ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #186 : Login 183: World Administrator

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 226
      5
      21 ธ.ค. 60

    Login 183: World Administrator

     

                แฟรนเซียมชี้ไปที่ซีลอร์ดแล้วกล่าวว่า

                “ไม่รู้หรอกนะว่าโดนเจ้านั่นเป่าหูมายังไง แต่คงจะไม่ได้บอกเรื่องที่มนุษย์ต่างดาวเลี้ยงชาวโลกไว้ก็เป็นเงื่อนไขที่เจ้านั่นยื่นมาให้เพื่อแลกกับการไม่ถูกกวาดล้างให้ฟังเลยสินะ”

                “...”

                ทันทีที่กล่าวจบอิงศรก็เหม่อมองแฟรนเซียมด้วยแววตาสงสัยระคนกับประหลาดใจเล็กน้อย

                “แล้วไง”

                เขาพูดออกไปได้แค่นั้น ไม่เข้าใจว่าสถานการณ์กำลังดำเนินไปแบบไหน แต่บรรยากาศเหมือนกำลังบอกว่าเขาควรจะตกใจ ร้อนใจ แล้วก็หวาดระแวง

                เพียงแต่...

                “ถ้าเรื่องที่ว่านั่นฉันก็พอจะเดาได้ตั้งนานแล้วล่ะ”

                พอได้ฟังเรื่องราวจากซีลอร์ดตอนอยู่ที่อารย-สนธยาเขาก็คิดขึ้นมาได้

                ถ้าหากลองคิดดูอีกซักนิดก็จะรู้ได้ไม่ยากเลยว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงต้องจับตัวมนุษย์ไว้แล้วบังคับให้แสดงละครชีวิตประจำวัน ทำไมถึงเคลื่อนไหวแบบนั้นมาโดยตลอด

                ทั้งหมดก็เพื่อยื้อเวลาที่จะถูกพิพากษา เพื่อให้เห็นว่าว่ามนุษย์ยังไม่ได้สูญสิ้นความตั้งใจ คนที่คิดเรื่องแบบนั้นได้ก็มีแต่ซีลอร์ดเท่านั้นแหละ

                เพราะเงื่อนไขของซีลอร์ดทำให้มนุษย์ถูกไล่ล่าถูกกดขี่จากมนุษย์ต่างดาวมาถึงสี่ปี

                ซีลอร์ดถามขึ้นมา

                “แล้วเธอไม่โกรธเหรอที่ผม...”

                 แต่อิงศรก็แทรกพูดตัดบทไปว่า

                “ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันพอจะเดาได้ถึงนายไม่ต้องบอกก็เถอะ อีกอย่างถ้าไม่ทำแบบนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้มนุษย์เคลื่อนไหวได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกลุ่มของฉันตอนนี้ด้วย สถานการณ์ที่ทำให้โลกล่มสลายมันเร็วเกินไปถึงมานั่งอธิบายก็ไม่มีใครฟังหรอก”

                ทั้งที่พูดเรื่องธรรมดาๆ ออกไปแต่ก็ไม่รู้ทำไมซีลอร์ดถึงได้ทำหน้าเหมือนปลื้มใจอะไรขึ้นมา

                แฟรนเซียมพูดแทรกว่า

                “รู้แบบนั้นแล้วนายยังจะไปเชื่อใจมันลงอีกเหรอ”

                “อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่านายแหละน่า”

                “อิงศรแก…ทำไมถึงได้โง่เง่าแบบนี้นะไปเชื่อคำพูดปั่นหัวพวกเครื่องทำสวนแบบนั้นแกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”

                “ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าพวกเรายังมีทางเลือกอยู่”

                “ที่บอกว่าจะย้อนกลับไปเริ่มใหม่นั่นน่ะเหรอ”

                “ใช่ ถ้าเป็นพลังของแอดมินิสเทรเตอร์อาจจะทำได้ก็ได้ถ้าพวกเราแสดงให้เห็นว่ายังมีทางเลือกอื่นนอกจากการทำลายกันอยู่ล่ะก็พวกนั้นจะต้องเข้าใจ…”

                “ไม่มีวันเข้าใจหรอกน่า!”

                จู่ๆ แฟรนเซียมก็ตะหวาด

                “…”

                “ยังไงเจ้าพวกนั้นก็ไม่คิดจะเข้าใจตัวหมากในเกมของพวกมันหรอกคนที่ควรจะตื่นจากความฝันมันคือนายต่างหากอิงศรตาสว่างได้แล้วมนุษย์เหลือทางเลือกแค่ทางนี้เท่านั้น!”

                แฟรนเซียมพูดออกมาว่ามนุษย์เหลือแค่ทางเลือกเดียว

                พูดมันต่อหน้าพวกมนุษย์ต่างดาวที่กำลังเลือกข้างที่จะอยู่ เท่ากับว่าหมอนั่นเลือกจะทิ้งความเชื่อถือในฐานะราชามนุษย์ต่างดาวไป

                เพื่อแลกกับการทำให้เราตาสว่างเนี่ยนะ…

                อิงศรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแฟรนเซียมถึงตัดสินใจเลือกทางนั้นหรือว่าคนที่กำลังเลือกทางผิดคือตัวเองกันแน่

                หรือไม่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในแผนที่จะทำให้เขาไขว้เขวไปจากทางเลือกของตนเอง

                เพราะแฟรนเซียมรู้จักเขาดีแล้วตัวเขาเองก็รู้จักแฟรนเซียมที่เป็น สิงห์ ธุวดารกะ ด้วยเหมือนกันเรียกได้ว่า ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ ต่างฝ่ายต่างรู้ไส้รู้พุงกันเอง

                “…”

                “…”

                ไม่มีการตอบโต้กันหลังจากคำพูดนั้น ความเงียบคือหลักฐานว่าการต่อสู้ได้ย้ายจากสมรภูมิน้ำลายก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น ไปสู่ขั้นของการต่อสู้ด้วยจิตใจ

                ใครจะถูกหลอกก่อนกันหรือใครที่พูดความจริงมาแล้วกันแน่…อิงศรตัดสินใจอย่างยากลำบากจนก้าวต่อไปไม่ได้

                ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น

                ในเสียงหัวเราะมีเสียงฟันเฟืองลั่นดังเอี้ยดอ้าดผสมปนเปมาด้วย

                โผล่หัวมาซักทีนะออร์ฟิอูคูมันนาร์

                ผู้ส่งเสียงก็คือ ออร์ทิเกสซาร์ที่ยังถูกเสียบติดกับพื้นด้วยใบหูของจูลลับบิตต้า

                “มัวทำอะไรอยู่ไฮโดรเจน รีบเอาพาสให้เจ้าพวกนั้นเร็วเข้าเดี๋ยวก็ไม่ทันเวลาหรอก

                จู่ๆ ซีเซียมก็ตะโกนข้ามฟากมาจากทางด้านหลัง

                ในมือของเจ้าตัวมีของที่เหมือนกับกระดาษแผ่นเล็กๆ หรือถ้าตีความตามที่พูดก็อาจจะเป็นตั๋วอะไรซักอย่าง

                ซีเซียมเริ่มแจกมันให้กับพวกนรินทร์กับราชครูฝ่ายเดียวกันที่อยู่ตรงนั้น

                ระหว่างที่แจกจ่ายกันอยู่นั่นเองข้าวหลามก็แทรกตัวผ่านทุกคนเข้าไปหาซีเซียมด้วยความเร็วเหนือมนุษย์แล้วฉกใบหนึ่งมาจากมือของนรินทร์ที่กำลังรับจากซีเซียม

                แจกอะไรน่าสนใจดีนี่

                ข้าวหลามพูดแล้ววิ่งอ้อมกลับไปรวมกับวิเชียรมาศ นรินทร์ตั้งใจจะตามไปเอาคืนแต่ก็ถูกซีเซียมรั้งตัวไว้ก่อน

                ไม่ต้องตามไป ยังมีสำรองอีกเยอะตอนนี้รีบแจกให้ทุกคนก่อน

                ก็ได้อยู่หรอกว่าแต่มันคืออะไรกันน่ะเจ้านี่เนี่ย

                เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง

                ซีเซียมเร่งรัดตัดบทจนนรินทร์ยอมทำตามและเริ่มแจกตั๋วให้กับทุกคน

                ขณะเดียวกันคำพูดของออร์ทิเกสซาร์ก็ยังคงดำเนินต่อไป

                ออร์ฟิอูคูมันนาร์เจ้ามาทันโชว์ปิดม่านสุดท้ายพอดีเลยนะ ไม่สิอาจจะต้องพูดว่าเจ้าจงใจมาเพื่อการแสดงปิดม่านนี้มากกว่า ฮะฮะฮะ...

                ซีลอร์ดไม่ได้ตอบโต้คำพูดของออร์ทิเกสซาร์เพียงแต่จับจ้องมองมันด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

                สุดท้ายข้าจะขอบอกพวกเจ้าไว้ก็แล้วกันวัชพืชเอ๋ย เครื่องทำสวนไม่ได้มีไว้แค่เพื่อถอนวัชพืชอย่างพวกเจ้าแต่ยังเป็นเทอมินัลสำหรับนำทางผู้ควบคุมมายังสวนด้วยเช่นกัน

                เครื่องทำสวนจะนำพาพระเจ้าลงมายังสวน...ดูเหมือนมันตั้งใจจะกล่าวแบบนั้นแล้วเสียงก็เงียบลงทันใด ดวงตาของสิงโตที่เปล่งประกายแสงแดง บัดนี้ดับมอดลง

                ทันใดนั้นเอง...

                บรรยากาศก็เริ่มขมุกขมัวไปด้วยหมอก หมอกสีขาวปกคลุมชายหาดทั้งหมด

                หมอกไหลบ่าลงมาจากท้องฟ้า จากเมฆกลายเป็นหมอก

                ท้องฟ้าเปิดออก แสงแดดจึงส่องลงมาและทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นรุ่งสางทั้งที่น่าจะเลยเที่ยงวันไปแล้ว

                บรรยากาศรอบตัวไม่ให้ความรู้สึกว่ากำลังอยู่บนโลกเลย ที่ๆ พวกเขายืนกันอยู่ยังคงเป็นชายหาดที่เดิมแต่กลับไม่ได้ยินเสียงคลื่นที่สาดกระทบฝั่ง

                ทะเลถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจนมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว

                อิงศรมองดูปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดนี้แล้วก็เปรยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

                สภาพนี่มัน...

                เขารู้สึกคุ้นเคยกับสภาพในตอนนี้อย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกสั่นสะท้านยามที่สัมผัสถูกหมอกและบรรยากาศอันเงียบสงัดราวกับจะไม่มีสรรพชีวิตใดๆ หลงเหลืออยู่อีก

                เหมือนกันรากอาคาชิกเรคคอร์ดเลยนี่

                ตอนที่พูดออกไปซีลอร์ดก็ยื่นตั๋วที่เหมือนกับที่ซีเซียมถือมาให้สามใบ

                ที่นี่กลายเป็นอาคาชิกเรคคอร์ดไปแล้วรีบเอาพาสพวกนี้ไปแจกให้พวกพ้องเธอเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันการเพราะว่าเขากำลังจะมาที่นี่แล้ว

                กำลังจะมา...ใครเหรอ อะไรกำลังจะมา

                ออร์ทิเกสซาร์ก็บอกไปแล้วนี่

                หรือว่าจะหมายถึงพระเจ้าที่สร้างเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์กันนะ

                ออร์ทิเกสซาร์เองก็พูดไว้แบบนี้...

                เครื่องทำสวนยังเป็นเทอมินัลสำหรับนำทางผู้ควบคุมลงมาที่สวน

                ...ถ้าอย่างนั้นที่กำลังจะมาก็คงจะเป็น...

                “…”

                อิงศรมองเข้าไปในดวงตาของซีลอร์ดและเข้าใจในทันทีว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ตั๋วที่แจกให้น่าจะมีความสำคัญอะไรซักอย่างดังนั้นเขาจึงส่งมันให้กับมิ่งขวัญและเอาอีกใบยัดใส่มือมีนาที่ยังไม่ได้สติ

                วินาทีถัดจากนั้นเองที่ซากร่างของออร์ทิเกสซาร์กับเครื่องทำสวนเครื่องอื่นๆ ที่หยุดการทำงานไปแล้วเปล่งแสงออกมา

                เครื่องทำสวนเหล่านั้นทยอยแตกตัวเป็นอนุภาคแสง อนุภาคเหล่านั้นล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

                ไปสู่ดวงจันทร์ดวงเล็กที่ปรากฏขึ้นให้เห็นตั้งเริ่มเช้าวันนี้มา

                เงาของดวงจันทร์ที่มองเห็นแค่ลางๆ ตอนนี้กลับเห็นชัดเจนขึ้น แถมยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

                นั่นมันอะไรกันน่ะ...ดวงจันทร์มัน..

                อิงศรไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น พวกพ้องของเขาก็เช่นกัน ทุกคนในสนามรบก็เหมือนกัน

                ทุกคนพากันแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ดวงจันทร์ค่อยๆ ขยายใหญ่หรือให้ถูกก็คือมันเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

                เฮ้ นี่มันยังไงกันแน่น่ะ

                อิงศรหันไปขอคำตอบจากซีลอร์ดที่น่าจะรู้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นแต่ซีลอร์ดกลับลดตัวลงไปนั่งคุกเข่าชันขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วก้มหัวเหมือนทำท่าแสดงความเคารพต่อกษัตริย์หรืออะไรซักอย่างที่ดูเหมือนอัศวินในยุคกลางมักจะทำกันเวลาอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโต

                อย่าเสียมารยาทเชียวล่ะวัชพืชไม่อย่างนั้นจะทางเลือกไหนก็ไม่มีเหลือสำหรับพวกเจ้าแน่

                โดโกบาร์ที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่พูดแล้วก็ตามนั่งท่าเดียวกับซีลอร์ดเคียงข้างกัน

                ....และแล้ว

                เมื่อความสับสนพุ่งถึงขีดสุดพร้อมกับแสงของเครื่องทำสวนได้หายไป

                ดวงจันทร์ก็ลงมาอยู่ห่างไปจากพื้นดินในระยะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

                ดาวบริวารที่มาอยู่บนโลกช่างมีขนาดใหญ่จนมนุษย์กลายเป็นเพียงมดปลวก

                ครู่ต่อมาก็เริ่มมองเห็นบางสิ่งที่โปร่งใสเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ดวงจันทร์ เป็นรูปทรงรีที่เรียวแหลมคล้ายกับหนาม เบื้องหลังดวงจันทร์เริ่มปรากฏให้เห็นเงาดำที่เลือนรางซึ่งกำลังเด่นชัดขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งมันเผยโฉมออกมาดูคล้ายกับคนใส่ชุดและคลุมหัวด้วยผ้าสีเหลือง มีเงาที่ดูเหมือนกรงเล็บกับขายื่นออกมาจากใต้ผ้าคลุม

                ...แล้วจู่ๆ

                มนุษย์เอย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าได้เผชิญหน้ากับเราอย่างนั้นสินะ

                มีเสียงดังก้องขึ้นมาในหัว เสียงอันทรงพลังเปี่ยมด้วยอำนาจแทรกซึมเข้าไปสมองโดยไม่ผ่านการฟังหรือสัมผัสใดๆ เป็นเสียงที่ทำให้อิงศรถึงกับเข่าอ่อนขึ้นมา

                เขาแหงนหน้ามากขึ้น มองขึ้นไปยังตัวตนอันแปลกประหลาดที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าที่ดูไม่เหมือนอยู่บนโลก แล้วถามออกไปด้วยสัญชาตญาณ

                แกคือพระเจ้า...คือแอดมินิสเทรเตอร์อย่างนั้นเหรอ

                เสียงก่อนหน้าดังขึ้นในสมองอีก

                ข้าคือลูนาริสผู้ร่วมจัดการควบคุมความเป็นไปและกฎระเบียบแห่งจักรวาล เป็นแอดมินิสเทรเตอร์แห่งรากระบบอาคาชิก

     



                ...แล้วนั่นก็คือครั้งแรก

                และอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่มนุษยชาติได้เผชิญหน้ากับผู้สร้าง

                นี่อาจจะเป็นได้ทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้นของการมีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเอง

                รอบการหมุนสู่จุดจบของโลกดูเหมือนหยุดนิ่งลง

                จุดจบมาถึงแล้ว!

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×