คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #172 : Login 169: สนามรบอันสับสน
Login
169: สนามรบอันสับสน
ก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย...
อิงศรนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่มิ่งขวัญเป็นคนขับ
พวกเขาขับอ้อมภูเขาและวิ่งตัดผ่านป่าซึ่งระยะทางใกล้กว่า
แต่รถจิ๊ปที่กวินทร์กับโพแทสเซียมขับนั้นเข้ามาไม่ได้จึงต้องอ้อมไกลไปอีกหน่อย
จึงมีแต่เขากับน้องชายที่ลัดเลาะเส้นป่าเพื่อมุ่งหน้าไปก่อน
แม้เส้นทางในป่าจะค่อนข้างโล่งและใหญ่พอให้มอเตอร์ไซค์ของพวกเขาผ่านไปได้แต่ก็ยังรกชันพอสมควร
มีทั้งรากไม้ที่ขึ้นตามเส้นทาง กิ่งไม้ที่ยื่นลงมาคอยเกี่ยวเนื้อตัวหรือเสื้อผ้า
ถึงกระนั้นแล้วมิ่งขวัญก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย
น้องชายของเขาเป็นนักซิ่งตัวฉกาจที่ขับด้วยความเร็วเกือบห้าสิบกิโลต่อชั่วโมงในเส้นทางป่าที่มีรากไม้ขัดเหมือนลูกระนาดบนถนนอยู่ทุกสองช่วงตัวแต่ก็ยังไม่ทำให้รถเหินเลยซักครั้ง
“…”
แต่รถก็สั่นขึ้นลงอยู่แทบจะตลอดเวลา
อิงศรต้องกัดฟันเอาไว้ไม่อย่างนั้นอาจจะเผลอกัดลิ้นตัวเองได้ รถของพวกเขาวิ่งไปพลางขึ้นลงส่งเสียงดังกึงกังไปทั้งป่า
“ช้า...ลง...หน่อย”
อิงศรพยายามกะจังหวะพูดให้ตรงกับจังหวะการขึ้นลงของรถเพื่อไม่ให้กัดลิ้นตัวเองและคาดหวังว่าน้องชายจะได้ยินแล้วชะลอความเร็วลง
“…”
แต่มิ่งขวัญไม่ตอบกลับ
อิงศรจึงลองตะโกนแทน
“เฮ้!”
น้องชายไม่ได้หันมาแต่ส่งเสียงมาแทน
“หืม?”
“ช้า...ลง...หน่อย”
“ว่าไงนะไม่ได้ยิน”
มิ่งขวัญถามกลับมา
หมอนี่พูดรวดเดียวแบบไม่กลัวกัดลิ้นตัวเองเลย
“บอกว่า...ช้าหน่อย”
“หา? ช้าไปเหรอ”
“…”
ไม่รู้ว่าเพราะเสียงรถกระเด้งตัวมันดังเกินไปหรือเสียงของเขาเบาเกินไปหรือพอกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วมันทำให้หูดีเกินไปจนฟังเสียงพูดเขาไม่ได้กันแน่
แต่อิงศรล้มเลิกความพยายามที่จะให้มิ่งขวัญชะลอความเร็วลงแล้ว
ตอนนี้รถวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยความเร็วที่เจ็ดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแถมพอเจอโขดหินขวางทางมิ่งขวัญก็ยิ่งบิดคันเร่งแล้วขับไต่โขดหินนั่นพารถเหินข้ามป่าไปเป็นระยะทางเกือบสิบเมตร
รถกระแทกพื้นตึงใหญ่
แรงกระแทกส่งให้ตัวเขาลอยขึ้นจากรถจนก้นกระแทกเบาะไปสองสามที
“…”
แต่ก็เปิดปากบ่นไม่ได้
ไม่อย่างนั้นคงได้กัดลิ้นตัวเองแน่ แม้แต่ตอนนี้รถก็ยังกระเด้งกึงๆ
ไปตามทางเดินที่มีแต่รากไม้ขึ้นเต็มไปหมด
ความเร็วรถที่เหลือบมองจากหน้าปัดรถอยู่ที่ห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตลอดทางอิงศรกอดเอวน้องชายแน่นมาก
รัดแน่นชนิดที่อยากจะให้หมอนี่บ่นเสียทีจะได้ตอกหน้าไปว่า ‘นายขับเร็วเกินไปแล้วเฮ้ย!’
“…”
แต่ขวัญก็เงียบสนิท
ไม่รู้ว่าเพราะท้องหมอนี่แข็งเกินไปจนไม่รู้สึกหรือไง...ปกติก็ถึกผิดผู้ผิดคนอยู่แล้วตอนนี้เป็นทั้งเอเลี่ยนแถมยังมีพลังอาชีพของเกมสนับสนุนแล้วก็อายุย่างเข้าวัยหนุ่มเลยทำให้ร่างกายแข็งแกร่งแบบสุดๆ
จนการกอดรัดของพี่ชายคนนี้ไร้ผลงั้นเรอะ...
อิงศรขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับความฟุ้งซ่านนั่นแล้วก็คิดว่าจะพักเรื่องที่จะให้มิ่งขวัญชะลอความเร็วรถไปเสียที
พอขับพ้นแนวป่าทึบเข้าสู่เขตที่ต้นไม้เบาบางลงไปรถก็หยุดสั่น
ทำไมกันนะพอเป็นทางเรียบแล้วมิ่งขวัญถึงได้ชะลอความเร็วลง...อิงศรนึกอยากจะสบถไปว่า
‘ไอ้น้องบ้า!’
แต่ก็กลืนคำพูดนั้นไปก่อนเพราะเห็นมิ่งขวัญเงยหน้ามองไปท้องฟ้าฝั่งที่อยู่ตรงชายหาด
เขาจึงลองมองไปบ้าง
...ที่นั่นมีเงาร่างขนาดใหญ่ของเครื่องจักรรูปสิงโตกำลังอาละวาดอยู่ทางหาดที่อยู่ตรงทางออกจากป่า
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์...คีย์เวิร์ดนี้ลอยขึ้นมาในหัวทันที
แค่ได้เห็นก็เดาออกว่าสิ่งนั้นคือเครื่องทำสวนที่ออกมาเพื่อกวาดล้างวัชพืชออกไปจากโลก
จากสวนแห่งที่สอง
มันมีรูปร่างเหมือนกับเครื่องทำสวนที่กวินทร์เรียกออกมาด้วยสกิล
‘เวพอนไนท์’ ของคลาสเอเลเมนทัลเอนแชนเตอร์
เขาเองก็เคยขึ้นขับเครื่องอื่นมาแล้วครั้งหนึ่ง
คงเพราะเหตุนั้นจึงทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าภายในเครื่องทำสวนนั่นมีคนอยู่
“มีนาอยู่ในนั้นสินะ”
อิงศรพึมพำอย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนสายตาไปยังเครื่องทำสวนอีกเครื่องที่อยู่ด้วยกันแต่เพิ่งจะโผล่พ้นจากแนวต้นไม้ขึ้นมาให้เห็น
ที่จริงมันคงหมอบหรือนอนอยู่บนพื้นหาดด้วยสาเหตุบางอย่างแล้วเพิ่งจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าล่ะมั้ง
เครื่องทำสวนรูปร่างครึ่งคนครึ่งนกที่เคยเห็นจากสกิล
‘เวพอนไนท์’ สายชาโดว์เอนฟอร์ซเซอร์ ของไทเทเนียม
คนที่ขับอยู่ข้างในนั้นพอลองจับสัมผัสดูก็ได้กลิ่นอายอันเย็นเฉียบที่รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งโชยออกมา
“สิงห์...ไม่สิ
แฟรนเซียม”
คงอยู่ข้างในนั้น
แล้วก็ด้วยเหตุผลที่เขาไม่รู้แต่ทั้งสองเครื่องกำลังปะทะกัน
นั่นคือสถานการณ์ในตอนนี้
จากนั้นเครื่องทำสวนรูปสิงโตก็ทำท่าจะปล่อยการโจมตีออกไปทางทิศที่น่าจะเป็นเมืองของเมตไตรย
โซเดียราโอหรือท่าอะไรซักอย่างที่มีแต่เครื่องทำสวนใช้กัน
เป็นการโจมตีด้วยลำแสงสีแดง
อิงศรคาดเดาว่าเป็นการโจมตีแบบนั้นจากแสงสว่างสีแบบเดียวกันที่เปล่งประกายจากปากของมัน
…ถ้ามันยิงออกไปเมืองที่ตั้งอยู่นั้นคงได้สลายหายไปแน่…อิงศรคิด
ต้องยับยั้งมันก่อนที่จะเป็นแบบนั้น แล้วดึงคันธนูที่สะพายเอาไว้มาถือ
“เทคนิคัลเวพ่อน”
อิงศรเปลี่ยนมันเป็นหน้าไม้แล้วเล็งหาจุดที่จะยิงลูกศรออกไปแล้วไม่ทำให้ไฟไหม้ป่า
จากระยะขนาดนี้รวมถึงพลังอำนาจของเครื่องทำสวนแล้วมีแต่ต้องใช้
บัลลิสต้าพันนิชเชอร์เท่านั้น จึงต้องเก็บรวบรวมยูนิทสำหรับร่ายสกิล
แต่สกิลเพิ่มยูนิทที่มีก็คือ
วินด์ช็อกซึ่งต้องร่ายสกิลลูกศรพลังธาตุหนึ่งครั้งต่อหนึ่งยูนิท จำเป็นต้องยิงถึงสี่ครั้งกว่าจะครบมอเตอร์ไซค์ก็คงใกล้ออกจากป่าแล้ว
อิงศรเล็งยิงลูกดอกธาตุทุกลูกลงพื้น
สะสมยูนิทจนครบสี่ธาตุ
พอดีกันกับที่มิ่งขวัญขับมอเตอร์ไซค์มาถึงทางตรงออกจากป่า
ห่างไปอีกห้าสิบเมตรจะถึงชายหาดแล้วจากนั้นอีกราวเกือบร้อยเมตรจะถึงจุดที่มีการสู้รบ
“ตอนนี้เลยศร!”
มิ่งขวัญพูด
ดูเหมือนจะรู้ถึงความตั้งใจของเขาเลยส่งสัญญาณเมื่อถึงทางตรง
อิงศรเชื่อคำพูดของน้องชาย
เชื่อในสัมผัสของตัวเองและสัมผัสของมิ่งขวัญที่เป็นมนุษย์ต่างดาวซึ่งน่าจะมีความละเอียดอ่อนกว่าตัวเองหลายเท่า
ยื่นหนาไม้ออกไปข้างหน้า
เครื่องทำสวนที่มีมีนาอยู่ข้างในอยู่ข้างหนานี่เอง…อิงศรคำนึงถึงเรื่องนั้นตลอดและเป็นกังวลว่าการลั่นไกนี้จะมีผลถึงขั้นฆ่ามีนาที่อยู่ข้างในเครื่องสวนตายไปด้วยหรือเปล่า
แต่หากวิเคราะห์ถึงพลังของดีเซมแมร์
เครื่องทำสวนที่เขาเคยขับมาแล้วสกิลท่าไม้ตายก็ยังได้ไม่ถึงเสี้ยวของพลังที่ของแท้มีอยู่เลย
ถ้าอย่างนั้นการลั่นไกครั้งนี้ก็ฆ่ามีนาไม่ได้แต่เลวร้ายที่สุดตะกลายเป็นว่าแม้แต่สกิลท่าไม้ตายก็ยังทำอะไรเครื่องทำสวนไม่ได้
หากเป็นแบบนั้นพวกเขาก็คงต่อกรกับสงครามคราวนี้ไม่ได้
เท่ากับว่าต่อต้านสิงห์ไม่ได้ไปด้วย
เท่ากับหยุดยั้งโลกจากากรล่มสลายไม่ได้
ถ้าจะทำให้ทางเลือกที่พวกเขาอยากจะก้าวเดินนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาจำเป็นจะต้องโค่นเรื่องทำสวนให้ได้ซักเครื่องด้วยพลังของมนุษย์เป็นอย่างน้อย
จะให้เพิ่มด้วยพลังของมนุษย์ต่างดาว
ปีศาจ เดโมนอยด์ หรือต่อให้ต้องใช้เครื่องทำสวนด้วยกัน ก็จะต้องชนะให้ได้สักเครื่อง
เพื่อพิสูจน์ให้พระเจ้าเห็นว่ามนุษย์ยังมีความตั้งใจที่ตะก้าวเดินต่อไปอยู่
อิงศรเข้าใจเรื่องนั้นจากการต่อสู้กับซีลอร์ด
เข้าใจเป็นอย่างดีว่าในโลกของพวกที่มีพลังเหนือกว่ามนุษย์ขึ้นไปนั้น
‘พลัง’ เป็นสิ่งจำเป็น
เด็กหนุ่มยอมรับความไร้พลังของตัวเองในตอนนี้แล้วลั่นไกออกไปอย่างสบายใจ
“จงตื่นขึ้น!
ศรแห่งดวงดาวที่ทะยานผ่านฟากฟ้าบัลลิสต้าพันนิชเชอร์!”
มีนาจะไม่ตายด้วยการโจมตีนี้นั่นหละข้อดีเพียงอย่างเดียวของการที่ไร้พลัง
มิติอวกาศกางออกมาจากหน้าไม้
แช่แข็งเวลา รถของพวกเขาหยุดวิ่ง
หยุดนิ่งไปโดยไม่มีการกระชาก
หรือ เสียงเบรกใดๆ มันแค่นิ่งไปเลยเท่านั้น
เครื่องทำสวนรูปม้าปรากฏขึ้นจากด้านหลัง
มันควบมาอย่างรวดเร็วและลากรถเทียมที่พ่วงมาด้วยทิ้งเอาไว้ก่อนจะควบหายไปในอวกาศอันมืดมิด
จากตรงนี้ที่เครื่องทำสวนวิ่งไปเมื่อครู่พวกที่อยู่บนชายหาดคงมองเห็นหมดแล้ว
ไหนจะเห็นเจ้าเครื่องทำสวนรูปสิงโตที่มีนาขับอยู่เคลื่อนไหวท่ามกลางมิติอวกาศที่กางจากฟากชายหาดได้ด้วย
ฝั่งนั้นก็มีคนที่คิดเหมือนกันเรื่องใช้สกิลท่าไม้ตายของชุด Awakening Power โจมตีใส่เครื่องทำสวน
แถมยังเป็นบัลลิสต้าพันนิชเชอร์เหมือนกันด้วย
แต่ท่าไม้ตายของอิงศรพุ่งออกไปก่อนฝั่งนั้น
ทว่า
เครื่องทำสวนรูปสิงโตก็ปล่อยการโจมตีเป็นคลื่นเพลิงและลำแสงทำลายลูกธนูทั้งของเขาและของใครก็ไม่รู้ที่อยู่บนชายหาด
ถึงจะโจมตีไม่สำเร็จแต่ก็ขัดขวางไม่ให้มันยิงใส่เมืองได้แล้วแถมยังได้รู้อีกว่าการหยุดเวลาของสกิลท่าไม้ตายใช้กับเครื่องทำสวนไม่ได้และแม้แต่ตัวสกิลเองที่ระบุว่าไม่สามารถยกเลิกหรือหลบหลีกได้ก็ยังถูกสกัดเอาไว้ได้อีกต่างหาก
มิติท่าไม้ตายถูกยกเลิกรถของพวกเขาจึงวิ่งต่อ
มุ่งตรงไปยังชายหาด
อิงศรเปลี่ยนหน้าไม้กลับเป็นคันธนูแล้วง้างเตรียมยิงสกิลออกไปจู่โจมได้ทุกเมื่อ
เพราะอีกไม่กี่วินาทีเขากับน้องชายจะกระโจนเข้าสู่สนามรบ
อย่างไรก็ตาม…
“ขวัญชะลอความเร็วลงหน่อยอย่าพุ่งเข้าไปกลางวงนะ”
ไม่รู้ทำไมแต่น้องชายจอมป่วนคนนี้กลับฟังผิดได้อีก
“ให้เข้าไปกลางวงเลยใช่มะ”
ขวัญพูดแล้วบิดคันเร่งทันที
รถกระชากตัวพุ่งออกไปจนอิงศรที่ไม่ทันตั้งตัวเกือบจะร่วงตกจากรถ
“เฮ้ย!!!”
อิงศรร้องผวาพร้อมกับใช้แขนข้างที่ว่างคว้ากอดเอวมิ่งขวัญไว้แน่นแล้วฝืนเกร็งลำตัวให้ยังทรงตัวอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์ได้
พลางคิดถึงสาเหตุที่มิ่งขวัญขยันฟังผิดได้ขนาดนั้น
มันเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวในคาบเรียนวิชาทหารของเมตไตรย
เรื่องที่ว่ามนุษย์ต่างดาวมีสัมผัสที่เยี่ยมยอดกว่ามนุษย์หลายขุมนั้นทำให้พวกมันเลือกจำแนกสิ่งที่จะฟังหรือได้กลิ่นได้ด้วยความต้องการของตัวเอง
บางทีมิ่งขวัญอาจจะเลือกไม่พยายามฟังเสียงที่อยู่รอบๆ
เพราะเสียงเครื่องยนต์มอร์เตอร์ไซค์จะทำให้แก้วหูแตกเอาแต่ก็กลายเป็นว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดไปด้วยนั่นเอง
ด้วยความเร็วที่เร่งเพิ่มขึ้นมาทำให้ตอนนี้รถย้ายมาอยู่หน้าทางออกป่าที่แสงเจิดจ้าของชายหาดสาดเข้ามาแล้ว
วินาทีถัดมามอเตอร์ไซที่พุ่งเข้าหาแสงสว่างก็ทะยานออกจากป่า
วิ่งข้ามถนน เหินลงไปที่ชายหาด
ระหว่างที่เหินอยู่นั้นอิงศรก็พยายามเก็บรายละเอียดของสนามรบจากมุมสูงอย่างเต็มที่
“…”
เด็กหนุ่มหรี่ดวงตาลงแคบเพราะใช้ความคิดประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งค่อนข้างผิดจากที่คาดไปนิดหน่อย
เมืองที่ควรจะมีอยู่กลับกลายเป็นที่ราบโล่งแล้วที่ตรงนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยกลุ่มของมนุษย์ต่างดาวที่มีรูบิเดียมเป็นแกนนำ
หมายความว่าเป้าโจมตีของเครื่องทำสวนเมื่อครู่ไม่ใช่เมืองแต่เป็นพวกมนุษย์ต่างดาว
มีไฟไหม้บนสนามรบอยู่หลายจุดกระทั่งในทะเลก็ด้วย
แทบมองไม่เห็นมนุษย์ที่เหลือรอดอยู่บนสนามรบเลยแต่ก็พอคาดเดาได้
หากต้องสู้กับเครื่องทำสวนถึงสองเครื่องมนุษย์ย่อมไม่มีที่ยืนอย่างแน่นอน
บนสนามรบแบ่งเป็นฝ่ายของมนุษย์ต่างดาวที่คอยสนับสนุนแฟรนเซียมที่ขับเครื่องทำสวนครึ่งคนครึ่งนกปะทะกับเครื่องทำสวนรูปสิงโตที่มีนาขับอยู่
เท่าที่ฟังจากซีลอร์ดมาแฟรนเซียมน่าจะทำการทดลองเครื่องทำสวนที่นี่และให้มันทำลายเมตไตรยซึ่งก็ทำสำเร็จไปแล้วแต่กลับมาสู้กันเองแบบนี้หมายความว่ายังไง
อิงศรเค้นสมองคาดเดาเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้จนคำตอบเพียงหนึ่งเดียวหลุดออกมา
“หรือว่าจะหลุดการควบคุม”
ตอนนั้นเองที่เครื่องทำสวนสิงโตหันมาทางนี้
มันจ้องพวกเขาอย่างสนอกสนใจจนอิงศรคิดว่านานกว่านี้จะเป็นอันตราย
บางทีมันอาจจะกำลังหมายหัวพวกเขาอยู่
จึงตัดสินใจเล็งธนูไปด้วยความคิดเช่นนั้น
“บัพแอโรว์!!”
เด็กหนุ่มแผดเสียงตะโกนแล้วแผลงศร
ลูกธนูนั่นลุกไหม้และขยายตัวกลายเป็นมหิงสาเพลิงพุ่งเข้าหาเครื่องทำสวน
แต่มหิงสาเพลิงก็สลายไปก่อนจะทันเข้าถึงตัว
อิงศรไม่ค่อยแปลกใจกับเรื่องที่เกิดซักเท่าไหร่เพราะมีข้อมูลการต่อสู้กับดีเซมแมร์ที่ได้มาจากกวินทร์ที่จับมานั่งรีดเค้นข้อมูลด้วยตัวเอง
มีข้อมูลเรื่องที่สกิลต่างๆ สลายหายไปก่อนจะเข้าถึงตัว
เพราะอนุภาคทองคำที่ล่องลอยอยู่รอบๆ เครื่องทำสวน
อนุภาคเหล่านั้นคงมีพลังต่อต้านอมฤตหรืออะไรทำนองนั้น
แต่อาจจะยกเว้นสกิลที่มีพลังทำลายสูงอย่างสกิลที่เรียกเครื่องทำสวนมาเพราะว่ามันทำการโจมตีต่อต้านเอาไว้แทนที่จะปล่อยให้เข้าถึงตัว
แม้แต่ตอนที่สู้กับซีลอร์ด
เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมให้เขาใช้สกิลท่าไม้ตายเช่นกัน
ตอนนั้นเองมอเตอร์ไซค์ก็ลงมาบนหาดพอดี
มิ่งขวัญบีบคันเบรกด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเอียงตัวรถเพื่อชะลอความเร็ว
ล้อเสียดสีกับพื้นทรายดัง
‘เอี้ยด’
ได้ยินเครื่องทำสวนรูปสิงโตพูดด้วยเสียงของมีนาว่า
“มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกที่ซีลอร์ดกำลังจับตาดูอยู่รึ”
ดูเหมือนเรื่องที่ซีลอร์ดทำอะไรจะรู้ไปถึงหูใครต่อใครกันหมด
“…”
อิงศรละสายตาจากสนามรบไปเพราะมีเรื่องที่คาใจต้องจัดการก่อนแล้วตะหวาดใส่น้องชาย
“ก็บอกว่าอย่าซิ่งให้มันเร็วนักไงเล่าจะขับผาดโผนทำไมนักหนา!”
มิ่งขวัญที่ได้ยินแบบนั้นก็หันหน้ากลับมาตอบโต้
“ไม่เห็นเป็นไรเลยก็มาถึงเร็วๆ
ดีกว่านี่ ขวัญก็ขับดีไม่ใช่รึไง!”
“แต่ฉันต้องเล็งธนูไม่มีมือจับรถไว้เมื่อกี้เกือบร่วงไปแล้วนะ!”
“ก็ไม่เห็นจะร่วงซักหน่อย!”
ช่วงที่กำลังทะเลาะกันอยู่นี่เองอิงศรก็ได้ยินเสียง
เสียงหวีดของอากาศที่แปรปรวนเพราะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงกะทันหันและรวมกับเสียงเครื่องจักรที่กำลังเพิ่มรอบหมุนเพื่อสร้างพลังงาน
เสียงชาร์จพลังของเครื่องทำสวนนั่นเอง
สิงโตจักรกลอ้าปากที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีแดงของมันเล็งมาที่นี่
“โซเดียราโอ...”
สิ้นคำลำแสงก็แผดเผาใส่พวกเขาพี่น้อง
…และแล้วเวลาก็ย้อนกลับมาสู่ปัจจุบัน
ก่อนที่ลำแสงจะพุ่งมาถึงตัว
อิงศรก็ถูกโอบด้วยแขนของน้องชายแล้วโดนลากลงจากรถมอเตอร์ไซค์
มิ่งขวัญกระโดดขึ้นไปพร้อมกับแบกตัวเขาเอาไว้ตอนที่ลำแสงตกลงมากระทบพื้นพอดี
เกิดระเบิดขึ้น
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทรายบนหาดลอยพุ่งขึ้นไปในอากาศ
พื้นส่วนที่ถูกโจมตีถึงกับหลอมละลายจนกลายเป็นทรายดูด
ตอนนั้นเอง…
“พี่ศร!”
เสียงของกวินทร์ก็ดังมา
รุ่นน้องกับคนอื่นๆ
ที่นั่งรถเพิ่งมาถึงตอนที่ลำแสงกระแทกลงบนพื้นทรายพอดีและมองเห็นหลุมทรายดูดบนพื้นจนเผลอคิดไปว่าพวกอิงศรอาจจะจมทรายจนออกมาไม่ได้
แต่แล้วความเป็นห่วงนั่นก็สูญเปล่า
มิติท่าไม้ตายกางออกมาจากกลุ่มควันและทรายยังคละคลุ้งอยู่ตรงนั้น
อวกาศสีดำมืดที่มังกรจักรกลหนึ่งในเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาพร้อมกับมิ่งขวัญในร่างอัศวินทองคำ
‘โกลด์กาแลนต์’ อุ้มอิงศรแหวกฝ่าออกมาอย่างปลอดภัย
ทั้งสองลงสู่พื้นหาดได้ไม่ทันไรก็มีสัตว์เทวะคล้ายสิงโตแต่มีร่างเป็นกลุ่มควันสีเขียวหม่นเข้าล้อมทันที
อิงศรดีดตัวลงจากแขนของมิ่งขวัญเพื่อตอบโต้ทันที
เขาทำให้ไพ่อาคานาร์ปรากฏขึ้นในมือ
“เมอร์คาบาห์...”
คำพูดนั้นส่งผลกับการเคลื่อนไหวของรูบิเดียมและเครื่องทำสวนที่แฟรนเซียมขับอยู่
ทั้งสองมีปฏิกิริยาต่อชื่อ เมอร์คาบาห์อย่างไม่ต้องสงสัย
“ได้มาแล้วสินะกุญแจ...”
ถึงจะแค่เบาเหมือนเสียงกระซิบแต่อิงศรก็ได้ยินเสียงพูดของแฟรนเซียม...
ที่จริงแล้วเป็นเสียงของสิงห์ เสียงเหมือนกันมาก
จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่ามันน่าตกใจที่ทั้งสองคนนั่นจะเป็นคนๆเดียวกันถึงจะไม่เคยพบกับแฟรนเซียมมาก่อนก็ตาม
แล้วเมื่อเขาเอ่ยนามที่เหลือของปีศาจที่ผูกพันด้วยโชคชะตาออกไป
“ฮันเซลัชช่า!!”
และบีบขยี้อาคานาร์
บีบขยี้ความคาดหวังของแฟรนเซียมไปทั้งอย่างนั้น
อิงศรอัญเชิญเทพธิดาซึ่งมีเค้าหน้าเหมือนกับตนเองออกมา
เทพธิดากวัดแกว่งใบมีดฟาดฟันสัตว์เทวะให้หายไปได้ในการตวัดเพียงครั้งเดียว
ความคิดเห็น