวินทร์ร้องผวาตอนที่กำลังจะร่วงลงไปนั่นเอง เด็กหนุ่มก็ปล่อยมือจากดาบแล้วคว้าตัวอิงศรกับกอดศีรษะของซีลอร์ดเอาไว้

                มาได้แค่นี้เหรอ

                ซีลอร์ดที่เหลือแต่หัวพูด

                แล้วทำอะไรไม่ได้เลยรึไงน่ะนาย

                ถ้ายังมีร่างกายเหลืออยู่ก็คงได้แหละนะแต่ว่า....

                โธ่ว้อย แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะเนี่ยยย!!!”

                กวินทร์ได้แต่สบถคำรามอย่างสิ้นหวัง พวกเขาได้แต่ร่วงหล่นลงไป

                ไม่รู้ว่านานแค่ไหนจะถึงพื้น หรือ แม้แต่ว่าข้างล่างอาจจะไม่มีพื้นเลยก็ได้ ถึงอย่างนั้นกวินทร์ก็พยายามพลิกตัวให้อิงศรอยู่เหนือตัวเขาไว้ถ้าหากตกลงไปกระแทกพื้นอย่างน้อยที่สุดร่างกายของตนจะช่วยเป็นเบาะรองกระแทกให้

                พอตกลงมาได้ช่วงหนึ่งหลังก็กระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง

                บางทีกระดูกคงจะหักอีก กวินทร์กัดฟันพร้อมรับความเจ็บปวดนั้น

                แต่ทว่า

                เอ๊ะ...

                สัมผัสที่หลังกลับนุ่มมาก นุ่มจนคิดว่าตัวเองตกลงบนฟองน้ำหรืออะไรบางอย่างที่ไม่ใช่พื้น

                กวินทร์หันไปมองว่าตกลงบนอะไร แต่เขากลับจมลงในสิ่งนั้นเสียก่อน พื้นที่รองรับเขาไว้อ่อนนุ่มและไม่มั่นคง มันเป็นเหมือนเมือกสีดำสนิทคล้ายกับน้ำมัน

                พวกเขาจมลงในเมือกนั่นแล้วทะลุผ่านไปยังอีกด้าน ความเร็วในการตกลดลงจากการทะลุผ่านชั้นเมือกที่ว่าทำให้หลังจากนั้นถึงตกลงมากระแทกพื้นหินแข็งๆ ก็ไม่เจ็บตัวเท่าไหร่

                แต่คิดอีกทีมันก็น่าจะเจ็บอยู่เหมือนกัน...

                อั่ก

                กวินทร์ร้องเมื่อหลังของตัวเองกระแทกกับพื้นแล้วด้านหน้าก็ต้องรับน้ำหนักของอิงศรกับหัวของซีลอร์ดอีก

                พวกเขาตกลงมาบนพื้นที่เหมือนกับลิฟต์ที่พังไป เป็นพื้นหินกว้างราวสนามฟุตบอล

                ที่นี่ดูเหมือนลิฟต์อีกตัวที่เพิ่งจะตามขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

                ขณะเดียวกันซากลิฟต์ตัวเก่าก็ร่วงหล่นลงมา

                กวินทร์พลิกตัวเอาหลังขึ้นกำบังให้อิงศรกับซีลอร์ด กำบังจากเศษซากของลิฟต์ตัวเก่า เศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกกระแทกใส่แผ่นหลังของเด็กหนุ่ม เขากัดฟันทนจนกระทั่งเศษซากตกลงมาทั้งหมด

                ซากลิฟต์ที่ตกลงมาทำให้เกิดฝุ่นควันบดบังทิวทัศน์รอบๆ

                แสงสว่างที่ไล่ตามพวกเขาลงมาพอไม่มีลูนาริสคอยสะท้อนแสงมันพุ่งตรงดิ่งเป็นเส้นตรงยิงทะลุใจกลางลิฟต์ตัวใหม่ ตอนนี้ถ้าไม่ไปยุ่งกับมันก็ไม่มีอันตรายอะไร

                พอเริ่มจะผ่อนคลายจากความตึงเครียดมาได้ กวินทร์ก็เริ่มจะนึกถึงสิ่งที่ต้องทำในเวลานี้ขึ้นมา

                เขาลุกขึ้นยืนเอามืออังรอบปากแล้วตะโกน

                 ขวัญญญญ!!!”

                เขาตะโกนเรียกด้วยความหวังที่ว่ามิ่งขวัญอาจจะยังรอดชีวิตอยู่ ถ้าเป้นอย่างนั้นก็ต้องบอกข่าวดีให้รู้ว่าเขากับอิงศรปลอดภัยดี มิ่งขวัญจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล

                แต่ว่า...

                เฮ้ ขวัญญญญ!!!”

                มันไม่มีการตอบกลับมา

                ตอบมาเซ่!! ขวัญญญญ!!”

                พอตะโกนครั้งที่สามกวินทร์ก็เข้าใจขึ้นมา

                เข้าใจว่ามันงี่เง่าขนาดไหน

                เพื่อนงี่เง่าที่สร้างความทรมานให้กันขนาดนี้ หมุนเวียนความเศร้าในอกได้ถึงขนาดนี้

                อึก...วะ.... ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”

                ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย ใจร้ายที่สุดเลย

                ยังคงกรีดร้อง

                “...ว้ากกกกกกกกก!!!”

                มันจะโหดเกินไปแล้วนะแบบนี้น่ะ พี่ชายนายยังนอนอยู่ตรงนี้อยู่เลยนะแล้วทำไม...ทำไม

                ยังกรีดร้องต่อไปเรื่อยๆ

                “...ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

                ทำไมถึงต้องทิ้งพวกเราไว้ตรงนี้

                จนกระทั่งรู้สึกว่าลำคอไม่มีเสียงลอดออกมาอีก

                แค่ก...แค่ก แค่ก”

                กวินทร์จึงหยุดแล้วหันสายตาเศร้าสร้อยไปมองอิงศร มองดูสิ่งที่เหลืออยู่แล้วนึกถึงคำสั่งเสียที่มิ่งขวัญฝากเอาไว้

                “....พี่ศร”

                กวินทร์พยายามเรียกปลุก แต่อิงศรก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมา

                พี่ศร!!

                เขาเร่งเสียงให้ดังขึ้น

                “…”

                แต่อิงศรไม่ตอบสนอง

                พี่ศร...

                พี่ศรรู้ไหมครับว่าขวัญน่ะตอนอยู่กับผมเขาพูดถึงพี่ศรว่ายังไงบ้าง”

                นี่เรากำลังทำอะไรอยู่กันนะ?

                เพราะได้สนิทกับขวัญแล้วผมถึงเข้าใจตัวพี่ศรมากขึ้น พี่ศรน่ะเป็นคนที่พยายามจะเข้าใจหัวอกคนอื่น ถึงจะดูเหมือนไม่สนใจใครแต่ก็คอยสังเกตคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดขวัญน่ะเขานับถือพี่ศรมากเลยนะครับ ผมเองก็เหมือนกันเพราะงั้นการที่ผมหรือขวัญหรือใครก็ตามต้องมาตายที่นี่ไม่ใช่ความผิดของพี่ศรเลยอย่าโทษตัวเองเลยครับ”

                พยายามจะปลอบประโลมอิงศรหรือว่าตัวเองกันแน่

                พี่ศรน่านับถือขนาดนั้นพวกเราถึงได้ติดตามมาเพราะงั้นตอนนี้”

                ไม่รู้เลยจริงๆ แต่ว่า

                ตื่นขึ้นมาสิครับ!!”

                ช่วยตื่นขึ้นมาทีเถอะ ตื่นขึ้นมาให้ผมได้พึ่งพิงทีเถอะ ขอร้อง…

                ขอร้องล่ะครับ พี่ศร”

                กวินทร์โน้มตัว ซบใบหน้าที่เขรอะไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับอกของอีกฝ่าย

                ตึกตัก ตึกตัก

                เสียงหัวใจเต้นของอิงศรยังคงดังอยู่ แต่รุ่นพี่ที่น่านับถือก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมา

                จะไม่ไหวแล้ว...

                “...พี่ศร”

                ขอที่ให้พึ่งพิงหน่อยเถอะ

                แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลัง เสียงแห่งความกลัว เสียงที่กระชากหัวใจที่กำลังบอบช้ำของกวินทร์ให้เงยหน้าขึ้นหันไปมอง

                เพราะไปนับถือไอ้คนน่าสมเพชแบบนั้นพวกแกถึงได้เอาตัวไม่รอดกันยังไงล่ะ กวินทร์ วชิระ”

                กวินทร์ที่ได้ยินเสียงนั้นหันหลังกลับไป

                ที่ตรงนั้นเอง เพราะระยะทางที่ห่างออกไปกับฝุ่นควันจากซากของลิฟต์ก่อนหน้านี้ก็เลยไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรบางอย่างยืนอยู่บนลิฟต์ตัวนี้ด้วย แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาอีกว่าการที่มีลิฟต์อีกตัวนั่นหมายความว่าจะต้องมีใครซักคนไล่ตามพวกเขาขึ้นมา

                เจ้าของเสียงแทรกตัวผ่านหมอกควันที่กำลังจะจางลง

                เส้นผมสีเงิน

                เครื่องแบบราชครูสีดำ

                ใบหน้าปราดเปรื่องและเย็นชา

                แฟรนเซียม…”

                ไม่เรียกพลเอกแล้วเรอะ”

                กวินทร์เอาตัวบังอิงศรไว้แล้วหันเผชิญหน้ากับแฟรนเซียม

                “....นี่แกยังไม่ตายอีกงั้นเรอะ”


    ***ตอนหน้าคนฆ่าพี่สาว 2018 มาเจอกัน ....ตลกม่ายลงงง ขวัญญญ!!! แอ่ววว****

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×