คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #188 : Login 185: เกาะแห่งการต่อสู้
Login 185: เกาะแห่งการต่อสู้
อิงศรรู้สึกตัว
เด็กหนุ่มปรือตาขึ้น มีแสงสว่างเจิดจ้าแยงเข้ามาจนต้องหลบหน้าหนี
เมื่อสายตาปรับชินกับแสงสว่างแล้วสิ่งแรกที่มองเห็นก็คือทราย
กลิ่นเค็มของน้ำทะเล
เสียงคลื่นสาดกระทบฝั่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะยังอยู่ที่ชายหาดที่สนามรบ
อิงศรชันตัวขึ้นนั่งแล้วเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ
สิ่งที่เขาติดไว้ตอนแรกผิดไปถนัด
ที่นี่ไม่ใช่ชายหาดที่เคยมีฐานทัพของเมตไตรยตั้งอยู่แต่เป็นชายหาดบนเกาะโดดเดี่ยวที่มองเห็นแต่ทะเลสีฟ้าล้อมรอบ
อิงศรกวาดตามองบริเวณรอบตัว
มองหาว่ามีใครบ้างที่อยู่ที่นี่ซึ่งพอจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นหรือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
โดยที่พยายามนึกเรื่องเท่าที่จำได้ในหัว
จำได้ว่า ก่อนจะหมดสติไปนั้นตนกับพวกพ้องกำลังต่อสู้กับแฟรนเซียมแล้วลูนาริส
แอดมินิสเทรเตอร์ผู้เปรียบเป็นดั่งพระเจ้าที่สร้างโลกนี้ก็มาปรากฏตัว
ในตอนสุดท้ายพระเจ้าได้ตัดริบเอาฟันเฟืองไปจากเขารวมถึงจากทุกคนที่มีมันแล้วทำลายทิ้งพรอ้มกับมอบคำพิพากษาให้แล้วหายไปพร้อมกับทิ้งลำแสงที่เปลี่ยนทุกสรรพสิ่งให้เป็นขี้เถ้าลงมา
ถึงตรงนี้ก็เริ่มจะนึกไม่ออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
“เราได้ยินเสียงเจ้าซีเซียมในตอนนั้นด้วยนี่นะ”
อิงศรรำพึงกับตัวเอง
อย่างสุดท้ายในความทรงจำเท่าที่เค้นมาได้ก็คือซีเซียมทำอะไรบางอย่าง
นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่
แล้วทุกคนไปไหนกันหมด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวยิ่งทำให้อิงศรรู้สึกร้อนรนจนทนนั่งอยู่เฉยไม่ได้
เมื่อทบทวนความคิดของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยจึงลุกขึ้นเดินสำรวจรอบๆ หาด
ทันทีที่เริ่มเดินไปได้เพียงสองก้าวเขาก็พบพวกพ้องคนหนึ่ง
“มีนา”
อิงศรมองร่างของเด็กสาวที่นอนสลบไม่ได้สติจมอยู่ในกองทรายไปครึ่งตัว
นั่นทำให้เขามองไม่เห็นเธอในตอนที่ตัวเองยังนั่งอยู่
เขาวิ่งเข้าไปหาทันที ลงมือขุดทรายรอบๆ แล้วดึงตัวมีนาขึ้นมา
“มีนา มีนา”
ลองเรียกชื่อของเด็กสาวดูแต่หล่อนก็ยังไม่มีปฏิกิริยา
เขาลองเขย่าร่างเด็กสาวเบาๆ
“เฮ้ ได้ยินรึเปล่าตื่นหน่อยสิ”
แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตื่นควรจะเป็นตัวเองมากกว่า
อิงศรเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเข้าไปช่วยหล่อนออกมาจากเครื่องทำสวน
มีนาก็หมดสติไม่ตื่นมาตั้งแต่ตอนนั้น
ด้วยความกังวลอิงศรจึงสำรวจหาสัญญาณชีพทันที
“พลังชีวิตก็มีอยู่ ส่วนลมหายใจ…”
เขาคิดจะลองแนบหูกับหน้าอกหล่อนเพื่อฟังเสียงหัวใจแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
“แบบนั้นคงไม่งาม”
แถมถ้าเมษารู้เข้าคงได้มีเรื่องยาวแน่
อิงศรคิดได้ดังนั้นก็จับมีนา
นอนลงกับพื้นแล้ววางมือแนบหน้าท้องเหลื่อมขึ้นไปเกือบจะถึงหน้าอกเพื่อจะวัดการยุบตัวของกระบังลม
ซึ่งผลออกมาคือหล่อนยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ยอมตื่น
“การขับเคลื่อนเครื่องทำสวนคงใช้พลังมากล่ะมั้ง”
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
ตัวเขาที่ขึ้นขับดีเซมแมร์พอลงมาแล้วก็หลับไปร่วมอาทิตย์
มีนาเป็นคนรายงานให้เขาฟังเอง
แต่ตอนนี้ตัวเขาที่เพิ่งจะขึ้นขับจูลลับบิตต้ามาก็ไม่ได้มีอาการอ่อนเพลียหรืออะไรทำนองนั้น
ถ้าจะบอกว่าเพราะเป็นครั้งแรกเลยยังไม่ชินก็ไม่น่าจะใช้อธิบายมิ่งขวัญที่ขึ้นขับโดโกบาร์เป็นครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรแสดงให้เห็น
“งั้นก็เป็นที่ความสามารถของแต่ละคน”
ข้อนี้ก็ยากจะยอมรับเช่นกัน
มิ่งขวัญนั้นถึงจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทางร่างกายสูงแค่ไหนก็ไม่น่าจะถึงกับมีผลต่อการขึ้นขับเครื่องทำสวน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องพวกนั้น
ในเมื่อมีนายังปลอดภัยดีสิ่งต่อไปที่สมควรจะทำก็คือติดต่อหาพรรคพวกแล้วรีบรวมตัวกันอีกครั้ง
คงไม่ใช่แค่เขากับมีนาหรอกที่กระเด็นมาที่นี่
ถ้าหากว่านี่เป็นฝีมือของซีเซียมคนอื่นๆ ก็น่าจะอยู่ด้วย
อิงศรเปิดหน้าจอสื่อสารแล้วเปิดไปยังหน้ากลุ่มซึ่งมีรายชื่อของทุกคนในทีมใส่เอาไว้
การติดต่อผ่านช่องทางนี้ทุกคนจะได้ยินกันหมด ช่วยประหยัดเวลาได้มากที่สุดแล้ว
“ฮัลโหลนี่ฉันเองนะทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง”
คนที่ตอบกลับมาเป็นคนแรกคือนรินทร์
‘อิงศรเหรอ ตอนนี้พวกผมกำลังรวมตัวกันอยู่ทางชายหาดฟากตรงข้ามกับอิงศรน่ะ
ที่มาแล้วมีผม ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์กับนิวก็อยู่เหมือนกัน’
เท่ากับตอนนี้กลุ่มเด็กกำพร้าอยู่กับนรินทร์ครบทุกคน
“ว่าแต่ทำไมถึงรู้ว่าทางฉันอยู่ตรงไหนได้ล่ะ”
‘ใช้พลังของเมลคีเซเด็คผูกกับระบบติดตามน่ะเลยได้เครื่องแกะรอยแบบพอใช้ได้มา
มีนาก็อยู่กับอิงศรใช่ไหม’
“อืม”
พอตอบไปแบบนั้นก็มีเสียงอีกคนแทรกเข้ามา
‘เฮ้ มีนาเป็นอะไรรึเปล่าขอคุยด้วยหน่อยสิ’
เมษานั่นเอง
“เมษาเหรอ ตอนนี้ยัยมีนายังไม่ได้สติเลยว่าแต่พวกนายอยู่กันตรงไหนแล้ว”
แต่ผู้ที่ตอบคำถามมากลับเป็นนรินทร์
‘ดูเหมือนจะอยู่ในป่าบนภูเขาน่ะแล้วใกล้ๆ
นั่นก็มีกวินทร์กับมิ่งขวัญอยู่ด้วย’
‘สองคนนั่นอยู่แถวนี้เหรอ ไม่ยักเห็นแฮะตรงนี้มีฉันคนเดียว...’
แต่แล้วก็มีเสียงแทรกขึ้นมาอีก
‘เจอพี่เมษาแล้ว!’
เสียงแว่วเหมือนดังมาจากฝั่งเมษาเหมือนมีใครพูดแทรกมา
เมษาพูด
‘ตอนนี้เจอกวินทร์กับน้องนายแล้วล่ะศร’
นรินทร์พูด
‘งั้นตอนนี้ก็ยืนยันคนในกลุ่มได้ครบทุกคนแล้วนะ’
อย่างที่นรินทร์กล่าวมา ตอนนี้พวกเขาแยกกันเป็นสามกลุ่ม
เมษาอยู่กับมิ่งขวัญและกวินทร์ ส่วนนรินทร์กับพวกเด็กกำพร้าอยู่อีกกลุ่ม
รวมเขากับมีนาก็ครบทุกคนแล้วแต่ว่า...
“แล้วมีใครเห็นซีลอร์ดกับซีเซียมไหม โดโกบาร์ด้วย”
นรินทร์พูด
‘จริงด้วยสิยังไม่เห็นสามคนนั้นเลยนี่’
กวินทร์พูดเข้ามาในสายเช่นกัน
‘ทางนี้ก็ไม่เจอนะครับพี่ศร’
เมษาพูด
‘ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ’
นรินทร์พูด
‘เรื่องนั้นคงต้องถามสามคนนั่นเท่านั้นแหละ’
เขาเองก็สงสัยเรื่องนั้นเหมือนกันแต่ตอนนี้
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนตอนนี้พวกนายช่วยมารวมตัวกับฉันที่ฟากนี้ทีได้ไหม
ทางนี้มีมีนาอยู่ด้วยน่ะ”
ถึงจะดูเห็นแก่ตัวอยู่บ้างแต่พวกเขาไม่รู้สถานการณ์บนเกาะแห่งนี้
ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรอยู่บ้าง
แต่การแบกคนป่วยไปเดินทางไปบนสถานที่ที่ไม่รู้จักนั้นเสี่ยงเกินไป
นรินทร์ตอบรับทันที
‘งั้นเอาตามนั้นเลยเดี๋ยวพวกผมจะรีบไปรวมกันที่นั่น
พวกเมษามองขึ้นท้องฟ้าแล้วเดินไปตรงข้ามกับจุดที่พระอาทิตย์จะตกนะ’
แต่ก็มีเสียงไม่พอใจมาจากเมษา
‘ก็บอกว่าเดินไปทางทิศตะวันออกซะสิฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นซักหน่อย’
ทว่า
‘แล้วทางไหนเป็นทิศตะวันตกเหรอครับ’
กวินทร์กลับพูดแบบนั้น
‘…’
หากนรินทร์ไม่บอกมาก่อนว่าให้มองดวงอาทิตย์ก่อนแล้วค่อยเดิน
คำถามของกวินทร์คงพอฟังขึ้นบ้าง
เมษาพูด
‘โอเค อย่างน้อยก็มีคนไม่รู้แหละนะ’
‘อะไรน่ะครับพี่เมษาทำหน้าแบบนั้นจะบอกว่าผมโง่เหรอ’
‘เปล่านี่ยังไม่ได้พูดเลยซักหน่อย’
‘โธ่! พี่เมษาอ่ะ’
บทสนทนานั่นทำให้อิงศรแหงนหน้ามองท้องฟ้า
ขณะที่คุยกันอยู่นี้เป็นช่วงคล้อยบ่ายแล้ว แสงแดดเริ่มจะเบาบางลงไปบ้าง
หากเจ้าพวกนั้นยังมัวแต่คุยหยอกกันเล่นอยู่แบบนี้พระอาทิตย์คงตกดินก่อน
“รีบๆ หน่อยเหอะเดี๋ยวก็มืดค่ำกันพอดีในทะเลตอนกลางคืนมันมืดสนิทเลยนะ”
‘โอเค’
‘งั้นเดี๋ยวเจอกัน’
หลังจากคำพูดนั้นอิงศรตั้งใจว่าจะตัดสาย
แต่ทว่า...
กลับได้ยินเสียง ‘ซ่า’ แปลกๆ
เหมือนมีอะไรแทรกตัวผ่านเม็ดทรายดังแว่วมา
แถมไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่ดังแว่วมาจากทุกทิศทาง
อิงศรไหวตัวต่อเสียงนั้นจึงเปิดหน้าจอคัลแงล้วชักคันธนูมาเตรียม
‘มีอะไรรึเปล่าอิงศร’
นรินทร์ถาม ท่าทางจะได้ยินเสียงขึงสายลูกธนู
“ที่นี่เหมือนจะมีตัวอะไรอยู่ด้วย น่าจะสัตว์เทวะน่ะ”
อิงศรสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ แต่ยังไม่เห็นตัวอะไร
อย่างไรก็ตามสัญชาตญาณกับประสบการณ์บอกเขาว่ามีศัตรูซุ่มรออยู่อย่างแน่นอน
‘เก่งมากรึเปล่า’
“ไม่รู้สิแต่ฟังเสียงแล้วน่าจะมากันเยอะน่ะ”
‘เข้าใจละเดี๋ยวจะรีบไป’
เมื่อนรินทร์พูดจบ อิงศรก็พักสายไปแล้วตั้งสมาธิเพื่อค้นหาศัตรูต่อ
เสียงแหวกเม็ดทรายดังขึ้นเรื่อยๆ เขาหันไปยังทิศที่เสียงน่าจะดังมา
“ฉลามทรายสินะ”
อิงศรมองไปยังพื้นทราย ชื่อกับแถบพลังชีวิตลอยอยู่เหนือพื้นไม่มากนักเมื่อรวมกับแสงสะท้อนจากแดดทำให้มองจากที่ไกลๆ
ไม่เห็น แต่มีครีบปลานับสิบแหวกผ่านกำลังมุ่งตรงมาที่นี่
ครีบเหล่านั้นเหมือนจะเป็นโลหะมีความคมเหมือนใบมีดเพราะมันสะท้อนแสงแดดแล้วดูมันวาว
พวกสัตว์เทวะตีแถวเป็นแนวโค้งครึ่งวงกลมปิดล้อมเข้ามา
Blade Fin Zodiac Lv. 86
[/////12580:12580/////]
สัตว์เทวะเคลื่อนไหวโดยแหวกว่ายอยู่ใต้พื้นแล้วโผล่ครีบขึ้นมาเหมือนกับพวกฉลามในห้างที่เคยสู้ด้วยตอนเขายังเป็นเด็ก
แต่ขนาดตัวกับเลเวลนั้นเทียบกันไม่ติด
สัตว์เทวะที่อยู่ตรงหน้านี่มีขนาดของครีบที่โผล่ขึ้นมาสูงแทบจะท่วมหัวเขาซึ่งสูงถึง
180
เซนติเมตรแทบไม่อยากจะคิดถึงตัวของมันที่จมอยู่ใต้ทรายเลยว่าจะใหญ่
มโหฬารได้ขนาดไหน
เปิดก่อนได้เปรียบ...อิงศรย้ำกับตัวเองที่กำลังหวั่นวิตกเรื่องขนาดตัวของสัตว์เทวะ
“ฟาสช็อต!”
หลังจากร่ายสกิลซึ่งทำให้ยิงได้พร้อมกันสามนัดในครั้งเดียว
อิงศรแผลงศรออกไปโดยกระจายเป้าหมายโจมตีใส่สามตัวที่ว่ายเหลื่อมขึ้นมาข้างหน้ามากที่สุด
ลูกธนูเพลิงตกกระทบพื้นทรายแล้วระเบิด น้ำพุทรายพวยพุ่ง
สัตว์เทวะกระโจนตัวพ้นขึ้นมาจากทราย
ขนาดตัวของพวกมันใหญ่เท่ากับรถบรรทุกทั้งคันได้ ใหญ่เสียจนเงาของพวกมันกลมแสงแดดที่ส่องลงที่นี่ให้มิดได้ราวกับเกิดสุริยุปราคา
การโจมตีเมื่อครู่ทำให้พลังชีวิตลดลงไปไม่ได้มากนัก
แต่อิงศรก็ทำเพียงแค่เพื่อจะยืนยันกำลังรบของอีกฝ่ายแล้วตอนนี้เขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าควรจะถอยก่อน
อีกฝ่ายมีขนาดตัวที่ใหญ่ระดับเลเวลก็สูงใกล้เคียงกับเลเวลของตน
อิงศร Lv.93
[/////12500:12500/////]
แถมเขายังมีมีนาที่ต้องดูแลการเข้าปะทะกันตรงๆ ไม่เกิดผลดีแน่
อิงศรสอดแขนเข้าในสายธนูเพื่อสะพายมันแล้วหันกลับไปอุ้มมีนาแล้วออกวิ่ง
มุ่งหน้าตรงไปที่ป่าด้านหลัง
มุ่งเป้าไปที่การวิ่งออกนอกเขตของสัตว์เทวะจะช่วยให้รอดพ้นจาการไล่ตามของพวกมันได้หรือถ้าหากขอบเขตกินอาณาบริเวณป่าเข้าไปด้วยก็ยังอาศัยปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้ได้
นอกจากนี้ในป่ายังมีที่ให้ซ่อนตัวหรือซุ่มยิงอีกมากมายสำหรับคนที่เคยฝึกฝนคลาสฮันเตอร์มาก่อน
ป่าก็เหมือนเป็นสวนหลังบ้าน
แม้ว่าน้ำหนักของเด็กสาวจะเบากว่าที่คิด
แต่ถึงอย่างนั้นการวิ่งโดยมีสัมภาระก็ทำให้ความเร็วกับความคล่องตัวลดลงแล้วพื้นที่วิ่งก็ยังเป็นทราย
อิงศรเร่งความเร็วเพิ่มไม่ได้จึงต้องเปลี่ยนท่าอุ้มเป็นแบกหล่อนพาดไว้บนบ่าแล้วดึงคันธนูอออกมา
“เทคนิคัลเวพ่อน”
เปลี่ยนมันเป็นหน้าไม้เล็งยิงไปที่ตัวหนึ่งซึ่งว่ายเข้ามาใกล้มากที่สุด
“วินด์ช็อก มาร์สไตรค์ !”
ลูกดอกที่ยิงไประเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงแผดเผาพื้นที่ครีบโผล่ขึ้นมา
Blade Fin Zodiac Lv. 86
[.....0:12580.....]
แค่ทีเดียวฉลามเทวะนั่นก็ถูกย่างสดและกระดอนขึ้นมานอนดิ้นอยู่บนพื้นสองสามทีก่อนจะสลายไป
หลงเหลือเพียงไอเทมจำนวนหนึ่งกองอยู่บนพื้น
แต่อิงศรไม่มีเวลาจะหันไปเก็บหรือสนใจกับไอเทมพวกนั้นเขายังมีตัวที่ต้องจัดการอีกเก้าตัว
ตัวเมื่อกี้เป็นตัวที่เขายิงด้วยฟาสช็อตไปก่อนแล้วหนหนึ่ง
ถึงจะต้องโจมตีร่วมกันถึงสองสกิลแต่ดูเหมือนพลังของเขาจะเพิ่มสูงกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมากจากการไปที่วัดอารย-สนธยา
น่าจะสู้ไหว
อิงศรบอกกับตัวแบบนั้นแล้วหยุดเท้าที่กำลังจะวิ่งตรงไปที่ป่าที่อยู่ห่างไปอีกสิบก้าว
ไม่ใช่ว่าเพราะต้องการต่อสู้แต่เพราะฉลามเทวะส่วนหนึ่งว่ายนำไปดักรออยู่ก่อนแล้ว
ถ้าหากยังวิ่งตรงไปแบบนี้จะโดนเล่นงานประชิดตัวเอาได้
อิงศรเล็งหน้าไม้ไปยังตัวหนึ่งที่ว่ายอ้อมาดักด้านหน้า
“วินด์ช็อค จูปิเตอร์สไตรค์”
ลูกดอกสายฟ้าระเบิดพื้นคว้านเอาทรายพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกับสัตว์เทวะ
เนื้อของมันถูกสายฟ้าย่างสดจนส่งกลิ่นไหม้หอมๆ เหมือนปลาย่างโชยมา
อิงศรไล่ยิงพวกมันที่ว่ายอ้อมมาดักไปอีกสองตัวทำให้ตอนนี้เขามีลูกไฟยูนิทสะสมจากสกิลครบสี่ลูกแล้ว
ตอนนี้พวกที่มาดักข้างหน้าถูกกำจัดไปหมดทุกตัว
แต่ยังเหลือที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังอีกห้าตัว
มียูนิทสำหรับใช้ท่าไม้ตายเพียงพอแล้วถึงจะยิงได้แค่เป้าเดียวแต่การหยุดเวลาของเครื่องทำสวนที่ออกมาคงช่วยสร้างจังหวะให้ในตอนสำคัญได้
อิงศรหันหลังกลับแต่ก็ก้าวถอยเข้าไปหาป่าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกฉลามเทวะกลับไม่ได้ไล่ตามมา
“ถอดใจไปแล้วเรอะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่อิงศรก็เข้าใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
สัตว์เทวะเคลื่อนไหวแบบกึ่งมอนสเตอร์ในเกม RPG ดังนั้นถ้ายังไม่ออกไปจากอาณาเขตพวกมันก็จะไม่หยุดไล่ตาม
หมายความว่ามีอะไรบางอย่างทำให้พวกมันเลิกไล่ตามแถมยังพากันหายหัวไปหมด
เงียบ
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุม
ไม่มีวี่แววของสัตว์เทวะหลงเหลืออยู่
การเกิดขึ้นอันกะทันหันเช่นนี้
“ไอ้นี่มันหรือว่า...”
อิงศรรู้สึกคุ้นชินกับบรรยากาศดังกล่าวมาก่อน
ความรู้สึกบอกเขาว่าเจ้านั่นกำลังจะมาที่นี่
ทันใดนั้นเอง
พื้นทรายเบื้องหน้าก็พูนตัวสูง พุ่งทะยานขึ้นไปสูงเสียดฟ้าและตกลงมา
สิ่งที่โผล่ขึ้นมาหลังจากฝนทรายโปรยปรายคือสัตว์เทวะ
“จ่าฝูงงั้นเรอะ”
อิงศรพูด
รู้สึกเหมือนไม่ได้เจออะไรแบบนี้มาซักพักแล้ว
Heraldic Beast Deity: Zodiac Dragon Scissor Lv. 100
[/////32000:32000/////]
ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอิงศรคือสัตว์เทวะคล้ายกุ้งมังกรเพียงแต่มีลำตัวยาวดั่งงูและขนาดตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังสัตว์ประหลาด
อิงศรเดาะลิ้น
“ชิ ต้องมาเจอตัวแบบนี้อีกจะซวยไปถึงไหนกันฟระ”
อิงศรเล็งหน้าไม้ไปที่สัตว์เทวะ
ยังไงโจมตีก่อนก็ได้เปรียบ แล้วตอนนี้ก็มียูนิทพร้อมให้ใช้สกิลท่าไม้ตายแล้วด้วย
“จ่ายสี่ยูนิทจงตื่นขึ้นศรแห่งดวงดาวที่ทะยานผ่านฟากฟ้า บัลลิสต้าพันนิชเชอร์”
อิงศรเหนี่ยวไกหน้าไม้
แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ออกมา”
ระหว่างที่ตกใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี่เองสัตว์เทวะก็จู่โจมเข้ามา
ความคิดเห็น