ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #129 : Login 126: ประตูสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 348
      11
      9 ก.ค. 60

    Login 126: ประตูสุดท้าย

     

                หลายปีก่อนโลกจะล่มสลาย

                ช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่ถูกทดสอบโดยผู้ควบคุม

                แต่ซากิริ อามาเนะ ก็ถูกทดสอบโดยโชคชะตา

                “โทโมโกะ! เป็นอะไรน่ะตื่นสิโทโมโกะ!

                สถานที่คือในญี่ปุ่น ภายในห้องคอนโดที่ซากิริ อามาเตะก่อนจะเป็นนักวิจัยให้กับเมตไตรยซื้อเอาไว้อยู่อาศัยกับลูกสาวสองคน

                สามีของหล่อนแยกทางกันด้วยเหตุผลด้านจริตของความรักที่ไปด้วยกันไม่ได้

                ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหล่อนถึงได้พึ่งพาการเข้าลัทธิประหลาดเพื่อเยียวยาจิตใจ หนักข้อเข้าหล่อนก็ลืมตัวไปแล้วว่าอะไรที่ควรทำหรือไม่ควร ลืมกระทั่งว่าลูกสาวต้องการอะไร

                หล่อนไม่ได้อยู่ดูแลลูกเพราะเอาแต่เข้าลัทธิประหลาดบูชาพระเทียมเท็จเพื่อให้สมหวังเพื่อให้จิตใจอันบอบช้ำได้รับการปลอบประโลมอย่างปลอมๆ

                ‘แต่เราเองก็คงต่อว่าไม่ได้เต็มปาก เพราะตลอดพันปีมานี่ก็ใช้วิธีนั้นเพื่อหลอกให้มนุษย์มาสวามิภักดิ์ไปมากเหมือนกัน

                ซาคคิเอลในเวลานั้นมองหาร่างที่จะสถิตต่อไปหลังจากกายเนื้อคนก่อนหมดสิ้นอายุขัยก็ได้มาเจอกับ ซากิริ อามาเนะ

                หล่อนฆ่าตัวตายหลังจากปล่อยลูกสาวที่ยังเล็กให้กินยาเบื่อหนูเข้าไป เพราะหล่อนเอาแต่เข้าลัทธิประหลาดจนลืมว่าลูกตัวเองยังรอกินข้าวอยู่ที่บ้าน

                เด็กที่หิวโซรอมารดาจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็บังเอิญไปหยิบขวดยามากิน

                พอหล่อนกลับมาบ้านก็ทำใจกับการตายของลูกไม่ได้และจบชีวิตตัวเอง

                เป็นการใช้ชีวิตได้อย่างโง่เขลาเหลือเกิน

                คล้ายกับอับราฮัมที่ศรัทธาในเหนือหัวของเราจนยอมสังเวยบุตร

                นับแต่วันนั้นมา ซากิริ อามาเนะ ก็กลายเป็นซาคคิเอลและทำงานให้กับเมตไตรยจนกระทั่งโลกดำเนินไปถึงจุดจบ

     

                “…”

                จู่ๆ ก็นึกถึงความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างขึ้นมาจะว่าเป็นฝีมือของเหนือหัวก็ไม่น่าจะใช่เพราะไม่มีใครรู้สึกตัว ที่จริงการโจมตีด้วยภาพฉายสงบลงไปซักพักแล้ว

                ตอนนี้คณะเดินทางที่นำโดยบุตรแห่งมนุษย์ที่มีฟันเฟืองย่างเท้าเข้าสู่สถานที่อันคุ้นเคยในสมัยที่เหนือหัวยังทรงอำนาจและปกครองมนุษย์

                สถานที่ซึ่งมีแต่แสงสว่าง ขั้นบันไดทอดตัวสูงอย่างไม่รู้จบขวางกั้นด้วยบานประตูหินสีขาวที่นี่เมื่อครั้งอดีตมันเป็นเส้นทางที่ใช้ขึ้นไปเข้าเฝ้าเหนือหัวที่บัลลังก์ดังนั้นแต่ละบานประตูจะมียามเฝ้าอยู่เป็นพวกเทวทูต

                แต่ทว่า

                ณ บานประตูที่หนึ่งกลับไม่มีใครหรืออะไรรออยู่เลยมีแต่ความว่างเปล่า

                อิงศรซึ่งอยู่หัวแถวหันกลับมาถาม

                ต้องทำยังไงกับประตูนี่ดี

                เปิดมันสิ

                พอตอบไปแบบนั้นเด็กหนุ่มก็หันกลับแล้วเดินไปผลักบานประตูที่ทำจากหินแต่ก็ดูจะหนักมากจนขยับไม่ไหว ประตูไม่แง้มออกเลยแม้แต่น้อย

                ทำลายได้รึเปล่า”         

                อิงศรส่งเสียงถามโดยไม่หันมา

                อืม ก็เอาสิเพราะว่ามันก็เป็นแค่ประตูธรรมดาๆ น่ะ

                ในอดีตมันเคยเป็นอย่างนั้นปกติแล้วจะให้ยามเฝ้าเป็นผู้เปิด

                พวกเด็กๆ ที่อยู่แถวเริ่มโจมตีประตูด้วยสกิล เสียงระเบิดดังสนั่นแล้วบานประตูก็ถล่มลง

                ในตอนนั้นเอง...

                ถอยกลับไปเสีย! เจ้าพวกที่ปฏิเสธประสงค์แห่งพระเป็นเจ้าพวกเจ้ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการทำลายล้างมีเพียงเส้นทางอันทุกข์ทรมานเท่านั้นที่รออยู่ข้างหน้าเจ้า

                ก็มีเสียงข่มขู่ดังแว่วมา

                น้ำเสียงเด็ดขาดและทรงอำนาจแต่กลับแฝงความหวาดกลัวไว้

                จะว่านั่นเป็นเสียงของเหนือหัวตัวจริงก็ได้มันค่อนข้างคล้ายกันมากแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในสถานการณ์เช่นนี้เหนือหัวจะหวาดกลัวกับอีแค่บุตรแห่งมนุษย์ที่มีความทะเยอทะยานเหล่านี้จริงๆ หรือ?

                คำตอบนั่นคงจะได้รู้เมื่อไปถึงบัลลังก์สวรรค์ที่อยู่ปลายสุดของขั้นบันไดนี้

                คำขู่เรอะ ไม่ต้องไปฟังมันพวกเราเดินหน้าต่อไปเลย

                ด้วยคำสั่งของอิงศรก็ทำให้กองกำลังเริ่มฮึดขึ้นมาโดยเฉพาะเด็หนุ่มชาวต่างชาติเส้นผมสีทองที่ชื่อมิกซ์กับเพื่อนเด็กหนุ่มที่ดูห้าวหาญที่ชื่อฟู สองคนนั้นฮึกเหิมกว่าใคร

                จากนั้นกลุ่มก็เริ่มขยับไปข้างหน้า

                เร็วขึ้น เร็วขึ้น พวกเขาวิ่งขึ้นบันไดไปด้วยใจที่พร้อมจะต่อสู้ตัดสิน

                พอถึงบานประตูที่สองเสียงของเหนือหัวก็ดังขึ้นอีก

                พวกเจ้ากำลังถูกปีศาจล่อลวงให้มาที่นี่ เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าจนถึงตอนนี้ กลับไปซะแล้วเราจะให้อภัยไม่ถือโทษในการล่วงเกินของเจ้า...

                แต่ไม่มีใครฟังคำพูดนั้น ดาบของมนุษย์ต่างดาวที่เป็นน้องชายของอิงศรแล่นไปที่ประตู

                ใบดาบถูกอาบไว้ด้วยแสงสว่าง รอยัลเซเบอร์

                บริโอแน็ก!!”

                เสียงร่ายสกิลดังตามมาหลังจากนั้นประตูก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนแล้วเอนตกจากเส้นทางลงไปยังท้องฟ้าที่ไร้ก้น

                พวกเขาผ่านไปถึงประตูที่สามแล้วคำเตือนก็ดังมาอีก

                เจ้าไม่เข้าใจหรืออย่างไร ทุกสรรพสิ่งล้วนมีตัวตนเพราะเราเป็นผู้สร้างมันทำลายเราเท่ากับเจ้าทำลายตัวเอง เราขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายจงกลับไปซะ

                ถ้าอยากให้กลับก็ส่งพวกเรากลับไปเซ่!”

                ฟูตะหวาดขึ้นใส่เสียงนั่นแล้วก้าวล้ำคนอื่นออกไปข้างหน้าโดยปล่อยให้มิกซ์แบกกวินทร์ไว้คนเดียว

                เด็กหนุ่มพุ่งตัวไปถึงประตูจากนั้นก็หวดค้อนทุบบานประตูปลิวกระเด็นไปทั้งซุ้ม

                ประตูแหลกละเอียดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

                ทุกคนวิ่งต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                พอจะก้าวเท้าตามไปก็มีเด็กคนหนึ่งหยุดวิ่ง เป็นเด็กชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม

                เธอจึงหยุดดูแล้วถามอาการ

                เฮ้ๆ เป็นอะไรไปน่ะไหวรึเปล่า

                เด็กชายท่าทางเหนื่อยแล้วยังหอบหายใจเป็นพักๆ เท่าที่สังเกตุสาเหตุของความเหนื่อยล้าที่เร็วกว่าปกติก็มาจากการที่เด็กชายฝืนเร่งฝีเท้าตัวเองไล่ตามพวกเด็กโตทั้งที่ถูกกำชับว่าให้อยู่ข้างหลังแต่ตลอดระยะทางที่ผ่านมาก็เอาแต่วิ่งตามโดยปริปากบอก

                เน็กส์เป็นอะไรน่ะ

                นิวส์เด็กหญิงที่เดินรั้งท้ายร่วมกับเธอเดินเข้าไปหาแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก

                “…”

                ไม่มีใครถอยลงมาดูเลย เพราะไม่รู้ตัวเหรอหรือว่า...

                ตอนที่กำลังจะคิดว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์นี่มันช่างเบาบางเสียเหลือเกินเด็กสาวที่ชื่อพลอยก็เดินกลับลงมา

                เน็กส์ เป็นอะไรไหมหรือว่าเหนื่อย

                เด็กสาววิ่งหน้าตื่นลงมาถึงก็จับที่แขนทั้งสองข้างของเด็กชายประคองตัวเขาไว้

                สีหน้าของเน็กส์ไม่ค่อยดีนัก แค่ดูก็รู้ว่ากำลังฝืนความเหนื่อยล้า

                แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                เหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับผมยังไหวฮะพี่พลอยไม่ต้องห่วง

                แล้วเดินอ้อมพลอยไปแต่กลับเดินโซเซ จนพลอยต้องจับตัวเอาไว้

                ไม่ได้หรอกเดินเซซะขนาดนั้นน่ะพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ

                แต่เด็กชายกลับพูดโดยไม่สนใจตัวเอง

                ไม่ได้...ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วง...พวกพี่...

                น่าจะอายุได้สิบขวบแต่ความต้องการอยากให้เป็นที่ยอมรับก็แรงกล้าตั้งแต่ตัวเท่านี้

                ทั้งที่อ่อนแอแท้ๆ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย

                เอ้า พอแค่นั้นแหละ

                ซากิริพูดแล้วเดินเข้าไปจับไหล่ของเด็กชายบังคับกดให้นั่งลง

                สภาพแบบนั้นมีแต่จะไปเกะกะคนอื่นเขาเปล่าๆ

                พอถูกเธอจับตัวไว้เด็กชายก็ไม่ได้ขัดขืนแต่ยอมนั่งลงโดยดี คงจะถึงขีดจำกัด

                แต่ปากก็ยังพูดอยู่ว่าอยากจะทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับของพวกเด็กโตอยากจะ...

                ผมอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์

                ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง

                เด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง

                หน้าที่...

                ก่อนจะออกกันมาเนี่ยโชเน็น...

                ซากิริหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพราะพวกที่เดินหน้ากันไม่รู้เรื่องเพิ่งจะเดินย้อนกลับมา จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ

                อิงศรก็จัดแถวให้แต่ละคนไว้แล้วนี่เธอน่ะต้องอยู่ข้างหลังนะ

                แต่ว่าผม...

                พอได้ยินที่เธอพูดรอบดวงตาของเด็กชายก็มีน้ำซึมออกมาเล็กน้อย แค่เกือบจะร้องไห้

                เพราะเจ็บใจที่ตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วงอย่างนั้นล่ะมั้ง

                ถึงอยู่ข้างหลังก็ช่วยคนข้างหน้าได้นะดูอย่างฉันสิทั้งที่เลเวลน้อยกว่าเธอแต่อิงศรยังต้องพึ่งพาฉันบ่อยๆ เลย

                ก็คุณน้าโตแล้วนี่ครับถึงทำได้

                เด็กชายตัดพ้อมาอย่างนั้น เพราะอายุคือตัวกำหนดหน้าที่ความคิดแบบเด็กๆ นั่นยังมีอยู่ในร่างกระจ้อยนี้สินะ

                เพราะงั้นไงถึงบอกว่าเธอจะต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเองก่อนคนเราต่างก็มีหน้าที่แตกต่างกันไปถ้าแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองแบบนั้นก็จะทำให้กลุ่มขยับไปข้างหน้าได้เธอยังเด็กและอ่อนแอทุกคนถึงได้เป็นห่วงและอยากให้เธออยู่ในที่ๆ พวกเขาสามารถปกป้องเธอได้แต่ว่าเธอก็มีพลังที่จะต่อสู้จากระยะไกลได้นี่หน้าที่ของเธอคือการสนับสนุนคนที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่หรือไง

                พูดจบพวกข้างบนก็ลงมาถึงพอดี อิงศรเดินเข้ามาหาเด็กชาย

                เขาก้มตัวลงเอาหลังแนบหน้าผากเด็กชายแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง

                ตัวก็ไม่ร้อนนี่ปวดหัวรึเปล่าเหนื่อยไหม

                เน็กส์ส่ายหัวและพยายามอย่างมากที่จะทำสีหน้าที่อ่อนล้าให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้ทุกคนเป็นห่วง

                ช่างเป็นเด็กที่หัวแข็งอะไรอย่างนี้นะ

                นี่เราพักกันซักแปบเถอะฉันเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วด้วยอีกอย่างถ้าตอนที่ไปถึงแล้วไม่เหลือแรงสู้จะแย่เอานะ

                ซากิริพูดแล้วนั่งลงเป็นคนแรกทันที

                ทีนี้เด็กคนนั้นก็ไม่มีทางปฏิเสธเรื่องให้พักได้แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นกับคุณหัวหน้า

                เธอมองอิงศรที่จะเป็นคนตัดสินใจ

                งั้นพักก่อน

                อิงศรพูดแล้วหันไปฝากพลอยให้ดูแลก่อนจะขึ้นไปคุยกับพวกที่อยุ่ข้างหน้า

                ไจดีผิดวิสัยน์เทวทูตไปเลยนะเธอ

                อิซานามิเดินมาพูดให้ฟังแล้วก็เดินเลยไปคุยกับอิงศรต่อ

                ใจดีเหรอ...

                คุณน้าครับ

                จู่ๆ เน็กส์ก็หันมาแล้วเรียกเธอ

                ขอบคุณครับ

                เด็กชายพูด เขารู้ตัวว่าถูกช่วยไว้อย่างนั้นสินะ

                งั้นมาคุยต่อจากเมื่อกี้นะ เธอรู้หน้าที่ตัวเองหนรือยังล่ะ

                เน็กส์ส่ายหน้า

                ไม่ครับ

                งั้นฉันจะบอกของตัวเองก่อนเพราะว่าฉันต่อสู้ไม่เก่งแต่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้จึงทำหน้าที่สนับสนุนอยู่ด้านหลังด้วยข้อมูลที่วิเคราะห์มาถ้าหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรข้อมูลของฉันก็จะเป็นประโยชน์ที่จริงก็แอบเห็นเธอแสดงฝีมือมาเหมือนกันนี่ตอนที่อยู่ในวิหารของอารย-สนธยาเธอใช้พลังของตัวเองเคลื่อนย้ายทุกคนออกมาจากสถานการณ์อันตรายด้วยไม่ใช่เหรอ

                หมายถึงสกิลวินด์วาร์ปเหรอครับ

                ใช่...แล้วก็น่าจะยังมีอย่างอื่นอีกที่ช่วยสนับสนุนได้นอกจากสกิล อย่างสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ แล้วคอยบอกคนที่อยู่ข้างหน้าก็ถือว่าเป็นงานที่มีแต่คนที่อยู่ด้านหลังเท่านั้นจะทำได้ด้วยนะเพราะระหว่างที่สู้คนที่อยู่ข้างหน้าจะต้องมีสมาธิกับเรื่องตรงหน้าตัวเองทำให้ขาดสัมผัสรับรู้เรื่องรอบตัวไป

                แค่นั้นก็ช่วยได้แล้วเหรอครับ

                เด็กชายถามเหมือนไม่เชื่อ

                ช่วยได้สิแค่ข่าวสารช้าไปวินาทีเดียวก็ตัดสินชะตาชีวิตได้เลยนะเพราะงั้นเธอที่อยู่ข้างหลังก็มีหน้าที่ของตัวเองเหมือนกันทีนี้เข้าใจแล้วนะ คนที่คอยสังเกตสถานการณ์กับความเป็นไปของกลุ่มและคอยรายงานหรือสนับสนุนด้วยพลังที่ตัวเองมีนั่นก็คือโอเปอเรเตอร์ไงล่ะ

                ซากิริพูด

                โอเปอเรเตอร์...ผมจะเป็นแบบนั้นได้เหรอครับ

                ได้สิถ้าพยายามเธอจะต้องช่วยทุกคนได้แน่ยิ่งกลุ่มเราเป็นกันซะแบบนี้การมีโอเปอเรเตอร์มันสำคัญมากเลยล่ะปกติแล้วจะมีคนคอยช่วยอิงศรทำหน้าที่นี้อยู่ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเขาเท่าไหร่แต่ปกติแล้วอิงศรเป็นคนที่เข้มงวดกับทีมของตัวเองเขามักจะสั่งการอย่างเด็ดขาดเสมอ

                สิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องที่ได้ฟังมาจากนรินทร์อีกที

                นรินทร์นับถืออิงศรมากขนาดที่มีเรื่องมาคุยกับเธอได้

                แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเขาไม่เด็ดขาดเอาซะเลยคงเพราะที่นี่ไม่ใช่ทีมแต่เป็นครอบครัวล่ะมั้ง

                ที่นี่ไม่มีสหายร่วมรบอยู่เลย...

                ซากิริเหลือบมองไปที่กวินทร์ซึ่งนอนหมดสติอยู่ในความดูแลของฟูกับมิกซ์

                นั่นเป็นสหายร่วมรบคนสุดท้ายที่ตอนนี้ก็พึ่งพาไม่ได้ไปแล้ว

                ถ้ายังเกรงใจครอบครัวอยู่แบบนี้การจะเอาชนะเหนือหัวคงเป็นไปไม่ได้ แม้แต่จะโค่นปีศาจระดับเดียวกับตัวตนที่เคยถูกเรียกว่าพระเจ้ามาก่อนก็ยังห่างไกล

                ทุกคนที่นี่คงจะตายหมด

                เพราะงั้นอย่างน้อยที่สุดแค่เธอซักคนก็ยังดีช่วยเป็นคนที่จะสู้ร่วมไปกับเขาจะได้รึเปล่า

                ซากิริถาม

                ครับ

                เด็กชายพยักหน้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีแห่งความสดใสแล้วตอนนั้นเองก็มีประกาศมาจากหัวกลุ่ม

                เสียงของอิงศรประกาศว่าให้เตรียมตัวเดินทาง

                และแล้วการเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูที่สี่ก็เริ่มขึ้น

                ถ้าที่นี่คือสถานที่เดียวกับบัลลังก์แห่งสวรรค์ที่เคยเข้าเฝ้าเหนือหัวหรือตำลองมาแล้วล่ะก็

                ข้างหน้าคือประตูสุดท้าย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×