คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #210 : Login 207: ยมทูตกลับหัว 1
Login
207: ยมทูตกลับหัว 1
มิ่งขวัญเอาตัวขวางศาลเจ้าไว้ราวกับจะปกป้องมัน
แววตาของน้องชายมัวหมองเหมือนไม่มีชีวิตท่ายืนก็กระโดกกระเดกไปมาอย่างกับคนละเมอ
เมื่อทอดสายตามองข้ามไหล่ของมิ่งขวัญไปก็แลเห็นเงาดำทะมึนลอยอยู่ใกล้ๆ
กัน เขาเพ่งสายตาจนมองเห็นรูปร่างของอสูรที่กำลังสิงสู่มิ่งขวัญ
เป็นอสูรผู้หญิงที่แก่ชราใบหน้าเหี่ยวย่นทำหน้าตาหน้ากลัวใส่พวกเขา
หรือควรจะบอกว่ากำลังทำหน้าหวาดกลัวพวกเขาอยู่ดีล่ะ?
ถึงจะเป็นมิ่งขวัญที่มีพลังของมนุษย์ต่างดาวก็ตามแต่จำนวนคนขนาดนี้อสูรไม่มีทางชนะอยู่แล้ว
อีกอย่างจากข้อมูลที่นรินทร์ดักฟังจากดิวินิแดดที่ชื่อกฤษณะก็บอกว่าอสูรเข้าสิงได้แต่สิ่งที่อ่อนแอกว่าตัวเองเท่านั้น
นั่นเท่ากับว่าขวัญในตอนนี้อยู่ในสภาพที่อ่อนแอการจะจับตัวเอาไว้คงไม่ใช่เรื่องยากนัก
“ว้ากก!!”
จู่ๆ
มิ่งขวัญก็คำรามแล้วพุ่งออกมาจากศาลเจ้า
การตั้งท่านั้นเห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะวิ่งเข้ามาบีบคอเขาด้วยมือเปล่า
แต่ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเขา เมษาก็โผล่มาแล้วหยุดมิ่งขวัญโดยจับไหล่แล้วยันเอาไว้
เท้าของเมษาถอยครูดมาข้างหลังเล็กน้อยแต่มิ่งขวัญก็หยุดคืบมาข้างหน้า
“ศรหมอนี่…แรงเยอะแหะ…อย่าโกรธกันเลยนะ”
สิ่งที่เมษาตั้งใจจะบอกนั้นเขาเข้าใจเป็นอย่างดี
“เออ
รู้อยู่แล้วล่ะเอาจริงได้เลยไม่งั้นก็ช่วยขวัญไม่ได้หรอก”
“โอ…เค”
เมษากล่าวแล้วเขยิบตัวเข้าคลุกวงในแล้วปล้ำกับขวัญจนค่อยๆ
พาลากออกห่างไป
เท่านี้ก็พอจะมีเวลาให้เตรียมตัวแล้ว
แผนก็คือจะจับมิ่งขวัญแช่แข็งให้ขยับไม่ได้ก่อนแล้วค่อยขับไล่อสูรออกจากตัว
อิงศรดึงแผ่นยันต์ออกมา
“ชาร์คชู้ต”
ร่ายสกิลเปลี่ยนยันต์เป็นลูกธนูน้ำแล้วขึ้นลูกศรเล็งไปที่มิ่งขวัญกับเมษาที่กำลังปล้ำกันอยู่
“เมษาหลบ!”
เขาให้สัญญาณ
เมษาจึงปล่อยขวัญแล้วผละตัวออกห่างจากวิถียิง
อิงศรยิงธนูน้ำออกไป
มันระเบิดกลายเป็นฉลามน้ำพัดใส่ร่างน้องชายจนกระเด็นถอยหลัง
จังหวะเดียวกันนั่นเอง
กวินทร์ที่รออยู่ก่อนแล้วก็ร่ายสกิล
“ขอหิมะจงแหลมคม
สายลมจงหมุนวน ก่อเกิดพยุหะฝนน้ำแข็งทิ่มแทงถล่มปฐพีจนกว่าสรรพสิ่งจะราบพนาสูญ
เอจออฟไดม่อนดัส!”
แล้วตวัดดาบที่ร่ายฟรอสเบลดทำน้ำแข็งเคลือบใบดาบไว้ก่อนแล้วออกไป
เคลือบน้ำแข็งบนดาบกะเทาะตัวแตกแล้วพัดออกไปด้วยสายลมที่เกิดจากสกิลพร้อมกับขยายขนาดขึ้นจนกลายเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมคม
พอแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นสัมผัสถูกสายน้ำที่พัดมิ่งขวัญอยู่ก็ทำให้น้ำแข็งตัวตั้งแต่ช่วงล่างของมิ่งขวัญขึ้นไปจนถึงคอถูกขังเอาไว้ใต้ก้อนน้ำแข็ง
ขณะเดียวกันคนอื่นๆ
ที่จับตาดูการผสานของพวกเขาสามคนนอกจากมีนาแล้วต่างก็แสดงอาการตกตะลึงออกมา
มิกซ์พูด
“นี่น่ะเหรออิงศรฟอร์เมชั่นแบบออริจินัล”
ฟูพูด
“สุดยอดจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยแหะขนาดเจ้าขวัญยังบ้อท่าซะขนาดนั้น”
แล้วคนอื่นๆ
ก็คงจะเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้เคยเล่าเกี่ยวกับรูปแบบตั้งกระบวนทัพจับศัตรูด้วยการแช่แข็งโดยใช้แกนหลักของกระบวนทัพสี่คน
เมษา กวินทร์ มีนา แล้วก็ตัวเอง
แต่รูปแบบที่แสดงให้เห็นเมื่อครู่ก็ทำไปแค่ครึ่งเดียวจึงใช้แค่สามคนถ้าดำเนินขั้นต่อไปก็เขาจะยิง
‘ดราโคเม็ท’ สกิลที่สร้างฝนดาวตกแล้วเมษาก็จะใช้สกิลดึงฝนดาวตกมารวมที่จุดๆ
เดียวเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้างตามด้วยให้มีนาพาเมษาหนีออกมา นี่คืออิงศรฟอร์เมชั่นแบบเก่าซึ่งพวกเด็กกำพร้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“ต่อต้านไม่ได้เลยเหรอ”
อิงศรได้ยินที่ฟูพูดเมื่อครู่ก็นึกย้อนกลับไป
ในอดีตฟอร์เมชั่นนี้เคยใช้กับขวัญมาแล้ว
แถมโดนขวัญทำลายลงได้ด้วย
ในตอนที่กลับมาพบกันอีกครั้งในรอบสามปีตอนนั้นระหว่างทำเรดบอสที่ค่ายในกรุงเทพ
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าขวัญกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วพวกเขาก็ลงมือจริงจังโดยที่คิดจะฆ่าอีกฝ่ายแต่ตอนนี้
พวกเขารู้ว้าอีกฝ่ายคือขวัญ
ถึงเมษาจะขอเอาจริงไปแล้วก็ตาม
ถึงจะรู้เองอยู่แล้วว่าถ้าไม่เอาจริงก็ช่วยขวัญไม่ได้
แต่อย่างไรเสียถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นพวกพ้องที่กำลังถูกศัตรูควบคุมก็ต้องมีออมมือบ้างโดยไม่ตั้งใจอยู่ดี
ทั้งที่ใช้ฝีมือแบบไม่จริงจังแต่กลับจับขวัญได้แสดงว่าในตอนนี้น้องชายที่โดนอสูรเข้าสิงอ่อนแอลงถึงขนาดนั้นหรือว่าพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนกันแน่
“…”
เอาเถอะตอนนี้ยังไงก็จับขวัญมาได้แล้วที่เหลือก็ให้มีนาช่วยหาวิธีขับไล่อสูรออกไปที่เหลือก็…
ตอนที่คิดถึงว่าจากนั้นจะทำอย่างไรต่อไป
คิดว่าจะตามไปสมทบกับนรินทร์หรือจะพาขวัญที่หายดีแบ้วกลับไปพักก่อนค่อยตามไปอีกที
กำหนดการในหัวก็พังทลายในทันทีเพราะมีผู้มาเยือนคนใหม่
ผู้มาเยือนตกลงมาจากด้านบนเหมือนกับว่ากระโดดลงมาจากภูเขาที่อยู่ด้านหลังศาลเจ้า
ทันทีที่เท้าแตะพื้น
เสียงกระแทกพื้นดังตึง ฝุ่นควันฟุ้งตลบรอบขาของชายคนนั้น
ชายชุดสูทสีดำกับหมวกทรงแพนเค้กถือและขลุ่ยติดมือมา
“เจ้านั่นมัน…”
อิงศรรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือ
กฤษณะ จากรูปพรรณที่นรินทร์แจ้งเอาไว้ในการติดต่อก่อนหน้านี้
การที่มันมาอยู่ที่นี่ได้มีความเป็นไปได้สองอย่าง
คือพวกนรินทร์ปล่อยให้หนีมาหรือไม่ก็โดนจัดการไปแล้ว
แต่ทางนั้นมีราชครูถึงสองตนคอยช่วยอยู่ต่อให้ศัตรูเป็นดิวินิแดดก็ไม่น่าจะรับมือคนเดียวไหว
ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นอย่างแรก
กฤษณะยืนอยู่หน้าศาลเจ้าถัดไปจากจุดที่มิ่งขวัญโดนจับแช่แข็ง
หมอนั่นยืดตัวตรงแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับพวกเขาพลางแสยะยิ้ม
“สวัสดีทุกท่านคิดว่าคงได้ฟังเรื่องของข้ามาบ้างแล้วถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องโหมโรงกันใหม่สินะ”
แล้วยกมืออีกข้างที่ไม่ได้จับขลุ่ยแต่จับเงาของอสูรชูขึ้นมา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อสูรหญิงแก่ถูก
กฤษณะจับตัวไปแต่ตอนที่มิ่งขวัญบุกเข้ามาหญิงแก่ไม่ได้ตามมาด้วยคงจะอยู่แถวๆ
ศาลเจ้าตรงก่อไผ่แล้วกฤษณะที่กระโดดลงมาตรงนั้นก็เลยจับตัวได้พอดี
กฤษณะพูดต่อ
“จะย้อมเกาะนี้ด้วยเลือดของพี่น้องให้เหมือนทุ่งกุรุเกษตรเลยคอยดูเถอะ”
คำพูดนั่นราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย
ตำนาน มหากาพย์ อะไรเทือกนั้น พวกปีศาจที่ติดความเป็นเทพเจ้ามักเป็นแบบนี้เสมอ
ทำตัวสูงส่ง ดูถูกมนุษย์ และพูดจาเหมือนหลุดมาจากหนังสือ
อิงศรรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไรแต่เขาไม่ยอมให้เป็นไปตามที่พูดหรอก
“เทคนิคัลเวพ่อน”
เขาเปลี่ยนคันธนูเป็นหน้าไม้แล้วลั่นไกยิงกฤษณะโดยที่ร่ายสกิลไปด้วย
“วินด์ช็อค!
มาร์สไตรค์!”
ยันต์แผ่นหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อเองแล้วลุกไหม้จากนั้นก็ทำให้ลูกศรเพลิงที่ยิงออกไประเบิดออก
วงเวทปรากฏขึ้นแล้วปล่อยสายธารเพลิงรดใส่เทพบุตรชุดดำ
เห็นแบบนั้นแล้วแต่กฤษณะก็ยังไม่หลบ
ไม่มีทีท่าว่าจะขยับออกจากที่
คงป้องกันได้สินะ
ก็ไม่คิดอยู่แล้วว่าการโจมตีระดับแค่นี้จะสร้างบาดแผลได้หรอก
สิ่งที่อิงศรเล็งอยู่คือยูนิทพลังงานที่ได้จากการใช้สกิล
ถ้ารวบรวมจนครบสี่ก็ใช้บัลลิสต้าพันนิชเชอร์ปิดเกมได้หรือไม่ก็…
ตอนนั้นเองกฤษณะก็ยกขลุ่ยขึ้นเป่า
เพลิงไฟถาโถมใส่ร่างนั้นจนกระทั่งดับมอดลง ตลอดช่วงเวลาที่ไฟลุกไหม้บนร่าง เทพเจ้าก็มิได้เอื้อนเอ่ยหรือกรีดร้องเลยซักคำจนคิดว่าไฟคงทำอันตรายร่างนั้นไม่ได้แต่ก็ผิดถนัด
ร่างกายของกฤษณะแสดงแผลไฟลวกให้เห็น
แต่ชุดสูทกลับไม่เป็นอะไรเลย
วินาทีถัดมาแผลไฟลวกก็หายไป
ดูเหมือนร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองด้วยความเร็วสูง
“ถึงจะมีพลังกายที่โดดเด่นซักเพียงใดแต่ก็มีจุดอ่อนน่าหงุดหงิดที่เรียนรู้วิชาป้องกันตัวไม่ได้เลยนี่แหละโชคดีจริงที่อย่างน้อยก็เรียนรู้วิชารักษาตัวเองได้”
สิ่งที่กฤษณะพูดมานั่นฟังแล้วคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนกับอะไรซักอย่าง
เรียนรู้การป้องกันไม่ได้แต่เรียนรู้การรักษาเป็นสิ่งทดแทน
อะไรกันนะ
“กรอด”
อิงศรกัดฟันขบคิด
แต่อีกฝ่ายก็พูดออกมาเอง
“คลาสฮอสปิทัลเลอร์เนี่ยลำบากเวลาสู้คนเดียวจริงๆ
ด้วย”
ใช่แล้ว
มันคือคำนิยามของบิลด์คลาสที่เป็นรายละเอียดอธิบายอยู่ในระบบของเกมนั่นเอง
เดิมทีก็เป็นข้อความสรุปแนวทางของแต่ละบิลด์ที่เขียนเป็นบทให้เหมือนกับเกม
อิงศรถาม
“นี่แกจะบอกว่าตัวเองมีบิลด์คลาสเหมือนมนุษย์ด้วยงั้นเรอะ”
“ยังไงครึ่งหนึ่งของดิวินิแดดก็คือมนุษย์นี่ถ้าไม่เชื่อก็จะร่าย
‘มหาอัสนี’ ให้ดู”
กฤษณะพูดอย่างสนุกสนาน
แล้วในคำพูดนั่นก็ร่ายชื่อสกิลแทรกมาด้วย สะบัดมือมาทางนี้
ปลดปล่อยสายฟ้าจำนวนมากเหมือนกับทอดแห
จากระยะขนาดนั้นหลบทันอยู่แล้วแต่ว่า
“จะทิ้งน้องชายไว้แล้วหลบก็ได้นะเพราะใครก็ไม่รู้จับน้องตัวเองแช่เย็นแบบนี้เนอะ”
อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
การโจมตีนั่นคิดคำนวนมาแล้วว่าสามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ
ถ้ามัวแต่สับสนไม่ยอมหนีเพราะห่วงขวัญก็จะโดนสายฟ้าเล่นงานแต่ถ้าทิ้งขวัญไว้แล้วหนีเอาตัวรอดก็จะรู้สึกผิดที่ต้องทิ้งพวกพ้อง
จะทางไหนพวกเขาก็เสียหายอยู่ดี
“อาคานาร์ฟอร์ซ!”
ไพ่อาคานาร์ เดอะ
เดธ ปรากฏขึ้นต่อหน้า เขากำมันจนแตกสลาย
“ยามะตะโนะโอโรจิ!”
กำแพงใสทั้งแปดปรากฏขึ้นขวางทางสายฟ้า
เท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่กฤษณะหวังเอาไว้อย่างนั้นแล้วสิ
ฝ่ายนั้นเคยเห็นพลังของอาคานาร์เดอะ
เดธ ที่ใช้ช่วยนรินทร์ไปแล้วคงตั้งใจบีบให้เขาใช้มันด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
“แบบนั้นแหละทีนี้ก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางแบบก่อนหน้านี้แล้ว”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ว่ากฤษณะเขยิบเข้ามาชิดมิ่งขวัญที่โดนแช่แข็งโดยที่มือหิ้วหัวของอสูรหญิงแก่ติดมาด้วย
ร่างของอสูรถูกทิ้งไว้หน้าศาลเจ้ากำลังละลายเป็นของเหลวพอดี
กฤษณะยัดอสูรเข้าไปในตัวมิ่งขวัญ
“อย่า...”
อิงศรพยายามจะร้องห้ามแต่ไม่ทันการณ์
ตอนนี้อสูรเข้าไปอยู่ในร่างของน้องชายเรียบร้อย
แล้วมิ่งขวัญก็กรีดร้อง
“อ๊ากกก!!!”
กรีดร้องด้วยเสียงทรมานจนคอแทบแตก
“ขวัญ”
อิงศรอยากจะฆ่าชายที่ยัดอสูรใส่ตัวน้องชายทิ้ง
ฆ่าเสียเดี๋ยวนี้
มีเสียงพุดดังขึ้นในใจ
บอกให้ฆ่า ฆ่า ฆ่ามันซะ ดูเหมือนปีศาจในหน้าไม้จะจับสัมผัสความโกรธเกรี้ยวที่กำลังเวียนว่ายอยู่ในอกได้ถึงเริ่มการล้างสมองขึ้นมา
เอลิกอร์
เจ้านั่นก่อปัญหาอีกแล้ว
“หยุดซะถ้าผลีผลามเข้าไปตอนนี้ก็เอาชนะไม่ได้”
แต่ปีศาจที่ตอนนี้เข้าครอบงำจิตใจไปทีละน้อยก็พูดตอบกลับมา
‘ทั้งที่กำหน้าไม้จนมือแทบแตกแล้วเนี่ยนะ
ต่อต้านไม่ได้หรอกน่าอิงศร’
“ใช่ๆ
ต่อต้านไม่ได้หรอก เอ้าปลดปล่อยปีศาจซะสิแล้วก็ฆ่ากันกับน้องชายเสียให้พอข้าจะนั่งดูอย่างเต็มตาเลย”
อิงศรเบิกตากว้างเล็กน้อย
อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเขากับเอลิกอร์กำลังสนทนากันอยู่ภายในจิตใจ
หรือว่าเจ้าหมอนี่ก็อ่านใจได้
“ทำหน้าแบบนั้นกำลังคิดสินะว่าโดนอ่านใจน่ะแต่ผิดถนัดเลยล่ะ”
กฤษณะปฏิเสธอย่างจริงจัง
“ก็แค่เดาเอาเพราะมันเกิดเรื่องแบบนี้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วพอพวกพ้องหรือน้องชายโดนเล่นงานก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วก็โดนปีศาจที่ครอบครองไว้ยั่วยุให้ปล่อยมันออกมาอาละวาดแล้วสุดท้ายก็บ้อท่าทำอะไรไม่ได้เลยทั้งนั้น”
“พูดเรื่องอะไรของแกน่ะ”
“ไม่รู้สิ”
กฤษณะยักไหล่พลางแสยะยิ้มสนุก
อยากจะซักต่ออยู่เหมือนกันแต่มิ่งขวัญที่โดนยัดเยียด
อสูรเข้าไปก็หยุดร้องแล้วงัดพลังจากไหนก็ไม่รู้พาตัวเองออกมาจากก้อนน้ำแข็ง
เมษาที่ถอยกลับมาถาม
“เฮ้ย
เอาไงต่อล่ะทีนี้”
ทุกคนต่างก็รอคำสั่งจากเขาอยู่เหมือนกัน
จะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
“ไทรแองเกิลฟอร์เมชั่น!”
อิงศรตะโกน
พอทุกคนได้ยินก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามรูปแบบของฟอร์เมชั่นที่ต่างก็จำกันขึ้นใจแล้ว
มันเป็นฟอร์เมชั่นง่ายๆ ที่ไม่ต้องฝึกซ้อมเพราะขึ้นกับสถานการณ์ว่าใครจะเป็นแกนของฟอร์เมชั่นนี้
ในสถานการณ์ที่ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถือเป็นฟอร์เมชั่นที่มีความยืดหยุ่นที่สุด
มิ่งขวัญที่โดนควบคุมโดยสมบูรณ์พุ่งเข้ามาพร้อมกับเงื้อหมัด
ความคิดเห็น