คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #127 : Login 124: เอกลักษณ์ในความสมบูรณ์แบบ
Login
124: เอกลักษณ์ในความสมบูรณ์แบบ
ภายในรูนรูม
อาคานาร์ใบใหม่ร่วงโรยลงมา
อาคานาร์สีซีดและภาพบนหน้าไพ่กลับหัว
ภาพบนหน้าไพ่คือตราชั่ง
สัญลักษณ์ของความยุติธรรม ‘เดอะจัสติส (The Justice)’
“ไม่เหมือนกับเดอะจัดจ์เมนท์ที่ได้จากโดโกบาร์นี่คือความยุติธรรมที่มนุษย์นิยามขึ้นเป็นการตัดสินของมนุษย์ด้วยกันเอง”
ซีลอร์ดผู้ถูกลืมเลือนเอื้อมมือไปคว้าอาคานาร์มาก่อนที่มันจะตกลงพื้น
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาเก่าโทรมตัวเดิมมองดูอาคานาร์แล้วก็ทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปพลาง
“ร้อน”
ซีลอร์ดพูดขณะที่มองดูมือของตัวเองที่จับอาคานาร์มีควันลอยฉุย
“นี่คือความโกรธสินะโกรธที่ความถูกต้องไม่เป็นไปตามครรลองอาคานาร์ฟอร์สแห่งความโกรธของกวินทร์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก
ความโกรธอันเกิดจากหัวใจที่รักความถูกต้อง”
พูดจบก็ปล่อยมือจากอาคานาร์
ปล่อยให้มันร่วงลงพื้น
ค่อยๆ
ร่วงหล่นอย่างเชื่องช้า
แล้วดำเนินคำพูดต่อไป
“แต่ว่านะหัวใจของมนุษย์ไม่ได้มีไว้เพื่อแบกรับสิ่งที่ยิ่งใหญขนาดนั้นผลของการเลือกย่อมมีผลลัพธ์ที่มีแต่จะต้องยอมรับมันเท่านั้นอยู่เหมือนกัน”
ตอนนั้นเองไพ่อาคานาร์ก็ได้หายไป
สลายไปราวกับหมอกควัน
…
ตูม!
ได้ยินเสียงระเบิดดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
“เมื่อกี้มันเสียงอะไรน่ะ”
อิงศรพูดขึ้น
“ไม่นิ
ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย”
ซากิริซึ่งอยู่ตรงหัวแถวตอบโดยไม่ได้หันกลับมา
พอหันไปจะขอความเห็นจากคนอื่นที่อยู่ด้านหลังทุกคนก็เอาแต่ส่ายหัวและบอกว่าไม่ได้ยินอะไรเหมือนกัน
เว้นแต่…
“ไม่หรอกเมื่อกี้มีเสียงจริงๆ
เสียงระเบิดน่ะ”
มิ่งขวัญพูดแล้วแหงนหน้ามองไปทางซ้าย
พอมองตามไปก็เห็นแผ่นดินแผ่นหนึ่งมีฝุ่นควันลอยตลบอบอวล
จู่ๆ
ซากิริก็พูด
“เดี๋ยวก่อนนะนั่นมันทางที่เราจะไปกันนี่”
นั่นหมายความว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้นกับพวกกวินทร์
จากนั้นก็เหมือนจะมีอะไรร่วงลงมาด้วย
อิงศรพยายามเขม็งตาจ้องสิ่งนั้น
“นั่นมันพวกมิกซ์นี่”
ทันทีที่พูดออกไปแถวหลังก็เกิดแตกตื่นกันจนหยุดวิ่ง
ฟูพูด
“จริงด้วยมิกซ์นี่นาแต่ว่าหมอนั่นบินได้นี่แล้วทำไมไม่…”
แต่ซากิริก็พูดแทรกมาขณะที่ปรับระยะการมองของแว่นตาปีศาจซูมไปที่ตรงนั้น
“ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บกันด้วยนะคนที่ผมสีทองเหมือนจะมีปีกงอกด้วยแต่ว่ามันขาดหมดแล้วล่ะ”
ทั้งสองคนต่างก็บอกว่ามิกซ์มีปีกและน่าจะบินได้นั่นคงเป็นพลังของเดโมนอยด์
ตอนนี้ช่างเรื่องพรรค์นั้นไปก่อน
ต้องหาทางช่วยทั้งสามคนที่ร่วงลงมา
“ขวัญใช้ปีศาจได้รึเปล่า”
มิ่งขวัญพยักหน้า
“อื้อ!”
“งั้นเอาเลย”
“เฮเลล!”
“เมอร์คาบาห์!”
ทันใดนั้นอาคานาร์ก็ร่วงลงมาตรงหน้าพี่น้องแล้วกลายเป็นปีศาจ
“ไปช่วยพวกนั้นที!”
“ไปช่วยพวกนั้นที!”
มิ่งขวัญพูดประโยคเดียวกันและพร้อมกัน
ปีศาจของมิ่งขวัญพุ่งออกไปก่อนแล้วรับตัวพลอยกับนิวไว้
ส่วนเมอร์คาบาห์ก็รับตัวมิกซ์แล้วพากลับมาวางบนแผ่นดินติดกับทางเดินที่พวกเขากำลังไต่กันอยู่
อิงศรกับพวกขึ้นมาถึงแผ่นดินพอดีตอนที่ปีศาจวางร่างของครอบครัวลง
ฟูวิ่งไปดูอาการมิกซ์ก่อนใครเพราะในสามคนนั้นเขาบาดเจ็บหนักที่สุด
“เฮ้ย
มิกซ์ทำใจดีๆ ไว้นะเว้ย”
ดังนั้นอิงศรจึงเข้าไปดูอาการของพลอยกับนิวแทน
ทั้งสองคนแค่มีแผลถลอกเล็กน้อยและจากที่ดูแถบพลังชีวิตยังลดลงไปไม่มากบางทีคงแค่ตกใจจนหมดสติถึงได้ยังไม่ฟื้น
พลอย Lv. 70
[/////7470:7540////.]
นิว Lv. 65
[/////6180:6280////.]
แต่มิกซ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น…แค่ประเมินด้วยสายตาก็บอกได้เลยว่าแทบปางตาย
ฟูจับมิกซ์ถอดเสื้อที่ขาดวิ่นจนแทบใช้การไม่ได้ออก
มิกซ์ Lv. 65
[////.4100:6390.....]
แถบพลังชีวิตของเด็กหนุ่มลดลงต่ำกว่าครึ่งตามเนื้อตัวมีแต่บาดแผลโดยเฉพาะบนแผ่นหลังเหมือนไปโดนใครฟาดมาถึงได้เห็นแต่รอยจ้ำสีแดงกับแผลฟกช้ำเต็มไปหมด
อิงศรหันกลับไปปลุกพลอย
เขย่าร่างเด็กสาวสองสามทีหล่อนก็รู้สึกตัว
ทันทีที่เห็นเขาเด็กสาวก็ทำหน้าตกใจ
“พี่ศรทำไม…”
“พลอยไหวไหมไปรักษามิกซ์ให้ที”
อิงศรพูดแล้วชี้ไปที่มิกซ์
พอเห็นสภาพนั้นเข้าพลอยก็ทำหน้ากังวลและตื่นตระหนก
จากนั้นหล่อนก็ลุกไปพร้อมกับควานหาของบางอย่าง
อิงศรเห็นไม้คฑายังค้างอยู่ในมือของเฮเลลจึงหันไปมองมิ่งขวัญ
“ขวัญคืนไม้คฑาให้พลอยที”
น้องชายหันไปสั่งปีศาจของตัวเองอีกทีให้เข้าไปส่งไม้คฑาให้กับมือพลอย
เธอมองปีศาจด้วยท่าทางแปลกใจแต่ก็เบี่ยงความสนใจไปที่การรักษามิกซ์ก่อน
หล่อนไปถึงตัวมิกซ์แล้วเริ่มทำการรักษา
แถบพลังชีวิตของเด็กหนุ่มทยอยฟื้นฟู...แล้วก็ได้สติ
“ที่นี่มัน”
มิกซ์ทำหน้าสงสัยแล้วพยายามจะชันลำตัวให้ลุกขึ้นมาแต่ก็ทำไม่ไหว
ฟูจึงช่วยพยุงตัวไว้
เมื่อเห็นว่ามิกซ์อยู่ในสภาพที่สติกลับมาแล้วอิงศรจึงเริ่มถามคำถาม
“จะว่าไปมันเกิดอะไรขึ้นน่ะทำไมถึงตกลงมาล่ะ”
เด็กหนุ่มทำหน้าตกใจเล็กน้อยคงจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์และไม่รู้ด้วยว่าพวกตนถูกช่วยเอาไว้
หลังจากฟูช่วยเล่าสถานการณ์ให้ฟังแล้วมิกซ์ก็เริ่มเอ่ยปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่คราวนี้ทำหน้าแตกตื่นแทน
“จริงด้วยสิ
กวินทร์ล่ะ..เพื่อนของพี่ศรน่ะเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ”
อิงศรส่ายหน้าเป็นจังหวะ
“ไม่เห็นเลยนี่คนที่ตกลงมามีแค่พวกนายเท่านั้นเอง”
“ถ้างั้นก็ยังอยู่บนนั้นน่ะสิแย่แล้ว...บนนั้นยัยมนุษย์ต่างดาวนั่นก็อยู่ด้วย”
ฟังจากที่มิกซ์พูดมาน่าจะเป็นไทเทเนียมเพราะนอกนั้นก็ไม่มีใครอื่นให้นึกถึงแล้ว
มนุษย์ต่างดาวที่หลุดเข้ามาในมิตินี้มีอยู่สามตนมิ่งขวัญแล้วก็...
อิงศรเหลือบตามองไปทางราชครูลำดับที่ห้าโซเดียมด้วยสายตาระแวง
แล้วคิด...โซเดียมก็อยู่ที่นี่งั้นอีกตนที่เหลือก็เป็นได้แค่ไทเทเนียมนั่นแหละหมอนั่นกำลังต่อสู้กับครอบครัวของตัวเอง
ถึงจะทำใจแข็งให้เห็นมากแค่ไหนแต่หมอนั่นไม่มีทางลงมือกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องได้แน่กวินทร์ใจดีเกินไปถ้าเทียบกับนรินทร์แล้วก็ยังอ่อนโยนกว่าครั้งแรกที่เจอกันหมอนั่นเป็นคนที่เอะใจและยอมถอยกลับมาช่วยคนที่เพิ่งเจอกันแบบไม่คิดชีวิต
ตอนที่เป็นกังวลอยู่นั่นเอง...
แสงสว่าง...มีประกายแสงสาดส่องลงมา
อิงศรแหงนหน้าขึ้นไปมอง
อาคานาร์ที่ไม่รู้จักกำลังร่วงโรยพอตกลงมาประมารหนึ่งมันก็ลอยขึ้นไปทางแผ่นดินที่พวกมิกซ์หล่นลงมา
“หรือว่า!”
เหมือนกับตอนมิ่งขวัญ
อาคานาร์นั่นอาจจะไปหากวินทร์...
แต่อิงศรชะงักความคิดไว้เพียงเท่านั้น
สาเหตุก็เพราะผู้ใช้อาคานาร์น่าจะมีแต่คนที่มีฟันเฟืองอย่างเขาหรือมิ่งขวัญ
ทฤษฎีอันน่ากลัวผุดขึ้นมา
สมมติฐานที่ว่ากวินทร์เองก็อาจจะมีฟันเฟืองลอยขึ้นมา
อิงศรบอกให้ทุกคนรีบเดินทางต่อ
“ไม่ได้การแล้วรีบข้ามไปฝั่งนั้นก่อนเถอะ”
แต่ว่ายังเหลือเส้นทางที่ต้องอ้อมไปอีกแบบนั้นคงจะไม่ทันการ
”จริงสิให้เมอร์คาบาห์พาไปส่งก็ได้นี่”
พอหันไปจะสั่งให้ปีศาจช่วย
แต่ทั้งเมอร์คาบาห์กับเฮเลลของมิ่งขวัญก็พากันโบกมือปฏิเสธแล้วหายตัวไป
“อ้าว”
อิงศรกล่าวอย่างงุนงง
จากนั้นซากิริก็แทรกเข้ามาว่า
“เขาบอกว่าไปส่งรถน่ะ”
พูดเป็นแท็กซี่ปฏิเสธผู้โยสารไปได้นะ
ก่อนโลกจะล่มสลายก็มีเจ้าพวกพรรค์นั้นอยู่เยอะซะจนเกิดเป็นปัญหาระดับชาติหลายครั้งหลายคราที่แก้ยังไงก็แก้สันดานความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวไม่ได้
แต่เพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่ก็เลยไม่ได้ใช้บริการพอมาเจอกับตัวแล้วทำเอารู้สึกจุกอยู่หรอก
นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่พระเจ้าตัดสินใจทำลายโลกด้วยรึเปล่าเขาเองก็ไม่รู้เพียงแต่ว่า...
“ไอ้เจ้าพวกนั้นไม่ใช่แท็กซี่ซักหน่อย”
พอสบถไปแบบนั้นซากิริก็พยักหน้าแล้วทำเสียงอืมสั้นๆ
“ตามนั้นเลยแหละเพราะว่าไม่ใช่รถแท็กซี่ก็เลยไม่อยากจะเป็นสารถีพาข้ามฟากไปส่งน่ะมันไม่ใช่งานของปีศาจเจ้าพวกนั้นอยากจะบอกแบบนั้นแหละเธอเองก็ควรทำความเข้าใจหน่อยนะว่าปีศาจเองก็มีอัตตาตัวตนเป็นของ....”
“งั้นช่างเหอะรีบไปกันได้แล้ว”
อิงศรพูดตัดบทเสียแต่ตรงนั้นแล้วหันไปสั่งคนที่เหลือ
“ฟูนายอยู่กับพลอยดูมิกซ์กับนิวไปก่อนถ้าไหวแล้วรีบตามมาล่ะ
ขวัญฝากเน็กส์ไว้กับพวกฟู คนอื่นๆ ก็เตรียมพร้อมไว้ซะเราจะไปกันแล้ว”
จากนั้นหันกลับมาสั่งซากิริ
“ส่วนเธอรีบนำทางไปเร็วเข้า”
“จ้าๆ”
หล่อนตอบพลางยักไหล่ไปพลางแล้วจึงค่อยเดินนำออกไป
ตอนที่เริ่มวิ่งกันออกไปนั่นเองมิกซ์ก็ทำท่าจะฝืนตัวเองลุกขึ้นยืน
“ผม...ยังไหว”
ได้ยินเด็กหนุ่มพูดมาแบบนั้นทั้งที่ร่างกายซึ่งเปลือยอกอยู่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ไม่ไหวหรอกน่าสั่นซะขนาดเนี้ยะ”
ฟูพูด
“นั่งดีๆ
หน่อยสิมิกซ์แผลยังไม่สมานตัวเลยนะเดี๋ยวก็ฮีลเสียของกันพอดี”
เสียงบ่นของพลอยกำลังห่างออกไป
พวกเขาวิ่งกันออกมาได้ซักพัก
บนเส้นทางคับแคบที่เชื่อมไปยังแผ่นดินอีกฟากจากที่นี่จะต้องข้ามสะพานเชื่อมกับแผ่นดินอีกสองครั้งก็จะไปถึงที่นั่น
พอวิ่งไปได้อีกพักใหญ่ก็มองเห็นมิติบิดเบี้ยวบริเวณหนึ่งกางออกมาบนแผ่นดินที่ว่า
ซากิริพูด
“นั่นมันอาณาเขตท่าไม้ตายนี่นา”
หมายความว่ามีคนใช้ท่าไม้ตายแต่ใครกันล่ะ?
หลายวินาทีถัดมาก็มองเห็นดาบขนาดมหึมาฟาดลงบนแผ่นดินแรงสั่นสะเทือนส่งมาถึงตรงนี้
บางทีอาจจะตัดสินกันไปแล้ว…
อิงศรได้แต่คิดอย่างร้อนรน
“โธ่เว้ย!”
แล้ววิ่งแซงหน้าซากิริไปตอนที่ขึ้นมาถึงแผ่นดินสุดท้ายที่มีสะพานบันไดเชื่อมขึ้นไปด้านบน
จู่ๆ
ก็มีแสงสว่างส่องแวบวาบเหนือแผ่นดินนั่นแล้วมือยักษ์ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
มือนั่นพอสังเกตดูดีๆ ก็เห็นว่าเป็นพืชล้มลุกจำนวนมากที่มามัดรวมกันเป็นรูปมือคน
“กวินทร์!!”
มือยักษ์ลอยหายไปด้านใน
มองไม่เห็นจากมุมมองตรงนี้
อิงศรเร่งฝีเท้าไต่บันไดอย่างร้อนใจ
พอขึ้นไปใกล้ถึงก็เห็นมือยักกำลังยกดาบแล้วฟาดลงมา
ด้วยสัญชาตญาณเท้าก็หยุดก้าวในทันทีร่างกายโน้มลงเพื่อจะกอดสะพานเอาไว้เพราะอีกประเดี๋ยวแรงสะเทือนครั้งใหญ่จะต้องตามมาแน่
แต่ทว่า…
การจู่โจมของยฮวฮกลับแทรกเข้ามา
ภาพฉายแห่งความทรงจำที่เป็นแผลใจถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับโจมตีจิตใจของมนุษย์ให้อ่อนแอลง
ภาพความทรงจำที่เข้ามานี่คงจะเป็นแผลใจของไทเทเนียม
เป็นความทรงจำที่ทั้งมืดมนและขมขื่น…ทั้งที่เรื่องราวของหล่อนนั้นไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรนักถ้าไม่นับเรื่องที่หลังจากโลกล่มสลายไปแล้วก่อนหน้านั้นหล่อนก็แค่เด็กมีปัญหาที่ครอบครัวแตกแยกเท่านั้นเอง
แต่เพราะความทรงจำที่แทรกเข้ามานี้เหมือนจะถ่ายทอดความรู้สึกได้ด้วยแถมยังแรงกล้าจนรู้สึกคล้อยตาม
เรื่องราวนั้นดำเนินให้เห็นว่ากวินทร์แยกจากพี่สาวลูกพี่ลูกน้องอย่างไร
ราชครูลำดับที่หนึ่งคือผู้ที่ช่วยเยียวยาหัวใจของหล่อนไม่ให้แตกสลาย
จนกระทั่งภาพฉายเปลี่ยนไป
แล้วฉายภาพใหม่ที่น่าจะเป็นความทรงจำหลังกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว
หล่อนกำลังพูดคุยกับรูบิเดียมราชครูลำดับที่สาม
“เอาฟันเฟืองของมิ่งขวัญมาสิแล้วฉันจะช่วยเรื่องที่เธอกำลังกังวลอยู่เอง”
ราชครูสาวพูดแล้วชี้มาที่ไทเทเนียม
“อยากช่วยใช่รึเปล่าเด็กในท้องน่ะ”
จากนั้นก็มีช่วงความทรงจำที่เหมือนกับจะย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น
เป็นช่วงที่หล่อนรู้สึกตัวว่าร่างกายมนุษย์ต่างดาวไม่ปกติ
ประจำเดือนที่น่าจะไม่มีแล้วในสายพันธุ์ต่างดาวแต่กลับมีอีก
บางครั้งก็หงุดหงิดง่าย
บางครั้งก็รู้สึกปวดบริเวณท้อง
อาการเหมือนคนป่วยเป็นอะไรซักอย่าง
ถ้าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวก็อาจจะท้องโตมากกว่านี้…หล่อนกำลังตั้งครรภ์
แต่เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้น
มนุษย์ต่างดาวไม่มีระบบร่างกายที่จะเลี้ยงดูลูกมนุษย์
ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่ผลักดันหล่อนให้ไล่ล่าพวกเขาก็เพื่อลูกในครรภ์อย่างนั้นสินะ
และแล้ว…
ภาพฉายก็สิ้นสุดลง
เกิดเสียงระเบิดกัมปนาท
ดาบมหึมาสับลงมาบนพื้น
สั่นสะเทือน
พื้นดินสั่นไหวไปมาจนน่ากลัวว่าบันไดที่เขากอดอยู่อาจจะพังลงทุกเมื่อ
ไม่นานนักแรงสะเทือนก็หยุดลง
“ศร!!”
เสียงของมิ่งขวัญเรียกเขาหันกลับไปดู
มิ่งขวัญกำลังแบกมิกซ์ตามขึ้นมา
พลอยกับฟูก็มาด้วยคงไล่ตามมาทันตอนที่หยุดดูดาบยักษ์นั่น
อิงศรปล่อยบันไดจากอ้อมแขนแล้วลุกขึ้นมาไต่บันไดต่อจนมาถึงชั้นบนสุด
พอขึ้นมาดาบยักษ์ก็จางหายไปราวกับวิญญาณ
ทัศนวิสัยโดยรอบยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันแต่ก็ยังพอมองเห็นร่องรอยการต่อสู้ที่ทำเอาพื้นพังพินาศเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่หลายจุด
พอหมอกควันจางลงก็เจอกวินทร์
กวินทร์ Lv.69
[/....30:8200…..]
รุ่นน้องยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่นั่นทำให้ใจชื้นขึ้นเล็กน้อย
กวินทร์ซบอยู่บนร่างของไทเทเนียมซึ่งนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น
แถบพลังชีวิตของหล่อนไม่แสดง
สภาพแบบนั้น
หมายความว่ากวินทร์โค่นหล่อนลงได้
จังหวะนั้นทุกคนก็ตามขึ้นมาพอดี
พากันทำหน้าตกใจกับผลลัพธ์ที่ได้เห็นและเศร้าสลดไปตามกันควเพราะได้เห็นภาพฉายนั่นเช่นเดียวกับเขา
หดหู่จนรู้สึกไม่อยากพูดอะไรออกมา
แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่เป็นแบบนั้น
“โอ้ปีศาจนั่นมัน”
ซากิริพูดแล้วก็เริ่มวิเคราะห์ปีศาจสวมหน้ากากครึ่งเดียวที่มีใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ไม่มีหน้ากากปิดเหมือนกับกวินทร์
ใบหน้านั้นดูเหมือนกำลังหงุดหงิด
ปีศาจแต่งตัวเหมือนหลุดมาจากยุคกลางบนแผ่นหลังมีปีกเหมือนแมลงปอ
เหมือนพวกภูตในเรื่องเล่าพื้นบ้านของอังกฤษ
ดูจากที่มีใบหน้าลอกแบบกวินทร์มานั่นคงจะเป็นปีศาจที่เกิดจากอาคานาร์
“แจ็ค
สปริกกินส์จากเรื่องต้นถั่ววิเศษสินะ”
ซากิริยังคงพูดจ้อเรื่องที่สนใจโดยไม่ดูสถานการณ์
อันที่จริงหล่อนก็ไม่ใช่คนอยู่แล้วพวกที่ไม่มีความเป็นคนอย่างมนุษย์ต่างดาวราชครูกับเทพปีศาจแห่งความตายคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยถึงได้ทำเครื่องหน้านิ่งได้ขนาดนั้น
ปีศาจหน้าเหมือนกวินทร์หายตัวไปก่อนจะหายไปมองเห็นอาคานาร์ที่อยู่ภายในนั้นแวบหนึ่งดูจากรูปแล้วคิดว่าคงเป็น
จัสติสอาคานาร์
ไม่มีใครขยับตัวทุกคนกำลังอึดอัดกับความเป็นไปของสถานการณ์
ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าไปดูเอง
อิงศรจ้องมองไปที่ร่างของรุ่นน้องพยายามมองหาฟันเฟืองที่น่าจะปรากฏออกมา
“ที่คอนั่น...”
มีปลอกคอสีขาวเหมือนกระดูกและมีซี่ฟันยื่นออกมารอบๆ
แต่ก็อยู่ในสภาพที่หักพังไปแล้ว
นั่นคงจะเป็นฟันเฟือง
จะว่าไปเฟืองของแต่ละคนก็ไม่ได้ออกมาจากร่างกายตรงจุดเดียวกันของเขาออกมาจากกลางหลัง
ของมิ่งขวัญออกมาจากเอว ส่วนของกวินทร์ก็เป็นที่คอ ตำแหน่งเหล่านี้อาจจะถูกกำหนดขึ้นตอนที่เฟืองฝังตัวเข้ามากระมังเพราะของเขาเองก็ถูกฟังเข้าที่กลางหลังของมิ่งขวัญน่าจะต่ำลงมากว่านั้นเลยเป็นที่เอว
ดวงตาของไทเทเนียมยังไม่ได้ปิดลงและหล่อนก็เหมือนจะพูดกับกวินทร์อยู่
พอเข้าไปใกล้หล่อนก็เหลือบตามองมา
“งั้นเหรอมันจบแล้วสินะ”
หล่อนพูดแบบนั้นแล้วยกมือที่มีแต่บาดแผลกดลงบนอากาศเรียกเอาหน้าจอหนึ่งออกมา
บนหน้าจอมีไอคอนสกิลเรียงรายกันอยู่ หน้าจอชุดสกิลที่หล่อนติดตั้งอยู่นั่นเอง
ไทเทเนียมส่งมันให้กวินทร์ที่เอาแต่สะอึกสะอื้นไม่หยุด
ตั้งแต่เข้าใกล้มาก็ได้ยินเสียงหมอนี่ร้องสะอื้นอยู่ตลอด
ไทเทเนียมพูด
“นี่...ดูมันแล้วจำให้ได้ล่ะมันเป็นชุดสกิลที่อยากจะให้นายเป็นคนใช้”
กวินทร์เงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตามองดูสกิลบนหน้าจอแล้วก็ทำท่าตกใจ
“พี่ก็ติดตั้งแรคน่าเบลดไว้นี่
ทำไมล่ะถ้าตอนนั้นใช้ท่านี้สวนกลับผลการต่อสู้นี้ก็...”
แรคน่าเบลดนั้นถ้าจำไม่ผิดเป็นสกิลไม้ตายของบิลด์คลาสเอเลเมนทัลเอนแชนเตอร์ที่สามารถร่ายสวนกลับสกิลไม้ตายที่มีคุณลักษณะ
‘Ultimate’ ได้ทุกท่าโดยจะทำงานก่อนเสมอการที่หล่อนมีสกิลนั้นอยู่แต่กวินทร์ยังรอดชีวิตมาได้นั่นก็หมายความว่า...
“ฉันใช้มันไม่ได้หรอก”
ไทเทเนียมพูด
“…”
“เพราะว่ามันเป็นสกิลที่หนักเกินไปในฐานะเกมเมอร์แล้วไม่ควรจะเอาใส่เข้ามาด้วยซ้ำ”
ได้ยินดังนั้นอิงศรก็คาดเดาสาเหตุเอาเอง
“งั้นที่เอาใส่เข้าไปแต่ไม่ใช้ก็หมายความว่าเธอ...”
จงใจไว้ชีวิตกวินทร์...คำพูดนั้นถูกขัดแทรกด้วยคำพูดปฏิเสธปนกลั้วไปกับเสียงหัวเราะแหบๆ
“อย่าพูดให้ขำหน่อยเลยคนที่ยอมทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อให้ตัวเองสมบูรณ์แบบในฐานะเกมเมอร์อย่างฉันมันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรอีกแล้วอย่างน้อยก็อยากจะให้ชุดสกิลที่ตัวเองจัดขึ้นได้ใช้อย่างถูกวัตถุประสงค์”
หล่อนพูดสิ่งที่น่าจะเก็บไว้ในใจมาตลอด
คงเพราะรู้ตัวว่ากำลังจะหมดลมหายใจถึงพูดได้โดยไม่กระด้างกระเดื่อง
“…”
“ก็แค่ไม่อยากให้มันค้างคาอยู่แบบนี้”
หล่อนพูดแล้วหันกลับไปพูดกับกวินทร์
“ตอนที่ใช้ควอเต็ตสแลชนั่นมันชัดเจนแล้วล่ะว่าเธอได้ก้าวไปคนละทางกับฉัน เธอต่อสู้จริงแล้วก็เรียนรู้ที่จะพัฒนามันต่างจากฉันที่คิดเผื่อไว้ทุกอย่างจนสมบูรณ์แบบมันทำให้ฉันตาสว่างแล้วว่าวิธีของฉันไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด...”
ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด...หล่อนน่าจะหมายถึงวิธีการแบบนั้นเป็นสิ่งเฉพาะของตัวเอง
เป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่มีแต่เธอเท่านั้นบางทีการทำอะไรได้สมบูรณ์แบบเอามากๆ
อาจจะทำให้รู้สึกว่าตนเองไร้ซึ่งเอกลักษณ์เพราะว่าทางที่ดีที่สุดนั้นไม่ว่าใครก็สามารถนึกหรือคิดทำตามได้ทั้งนั้นส่วนจะทำสำเร็จไหมมันก็เป็นอีกเรื่อง....ความรู้สึกของหล่อนจะเป็นแบบนั้นรึเปล่าอิงศรเองก็ไม่รู้
เด็กหนุ่มทำได้แต่เพียงคาดเดาเท่านั้นเพราะคนที่รู้ดีที่สุดคงจะเป็นตัวเธอเองแล้วก็กวินทร์...
ไทเทเนียมพูดต่อ
”สิ่งเดียวที่ฉันมีในชีวิตไม่ได้ถูกแย่งไปความเป็นเกมเมอร์นี้จะติดตัวฉันไปแม้จะไม่อยู่แล้วก็ตามแค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ”
กวินทร์ส่งเสียงสะอื้นเล็กๆ
“พี่…ฟ้า”
แล้วก้มหน้าลง
อยากจะเบือนหน้าหนีจากความจริงแต่อิงศรก็ก้มตัวลงแล้วจับกวินทร์ให้เงยหน้าขึ้น
จับมือของรุ่นน้องบังคับให้เปิดหน้าจอจัดการสกิล
“ดูเอาไว้กวินทร์
ดูแล้วจำมันให้ได้จากนี้ไปเธอจะอยู่ได้แต่ในความทรงจำของนายเท่านั้นแล้วนะ”
พอพูดแบบนั้นไปก็รู้สึกได้ว่าตัวของรุ่นน้องกำลังสั่นเทา
มือเริ่มขยับไปหาสกิลแต่ละสกิล
สกิลที่มีอยู่แล้วถูกจับใส่ลงในช่องติดตั้งสกิลที่ไม่ใช่ถูกสลับออกไป
ไทเทเนียม...ไม่สิฟ้ากมลกำลังเข้ามาอยู่ที่นี่มาอยู่ร่วมกับกวินทร์
“ใจดีจังเลยนะทั้งที่ถูกฉันไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายแท้ๆ
แต่ว่ามาทำดีกับคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างฉันไปมันก็เท่านั้นแหละอีกเดี๋ยวมันก็จะหายไปแล้ว...ทั้งหมดเลย”
หล่อนพูดแล้วแตะมือที่ท้องซึ่งน่าจะมีเด็กที่รอวันจะได้ลืมตาดูโลกอยู่
แต่ก็ถูกพรากเอาช่วงเวลานั้นไป
พวกเขากลายเป็นฆาตกรเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด
โลกในตอนนี้มันเป็นแบบนั้น
โลกที่ล่มสลายซึ่งพระเจ้าอยากจะชำระล้าง
อยากจะให้มนุษย์ก้าวเดินต่อไปแต่กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม
ไม่มีใครจะเข้าใจในพระเจ้าหรอก
คำพูดแบบนั้นเหมือนเคยได้ยินจากหนังสือหรือรายการที่เกี่ยวกับศาสนา
ใช่
ไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละแต่ว่า....
“ไม่หายไปหรอก
เธอน่ะได้ทำให้ตัวเองเป็นที่จดจำแล้วไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่หายไป”
อิงศรพูดออกไปโดยที่ตัวเองก็ยังรู้สึกทึ่งกับตัวเอง
แต่ว่าก็สงสารไปแล้ว
เวทนาศัตรูไปแล้ว
เพราะยังอ่อนโยนเกินไป
เพราะยังอ่อนหัดแต่เพราะแบบนั้น
เด็กสาวถึงได้ยิ้มได้อีกครั้ง
“ขอบใจนะ”
แล้วหล่อนก็จากไป
ร่างกายต่างดาวเริ่มละลาย
หิมะแห่งฤดูหนาวในใจของเธอคงจะละลายไปแล้ว
เสียงกระซิบของฤดูใบไม้ผลิแรกในชีวิตและเป็นใบไม้ผลิครั้งสุดท้าย
ไทเทเนียมละลายเป็นปรอทไปทั้งหมด
จากนั้น...
ชุดสกิลก็จัดเสร็จพอดี
กวินทร์เริ่มพูด
“จากนี้ไปพี่จะอยู่ในใจ...ของผมตลอดปะ…”
แต่คำพูดก็หยุดลงแค่นั้น
กวินทร์เอนตัวไปทางขวาล้มลงไปอย่างแข็งทื่อราวกับท่อนไม้
ทุกคนพากันแตกตื่น
ท่ามกลางความตกใจนั้นอิงศรที่ประคองสติไว้ก็จับตัวเด็กหนุ่มพลิกขึ้นมาแล้วทำการตรวจสอบชีพจร
พลังชีวิตยังคงฟื้นฟูอยู่เนืองๆ
กวินทร์ Lv.69
[/....60:8200…..]
ยังไม่ตายหรอก...อิงศรภาวนาเช่นนั้น
“....”
แต่ชีพจรของรุ่นน้องเงียบสนิท
อิงศรเอาหูแนบลงบนอกซ้ายลองฟังเสียงหัวใจ
“…”
หัวใจก็ไม่เต้นเช่นกัน สุดท้ายแล้วเมื่อลองอังมือที่จมูกก็พบว่า...
“...ไม่หายใจแล้ว”
ความคิดเห็น