ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #193 : Login 190: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (หลอกหลอน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 159
      6
      11 ม.ค. 61

    Login 190: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (หลอกหลอน)

     

                เมื่อกลับมาที่ชายหาด

                ตรงจุดที่พวกเขาก่อกองไฟไว้เหมือนเพิ่งโดนพายุถล่ม

                ข้าวของล้มระเนระนาดแถมกองไฟยังโดนทำลายจนไฟเกือบจะมอดอยู่แล้ว

                ตอนที่กลับมาก็ไม่พบพวกซีเซียมที่น่าจะเฝ้ากองไฟไว้หรือว่าบางที

                “เจ้าพวกนั้นเจออะไรเข้ารึไง”

                ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงจะมีศัตรูอยู่บนเกาะจริงๆ แล้วก็ร้ายกาจขนาดจัดการกับราชครูมนุษย์ต่างดาวถึงสามตนได้

                แต่แล้ว ความกังวลนั้นก็คลายออกเมื่อซีเซียมกับราชครูตนอื่นเดินกลับมาจากอีกฟากของชายหาด

                “พวกนายไปไหนมาไม่ได้เฝ้ากองไฟไว้เรอะ”

                ซีเซียมที่เดินมาถึงก่อนพอเห็นสภาพของกองไฟก็ตีสีหน้างุนงง

                “มันเกิดอะไรขึ้น”

                “นั่นน่ะทางนี้อยากจะถามมากว่าแล้วพวกนายไปไหนกันมา”

                “เห็นเงาน่าสงสัยอยู่ทางโน้นเลยไล่ตามไป”

                “แล้วปล่อยให้หนีไปได้เรอะ”

                “มันหายไปตอนที่พวกเราไปถึงแค่พริบตาเดียวเองด้วย”

                ถึงกับหลบหนีจากการไล่ล่าของราชครูสามตนแถมหนึ่งในนั้นยังมีลิเธียมที่ว่ากันว่าว่องไวที่สุดในบรรดาราชครูทั้งหมดอยู่ด้วย

                “แล้วนายล่ะเจ้าหัวสตอร์เบอรี่เร็วๆ อย่างนายน่าจะไล่ตามไปคนแรกเลยใช่ไหม”

                ซีเซียมพยักหน้าและดูจะไม่มีปฏิกิริยากับการที่ถูกเขาเรียกว่าเจ้าหัวสตอร์เบอรี่

                “ใช่ ไปถึงคนก่อนพวกท่านลำดับที่สองกับสี่แต่ว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย แวบหนึ่งก่อนจะเข้าไปถึงเหมือนกับว่ามันสลายไปกลางอากาศเลย”

                “สลายไป หมายถึงหายตัวได้น่ะเหรอ”

                “ก็อาจจะใช่”

                ตอนนั้นเองโพแทสเซียมก็ยื่นหน้าเข้ามาสอดการสนทนา

                “แต่พอกระผมตามไปถึงก็ลองใช้สกิลตรวจสอบดูแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้นมาก่อนเลยล่ะ น่ากลัวเอาเรื่องเลยนะเนี่ย”

                ระดับโพแทสเซียมที่เป็นสายอาชีพเดียวกันแถมยังมีความสามารถกลบเกลื่อนร่องรอยได้อย่างแนบเนียนจนเขายังหาไม่พบถึงกับพูดว่าหาวี่แววไม่เจอ อีกฝ่ายร้ายกาจถึงขนาดนั้นเชียว

                แล้วทีนี้เมษาก็พูดเรื่องน่าขันออกมา

                “ไม่ใช่ว่าพวกนายตาฝาดกันหรอกนะ”

                มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกตาฝาดพร้อมกันสามคนแถมยังเป็นมนุษย์ต่างดาวที่สมรรถนะร่างกายสูงมีสายตาที่ดีเยี่ยมมันไม่มีทางตาฝาดไปได้หรอก

                “ไม่หรอก มีคนอื่นอยู่ที่นี่จริงๆ บนเกาะนี้น่ะ”

                “งั้นคนร้ายก็อยู่ในหมู่พวกเราเหรอคะ”

                มีนาหัวเราะหลังจากพูดมุกตลกฝืดๆ ออกมา

                “ไม่ใช่เรื่องแนวสืบสวนแบบในนักสืบคอยนานซะหน่อย”

                “ก็แค่เปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้น่ากลัวเกินไปน่ะค่ะแล้วตกลงว่ารู้รึยังว่าคนๆ นั้นเป็นใครกันล่ะคะ”

                อิงศรส่ายหน้า

                “ไม่รู้สิ แต่ว่า”

                แล้วหันไปทางซีเซียม

                “นายน่าน่าจะรู้ใช่ไหมก็คนเลือกสถานที่ลี้ภัยมาที่นี่มันคือนายนี่”

                แต่ซีเซียมก็ปฏิเสธ

                “จะไปรู้เรอะแค่สุ่มมาที่นี่เพราะมันโลเคชั่นดีเท่านั้นแหละหาอาหารง่ายพาเวลได้มีที่พักแถมห่างไกลจากความว่างเปล่าที่กำลังกัดกินโลกฉันก็แค่หาสถานที่ดีๆ แบบนั้นไม่ได้ง่ายๆ นี่หว่า”

                “งั้นก็ไม่รู้เรื่องที่มีศาลเล่นของตั้งอยู่ในป่าด้วยเหรอ”

                “ศาล? พูดเรื่องอะไรของแกวะ”

                สรุปก็คือแม้แต่หมอนี่ก็ไม่รู้เรื่อง

                “ช่างเถอะ ว่าแต่เห็นขวัญบ้างไหมเจ้านั่นหนีออกมาก่อนพวกเราจะมาน่ะ”

                “รากเหง้าของแบเรียมน่ะเหรอเห็นหลังแวบๆ ตอนที่ไล่ตามเงาปริศนาน่ะคงจะกลับที่พักไปแล้วมั้ง”

                อิงศรลองตรวจสอบจากหน้าจอติดตามก็ขึ้นสัญญาณของมิ่งขวัญกำลังกลับเข้ารีสอร์ทไป ถ้าอย่างนั้นก็วางใจได้ อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกแต่สภาพของมิ่งขวัญไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย

                มีนาพูด

                “ว่าแต่อะไรทำให้กองไฟกับเตาย่างล้มระเนระนาดได้ขนาดนี้กันล่ะคะเนี่ย”

                เมษาแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วพูดว่า

                “อาจจะโดนลมพัดก็ได้มั้ง ลมเริ่มพัดแรงขึ้นแล้วนี่พรุ่งนี้ฝนตกแหง”

                จริงอย่างที่ว่าลมบริเวณเริ่มพัดแรงขึ้น ถึงจะไม่แรงมากแต่เตาย่างก็มีทรงขาตั้งที่ไม่ได้สมดุลนักแล้วกองไฟก็ก่อด้วยทรายล้อมรอบจะโดนพัดจนเละก็ไม่แปลก แต่ว่า

                “นี่พวกนายเอาเนื้อดิบที่เตรียมไว้ไปย่างหมดแล้วเหรอ”

                มีนาตอบคำถามด้วยใบหน้าสงสัยเช่นกัน

                “ไม่นะคะ ก่อนออกไปยังตั้งไว้ข้างๆ เตาอยู่เลยค่ะ”

                “ไม่ใช่ว่าโดนทรายกลบหรอกเหรอ”

                “แต่หาไม่เจอเลยนะคะ หรือว่าที่เตาล้มกับกองไฟเละนี่จะไม่ใช่เพราะลมแต่เป็นสัตว์เทวะพวกมันอาจจะหลงมาที่นี่แล้วเอาไปก็ได้”

                คำพูดของมีนามันก็ฟังดูมีเหตุผลดีอยู่หรอกแต่ที่นี่คือโลกหลังการล่มสลาย

                โลกที่กลายเป็นเกม

                สัตว์ธรรมดากลายเป็นสัตว์เทวะ ดังนั้นเหตุผลทางสามัญสำนึกแบบนั้นจึงใช้ไม่ได้

                “ไอ้ที่ว่าหลุดอาณาเขตมามันก็มีอยู่หรอกแต่สัตว์เทวะน่ะมันไม่กินไม่ดื่มไม่ใช่เหรอ”

                “ถ้างั้นจะบอกว่าใครเอาไปอย่างนั้นเหรอคะ”

                “แล้วฉันจะไปรู้เรอะ”

                แต่แล้วโพแทสเซียมก็เอ่ยขึ้นมา

                “เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะไหนๆ แล้วถือโอกาสนี้เก็บของเข้านอนกันดีกว่าครับนี่ก็ดึกมากแล้วแถมลมแรงแบบนี้อีกซักพักฝนคงตกแน่ๆ”

                ก็จริงอย่างที่ว่า มันก็ดึกมากแล้วจริงๆ นั่นแหละ

                เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย

                “งั้นก็เก็บของกันเถอะฉันเริ่มเป็นห่วงขวัญแล้วด้วย”

                พวกเขาเลือกจะเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเก็บกวาดทุกอย่างบนชายหาดก่อนจะตรงกลับเข้าไปในรีสอร์ททันทีเพราะฝนเริ่มลงเม็ด

     

                เวลาเที่ยงคืนพอดี

                แล้วพายุฝนก็โถมลงมาบนเกาะแห่งนี้

                อิงศรเปิดประตูห้องพักของตัวเองแล้วเดินเข้าไป ภายในห้องมืดสนิท แต่มีการเดินไฟในรีสอร์ทด้วยผลงานของเขากับซีเซียมทำให้มีไฟฟ้าใช้ในส่วนที่พักดังนั้นสวิตซ์ไฟในห้องจึงสามารถทำงานได้

                อิงศรคลำมือหาสวิตซ์ที่ข้างผนังห้องจนเจอแล้วเปิดไฟ

                ผนังห้องสีเทาอ่อนๆ ปรากฏขึ้นจากความมืด ภายในห้องมีเตียงเล็กอยู่สองเตียงกับโต๊ะวางโคมไฟกั้นระหว่างกัน

                บนเตียงหลังหนึ่งมีคนนอนรออยู่ก่อนแล้ว

                มิ่งขวัญนั่นเอง นอนห่มผ้าคลุมโปงอยู่บนเตียง

                ก่อนหน้านี้ตอนที่เลือกแบ่งห้องภายในรีสอร์ทเขากับมิ่งขวัญก็ถูกจับให้มาอยู่ห้องเดียวกันตามความเห็นของทุกคนในกลุ่มโดยให้เหตุผลเลี่ยนๆ อย่าง ‘ให้พี่น้องที่แยกจากกันมานานได้ทำความสนิทสนมกัน’ กับ ‘คนที่จะคุมมิ่งขวัญที่ตอนนี้แข็งแรงระดับมนุษย์ต่างดาวได้ก็มีแต่อิงศรเท่านั้น’

                ด้วยเหตุผลสองข้อที่ว่าทำให้เขากับมิ่งขวัญมานอนห้องเดียวกัน

                อิงศรปิดประตูห้องแบบไม่ระวังจึงเกิดเสียงกระทบดังปัง เขาใช้โอกาสนี้สังเกตว่ามิ่งขวัญมีปฏิกิริยาหรือไม่

                แต่น้องชายที่คลุมโปงอยู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับ

                “ขวัญ ตื่นอยู่รึเปล่า”

                เขาลองถามออกไป

                “….”

                “ทำไมถึงกลับมาก่อนล่ะ”

                พอถามเซ้าซี้อีกมิ่งขวัญที่นอนคลุมโปงอยู่ก็ตอบกลับมา

                “รู้สึกไม่ค่อยดีเลยกลับมาพักน่ะ”

                น้ำเสียงนั้นค่อนข้างจะแหบพร่าเหมือนคนไม่มีแรง คงจะอ่อนเพลียอย่างที่บอกจริงๆ

                “งั้นเหรอคงเหนื่อยเพราะไปหาเสบียงล่ะมั้ง แต่ว่าพรุ่งนี้ถ้ายังไม่หายลองไปให้นรินทร์ดูอาการหน่อยก็ดีนะ”

                “อืม”

                ถึงจะดูแปลกๆ ไปบ้างแต่เสียงนั้นก็เป็นขวัญจริงๆ เพื่อความแน่ใจจึงคิดจะลองเข้าไปเลิกผ้าห่มขึ้นมาดู

                แต่พอถอดรองเท้าแล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็รู้สึกว่าพื้นห้องมันสากๆ

                มีทรายตกเป็นทางไปจนถึงเตียงของมิ่งขวัญ

                “นี่นายไม่ได้เช็ดเท้าให้ดีๆ ก่อนเข้าห้องเลยเรอะ”

                “…”

                ไม่มีการตอบกลับ

                พอจ้องไปที่เตียงของมิ่งขวัญซักพักเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าทั้งชุดรบที่ได้จากซีลอร์ดกับชุดไปรเวทที่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นก็ยังแขวนเอาไว้บนที่แขวนติดผนังเหนือเตียงนอน

                “ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อก็นอนเลยเรอะ”

                ด้วยความสงสัยอิงศรวางรองเท้าพิงกับผนังห้องไว้แล้วเดินเข้าไปเลิกผ้าห่มขึ้นมาเล็กน้อย

                มิ่งขวัญนอนหนุนหมอนอยู่ข้างใต้ผ้าห่มนั่น...โดยที่ไม่ได้เปลี่ยนชุดจากกางเกงว่ายน้ำเลย

                จึงคิดจะปลุกขึ้นมาตักเตือนแต่พอเห็นใบหน้าที่หลับเคลิ้มอย่างสบายแบบนั้นบวกกับวันนี้ก็รบกวนให้ไปหาเสบียงมาจัดงานเลี้ยงทั้งวันแล้วจึงคิดว่าจะปล่อยให้สักวันหนึ่ง

                อิงศรห่มผ้าให้น้องชายอย่างหนาแน่เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัดแล้วแยกไปเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทที่หาได้จากร้านค้าที่ถูกทิ้งร้างอยู่ในรีสอร์ทแห่งนี้ซึ่งชุดของมิ่งขวัญกับคนอื่นก็หามาจากที่นั่นเพราะนอกจากชุดรบที่ได้มาจากซีลอร์ดแล้วก็ไม่ได้เตรียมชุดอื่นๆ มาด้วยเลย

                อิงศรเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้านิ่มขาสั้นสีน้ำตาลที่ใส่สบายตัวจากนั้นจึงปิดไฟแล้วปีนขึ้นเตียงนอน

                พอร่างกายได้สัมผัสกับความอบอุ่นจากผ้าห่มและเตียงนุ่มๆ ความง่วงก็เข้าจู่โจมอย่างรุนแรง

                อิงศรผล็อยหลับไปในตอนนั้น...

     

                เวลาตีสาม...

                บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงัด แม้แต่เสียงฝนข้างนอกก็ยังหายไป ดูเหมือนจะหยุดตกมาได้ซักพักหนึ่งแล้ว

                ท่ามกลางความเงียบนั่นเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกระทืบเท้า

                ปึง ปึง ปึง

                เสียงกระทืบเท้าเหมือนมีใครเดินอยู่ในห้อง

                เมื่ออิงศรปรือตาที่เต็มไปด้วยความง่วงงุนออกก็มองเห็นลางๆ ว่ามีเงาใครบางคนกำลังเดินไปที่ประตู

                เพราะความง่วงทำให้สัญชาตญาณไม่ค่อยจะตื่นตัวนักแต่เขาก็เหลือบไปมองที่เตียงของน้องชาย

                ที่นั่นไม่มีใครนอนอยู่

                “จะไปไหนน่ะขวัญ”

                “....”

                “ห้องน้ำเหรอ”

                “…”

                อิงศรรู้สึกแปลกใจที่น้องชายไม่ยอมตอบ แต่ว่าตัวเขาเองก็พูดด้วยเสียงที่เบาเอามากๆ บางทีขวัญอาจจะไม่ได้ยิน

                จึงพยายามเร่งเสียงขึ้นอีก

                “ขวัญ...”

                แต่เสียงก็ยังดังออกไปไม่มากอยู่ดี แล้วพอยิ่งคิดว่าจะต้องส่งเสียงให้มากขึ้นก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา

                เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับหนักอึ้งคล้ายกับถูกอะไรบางอย่างกดทับไว้ที่หน้าอก

                สันหลังเย็นวาบขึ้นมาทันที มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

                จากมุมมองของสายตาในสภาพที่นอนหงายอยู่นี่ทำให้มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เสียงประตูลากไปกับพื้นและเสียงปิดประตู

                หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกระทืบเท้าเหมือนคนเดินขึ้นมาอีก แต่เสียงกลับห่างไกลออกไปจนกระทั่งเสียงเงียบลง

                ความง่วงเข้าจู่โจมอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ

                อิงศรรู้สึกสู้กับความง่วงนั้นไม่ได้ทั้งที่ตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมิ่งขวัญรึเปล่าและอยากจะลุกออกจาเตียงแต่ร่างกายกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

                “….”

                อิงศรผล็อยหลับไปอีกครั้ง

     

                เสียงหมาหอนดังระงม

                แต่ที่นี่คือโลกหลังการล่มสลายที่สัตว์ธรรมดากลายเป็นสัตว์เทวะ

                ถ้าอย่างนั้นตัวอะไรล่ะที่หอน?

                แล้วท่ามกลางเสียงหอนอย่างโหยหวนชวนสยองนั่นก็....

                แกร๊ก เสียงลูกบิดประตูถูกบิด ตามด้วยเสียงลากประตูไปกับพื้นและจบด้วยเสียงปิดดังปัง

                ดูเหมือนจะมีใครเข้ามาในห้อง

                อิงศรได้สติอีกครั้งหลังจากหลับไปตื่นหนึ่ง

                “ขวัญเหรอ”

                เขาสะดุ้งตัวลุกขึ้นมานั่งทันที คราวนี้ทำได้อย่างไม่มีปัญหา   ไม่รู้สึกหนักเหมือนมีอะไรกดทับอีก

                สายตาของอิงศรจ้องตรงไปยังประตูซึ่งตอนนี้ปิดสนิทไปแล้วจึงหันเหไปทางเตียงของน้องชายก็เห็นว่ามีคนมุดเข้าไปใต้ผ่าห่ม

                ส่วนหัวที่ลอดผ่านขึ้นมาถึงหมอนนั้นคือมิ่งขวัญที่จ้องมองมาทางนี้

                ...และยิ้มกว้าง

                “ไปไหนของนายมาน่ะ”

                “…”

                “ยิ้มทำไมฟะ”

                แต่มิ่งขวัญก็ไม่ตอบกลับเอาแต่มองมาที่เขาแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย

                ชักไม่ดีแล้ว...ตอนที่คิดแบบนั้นก็เตรียมจะเรียกหน้าจอแชทไปหานรินทร์ให้มาช่วยดูอาการน้องชาย

                แต่ทว่า...

                “อะ...”

                อิงศรลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงของตัวเอง

                แผ่นหลังชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นๆ หัวใจเต้นแรง รู้สึกอ่อนเพลียเหมือนเพิ่งวิ่งมาราธอนมาอย่างไรอย่างนั้น

                “ขวัญ”

                เขาหันไปทางเตียงของน้องชาย

                ขวัญอยู่ที่นั่น นอนหลับสนิทไม่ได้ยิ้มหรือเปิดดวงตาจ้องมองมา

                นี่มันกี่โมงแล้ว...

                อิงศรเรียกหน้าจอระบบขึ้นมาดู นาฬิกาบอกเวลาตีสี่

                ผ่านมาสี่ชั่วโมงหลังจากเริ่มนอนและหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่มิ่งขวัญออกไปข้างนอก

                มิ่งขวัญกลับมาแล้วก็เอาแต่จ้องมองเขาพร้อมกับยิ้มน่ากลัวไปด้วย

                แถมยังมีเสียงหมาหอนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ดังระงมในตอนนั้น

                “หรือว่าฝันไปงั้นเหรอ”

                อิงศรได้แต่สรุปแบบนั้นและตั้งสติไว้ตลอดจนกระทั่งเช้า

                แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×