ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #182 : Login 179: Amageddon Epilouge 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 179
      3
      9 ธ.ค. 60

    Login 179: Amageddon Epilouge 1

     

                “กวินทร์!

                มิ่งขวัญร้องด้วยความตกใจ

                สหายร่วมรบเพิ่งจะถูกตัดแขนกับขาไปอย่างละข้าง โลหิตสีแดงพวยพุ่งเป็นน้ำพุ กวินทร์ล้มลงราวกับเป็นท่อนไม้

                ด้วยความเป็นห่วงกวินทร์ มิ่งขวัญผละออกจากจุดยืนของตัวเอง ตวัดเรเปียคู่ใจอันเคยเป็นที่สิงสถิตย์ของอัครเทวทูตมิคาเอล แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้วตอนนี้เรเปียไม่มีพลังเสริมจากเดม่อนแอพอีกต่อไปก็เป็นเพียงอาวุธธรรมดาๆ เท่านั้น

                แล้วอาวุธธรรมดาๆ นั่นก็เทียบดาบเทวะที่อีกฝ่ายใช้ไม่ติด ดาบสีดำทะมึนสูบเลือดของผู้ใช้เป็นพลังงานราวกับผีดูดเลือดหรือว่าแท้จริงแล้วเลือดของแฟรนเซียมเองที่เป็นดาบ

                มันเป็นอย่างไหนกันแน่?

                มิ่งขวัญไม่คิดจะสนใจเรื่องยิบย่อยพรรค์นั้น เขาขอแค่ให้ดาบของตัวเองยังพอปัดป้องดาบน่ารังเกียจที่พุ่งออกมาจากโพรงมิติโดยไม่สนทิศทางนั่นได้ก็พอ

                โดยที่ทิ้งกองหลังมา ป่านนี้คงกำลังวุ่นกับดาบพวกนี้อยู่ด้วยเป็นแน่

                มิ่งขวัญเข้าใกล้กวินทร์ไปอย่างรวดเร็ว กลับกันยิ่งเข้าไปได้เร็วก็แปลว่าจำนวนดาบที่ปัดกระเด็นไปนั้นมีเพิ่มมากขึ้น แล้วเขาก็ทำเพียงแค่ปัดมันทิ้งแต่ดาบดำพวกนั้นดื้อด้านเกินกว่าจะสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ

                ดาบดำที่มิ่งขวัญปัดทิ้งไประหว่างทางหักเลี้ยวแล้วไล่ตามมาติดๆ

                ถ้าจะหนีก็ยังพอทำได้แต่แบบนั้นก็ช่วยกวินทร์ไม่ได้

                “…”

                มิ่งขวัญกัดฟันเค้นแรงสะบัดดาบเพิ่มความไวของมือปัดดาบที่ขวางทางยิ่งขึ้นไปอีก

                ยังมีหนี้ที่ติดค้างหมอนั่นอยู่

                มิ่งขวัญเคลื่อนไหวด้วยความตั้งใจแบบนั้น แล้วรุกเข้าไปรวดเดียวจนถึงตัวกวินทร์ ก้มลงคว้าตัวเพื่อนขึ้นมาแบกพาดไหล่โดยไม่หยุดมือแกว่งดาบ

                ถึงกระนั้นก็ยังมีดาบที่เล็ดลอดเข้ามาทำร้ายได้อยู่ดี

                ส่วนใหญ่แค่ถากๆ เพราะมิ่งขวัญยังไวพอจะหลบหลีกมันได้ แต่หลังจากนั้นแล้วดาบดำก็เหมือนกับจะเล็งเล่นงานที่ขาเพียงอย่างเดียว ด้วยสภาพที่แบกกวินทร์เอาไว้การจะป้องกันช่วงขานั้นเป็นไปไม่ได้เลย

                มิ่งขวัญหยุดเคลื่อนไหว เขาไม่มีที่เหลือให้ขยับอีกแล้วภายในดงดาบดำที่สะบัดไปมาราวกับแส้

                ทันใดนั้นเอง ก่อนที่ดาบทั้งหมดจะทันเข้าจู่โจมพวกมันก็ถูกสะบั้นขาดด้วยความเร็วชนิดมองตามไม่ทัน แต่ดวงตาของมิ่งขวัญก็เห็นอะไรบางอย่างพุ่งผ่านไปในบ่วงเวลานั้น

                เจ้านั่นตวัดใบดาบที่แขนทั้งสองข้างตัดดาบดำที่เรเปียของเขาตัดไม่ขาดให้สะบั้นได้ราวกับตัดกระดาษ ดาบดำที่ขาดร่วงหล่นเกลื่อนพื้นก็ละลายกลับเป็นเลือด

                ”ขวัญ! หนีไปเลย

                อิงศรตะโกนมา

                มิ่งขวัญคาดเดาได้ตั้งแต่เห็นสิ่งที่ตัดดาบดำพุ่งผ่านไป อิงศรให้เมอร์คาบาห์เข้ามาช่วยเอาไว้เมื่อครู่และเมื่อทางเปิดโล่งแล้ว มิ่งขวัญก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด

                เพียงอึดใจเดียวก็ส่งกวินทร์ถึงมือนรินทร์กับพลอยที่รออยู่ แม้ว่าทั้งสองจะบาดเจ็บจากดาบดำของศัตรูที่แพร่กระจายมาถึงตรงนี้ก็ตาม แต่เพราะเมอร์คาบาห์ของอิงศรช่วยตัดดาบพวกนั้นให้กองหลังจึงกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้

                ที่เป็นแบบนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะดาบไม่ได้เลือกโจมตีแค่พวกเขาแต่การที่มันโผล่ออกมาแบบไม่รู้ทิศทางทำให้พวกมนุษย์ต่างดาวศัตรูต้องถอยฉากออกไปเหมือนกัน

                หลังจากส่งตัวกวินทร์ถึงมือหมอแล้วมิ่งขวัญก็

                “แล้วศรล่ะ

                มองหาพี่ชายที่ส่งความช่วยเหลือมาให้โดยมองไล่หลังเมอร์คาบาห์ที่น่าจะย้อนกลับไปหาเจ้าของ

    ที่ฟากตรงข้ามกับที่พวกเขาอยู่กันนั่นเอง อิงศรกำลังปะทะกับแฟรนเซียม

                จวนเจียนจะแพ้เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าแถมยังแบกมีนาไว้ด้วย

                ”ศร!

                มิ่งขวัญกระชับดายในมือแล้วถีบตัวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มตั้งโล่ในมือซ้ายขึ้นใช้มันกำบังแล้วพุ่งชนดาบดำที่ขวางทางให้กระเด็นออกไป พวกมันไม่ได้สนใจเขาจึงบุกฝ่าเข้าไปได้ง่าย

                ”โดนเจ้านั่นเป่าหูมาว่ายังไงบ้างล่ะอิงศร

                แฟรนเซียมพูดกับพี่ชายแล้วเงื้อดาบฟาดลงมา แต่อิงศรก็ชักดาบสั้นที่เอวขึ้นรับไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

                พลังที่ต่างกันมากระหว่างมนุษย์กับราชครูลำดับที่หนึ่งกดทับดาบของอิงศรจนเข่าทรุดแทบเท้าตัวเอง

                “อัก

                ได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบราวกับกรีดร้อง

                หนึ่งวินาทีนั่นน่าจะเป็นเวลานานที่สุดเท่าที่อิงศรจะต้านรับเอาไว้ได้ก่อนถูกบดขยี้ไปพร้อมกับมีนา

                “รอยัลเซเบอร์ ติดตั้งดีไวซ์พัฒนาเป็น…”

                มิ่งขวัญร่ายสกิลเอาในวินาทีนั้นแล้วยื่นดาบออกไปด้านหน้า

                “รอยัลเซเบอร์รีเบลเลี่ยน!

                แสงห้อมล้อมใบดาบและยืดยาวออกไปถึงสองช่วงตัว มิ่งขวัญตวัดเรเปียไปที่แขนของแฟรนเซียมหวังตัดมันให้ขาดจากตรงนี้ แต่ราชาผู้มีพลังเหนือกว่าเขาก็ชักแขนกลับไปพร้อมกับก้าวถอยหลังทันที เรเปียจึงฟันใส่พื้นแทนแล้วคว้านเอาทรายพุ่งขึ้นมาตลบอบอวลไปหมด

                ทันทีที่ทรายจางลง...

                “ขวัญ

                อิงศรทำหน้าบอกไม่ถูกเมื่อเห็นมิ่งขวัญก้าวมายืนขวางระหว่างเขากับแฟรนเซียม

                ตนยังอ่อนแอถึงขนาดต้องให้น้องชายช่วยหรือควรจะภูมิใจกับการเติบโตนี้ดีล่ะ

                ความรู้สึกขัดแย้งกันเองยิ่งพุ่งพล่านเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากแฟรนเซียมที่เพิ่มมากกว่าตอนแรก

                กว่าจะรู้สึกตัวดาบดำห้อมล้อมก็พวกเขาเอาไว้แล้ว มันชอนไชอากาศเป็นโพรงแล้วก็เปิดอีกหลายโพรงแตกเป็นอีกหลายเส้น เพิ่มจำนวนเป็นเท่าทวีจนแทบจะถมทับอากาศบริเวณรอบๆ ไปหมด

                “นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอพวกนายพี่น้องพร้อมหน้ากันสินะ

                แฟรนเซียมพูด ไม่รู้ทำไมถึงยกเรื่องนั้นขึ้นมาแต่เดาได้ว่ากำลังเล่นจิตวิทยาอีกเหมือนที่ทำกับกวินทร์

                พวกน้องๆ เติบโตขึ้นก็จริงแต่โดยพื้นฐานแล้วก็ยังเป็นเด็กยังควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี

                “…”

                เขาเองก็เหมือนกัน ถึงจะโตที่สุดในกลุ่มแต่ก็ยังเป็นเด็กเมื่อเทียบกับแฟรนเซียมที่ทั้งเจนศึกกว่า ฉลาดกว่า พลังมากกว่า ซ้ำร้ายยังเป็นคนที่สอนเกี่ยวกับการต่อสู้ทุกอย่างให้กับตนด้วย นั่นเท่ากับว่าไม่มีสิทธิ์จะชนะได้เลย ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะเตรียมตัวเพื่อตอบโต้อย่างไร

                “เอาเถอะเพราะแกช่วยหยุดออร์ทิเกสซาร์ให้แถมยังพามีนาหนีออกมาได้ถือว่าเกินการคาดการณ์ไปมากฉันอยากจะประเมินผลงานนั่น ไม่ลองเก็บไปคิดอีกครั้งหน่อยเรอะ มาเข้าร่วมกับฉันนายมีแต่ได้ทั้งนั้นพวกเราไม่มีความจำเป็นต้องสู้กันเลยต้นเหตุพวกแอดมินิสเทรเตอร์พวกมันต่างหากที่เป็นศัตรู

                คำพูดของแฟรนเซียมสมเหตุสมผล หากตอบรับข้อเสนอก็จะหยุดการสู้รบที่ไร้ความหมายนี่ได้แล้วก็ถ้าคุยกันดีๆ อาจจะยังพอตกลงร่วมกันได้เรื่องทางเดินในอนาคตข้างหน้า

                “ถ้านายมาร่วมมือด้วยฉันจะช่วยรับฟังความเห็นที่ขัดแย้งนั่นแล้วหาทางลงที่พอใจซึ่งกันและกันให้ก็ได้นะนายก็รู้ว่าฉันไม่เคยโกหก

                ใช่ ตอนที่เป็นสิงห์หมอนี่ก็ไม่เคยโกหก พูดจริงทำจริงทุกอย่าง แม้แต่บทลงโทษที่ดูหนักเกินกว่าเหตุก็ยังทำจริงๆ จับเขาโยนให้สัตว์เทวะกินเพราะผลการฝึกไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินที่ตั้งเอาเองก็เคยทำมาแล้วแต่ก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้ รวมถึงตอนที่ส่งเขากับพวกพ้องไปเก็บเลเวลให้เป็น 60 นั่นก็เหมือนกัน

                ทุกอย่างผ่านการคำนวณมาเรียบร้อยแล้วว่าเป็นไปได้ดังนั้นเรื่องข้อเสนอที่จะตกลงร่วมกันนั่นก็...

                “ไม่ดีกว่า

                อิงศรปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

                “ทำไมล่ะ

                “คิดว่าฉันอยู่กับนายมากี่ปีกันแล้วคนอย่างนายพูดจริงทำจริงทุกอย่างเพราะงั้นไม่มีทางยอมเปลี่ยนเป้าหมายสร้างโลกใหม่นั่นเพื่อให้ฉันเข้าร่วมอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ

                “นั่นสิ ก็เป็นอย่างนั้นแหละ

                อีกฝ่ายยอมรับออกมาอย่างง่ายดาย

                สรุปก็คือแฟรนเซียมไม่ได้คิดจะร่วมมือด้วยจริงๆ อยู่แล้ว ยังไงพวกเขาก็เป็นเพียงเครื่องมือ เป็นตัวหมากเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของอีกฝ่ายมันก็เท่านั้นเอง

                เมื่อการเจรจาล้มเหลวเป็นครั้งที่สาม แฟรนเซียมคงไม่คิดจะยืดเยื้ออีกต่อไป

                ข้อเสนอเมื่อครู่คือโอกาสสุดท้ายแล้วสินะอิงศรคิดอย่างนั้นแล้วดึงคันธนูออกมาจากหน้าจอที่แอบเปิดระหว่างพูดดึงความสนใจแฟรนเซียม

                “เทคนิคัลเวพ่อน

                เขาเปลี่ยนมันเป็นหน้าไม้เพื่อจะได้สู้โดยที่แบกมีนาไปด้วยได้

                แฟรนเซียมสะบัดดาบในมือ บงการดายดำที่อยู่รอบๆ ให้จู่โจมใส่พวกเขาพี่น้อง

                ”โปรโตชิลด์

                มิ่งขวัญยกโล่ขึ้นมาพร้อมกับร่ายสกิล

     

    [Proto Shield Lv(4/4)

    Element: Light

    Attribute: Buffs, Enhance, Item, Shield

    (Cast Cost) สวมใส่ไอเทม  Shield; สร้างบาเรียที่จะลดทอนความเสียหายให้ครึ่งหนึ่งตอนที่ร่ายสกิลนี้ออกมาเป็นเวลา 2 วินาที จากนั้นได้รับบัพ Def + 100 , Special Def + 50; ห่อหุ้มโล่ด้วยแสงแห่งวิทยาการจงกรุยทางสู่อนาคต

     

                บริเวณผิวหน้าของโล่สีดำที่น้องชายยกขึ้นมานั้นเกิดม่านแสงแผ่พุ่งออกมากำบังร่างกายเอาไว้เหมือนกับออร่า

                มิ่งขวัญใช้ร่างกายของตัวเองเป็นกำแพงกำบังให้เขา ดาบดำแทงใส่ร่างแต่ก็กระดอนออกไป พวกมันสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยเพราะผลคุ้มครองจากสกิลที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้ระยะเวลาหนึ่ง แต่ช่วงเวลานั้นไม่ได้คงอยู่ไปตลอด

                แต่เมื่อม่านพลังที่ช่วยป้องกันให้หายไปมิ่งขวัญก็ร่ายสกิลต่อเนื่องทันที

                “ติดตั้งดีไวซ์พัฒนาเป็นโปรโตชิลด์ฟิลาเมนท์!

                ทันใดนั้นเองโล่ก็เปล่งประกายด้วยแสงสว่าง แสงเหล่านั้นที่ต่อมากลายเป็นเส้นใยแสงถักถอเป็นมุ้งคลุมร่างของผู้ใช้

     

    [Shield Device, Filament Lv(1/1)

    Element: Light

    Attribute: Buffs, Shield, Device, Awakening

    (Cast Cost) 1 Awakening Gold Unit , ร่ายโดยไม่ต้องบอกชื่อสกิล 'ติดตั้งดีไวซ์พัฒนาเป็น' + (ชื่อ Shieldที่จะติดตั้ง) + 'ฟิลาเมนท์'; ติดตั้ง Device ลงใน Buffs ที่มี Shield อยู่ใน Attribute และเป็นธาตุแสง; เวลาคงอยู่บัพ + 60 วินาที , ลดความเสียหาย Physical ลง 20 %; ถักทอโล่ใยแสงลดแรงกระแทก]

     

                ดาบดำที่แทงเข้ามาหลังจากนั้นจะแฉลบให้เป็นแผลนิดหน่อยแล้วจึงกระดอนออก พลังการป้องกันต่ำกว่าม่านป้องกันเดิมทำให้พลังชีวิตของมิ่งขวัญลดลงอย่างรวดเร็ว

     

    มิ่งขวัญ Lv.102 [/////12500:25000…..]

     

                “อึก

                น้องชายส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวดกับบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการโจมตีซึ่งถาโถมเข้ามาไม่หยุด

                แม้แต่อิงศรที่อาศัยร่างกายน้องหลบก็ยังมีถูกลูกหลงแฉลบไปบ้างทั้งนี้ก็เพราะต้องเอาร่างกายตัวเองป้องกันมีนาที่ยังไม่ได้สติ

                “ขวัญ!

                แต่อิงศรก็เรียกน้องชายด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน หากไม่รีบทำอะไรเข้าซักอย่างคงได้ตายพร้อมกันทั้งคู่

                “ติดตั้งดีไวซ์พัฒนาเป็นโปรโตชิลด์คอสโม!

                มิ่งขวัญกัดฟันสู้ความเจ็บปวดร่ายสกิลนั้นจนกลายเป็นว่าตะเบ็งเสียงร่าย

     

    [Shield Device, Cosmo Lv(1/1)

    Element: Light

    Attribute: Buffs, Shield, Device, Awakening

    (Cast Cost) 1 Awakening Gold Unit , ร่ายโดยไม่ต้องบอกชื่อสกิล 'ติดตั้งดีไวซ์พัฒนาเป็น' + (ชื่อ Shieldที่จะติดตั้ง) + 'คอสโม'; ติดตั้ง Device ลงใน Buffs ที่มี Shield อยู่ใน Attribute และเป็นธาตุแสง; เวลาคงอยู่บัพ + 60 วินาที , ฟื้นฟูพลังชีวิต 100 ทุก 3 วินาที; ห่อหุ้มโล่ด้วยพลังคุ้มครองแห่งจักรวาล]

     

                ทันใดนั้นเองก็มีแสงร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนดาวตก แสงหล่นใส่มิ่งขวัญ อาบร่างแล้วทำให้พลังชีวิตทยอยฟื้นฟู

     

    มิ่งขวัญ Lv.102 [/////13500:25000/....]

     

                สกิลเสริมพลังประเภทโล่ของไชนิ่งเอนฟอร์ซเซอร์นั้นแม้จะช่วยในการตั้งรับได้สูงแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตามจำนวนดาบที่จู่โจมเข้ามาไม่ทัน

                “วินด์ช็อก!

                อิงศรร่ายสกิล เขาไม่คิดจะปล่อยให้น้องชายปกป้องอย่างเสียเปล่าจึงเล็งหน้าไม้ลอดช่วงเอวของมิ่งขวัญ ที่ปลายทางนั่นน่าจะมีแฟรนเซียมที่ควบคุมดาบอยู่ เนื่องจากเล็งเป้าตรงๆ ไม่ได้เพราะดาบดำจำนวนมหาศาลพวกนั้นบดบังทัศนวิสัย

                มาร์สไตร์

                ลั่นไก แผ่นยันต์ในคลังถูกใช้ไปเองโดยอัตโนมัติด้วยผลของสกิลติดตัว

                ทว่า ลูกดอกเพลิงกลับพุ่งฝ่าม่านดาบดำพวกนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีทางเข้าถึงตัวแฟรนเซียมที่มีดาบโอบล้อมเป็นดั่งปราการได้เลย

     

    มิ่งขวัญ Lv.102 [///..9500:25000.....]

     

                มิ่งขวัญคงจะต้านไว้ได้อีกไม่นานนัก บาดแผลเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนการฟื้นฟูตามไม่ทันไปแล้ว เกราะอ่อนที่ได้จากซีลอร์ดมานั้นแทบจะไม่ช่วยป้องกันดาบดำเลยทั้งที่มันมีพลังป้องกันสูงมากระบุไว้ในคุณสมบัติ หรือไม่ก็ดาบพวกนี้มีพลังพิเศษที่เจาะการป้องกันได้กระมัง

     

                ติดตั้งดีไวซ์...พัฒนาเป็นโปรโตชิลด์มีเทียร์

     

    [Shield Device, Meteor Lv(1/1)

    Element: Light

    Attribute: Buffs, Shield, Device, Awakening

    (Cast Cost) 1 Awakening Gold Unit , ร่ายโดยไม่ต้องบอกชื่อสกิล 'ติดตั้งดีไวซ์พัฒนาเป็น' + (ชื่อ Shieldที่จะติดตั้ง) + 'มีเทียร์'; ติดตั้ง Device ลงใน Buffs ที่มี Shield อยู่ใน Attribute และเป็นธาตุแสง; เวลาคงอยู่บัพ + 60 วินาที , ลดความเสียหาย Special ลง 20 %; เพิ่มพลังคุ้มครองด้วยรังสีแร่อุกกาบาต]

     

                มิ่งขวัญร่ายสกิลเพิ่มพลังให้กับการป้องกันอีกชั้น คราวนี้เป็นโล่ป้องกันความเสียหายแบบพิเศษแต่ก็ดูจะไม่ช่วยอะไรเลย ดาบนั่นไม่ใช่ทั้งการโจมตีกายภาพแล้วก็แบบพิเศษ

                ดูเหมือนดาบดำจะโอบล้อมเข้ามาเร็วขึ้น บางทีฝ่ายนั้นคงคิดจะเผด็จศึกแล้วล่ะมั้ง

                มาแล้ว

                อิงศรเปรยกับตัวเอง เขารอจังหวะอยู่ลูกดอกเพลิงเมื่อครู่ไม่ใช่การโจมตีเพื่อหวังผลสังหารแต่ทำไปเพื่อคาดเดาระยะทางจากด้านบนของจุดที่พวกเขาอยู่กันไปจนถึงตัวแฟรนเซียม

                เอาเลยเมอร์คาบาห์ใช้ เมสไซอาร์บัสเตอร์!!”

                สิ้นคำลูกไฟยูนิทที่ได้จากการใช้สกิลยิงลูกดอกเพลิงก็ลอยขึ้นไปข้างบน ทะลุผ่านม่านดาบดำไปหาปีศาจที่เขาสั่งเอาไว้ตามแผนที่เตรียมการล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่ลงมาจากเครื่องทำสวน

                วินาทีถัดจากที่ลูกไฟยูนิทหายขึ้นด้านบนดาบดำที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันขาดสะบั้น

                บางสิ่งพุ่งดิ่งลงมาและตัดดาบดำขาดได้ นั่นมีเพียงสิ่งเดียว คือดาบของเมอร์คาบาห์ที่รวมกันเป็นใบมีดเสี้ยวพระจันทร์

                เมสไซอาร์บัสเตอร์ดิ่งตรงในแนวเฉียงมุ่งหน้าไปหาแฟรนเซียมโดยที่ไม่มีอะไรจะยับยั้งมันได้

                ปลายของคมดาบสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของราชามนุษย์ต่างดาว

     

    ***ต้องขอโทษที่เลทไปมหาศาลด้วยครับ เนื่องจากคอมฯไรท์มีปัญหากะทันหันทำให้ต้องเอาไปฝากศูนย์วันหนึ่งเต็มๆ เลยเอาต้นฉบับในเครื่องมาลงไม่ทัน ก็เดินมาเกือบครึ่งทางของภาค รูทเบรกกันแล้วติดตามกันต่อไปนะครับใกล้ไคล์แมกซ์ล่ะ ทันก่อนสิ้นปีแน่นวล เจอกันใหม่วันอังคารจ้า***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×