คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #220 : Login 217: เสาค้ำสวรรค์
Login 217: เสาค้ำสวรรค์
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวว่า
“วัชพืชเอ๋ย
วัชพืชที่รุกล้ำสวนอันศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย จักต้องขุดรากถอนโคนให้สิ้น
ข้าจะฉีกรากของเจ้าออกเป็นชิ้น”
ณ
ที่ไหนซักแห่งบนแผ่นดินของโลกที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
โลกซึ่งโดนความว่างเปล่ากัดกินจะถือว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่อีก
ทั้งตัวตน...
ทั้งประวัติศาสตร์
ทั้งความทรงจำ
ความรู้สึก ทุกๆ อย่างจะหายไป
กระบวนการดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเครื่องทำสวนเริ่มทำงาน
เมื่อพระเจ้าป่าวประกาศว่ามนุษย์มีความผิด
มนุษย์ได้ก่อบาปและเป็นวัชพืช
ความว่างเปล่าก็ได้รับอนุญาตให้มันกลืนกินทั้งสวนศักดิ์สิทธิ์
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งโลกตื่นขึ้นพร้อมกันและไล่ล่าถอนวัชพืช
ผู้ขุดค้นแห่งสวนศักดิ์สิทธ์
โนเวมโบอาร์ (Novemboar)
เครื่องทำสวนรูปร่างหมูป่าแต่มีหางยาวเป็นปล้องตรงปลายติดเข็มพิษเหมือนแมงป่อง
มีแขนสองข้างเป็นก้ามหนีบลักษณะเป็นปล้องๆ เชื่อมติดกับช่วงไหล่
เครื่องทำสวนนี้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลอยู่ใต้ทะเลสาบซึ่งแท้จริงแล้วเป็นหลุมที่เกิดขึ้นตอนที่มันตกลงมายังโลก
ใกล้กับอ่างเก็บน้ำ
พื้นดินที่มันตกลงมาไม่ค่อยแข็งแรงนักจึงจมลงลึกลงไปใต้ดิน
ผลกระทบนั้นทำให้น้ำในอ่างไหลซึมลงหลุมจนกระทั่งเกิดเป็นทะเลสาบ
มันหลับใหลอยู่อย่างนั้นมาตลอดสี่ปีจนกระทั่งไม่กี่วันก่อน โนเวมโบอาร์
ตื่นจากการหลับใหลแล้วขึ้นจากทะเลสาบเพื่อมาทำภารกิจของมัน
ห่างไปไม่ไกลจากทะเลสาบที่มันตื่นขึ้นมามีชุมชนของ
‘เพลเยอร์’ หรือก็คือมนุษย์ที่ไม่ได้ถูกมนุษย์ต่างดาวจับไปทำ
‘NPC’ อาศัยอยู่
พวกเขาเล็ดรอดจากการไล่ล่าของมนุษย์ต่างดาวมาได้เพราะอยู่นอกสายตาและมีคนมีฝีมือ
อยู่พอประมาณจึงสามารถเอาชนะสัตว์เทวะจนอยู่มาได้ถึงปัจจุบัน
และเพราะตัวชุมชนนั้นไม่ได้คราฟเมืองจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับเรดบอส
การจับกลุ่มแบบหลวมๆ
นี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไปหลังจากวันที่โลกล่มสลายลงเมื่อสี่ปีก่อน
เลเวลเฉลี่ยของกลุ่มเพลเยอร์ในระดับนี้จะอยู่ที่
60 ถึง 70
เป็นระดับพลังที่หากเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์ยังนับว่าหืดขึ้นคอ
และหากเจอชั้นครูขึ้นไปกลุ่มคงจะพังพินาศ
พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกใบนี้
ไม่รู้ถึงบททดสอบจากแอดมินิสเทรเตอร์
ไม่รู้ว่าโลกกำลังจะถูกลบหายไป
ไม่รู้จักเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
รู้จักแต่วิธีเอาตัวรอดให้ได้ในแต่ละวันเท่านั้น
เพราะมีพลังเพียงน้อยนิดและไม่มีความรู้ในสถานการณ์ที่มากพอ
ไม่มีแรงผลักดันในการก้าวไปข้างหน้า
เมื่อเครื่องทำสวนตื่นขึ้นมาคนจำนวนมากก็ถูกลบหายไปอย่างง่ายดาย
ตอนที่โนเวมโบอาร์ขึ้นมาจากทะเลสาบ
พวกเขาก็ไม่ได้ฉุกใจคิดหรือหวาดระแวงว่ามันจะโจมตีมาจากระยะไกลถึงสิบกิโลเมตรได้
จากจุดที่พวกเขามองเห็นนั้นมองเห็น เครื่องทำสวนอยู่ไกลลิบ
ในตอนแรกทุกคนจึงแค่สนทนาปรึกษากันแล้วก็ภาวนาอย่าให้มันมาที่นี่
มีบางคนที่คิดว่าควรอพยพเดี๋ยวนั้น บางคนที่คิดหาทางต่อสู้
บางคนที่คิดเข้าไปสำรวจจากระยะที่ใกล้กว่านี้
ความคิดทั้งหมดนั้นไม่ทันที่จะตอบสนองเครื่องทำสวนก็ชิงปล่อยไอพิษสีแดงเข้มพุ่งมาที่ชุมชน
ทันทีที่ไอพิษมาถึงมนุษย์ทุกคนสิ้นใจในทันทีร่างกายหลอมละลายเป็นของเหลวในพริบตา
มีบางคนที่รอดมาได้เพราะหนีทันก่อนที่ไอพิษจะแพร่ถึงและหนีเข้าไปที่เมืองเพื่อจะหาที่หลบไอพิษ
บางกลุ่มก็เลือกจะหนีออกไปให้ห่างที่สุดซึ่งพวกนี้เลือกถูก
พวกที่ขังตัวเองไว้ในอาคารถูกความว่างเปล่าที่ไล่ตามเครื่องที่ทำสวนซึ่งมุ่งหน้าไล่ล่าคนที่หนีไปลบหายไปจนหมดสิ้นโดยที่ไม่มีโอกาสได้หนี
จนถึงตอนนี้ก็เหลือคนเพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้นที่ยังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอยู่โดยที่
ไอพิษ
โนเวมโบอาร์ และ ความว่างเปล่า ไล่ตามหลังมา
“เหวอ
มันจะไล่พวกเราทันแล้ว!”
“ตายแน่
ตายแน่ๆ พวกเราต้องตายแน่ๆ”
“หุบปากแล้วรีบวิ่งไปเหอะน่า!”
เสียงตะโกนดังอย่างโกลาหล
ทุกคนต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ในตอนแรกไอพิษยังไม่เคลื่อนที่เร็วนักจึงมีเวลาพักเอาระหว่างทางบ้าง
แต่เมื่อเครื่องทำสวนมองเห็นเหยื่อไอพิษก็เร่งความเร็วในการแพร่กระจาย
จนในที่สุดพวกเขาก็ต้องวิ่งกันทั้งวันทั้งคืน
ระหว่างทางก็มีสัตว์เทวะออกมาขัดขวาง
พวกเขาฆ่าเท่าที่จำเป็นแล้วรีบหนี
หนี
หนี หนี
เท้าต้องขยับตลอดไม่อย่างนั้นจะตาย
ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
ทุกคนต่างวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต
จนตอนนี้เมื่อเจอสัตว์เทวะก็ไม่มีใครเสียเวลายุ่งกับมันอีกแล้วพวกเขาวิ่งหนีมันไปเลย
คนที่รวดเร็วคล่องแคล่วก็จะหนีพ้นส่วนคนที่หนีไม่ทันเพราะถูกสัตว์เทวะจับหรือขวางทางหนีก็จะถูกไอพิษหลอมละลายไปพร้อมกับสัตว์เทวะ
“พี่!”
“หนี...ไป”
มีพี่ชายกับน้องสาวคู่หนึ่งที่หนีไม่ทัน
คนที่เป็นพี่ชายต่อสู้กับสัตว์เทวะที่โผล่ออกมาขวางทางหนีแต่เพราะการต่อสู้ทำให้อาคารหลังหนึ่งถล่มลงมา
เขาผลักน้องสาวออกไปได้ทันจึงมีแต่ตัวเองที่โดนซากอาคารทับร่างเอาไว้
น้องสาวร้องไห้อย่างเสียขวัญและเอาแต่เรียกพี่ชาย
เด็กสาวพยายามดึงแขนพี่ชายเพื่อจะลากออกมาจากใต้ซากหินแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่ผลักซากที่ทับร่างไว้ออกไป
เด็กสาวไม่ได้อ่อนแอ
เธอมีเลเวลถึง 40
ดังนั้นแค่ผลักซากหินออกไปน่าจะทำได้ด้วยตัวคนเดียวแต่ต้องใช้เวลาพอสมควร
ซึ่งเวลาที่ว่าในยามนี้มันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ไอพิษกำลังคืบคลานเข้ามาหากไม่รีบหนีไปตอนนี้จะต้องตาย
“หนีไป...ไม่ต้องสนฉัน”
“ไม่เอา
พี่ต้องไปด้วยกันสิ!”
เวลาผ่านไป
หนึ่งวินาที
สองวินาที
สามวินาที
เข็มวินาทีเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าสำหรับเธอกับพี่ชายมันราวกับชั่วนิรันด์
เป็นเวลาสุดท้ายในชีวิตที่จะได้อยู่ด้วยกัน
ไอพิษคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
สี่วินาที
ห้าวินาที
แล้วแฟรนเซียมก็เดินผ่านสองพี่น้องไป
เขาเดินสวนทางผู้คนที่หนีตายกันอย่างอลหม่านมุ่งหน้าเข้าหาไอพิษ
“อะ..เฮ้ย
นายน่ะ”
เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าซึ่งจมอยู่ใต้ซากปรักตะโกนเรียก
เรียกมนุษย์ต่างดาวเช่นเขาอย่างมนุษย์ด้วยกัน
คงเพราะมองไม่เห็นหน้าจอแสดงชื่อ เลเวล และพลังชีวิตของเขา
Francium Lv. 144
[/////100000:100000/////]
ชื่อเป็นตัวอักษรอัลฟาเบทที่ไม่เหมือนคนทั่วไป
สีของชื่อก็เป็นสีฟ้า
พลังชีวิตกับเลเวลก็เป็นระดับที่เรียกได้ว่าไม่มีทางได้เห็นอีกแน่นอนเพราะทั้งโลกคนที่มีพลังขนาดนี้มีเพียงเขาคนเดียว
แล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกตอนนี้ก็ไม่สามารถช่วยใครบนโลกนี้ได้เลยด้วย
“…”
แต่เพราะแบบนั้นแหละเขาถึงมาที่นี่
มาเพื่อเผชิญหน้ากับเครื่องทำสวนหลังจากได้รับ ‘ความสิ้นหวัง’
มาจากตัวตนที่เรียกว่ามหาเทพ
“อย่าไปทางนั้น...ถึงตายเลยนะ...แล้วก็ช่วยพาน้องสาวฉัน..หนีไปที”
เด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ซากปรักกล่าวอย่างยากลำบาก
อ้อนวอนขอร้องให้แฟรนเซียมพาน้องสาวหนีไป
แน่นอนว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
ซากปรักนั่นทำท่ากระวนกระวายแล้วก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม
เธอร้องเรียกพี่ชายเสียงดังขึ้น
แฟรนเซียมเมินเสียงเหล่านั้นแล้วมุ่งหน้าต่อ
“เฮ้!”
เสียงของพี่น้องคู่นั้นค่อยๆ
ห่างออกไป เขาเดินมาจนกระทั่งไอพิษอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว
กลิ่นอายความตายลอยฟุ้งอยู่ตรงหน้า
สัมผัสของร่างกายสั่นสะท้านไปหมด
สัญชาตญาณบอกว่าถ้าไปโดนเข้าจะตาย
ต่อให้เป็นร่างนี้ก็จะละลายไปอย่างง่ายดาย
“อาคานาร์ฟอร์ซ”
แต่แฟรนเซียม
หาได้หยี่ระต่อสถานการณ์ เขาหยิบเอาไพ่อาคานาร์ขึ้นมา
อาคานาร์ปีศาจ
เดอะ เดวิล
โชคชะตาที่กลายเป็นชะตากรรมได้เรียกหา…
“ซาตาน”
ปีศาจจากอาคานาร์ถูกเรียก
ไพ่หายไปแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แฟรนเซียมเดินฝ่าเข้าไปในดงพิษอย่างไม่ลังเล
ร้อน
ร้อนมาก
ร้อนระอุจนผิวหนังแทบจะเดือดปุดๆ
ไอพิษกำลังกัดกร่อนร่างกายแต่มันทำอะไรตัวเขาที่ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับปีศาจไม่ได้
พลังของเดม่อนแอพ
‘ซาตาน’ จากอาคานาร์เดอะ เดวิล
ยกระดับพลังกายของราชามนุษย์ต่างดาวให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
มันไม่ใช่การเพิ่มเป็นจำนวนตัวเลขแต่เป็นการเพิ่มขึ้นไปจนถึงจุดที่เรียกว่า ‘เป็นอนันต์’
ร่างกายถูกกัดกร่อนแต่ก็ฟื้นฟูสภาพกลับมาด้วยพลังไร้ขีดจำกัด
เพียงสิ่งเดียวจำกัดความสามารถของ
ซาตาน เอาไว้ก็คือเวลา
ดูเหมือนว่าราชาแห่งปีศาจก็ยังเอาชนะกฎของ
กาล-อวกาศ ไม่ได้ ซาตานมีเวลาทำการเพียง 666 วินาที
หรือก็คือมีเวลา
11 นาทีกว่าๆ ในการทำภารกิจ
ภารกิจที่จะช่วยโลกด้วยวิธีที่ได้ผลที่สุด
แฟรนเซียมเดินฝ่าไอพิษไปได้ซักพักเขาก็มายืนอยู่ตรงสี่แยกแห่งหนึ่ง
ไอพิษบดบังทิวทัศน์โดยรอบ
แต่ยังมองเห็นความว่างเปล่าสีดำที่กำลังกัดกินท้องฟ้าอยู่ลิบๆ
“เครื่องทำสวนไล่ตามมนุษย์มาก่อนสินะ”
ดูท่าจะกระตือรือร้นกับหน้าที่ถอนวัชพืชเป็นอย่างมาก
โนเวมโบอาร์อยู่ไม่ห่างไปนัก
มันจ้องมองมาที่เขาราวกับพิจารณาว่านี่คือสิ่งใด
ดูเหมือนพิษจะฆ่าได้แต่สิ่งมีชีวิตเพราะสิ่งก่อสร้างรอบๆ
ไม่ได้รับผลกระทบเลย
ถ้าอย่างนั้นมันก็คงกำลังวิเคราะห์ว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตรึเปล่าล่ะมั้ง
“หึ”
แฟรนเซียนแค่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูก
ไม่รู้ว่าพวกมันรู้สึกอย่างไรในเวลาที่…
ทำลายมนุษย์
ทำลายการมีอยู่ ทำลายผืนแผ่นดิน
หรือพวกมันอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะจิตใจเป็นดั่งเครื่องจักร
…ไม่รู้เลยจริงๆ
แล้วก็ไม่คิดจะเข้าใจด้วย ต่อให้มันจะรู้สึกได้แบบมนุษย์รึเปล่าสิ่งที่จะทำก็แค่
แฟรนเซียมยื่นแขนออกไป
กรีดข้อมือ ทำให้เลือดที่ไหลออกมาจับตัวเป็นดาบมังกรเทวะ
“จงชโลมสวรรค์ให้มืดมิดอนธกาล
มังกรสัมบูรณ์กาล อาซี-ดาฮากา...”
ถ้าเครื่องทำสวนจะถอนวัชพืช
ถ้าอย่างนั้นเขาก็…
“อหุราคา!!”
จะกลืนกินพวกมันดั่งอาหาร
ดาบพุ่งออกไปจากมือแล้วระเบิดออก แตกตัวเป็นเมือกสีดำแล้วขึ้นรูปร่างเป็นวัตถุสองชิ้นด้วยกัน
แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่โตเทียบเท่ากับเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
ชิ้นหนึ่งเป็นรูปม้ามีเทียมรถเข็นมาด้วย
อีกชิ้นเป็นวานรกำลังนั่งขัดสมาธิและพนมมืน บนไหล่มีคนโทน้ำลอยอยู่
”นี่มัน”
เครื่องทำสวนกล่าว
แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะไม่มีโทนเสียงเพราะเสียงของมันสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยกลไกแต่ก็รับรู้ได้ว่ามันกำลังตกใจ
ตกใจที่เห็นพวกพ้องเครื่องทำสวนของมันออกมาจาก
อหุราคา
“ดีเซมแมร์ เอพบูรอาร์ ต่อไปก็ตาแก โนเวมโบอาร์”
เมือกเครื่องทำสวนม้าปล่อยลำแสงสีแดงจากดวงตา
เมือกเครื่องทำสวนลิงยิงกระแสน้ำจากคนโทบนไหล่
การโจมตีของเมือกสร้างความบอบช้ำให้เครื่องทำสวนหมูป่าจนกระทั่งมันทรุดล้มโดยที่ตอบโต้ไม่ได้
โปรแกรมของมันคงจะยืนยันว่าเมือกทั้งสองคือเครื่องทำสวน
เป้นพวกเดียวกันจึงไม่สามารถโจมตีใส่ได้
โนเวมโบอาร์พูด
“ท...ทำไม”
แล้วดวงตาที่ส่องแสงเหมือนคบไฟของมันก็เบี่ยงหาแฟรนเซียมที่ยืนตัวกระจ้อยอยู่แทบเท้ากึ่งกลางเมือกทั้งสอง
“เจ้าพวกเครื่องถอนวัชพืชรู้สึกยังไงบ้างล่ะที่โดนวัชพืชเล่นงาน”
แฟรนเซียมกล่าว
แล้วเมือกที่กระจายอยู่รอบเท้าก็คืบคลานไปเกาะบนตัวเครื่องทำสวนหมูป่า
ก่อนที่เมือกจะกลืนกินมันเข้าไปทั้งตัว
เครื่องทำสวนก้ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
“งั้นรึ...เจ้าก็เป็นวัชพืช...สินะ”
แล้วก็หายไปอีกหนึ่งเครื่อง
เสาที่ค้ำจุนผืนฟ้าได้หายไป
หนึ่งต้น สองต้น สามต้น..
“แล้วมันก็จะหายไปอีกจนกระทั่งครบทั้งสิบสองต้น
ผืนฟ้าเอย
สรวงสวรรค์เอย
เจ้าจงลอยต่ำลงมา
แล้วในตอนนั้นเองเสาที่มนุษย์สร้างขึ้น
เสาที่มีชื่อว่า ‘บาเบล’ ก็จะค้ำจุนสรวงสวรรค์และกลายเป็นเส้นทางสู่ยุคสมัยที่ปรารถนา”
เมือกกลืนกินเครื่องทำสวนหมูป่าจนหมด
จากนั้นทั้งหมดก็ไหลกลับเข้าไปในรอยกรีดที่ข้อมือ ผิวประสานติดกัน
ทันทีที่เมือกไหลกลับเข้ามาก็รู้สึกได้เลยว่ามีของที่ไม่เคยมีอยู่เพิ่มขึ้นมา
พลังเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
ยิ่งได้กลืนกินเครื่องทำสวนมากเท่าไหร่ก็จะมีพลังมากขึ้น
เมื่อโนเวมโบอาร์ไม่อยู่แล้ว
ไอพิษก็พลอยหายไปด้วย แต่สิ่งที่ยังคืบหน้าต่อไปก็คือความว่างเปล่า
แฟรนเซียมเหม่อมองท้องฟ้าที่ค่อยๆ
หายไปกำลังใกล้เข้ามา
“…”
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ยังไม่แตะต้องไม่ได้
ต่อให้มีพลังเป็นอนันต์ทุกอย่างก็จะสูญเปล่าเมื่อเผชิญหน้าความว่างเปล่า
เขาหันหลังกลับแล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปหาเครื่องทำสวนรายถัดไป
ความคิดเห็น