ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #139 : Login 136: บทปฐมกาล Genesis

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 317
      7
      7 ส.ค. 60

    Login 136: บทปฐมกาล Genesis

     

                ‘ทูตสวรรค์เรมิเอลได้แจ้งเตือนให้แฟรนเซียมกับทัพมนุษย์ต่างดาวให้ถอยกลับไป

                หากประเมินจากพลังที่สังหารชั้นศิษย์ทั้งหมดด้วยการเป่าแตรเพียงครั้งเดียว เรมิเอล ก็คือหนึ่งใน ทูตสวรรค์ชั้นสูงที่เป่าแตรแห่งวันวินาศตามพระคัมภีร์ เป็นปีศาจที่มีพลังอำนาจแก่กล้ายากจะจัดการแต่ไม่ถึงกับต้องถอยหนี

                หากยังเป็นมนุษย์คงทำอะไรไม่ได้ แต่ต่อให้เป็นมนุษย์ต่างดาวผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ต่างกันอยู่ดี ทูตสวรรค์ก็ยังเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าเพราะมนุษย์ต่างดาวแพ้ทางปีศาจ

                แต่แฟรนเซียมในตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแค่มนุษย์ต่างดาวธรรมดาๆ เหมือนกัน

                เขาตวัดดาบทำให้มันยืดออกเป็นสายแล้วทะลุมิติไปจู่โจมจากด้านหลังของ ทูตสวรรค์

                “ถือว่าข้าเตือนไปแล้วนะ

                เรมิเอลกล่าวจากนั้นดาบก็เสียบทะลุร่าง

                มันควรจะเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งดาบเข้าปะทะแต่ดันเกิดเสียงเหมือนโลหะกระทบกันดัง แกร๊ง

                ดาบกระเด็นออก มันกระแทกเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นแล้วกระดอนไปในทิศทางอื่น

                ‘ทูตสวรรค์ยกคันแตรขึ้นอีกพร้อมกับสูดลมหายใจคงจะปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงกว่าเมื่อครู่ เป็นการโจมตีที่ฆ่าได้แม้แต่มนุษย์ต่างดาวชั้นครูอย่างแน่นอน แต่ว่า

                “ก็คิดเอาไว้แล้วล่ะน่า!

                แฟรนเซียมตวัดด้ามดาบ บังคับให้ใบดาบที่กระดอนออกหักเลี้ยวแล้ววนรอบตัว ทูตสวรรค์ดาบพยายามจะรัดพันร่างของเรมิเอลแต่กลับติดกำแพงอากาศที่ห้อมล้อมจนสัมผัสตัวไม่ได้

                “รัดให้แหลกไปพร้อมกับโล่ป้องกันเลย!

                แฟรนเซียมสั่งออกไปพร้อมกันนั้น

                “…”

                ก็รู้สึกได้ว่าเลือดถูกสูบออกไปจำนวนมากเสียจนเกือบจะหน้ามืดทีเดียว

                โลหิตดำทะมึนถูกฉีดเข้าไปในดาบทำให้สีของมันยิ่งเข้มขึ้นและผลิตท่อนดาบให้ยืดยาวออกไปอีก

                ‘ดาบแห่งมังกรเทวะผู้นำมาซึ่งจุดจบอาซี-ซาฮาคเกิดจากโลหิตของแฟรนเซียม ยิ่งได้เลือดของเขาไปมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งแข็งแกร่งและทวีพลังทำลายล้างอย่างดุดัน

                ดาบแต่ละท่อนยังคงผุดออกจากโพรงอากาศโดยไม่รู้จักหมดสิ้นความยาวที่มันปรากฏออกมามากกว่าสองกิโลเมตรเกินจากขนาดปกติที่มันแสดงให้เห็นก่อนยืดตัวแถมยังแหวกโพรงแล้วไปผลุบโผล่อยู่อีกหลายที่จนกระทั่ง เรมิเอล ถูกสายโซ่ดาบมัดเป็นทรงกลมตามรูปร่างของกำแพงล่องหน

                ดาบที่พันทบไปมากๆ เข้ายิ่งทำให้มีแรงกดดันเพิ่มเหมือนกับถูกบีบด้วยแรงอัดหลายร้อยตัน

                ดาบรัดแน่นมากขึ้น

                มากขึ้น

                มากขึ้นไปอีก

                เพล้ง!! เสียงเหมือนแก้วแตกดังลั่น ก้อนโซ่ที่พันทบเป็นทรงกลมเริ่มยุบตัวจนได้ยินเสียงรัดแน่นดัง กึ้ด กึ้ด กึ้ด ไม่นานนักก็

                ‘โพละ

                สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นถูกบีบจนแหลกละเอียดอย่างแน่นอน ก้อนโซ่ดาบยุบลงไปจนกระทั่งโซ่แต่ละเส้นปะทะกันเองมันก็รัดพันกันจนมั่วไปหมด

                แฟรนเซียมถอนดาบออกจากโพรงอากาศทำให้โซ่ทั้งหมดหายไป

                พริบตานั้นขนนกจำนวนมหาศาลก็ปลิวกระจัดกระจายท่ามกลางอณูแสงสว่างที่เกิดจากร่างของ ทูตสวรรค์ดับสูญ

                “แต่มันก็ไม่ตายอยู่ดีล่ะนะ

                แฟรนเซียมบอกกับตัวเองอย่างนั้นเพราะได้ยินเสียงโห่อย่างยินดีมาจากพวกชั้นครูที่อยู่ด้านหลัง

                “ท่านลำดับที่หนึ่งสุดยอด!

                “สมกับเป็นท่านแฟรนเซียมผู้แข็งแกร่งที่สุด

                เสียงชื่นชมและให้กำลังใจเหล่านั้นสูญเปล่า

                ปีศาจนั้นเมื่อถูกทำลายก็จะกลับไปหาสิ่งที่มันทำพันธสัญญาด้วยอย่าง...

                อาวุธที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นปีศาจ

                หรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทำสัญญาด้วย

                หรือไม่ก็วัตถุที่มีความผูกพันเป็นพิเศษ

                จะอย่างไหนปีศาจก็ไม่มีวันตาย หากไม่มีที่ไปมันก็แค่ออกจากโลกนี้แล้วกลับไปยัง รากที่เรียกว่าอาคาชิกเรคคอร์ด หรือ บันทึกแห่งอากาศิกส์และรอวันที่พันธสัญญาจะผูกมัดพวกมันลงมายังโลกนี้อีกครั้งซึ่งซีลอร์ดเรียกมันว่า ดาวน์โหลดโชคชะตา

                “…”

                หลังจากสังหารเรมิเอลก็ยังไม่เห็นวี่แววของ ทูตสวรรค์ตนอื่นรวมถึงมนุษย์ที่น่าจะออกมาเป็นกำลังเสริม

                ที่นี่มีกองกำลังป้องกันอยู่เพียงแค่นั้น?

                “เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วน่า

                ถ้าข้อมูลที่ได้มาเป็นความจริงที่นี่ควรจะต้องมีการป้องกันหนาแน่นกว่านี้มากเพราะมีสิ่งสำคัญของฝ่ายนั้นที่จะต้องปกป้องอยู่หรือจะบอกว่า เรมิเอล คือการป้องกันขั้นสูงสุดที่เตรียมได้แล้วอย่างนั้นหรือ

                แฟรนเซียมไม่ได้คิดเชื่อสันนิษฐานลอยๆ ของตัวเองแม้แต่น้อย ทว่าหากจะบุกเข้าไปทั้งแบบนี้เลยก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเป็นแผนตลบหลังแล้วถูกปิดล้อมไว้ข้างในแทน

                “ตรึงกำลังล้อมที่นี่เอาไว้ฉันจะเข้าไปตรวจดูข้างในหน่อย

                เขาสั่งไว้แบบนั้นแล้วเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีใครคิดห้ามหรือขอติดตามไปด้วยเพราะต่างก็มั่นใจในพลังของมนุษย์ต่างดาวที่แข็งแกร่งที่สุด

                แฟรนเซียมกระโดดข้ามรั้วสูงเข้าไปข้างในเขตรัฐสภาแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของศัตรู ไม่มีแม้แต่กับดัก ไม่มีอะไรเลย

                “สามคนนั่นควรจะอยู่ที่นี่

                แฟรนเซียมบอกกับตัวเองอย่างนั้น

                เหตุผลที่มาที่นี่

                เหตุผลที่หลอกใช้เมตไตรย อารย-สนธยา และอิงศร

                เหตุผลที่ต้องกำจัดเป้าหมายในคราวนี้

                พวกอดีตราชครูที่ก่อกบฏเอาวิธีอัญเชิญปีศาจลงมาที่โลกจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมีอาวุธติดตั้งปีศาจระดับสูงอยู่ในมือตั้งแต่แรกอย่าง ลูซิเฟอร์ หรือ มาสเทม่า เพราะว่าผู้คิดค้นระบบการอัญเชิญก็คือมนุษย์ต่างดาว

                แต่คนที่ทำให้มันสำเร็จเป็นจริงขึ้นมาคือซีลอร์ด

                แฟรนเซียมท่องชื่อของผู้ทรยศสามตนนั้นอย่างแม่นยำ

                “ฟอสฟอรัส เบริลเลียม ซามาเรียม

                เจ้าพวกนั้นลงมาที่โลกแล้วทำการทดลองจนเกิดมนุษย์ครึ่งปีศาจที่ถูกเรียกว่า เนฟิลิมซึ่งปัจจุบันนี้ถูกต่อยอดจนสำเร็จเป็น เดโมนอยด์ไปแล้ว

                ในสมัยก่อน เนฟิลิมเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์บนโลกจึงถูกกำจัดด้วยน้ำมือของมนุษย์ต่างดาวที่ถูกส่งมาตามล่าตัวผู้ทรยศ มนุษย์ที่ชื่อ เอโนค เป็นผู้จดบันทึกการไล่ล่าครั้งนั้นจนออกมาเป็นตำนานในศาสนาอย่างที่รู้จักกันในชื่อ คัมภีร์แห่งเอโนค’  จารึกอยู่ในหัวข้อเกี่ยวกับ กริกอรี่

                มีแต่คำศัพท์เฉพาะเต็มไปหมดเพราะว่าซีลอร์ดพยายามจะเล่าให้เข้าใจในแบบที่มนุษย์จะเข้าใจได้ซึ่งมันให้ผลตรงกันข้ามในทีแรก

                เวลาต่อมาหลังจากได้ศึกษาคัมภีร์ฉบับปัจจุบันถึงรู้ว่าผู้ทรยศยังไม่ถูกจับตัวกลับไปและร่วมมือกับพวกทูตสวรรค์ก่อเรื่องมากมาย

                โลกถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไงล่ะ

                “เวลาของเจ้าพวกนั้นหมดลงวันนี้ล่ะ

                แฟรนเซียมเดินเข้ามาในอาคารรัฐสภาตอนนี้หยุดอยู่ที่โถงประชุมขนาดใหญ่ซึ่งเคยเห็นในโทรทัศน์

                สถานที่ที่พวกนักการเมืองมาสุมหัวถกเถียงกันเรื่องทิศทางการดำเนินไปของประเทศ

                ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีวี่แววของคนหรืออะไรเลยทั้งที่ได้รับรายงานมาว่าที่นี่คือสถานที่ทดลองวิจัยแอพพลิเคชั่นปีศาจก่อนโลกจะล่มสลาย

                แฟรนเซียมลองเงี่ยหูฟังด้วยประสาทสัมผัสระดับมนุษย์ต่างดาวเขาได้ยินเสียงบางอย่างจากใต้ดินลึกลงไปใต้อาคารแห่งนี้

                แต่เสียงก็ดังเกินกว่าจะเป็นบริเวณแคบๆ มันมีทั้งเสียงคนกำลังพูดคุย เสียงเดิน เสียงเครื่องจักร ดังก้องไปมาจากหลายที่ในเวลาเดียวกัน

                “รอยัลเซเบอร์

                แฟรนเซียมร่ายสกิลแล้วตวัดดาบฟันลงไปที่พื้น

                “บริโอแน็คส์!

                ดาบเปล่งแสงสว่างแล้วแสงนั่นก็ยืดขยายออกไปตัดผ่าพื้นห้องทะลุลงไปถึงใต้ดิน ผลลัพธ์คืออาคารรัฐสภาถล่มพังลงไปยังช่องว่างที่อยู่ใต้ดิน

                แฟรนเซียมกระโดดลงยังชั้นใต้ดินนั่น

                ข้างล่างมืดสนิทแต่ดวงตาของมนุษย์ต่างดาวซึ่งเป็นบุตรแห่งแสงนั้นความมืดไม่อาจกล้ำกรายเข้ามาได้

                มองเห็นชัดเจนเหมือนใส่กล้องอินฟาเรดเลยล่ะ

                จากมุมมองของกล้องอินฟาเรดนั่นเองเลยรู้ว่าสถานที่ซึ่งตกลงมาคือใจกลางห้องนั่งเล่น

                มีเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้อำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นแล้วก็ที่ข้างหน้าซึ่งเขากำลังมองไปนั้น

                มีเงาคนอยู่สามคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อสายจากร่างกายไปยังเครื่องจักรขนาดใหญ่โตดูแปลกตา

                ทั้งสามคนเป็นชายชราสวมชุดแบบเดียวกันเป็นชุดผ้าสีเขียวเนื้อบางเหมือนชุดคนป่วยใบหน้าเหี่ยวย่นจนเปิดดวงตาไม่ได้และสภาพก็เจียนอยู่เจียนไป

                สามคนนี้คือพวก กริกอรี่อย่างนั้นหรือ?

                แฟรนเซียมไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะมนุษย์ต่างดาวไม่แก่ชราแล้วอีกอย่างสามคนตรงหน้าก็ไม่มีแถบพลังชีวิตกับชื่อแสดงให้เห็นอาจจะโดนทำการทดลองจนไม่สามารถรับอมฤตได้หรือไม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว

                แต่หนึ่งในสามนั้นกลับพูดขึ้นมายังไม่ตายสินะ

                “มาแล้วเรอะผู้บุกรุก

                น้ำเสียงนั้นค่อนข้างแหบและฟังออกได้ยากราวกับคนใกล้ตาย

                “พวกแกคือกริกอรี่งั้นเรอะ

                แฟรนเซียมถาม

                ชายอีกคนตอบด้วยเสียงใกล้ตายแบบเดียวกันว่า

                “ไม่ได้ยินซะนานหลังจากถูกจับตัวไว้ที่นี่แกเป็นใครกัน

                เจ้าพวกนี้คือผู้ทรยศตัวจริง แต่ทำไมล่ะ...

                “ทำไมพวกแกถึงได้แก่ลงไปขนาดนั้น

                มีเสียงสูดหายใจแผ่วเบาดังมาจากอีกคน

                “แกรู้ว่าพวกเราเป็นใครสินะก็ไม่รู้หรอกว่ามาทำไมแต่ขอบใจที่ช่วยทำลายเครื่องยื้อชีวิตให้เท่านี้ก็จะไม่ต้องทนทรมานแล้ว

                ดูเหมือนว่าเครื่องยื้อชีวิตจะถูกซากอาคารรัฐสภาที่ถล่มลงมาทับจนพังพินาศอยู่ใต้เท้าเขานี่เอง

                “พวกแกคือ ฟอสฟอรัส เบริลเลียม ซามาเรียม อย่างนั้นเรอะ

                ชายคนแรกเป็นคนตอบคำถาม

                “อ้อ แกเป็นพวกที่มาตามล่าคนทรยศสินะงั้นก็สบายใจเถอะพวกเราถูกทูตสวรรค์ตลบหลังตอนนี้กลายเป็นแค่เครื่องมือไปแล้วแต่เพราะแกช่วยทำลายเครื่องยื้อชีวิตให้เพราะงั้นพวกเราจะได้ตายกันซะทีไม่ต้องทนทรมานอีกแล้วขอบใจแกมากเพราะงั้นรีบหนีไปซะ

                สรุปก็คือผู้ทรยศทั้งสามไม่ได้ร่วมมือกับทูตสวรรค์แต่ถูกหักหลังและใช้งานจนกระทั่งมีสภาพเป็นอย่างตอนนี้บางทีคงได้รับสารอะไรบางอย่างไปยับยั้งการทำงานของอมฤตในร่างกายหรืออาจจะเป็นผลข้างเคียงของการมาอยู่บนโลกที่ไม่มีอมฤตเป็นเวลายาวนาน

                มนุษย์ต่างดาวนั้นก็คือบุตรแห่งแสง ถือกำเนิดจากแสงสว่างของ แอดมินิสเทรเตอร์ โซลาริสอาศัยอยู่ในสวนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเต็มไปด้วยอมฤตจึงอาจจะยังไม่เคยมีใครในเผ่าแก่ชรามาก่อน

                พอคิดถึงอมฤตก็ทำให้นึกไปถึงตอนที่ซีลอร์ดชุบชีวิตให้กับตัวเขาที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่งในการทดลองสร้างแอพพลิเคชั่นปีศาจของพวกทูตสวรรค์

                อมฤตทำให้สรรพสิ่งย้อนกลับไปสู่รูปดั้งเดิมหมอนั่นกล่าวไว้แบบนั้น

                ดังนั้นมนุษย์ต่างดาวจึงไม่แก่ชรา...

                แต่ว่า เพราะเหตุผลนั้นก็เลยทำให้เขาคืนชีพมาเป็นมนุษย์ต่างดาวไปด้วยอย่างนั้นหรือ?

                แค่เพราะซีลอร์ดนำอมฤตที่เข้มข้นใส่เข้ามาในร่างของเขา ร่างกายจึงย้อนกลับไปถึงขนาดที่เปลี่ยนเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือว่าแท้จริงแล้วบรรพบุรุษของมนุษย์ที่อยู่บนสวนศักดิ์สิทธิ์ก็จะเหมือนกับมนุษย์ต่างดาวกันล่ะ

                อดัมก็เป็นบุตรแห่งแสง

                ถ้าอย่างนั้นมนุษย์ทุกคนก็เคยเป็นบุตรแสงมาก่อนอย่างนั้นสิ

                “…”

                แฟรนเซียมไม่เข้าใจเหตุผลของเรื่องพวกนั้นแล้วก็ไม่ได้พยายามจะสนใจ สิ่งที่เขาสนใจคือต่อจากนี้ไปต่างหาก

                อนาคตต่อจากนี้ไปคือโลกที่จะถูกแก้ไขดังนั้นจึงต้องมากำจัดตัวเกะกะแต่ว่าสามคนนั่นก็จะตายในไม่ช้านี้ ไม่สิ เจ้าพวกนี้ไม่ใช่ตัวเกะกะมาตั้งแต่แรก

                ถ้าอย่างนั้นตัวเกะกะที่แท้จริงก็เหลือแค่....

                ตอนนั้นเอง มีแสงสว่างแทรกลงมาตรงกึ่งกลางระหว่างเขากับชายชราทั้งสาม

                “รีบหนีไปสิมันกำลังจะมาแล้ว

                ชายชราคนเดิมบอกให้หนี ที่จริงก็เอะใจตั้งแต่ที่พูดมาก่อนหน้านี้แล้วว่าทำไมถึงบอกให้หนี

                พวกนั้นรู้แต่แรกว่าอะไรบางอย่างกำลังจะมาที่นี่

                บางที...

                “เจ้าตัวเกะกะมาแล้วเรอะ

                แฟรนเซียมถีบตัวกระดอนขึ้นจากชั้นใต้ดินในระหว่างนั้นก็มองขึ้นไปด้านบน

                แสงปริศนาไม่ได้มีแค่ลำเดียวแต่มันส่องลงมาโดยแหวกผ่านหมู่เมฆจากหลายที่และท้องฟ้าก็สว่างไสวเหมือนตอนที่ เรมิเอล ปรากฏตัว

                “บุตรแห่งแสงท่านจักต้องพินาศลงที่นี่

                เสียงกระจ่างใสของทูตสวรรค์

                แล้วแฟรนเซียมก็รู้จักมันมาก่อน มันทำให้เขาเกร็งทั้งร่าง ทูตสวรรค์ซึ่งเคยปรากฏตัวเห็นในการปิดตายเมืองเพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นปีศาจ

                “...เมตาตรอนเรอะ!

                เขาเบนสายตาไปทางยังแสงสว่างที่มีรัศมีกว้างที่สุดซึ่งเป็นแสงแรกที่ตกลงไปยังใต้ดินของอาคารรัฐสภา

                แล้วจากความว่างเปล่าท่ามกลางแสงสว่างนั้นทูตสวรรค์ซึ่งมีร่างเป็นโลหะเงินทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า มีเส้นผมสีทองหยิกหยอยยาวเป็นปอยถึงติ่งหู มีปีกโลหะคู่มหึมาขนาดที่โอบตึกได้ทั้งหลังโบกกระพือส่งเสียงโลหะแหลมสูงกำลังเสียดสีกัน ดวงตาของทูตสวรรค์มีสีเขียวส่องประกายราวกับแสงระยับของมรกต

                ทูตสวรรค์เหวี่ยงมือตรงเข้ามา แฟรนเซียมดึงดาบขึ้นและคิดว่าจะใช้ป้องกันการโจมตี แต่ทว่ามือนั่นไม่ใช่การโจมตี

                “เมกิดโด้

                “สกิล...งั้นเรอะ

                ถึงมารู้ตัวเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว มีเสียงเหมือนดอกไม้ไฟถูกยิงขึ้นไปดัง วี้ด ยาวๆ ก่อนจะระเบิดปุ้ง

                จากท้องฟ้าดวงดาวสุกสกาวกำลังร่วงหล่นลงมา

                ดาวตกที่ไม่ได้เล็งพื้นที่ของเขาดวงหนึ่งตกลงไปตรงแถวเขตสวนสัตว์พริบตานั้นเองก็เกิดระเบิดเสียงดังก้อง มองเห็นบริเวณนั้นถูกเป่าจนกระจุยหากรับเอาไว้คงไม่ดีแน่

                แฟรนเซียมเริ่มวิ่ง เขาหลบหลีกออกจากเส้นทางที่ดวงดาวจะตกใส่

                แต่ทูตสวรรค์ก็ไม่ได้ยอมให้ทำอย่างสบายๆ

                “รีเวเลชั่น

                ทันใดนั้นร่างของทูตสวรรค์ก็เปล่งประกายไปด้วยแสงระยิบระยับราวกับพลุ ประกายแสงเหล่านั้นกลายเป็นกระสุนกราดยิงไปทั่วพื้นที่จนหลบหลีกไม่ได้ดั่งใจ

                “คุ้มกันที อาซี-ซาฮาค

                ตอนที่ตะโกนออกไปก็มีดาวตกดวงหนึ่งพุ่งลงมาพอดี ดาบของเขายืดตัวออกแล้วพุ่งขึ้นไปตัดมันทิ้ง

                ดาวตกที่โดนผ่าออกเป็นสองซีกพุ่งตกลงขนาบตัวแฟรนเซียมพอดี จากนั้นเมตาตรอนก็บินมาอยู่เหนือตัวเขา

                กระสุนแสงที่มันปล่อยออกมาพุ่งเข้าใส่แต่แฟรนเซียมตวัดดาบแล้วสั่งให้มันขดเป็นแผ่นวงกลมเหมือนโล่รองหัวเอาไว้

                กระสุนปะทะเข้ากับโล่ดาบและระเบิดปุ้งปั้งๆๆ เหมือนประทัดอยู่สิบครั้งจึงหยุดลง

                พอคลายโล่ออกร่างของทูตสวรรค์ก็ไม่ได้เปล่งแสงอีกแล้ว

                ถ้าดูจากการรุกรับตอนนี้ทางเขายังเสียเปรียบอยู่ อีกฝ่ายบินได้ ขอบเขตการโจมตีจึงมีมากกว่าแล้วยังจะโจมตีรุนแรงเป็นวงกว้างได้อีกหากเจอกับดาวตกคงใช้โล่ดาบแบบเมื่อครู่ป้องกันไม่ได้แน่ๆ แล้วจากที่สู้กันเมื่อครู่...

     

    Francium Lv. 144

    [/////56090:100000/....]

     

                ก็ทำให้พลังชีวิตลดลงไปมากพอดู ถึงจะป้องกันเอาไว้ได้แต่ความร้อนของกระสุนแสงและแรงกระแทกจากการระเบิดก็สร้างความเสียหายชนิดที่หากเป็นคนธรรมดาคงจะตายไปตั้งแต่นัดแรกหรือต่อให้เป็นพลเอกผู้เก่งกาจอย่าง สิงห์ ธุวดารกะ แห่งเมตไตรยก็ไม่แน่ว่าอาจจะตายในนัดที่สอง

                แต่ที่ทำให้พลังชีวิตลดลงไปมากขนาดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น

                ‘อาซี-ซาฮาคเป็นดาบที่ต้องการเลือดเพื่อเพิ่มพลังเพราะมันสร้างขึ้นจากเลือดแล้วเขาก็ป้อนเลือดให้มันมาตั้งแต่เริ่มสงครามที่นี่

                ดูจากที่ผ่านมาหากจะใช้พลังที่มีอยู่ในตอนนี้คงเอาชนะไม่ได้แต่ก็ยังพอต้านทานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาจุดอ่อนเจอแต่เลือดคงจะถูกดาบสูบไปจนหมดก่อนได้ฆ่าศัตรู

                ทางเลือกจึงเหลือเพียงอย่างเดียว

                “ต้องใช้ไอ้นั่น...แล้วสินะ

                แฟรนเซียมสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย

                มันจำเป็นต้องทำใจในการจะใช้สิ่งนั้น...

                เพราะว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะตายหากไม่สำเร็จเนื่องจากต้องป้อนเลือดให้กับดาบในจำนวนที่ทำให้เกือบตายหากพลาดพลั้งถูกจู่โจมขึ้นมาก็จบแค่นั้น

                “เมกิดโด้!! รีเวเลชั่น!!

                การโจมตีของทูตสวรรค์เริ่มขึ้นอีกครั้ง

                “...”

                แฟรนเซียมพยายามมองหาโอกาสที่ว่าอย่างสุดกำลัง

                ทั้งหลบหลีกฝนดาวตก ทั้งปัดป้องกระสุนประกาบแสง เพียงเท่านั้นก็เต็มกลืนแต่เขาก็ยังไม่หยุดหามัน

                ช่วงเวลาที่การโจมตีทั้งหมดจะหยุดลงซักสองวินาทีมันจะต้องมีช่องว่างนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

                แฟรนเซียมวิ่งทิ้งระยะห่างไปด้วยความหวังเช่นนั้น

                ทั้งที่วิ่งด้วยความเร็วสูงก็ยังทิ้งห่างไปได้ไม่มากเนื่องจากขนาดตัวของ เมตาตรอนนั้นเทียบกับคนปกติแล้วใหญ่เป็นเจ็ดเท่า แทบจะสิ้นหวังในการหนีออกห่าง

                ทว่า เวลาที่เขารอคอยก็มาถึงเมื่อกระสุนแสงหยุดลง

                แฟรนเซียมดึงดาบที่กางเป็นโล่ไว้กลับมาแล้วหันหลังกลับไปเผชิญหน้า

                “เอ้า! หลั่งเลือดข้าไปให้พอ เอาไปเท่าที่เจ้าต้องการแต่จงอย่าให้ข้าตายปลดปล่อยขั้นที่สอง ซอร์ดเซอร์ไว!! (sword Survive)”

                พอพูดแบบนั้นออกไปเลือดก็ไหลทะลักจากปากแผลที่ข้อมือจนรู้สึกได้ว่ามันฉีกออกเพราะแรงดันของเลือด

                ดาบที่สูบกินเลือดจนพลังชีวิตลดลงฮวบฮาบก็เริ่มจะเต้นตุบตับในจังหวะที่เร็วขึ้น ดวงตาบนใบดาบแต่ละท่อนถูกย้อมเป็นสีดำ

                “…ดาบมังกรเทวะแห่งจุดจบ อาซี-ดาฮากา

                ชื่อของดาบเปลี่ยนไปในตอนนั้นเมื่อแฟรนเซียมตวัดดาบให้มันสร้างโพรงอากาศแล้วผลุบหายเข้าไปก็เกิดโพรงอากาศจำนวนมากปรากฏขึ้นรายล้อมทูตสวรรค์

                พริบตาต่อมาดาบก็พุ่งออกมาจากหลุมทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ราวกับเล่นกลแยกร่าง

                โซ่ดาบพุ่งเข้าไปมัดตามแขน ขา และข้อต่อทั้งหมดจนอีกฝ่ายขยับตัวไม่ได้

                ความแข็งแรงของดาบคือสิ่งที่ไม่มีวันตัดให้ขาดได้ดังนั้นต่อให้ทูตสวรรค์ตัวใหญ่ยักษ์นี้พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังจนเกิดเสียงโลหะแหลมสูงจากการที่ร่างเหล็กเงินเสียดสีกับดาบจนบาดหูก็ไม่สามารถหนีออกไปได้

                “จบกันแค่นี้แหละ เมตาตรอน เท่านี้พวกแกก็มาขัดขวางแผนสร้างโลกใหม่ของฉันไม่ได้แล้ว

                แฟรนเซียมพูดเหมือนกับว่าจะฆ่าปีศาจที่ตัวเองเข้าใจดีว่าไม่มีวันตายได้

                ใบหน้าของชายหนุ่มมั่นใจเป็นอย่างมากทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็ขยับตัวไม่ได้เหมือนกันเพราะต้องทุ่มสุดกำลังจับตัวอีกฝ่ายไว้

                ตอนนั้นเอง บนท้องฟ้าก็ปรากฏเครื่องจักรขนาดมหึมาที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าตัวของเมตาตรอนถึงสี่เท่า

                จักรกลรูปร่างมนุษย์ผิวโลหะสะท้อนแสงมันวาวเหมือนอลูมิเนียมมีของที่ดูเหมือนกับสายไฟงอกจากบริเวณศีรษะเหมือนเป็นเส้นผมและมีรอยนูนบริเวณเนินอกทำให้ดูเป็นเพศหญิง มีปีกนกแทนแขนทั้งสองข้าง ลำตัวช่วงล่างลงไปเหมือนกับขาของนก

                เครื่องทำสวนศักสิทธิ์นั่นเอง

                จักรกลครึ่งมนุษย์วิหก เซปทรูสตาร์ (Septroostar) ซึ่งเขาเดินเครื่องมันทิ้งเอาไว้บนหุบเขาในกาญจนบุรี

                ที่จู่ๆ ก็ปรากฏมาตรงนี้ไม่ใช่เพราะใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาหรืออะไรทำนองนั้นเครื่องทำสวนเพียงแค่บินทะยานมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุดของมัน

                ในตอนที่เชื่อมต่อกับเซปทรูสตาร์เป็นครั้งแรกก็สามารถจินตนาการถึงการบินรอบโลกได้โดยใช้เวลาแค่หนึ่งนาที ดังนั้นแค่บินจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯ จึงใช้เวลาเพียงอึดใจเดียว

                “ปกติถ้าฆ่าแกซะตรงนี้เดี๋ยวก็กลับมาใหม่อยู่ดีแต่ว่าถ้าให้เครื่องทำสวนจับแกทำเป็นรูปปั้นอยู่ที่นี่แบบนั้นจะเป็นยังไงนะ

                รู้สึกได้ว่าดาบในมือขยับไหวไปมาเพราะแรงขัดขืนสุดใจของทูตสวรรค์ที่โดนตรึงอยู่ แฟรนเซียมเงยหน้าขึ้น

                “ยิงเลย! แต่อย่าให้โดนฉันล่ะ

                พอออกคำสั่งไปดวงตาของเครื่องทำสวนก็ส่องประกายแล้วปล่อยลำแสงสีขาวพุ่งลงมาทางนี้

                ลำแสงอาบตัวเมตาตรอนแล้วทะลุผ่านลงมาถึงพื้นเฉียดแฟรนเซียมไปเพียงไม่กี่มิล ลำแสงไม่ได้ก่อให้เกิดระเบิด ไม่มีความร้อนด้วยซ้ำ แต่พื้นที่เต็มไปซากอาคารกองพะเนินกลายสภาพเป็นหินปูนกันหมด

                ลำแสงยังคงพุ่งต่อไปและลากผ่านไปจนถึงหลุมที่เชื่อมไปยังใต้ดินซึ่งพวกคนทรยศอยู่ที่นั่นก่อนจะหายไป

                เมตาตรอนที่อยู่ตรงหน้าบัดนี้กลายเป็นหินไปแล้ว

                ไม่เหมือนกับถูกเคลือบด้วยหินแต่เป็นการทำให้ทุกส่วนบนร่างกายแม้แต่เครื่องนุ่งห่มแปรสภาพเป็นหิน

                ราวกับกอร์กอนในตำนาน

                แม้แต่ อาซี-ดาฮากะที่มัดอยู่รอบตัวทูตสวรรค์ก็ยังกลายเป็นหินไปแต่ไม่ได้ลุกลามมาจนถึงที่ด้ามดาบที่เขากำเอาไว้

                แฟรนเซียมดึงดาบ พยายามจะดึงมันอออกจากโพรงอากาศแต่กลับไม่ขยับเพราะส่วนปลายที่กลายเป็นหินไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องสั่งให้ดาบสลายตัวเองกลับเป็นเลือดแล้วสูบกลับผ่านทางปากแผลที่ข้อมือ

                จากนั้นเมื่อปาดมือลงไปเหนือบาดแผลมันก็สมานตัวในทันที

                เป็นปกติของพลังฟื้นตัวระดับราชครูอยู่แล้ว

                แฟรนเซียมมองข้ามเมตาตรอนแล้วเดินผ่านไปที่หลุม

                ทูตสวรรค์ขยับไม่ได้อีกและไม่กลับไปยัง รากดังนั้นมันจะถูกจองจำอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล

                เมื่อเดินมาอยู่หน้าหลุมแล้วทอดสายตามองลงไปก็เห็นคนทรยศกลายเป็นหินเช่นกันทีนี้….

                แฟรนเซียมก็หัวเราะ

                “ฮะ ฮะ ฮะ ตัวขัดขวางก็หมดไปแล้วเหลือแค่กุญแจสินะ

                และยิ้มอย่างเริงร่าถึงแม้ว่าใบหน้าจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากสีหน้าเย็นชาตามปกติแต่เขาก็รู้สึกรื่นรมย์อยู่จริงๆ

                ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงปรบมือดังมา

                แปะ แปะ แปะ

                “ตกลงว่านายจะเอาจริงสินะ

                เสียงเจื้อยแจ้วดังมาแล้วเสียงนั้นเขาก็รู้จักเป็นอย่างดี

                ที่อีกฟากของหลุมเด็กหนุ่มซึ่งอ่อนวัยกว่า อายุราว 17 - 18 ปี

                เด็กหนุ่มผมขาว แววตาคมกริบ ใส่เฮดโฟน สวมเสื้อวอร์มสีแดงกับกางเกงยีนส์กำลังเดินตรงมาและหยุดยืนอยู่หน้าหลุมอีกฟาก

                ผู้มีพระคุณที่ฟื้นคืนชีพให้กับเขาที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่งในตอนที่ยังเป็นแค่ลูกเจี้ยบหัดเดินแสนอ่อนแอ

                แต่ก็นึกขอบคุณแค่เรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียวเพราะว่าเข้าใจเหตุผลที่ฟื้นคืนชีพให้

                เพราะซีลอร์ดมองว่าเขาจะเป็นผู้ชี้นำให้กับมนุษย์ได้เพราะตนเป็นคนที่ฟันเฟืองจะเลือกในภายภาคหน้า

                ซึ่งตอนนี้ก็ได้มาแล้ว

                “แกจะมาทำอะไรอีก

                พอถามไป เด็กหนุ่มก็แหงนหน้ามองเครื่องทำสวนที่บินอยู่บนท้องฟ้า

                “ทำให้ฟันเฟืองเชื่อฟังได้แล้วเหรอพัฒนาขึ้นไปไกลมากเลยนะสิงห์

                จากนั้นจึงก้มลงและมองตรงมาที่แฟรนเซียม

                “เท่านี้ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกก็ครบสี่คนแล้ว

                ไม่ใช่สามคนหรอเรอะ คนที่มีฟันเฟืองซึ่งถูกระบุตัวแล้วคือ

                อิงศร โรจน์จุฬา

                มิ่งขวัญ โรจน์จุฬา

                สิงห์ ธุวดารกะ

                แต่กลับบอกว่าครบสี่คน ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า

                “เจอตัวคนที่สี่แล้วงั้นเรอะ

                ซีลอร์ดพยักหน้า

                “ใช่ อาชาดำผู้นำมาซึ่งความตายได้ปรากฏตัวแล้ว

                นั่นหมายถึงเจอผู้ถูกฟันเฟืองเลือกคนที่สี่ ก็ไม่รู้ทำไมแต่หมอนี่มักจะเปรียบเปรยผู้ถือครองฟันเฟืองเข้ากับจตุรอาชาแห่งวันสิ้นโลกตามที่ระยุในพระคัมภีร์

                อาชาสีขาวกับธนูแห่งชัยชนะ คืออิงศร

                อาชาสีแดงกับดาบแห่งสงคราม คือมิ่งขวัญ

                อาชาสีดำกับคันชั่งแห่งความอดอยาก คือสิงห์ ธุวดารกะ

                และที่ยังระบุตัวไม่ได้ อาชาสีซีดกับเคียวแห่งความตาย

                แต่ตอนนี้ซีลอร์ดบอกว่าระบุตัวคนๆ นั้นได้แล้ว

                “เจ้านั่นเป็นใครแล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน

                แฟรนเซียมเกร็งไปทั้งตัว

                “เป็นพี่ชายของอาชาสีแดงน่ะตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน

                อาชาสีแดงก็คือมิ่งขวัญ ถ้าอย่างนั้นก็

                “อิงศรเรอะ!

                แต่มันไม่น่าเป็นไปได้คนๆ เดียวไม่น่าจะมีเฟืองอยู่ถึงสองอันหรือว่าอิงศรแย่งชิงมาจากผู้ถือครองคนอื่น หมอนั่นคิดจะเดินหน้าออกนอกลู่นอกทางที่เขากำหนดไว้อย่างนั้นหรือ?

                “…”

                แฟรนเซียมพยายามข่มสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ ตั้งสติแล้วเริ่มคิดอย่างรอบคอบถี่ถ้วนที่สุด

                แต่ซีลอร์ดก็ไม่ปล่อยโอกาสแบบนั้นให้ เจ้านั่นส่ายหน้าบอกปัดคำตอบที่เขาสรุปออกไปเมื่อครู่แล้วเฉลยเรื่องน่าเหลือเชื่อกว่านั้นมาแทน

                “ไม่ใช่อิงศรหรอก เพราะอาชาสีซีดคือพี่ชายที่คิดแค้นตัวน้องชายซึ่งได้รับความรักไปมากกว่าจึงได้ก่อคดีฆาตกรรมขึ้นเป็นครั้งแรกบนโลกเป็นฆาตกรผู้นำพาซึ่งความตายมาสู่มวลมนุษย์อย่างแท้จริง พี่ชายของมิ่งขวัญนั้นคือ กวินทร์ วชิระ


    ***รีไรท์แก้คำผิดกับปรับบางช่วงให้ลื่นไหลขึ้น...ที่จริงตอนนี้ควรจะลงไปตั้งแต่เมื่อวานแต่มีเหตุงานเข้าบางประการเลยลงช้าอีกแล้วจ้า TwT เลยว่าจะเปลี่ยนกำหนดของวันเสาร์มาเป้นวีนอาทิตย์แทนแล้วเนี่ยชนบ่อยเหลือเกิน โฮๆๆ ลงไม่ทันมาสามอาทิตย์ติด เอาเป้นว่าไว้ค่อยคิดเรื่องตารางวันอีกทีก็แล้วกัน

    เข้าเรื่องหน่อยตอนนี้อาจจะอ่านๆ ไปแล้วเกิดความรู้สึกประมาณว่าเฮ้ย! อะไรเนี่ย ยังไง งง!? เอาเป้นว่าไว้ไปลุ้นตอนหน้าแล้วกันงิว่าจะมาอีหรอบไหน อุ่งๆ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×