คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : Login 109: Great Fate 1
Login
109: Great Fate 1
อาคานาร์เดอะเมจิคเชี่ยนลอยเข้ามาในมือของอิงศร
ดวงตาลึกลับสองดวงลอยอยู่บนฉากหลังกับดวงไฟที่เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของพิธีกรรมและมือขนาดใหญ่สองข้างที่รองรับเพลิงไฟนั้นไว้
เด็กหนุ่มกำลังจ้องมองภาพแห่งอาคานาร์ที่ได้ชื่อว่าผู้ใช้มายา
แล้วเสียงคำรามก็ดังขึ้น
ดังอย่างกึกก้อง
เสียงคำรามของปีศาจหมาป่ายักษ์นามเฟนริลผู้กลืนกินราชันย์เทพแห่งแดนเหนือตามคำทำนายในตำนานโบราณข้อมูลเหล่านี้อิงศรอ่านมาจากแว่นตาปีศาจแห่งลาพาส
เดม่อนแอพพลิเคชั่นของนรินทร์ที่ขอยืมมาใช้
อิงศรเปิดหน้าจอคลังขึ้นมาเก็บอาคานาร์ทั้งหมดจากนั้นจึงย้ายสายตาไปยังเงาตะคุ่มที่กำลังโก่งตัวจนหลังลอยเหนือยอดอาคารสูง
ที่นั่นเฟนริลกำลังกัดกินราชันย์เทพของเขาซึ่งพ่ายแพ้ให้กับมัน
นี่เป็นเรื่องธรรมดาลาพาสบอกเช่นนั้นเพราะเขาให้ปีศาจที่แพ้ทางไปสู้กับเฟนริล
ยอมให้ตำนานกลายเป็นความจริงโอดินของเขาจึงแพ้พ่าย
เฟนริลฝังขากรรไกรอันแข็งแกร่งของมันลงที่ต้นคอราชันย์เทพซึ่งนอนแน่นิ่ง
มันกัดและกระชากจนหยดเลือดจำนวนมากสาดกระเซ็น ผนังอาคารบริเวณรอบๆ
นั้นแทบจะกลายเป็นสีแดงเพราะเลือด รวมทั้งเส้นขนสีดำบนตัวของมันชุ่มช่ำเช่นกัน
และแล้ว...
ดวงตาของเฟนริลก็กลอกกลิ้งมาทางนี้
จ้องมองมาที่พวกเขาสามคนซึ่งกำลังยืนจ้องมันอยู่เช่นกัน
จ้องกันไปจ้องกันมาอยู่ซักพักหมาป่าปีศาจก็รามือจากศพของราชันย์เทพแล้วหันตามมาทางที่มันเห็นโดยที่ตวัดลิ้นเลียริมฝีปากซึ่งชุ่มไปด้วยเลือดจากนั้นมันก็คำราม
คำรามเสียงดังเพื่อข่มขู่
อากาศซึ่งพุ่งออกจากปากของมันแรงประหนึ่งลมพายุพัดกรรโชกข้ามอาคารมาถึงที่นี่
ในสายลมนั้นมีกลิ่นคาวเลือด
กลิ่นของความตาย
กลิ่นสาปสัตว์
"..."
สัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ของอิงศรสั่งให้ร่างกายสั่นสะท้านยามที่สัมผัสกลิ่นเหล่านั้น
มันคือความกลัวที่ฝังรากลึกในพันธุกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ คือความกลัวต่อผู้ล่าในยุคสมัยที่มนุษย์ยังไร้ซึ่งพลัง
ทันใดนั้นเอง...
ร่างของเฟนริลก็พุ่งขึ้นไปข้างบน
มันกำลังบิน...ให้ถูกคือกระโจนตัวแต่ความสูงที่ลอยขึ้นไปนั้นราวกับจะโบยบิน
ปากอ้ากว้างแทบจะเป็นเส้นตรงคงหมายจะกลืนพวกเขาไปพร้อมกับพื้นดินเลยกระมัง
ปีศาจตกลงมาด้วยความเร็วพอๆ
กับตอนที่มันขึ้นไป
มองเห็นช่องว่างและจังหวะให้ยิงสวนอยู่มากมายอีกฝ่ายไม่ได้ระวังตัวเลยซักนิด
ทั้งอย่างนั้นแล้วพลังที่เป็นส่วนสำคัญกลับมีไม่พอ
ต่อให้ระดมยิงด้วยสกิลทั้งหมดที่มีตอนนี้ก็คงทำอะไรมันไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะหนีจากการโจมตีนี้แล้วค่อยมองหาหนทางอื่นแต่รัศมีที่ปากของปีศาจจะกลืนกินมันก็ช่างกว้างอย่างโหดร้าย
ยิ่งเฟนริลเข้าใกล้พื้นมากเท่าใดเงาที่ทอดตัวลงมาก็ยิ่งกว้างขึ้นความหวังที่จะหนีพ้นก็พลอยลดลงตามไปด้วย
รู้สึกว่าเวลานั้นยาวนานขึ้นเล็กน้อย
ทั้งที่เป็นช่วงแค่ไม่กี่วินาทีแต่กลับสังเกตรายละเอียดของเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนหรือเป็นเพราะว่าเขากำลังจะตายกันนะ
เพราะรู้ว่าไม่มีทางหนีพ้นคมเขี้ยวที่กัดกลืนผืนแผ่นดินนั่นได้อย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่...
ปีศาจหล่นลงมาช้าลง
มองเห็นฝุ่นทรายกำลังลอยเพราะเวลาเดินช้าลง
ไม่ใช่
อิงศรเข้าใจแล้วว่าเวลาไม่ได้เดินช้าลงเพราะเขายังคงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระถ้าเช่นนั้นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือมีใครบางคนกำลังยกตัวเฟนริลเอาไว้
พอทำใจเย็นลงได้ก็เริ่มสังเกตเห็นว่ารอบๆ
มีเชือกที่ยืดจากใต้ดินขึ้นไปเหมือนเป็นเสาอยู่หลายเส้น
เชือกแต่ละเส้นนั้นมีลักษณะคล้ายใบมีดคัทเตอร์ที่มาเรียงกันเป็นสาย
เชือกใบมีดแทงยอดขึ้นไปเสียบร่างของหมาป่าปีศาจยันร่างของมันให้ค้างไว้กลางอากาศ
โดยจุดศูนย์กลางที่เชือกใบมีดล้อมรอบถ้าประมาณเอาด้วยสายตาก็จะเห็นว่าซีลอร์ดยืนอยู่ตรงนั้นพอดีแล้วตอนนี้หมอนั่นก็ชูมือทำท่าเหมือนกำลังแบกอากาศที่ว่างเปล่าอยู่
"หนักเอาเรื่องเหมือนกันนะแต่ต้องขอบใจแกที่ช่วยกระโดดขึ้นไปแบบนี้เมืองจะได้ไม่โดนไปด้วย"
ซีลอร์ดพูดแบบนั้นพลางใช้มือข้างที่เหลือชี้ขึ้นไป
"โซเดียราโอ"
[Zodialao
Lv(?/?)
Element:
Zodiac
Attribute:
Zodiac , Special Attack
(Cast
Cost) คุณต้องเป็นเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์; ลำแสงที่บดขยี้ได้ทั้งกาล-อวกาศ
นี่คือโชคชะตา คือลิขิตสวรรค์
และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจงทำให้สรรพสิ่งสยบแทบเท้าจงถอนรากวัชพืชที่รุกล้ำสวนอันศักดิ์สิทธิ์
เหล่าเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์!!]
แล้วร่ายสกิล
มวลประจุแสงสว่างหลั่งไหลจากอากาศอันว่างเปล่าก่อตัวเป็นก้อนกลมตั้งอยู่บนนิ้วของซีลอร์ดอยู่ครู่หนึ่ง
ต่อมาก้อนแสงนั่นก็พุ่งทะยานกลายเป็นลำแสงกรอกใส่ปากของหมาป่าปีศาจถึงมันจะพยายามหุบปากลงก็ทำไม่ได้เพราะเชือกใบมีดได้แทงทะลุปากทั้งบนทั้งล่างและเย็บมันเข้ากับร่างกาย
ลำแสงเข้าไปข้างในท้องปีศาจระเบิดทำลายอวัยวะภายใน
ท้องของมันเริ่มปูดตัวเพราะระเบิดที่เกิดขึ้นด้านในจากนั้นก็เกิดรอยปูดบวมทั่วทั้งร่างของมัน
ตัวของหมาป่าปีศาจขยายขึ้นจนแทบจะระเบิด
ได้ยินเสียงปะทุจากด้านในดัง
ปุดๆ อยู่ตลอดเวลาเครื่องในคงจะเดือดจนหลอมเหลวไปหมดแล้วแต่ลำแสงของซีลอร์ดยังคงไม่หยุด
ถึงตรงนี้ซีลอร์ดก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ
"อะ"
"เป็นอะไรไปเหรอ"
อิงศรถาม
"ที่จริงตอนนี้น่าจะเกิดดอกไม้ไฟตูมใหญ่แล้วล่ะนะแต่ว่า..."
คำพูดของซีลอร์ดคงจะหมายถึงเฟนริลควรจะระเบิดตายไปแล้ว
ทว่า
จนถึงตอนนี้มันก็ยังอยู่และตัวบวมขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ทันทีที่ลำแสงยิงออกไปจนหมดร่างของหมาป่าปีศาจก็กลายเป็นลูกโป่งที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นแต่ไม่ใช่เสียงของเฟนริล
เป็นเสียงของผู้หญิง
'ดิ้นรนกันได้ดีนี่ว่าแต่แล้วเจ้าเลือกได้รึยังล่ะเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย
เลือกโชคชะตาของเจ้าน่ะ'
คล้ายกับเสียงของอลิสแต่ยังมีส่วนที่ต่างกันน้ำเสียงของคนๆ
นี้นุ่มลึกกว่าและไม่ได้แฝงความชั่วร้ายอย่างถึงที่สุดเหมือนอลิสแต่มันดูลึกลับมากกว่า
"งั้นเองเหรอคนที่อยู่เบื้องหลังเสียงนั่นกับพวกปีศาจจากอาคานาร์ยังไม่ได้ปรากฏตัวสินะ”
อิงศรได้ยินซีลอร์ดพึมพำไว้แบบนั้น
”เลือกไม่ได้หรอกก็ผมไม่มีโชคชะตาให้เลือกนี่"
ซีลอร์ดพูดตอบ
ดูเหมือนว่าเสียงนั่นจะกำลังพูดกับซีลอร์ดและยังเรียกเขาว่าเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
เสียงนั่นยังคงพูดต่อไปว่า...
'เอาเถอะเจ้าจะทำตัวแข็งข้อได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นไว้ค่อยไปคิดเสียใจทีหลังในโลกหน้าก็แล้วกัน'
ช่างเป็นคำพูดที่ชวนนึกถึงตัวร้ายเกรดบีในละครหลังข่าวจริงๆ
แต่อีกฝ่ายท่าทางจะไม่ได้พูดเล่นเพราะท้องของเฟนริลที่บวมเป่งมาตั้งแต่เมื่อครู่ตอนนี้กลับเริ่มยุบตัว
ที่จริงมันเหมือนกับโดนอะไรบางอย่างข้างในดูดเข้าไปมากกว่าเพราะส่วนที่ว่านั้นจมลงไปเป็นหลุมลึก
จากนั้นทั้งตัวก็เริ่มจมเป็นหลุมจนกลายสภาพเป็นก้อนเนื้อกลมๆ
ตูม!!
เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
ก้อนเนื้อระเบิดออกแต่ไม่มีเลือดหรือเศษเนื้อกระจุยกระจายออกมาเพราะเศษซากพวกนั้นถูกดูดกลืนเข้าไปในตอนที่เกิดระเบิด
ถูกกลืนหายเข้าไปในหลุมดำที่ค่อยๆ
แผ่ขยายและดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป
ทั้งอาคาร
ทั้งซากเมือง ทั้งเชือกใบมีดของซีลอร์ดที่กระจัดกระจาย ทั้งหมดกำลังลอยขึ้นไป
ลอยเข้าไปในหลุมดำยักษ์
ขาของอิงศรก็เริ่มลอยแล้วเช่นกัน
เด็กหนุ่มเก็บคันธนูลงไปในหน้าจอก่อนจะตะเกียกตะกายพาตัวเองถลาลงไปบนพื้นพร้อมกันนั้นก็ปักดาบทำเป็นที่ยึดเหนี่ยวไว้
อิซานามิที่เกือบจะลอยตามไปก็แวะเข้ามาเกาะที่ขาเขาทันพอดี
ขณะที่ซีลอร์ดซึ่งเท้าลอยเหนือพื้นอยู่ตลอดเวลาทำให้ถูกดูดขึ้นไปง่ายๆ
อิงศรยืดมือออกไปข้างหนึ่งพร้อมกับตะโกนเรียก
“จับไว้!”
มือของซีลอร์ดที่กำลังปลิวเอื้อมมาคว้ามือเด็กหนุ่มไว้
มือของพวกเขาจับกันไว้แน่น
ซีลอร์ดเริ่มพูดบางอย่าง
“อย่างนี้นี่เองให้อาคานาร์ที่อยู่ข้างในตัวดูดซับแรงกระแทกของโซเดียราโอไว้ทำให้เกิดระเบิดอย่างรุนแรงภายในท้องจนตัวเองกลายเป็นแบล็กโฮลถ้าไม่ใช่ว่าโดนควบคุมอยู่ล่ะก็คนที่เลือกจะยอมรับความเจ็บปวดระดับนี้คงจะสติไม่ดีแล้วล่ะ”
“ช่วยหยุดพูดสบายใจเฉิบซักแปปทีเถอะ”
อิงศรพูดแย้ง
“ขอโทษ”
ซีลอร์ดตอบมาอย่างนั้นแล้วจึงหุบปากเงียบ
ตอนนี้ก็ยังทนได้อยู่แต่ถ้าหลุมดำยังไม่หายไปหรือหยุดดูดทุกอย่าง
ในไม่ช้าพวกเขาก็จะต้องหลุดเข้าไปด้วยแน่ๆ
ไม่ดาบที่ปักไว้หลุดออกก็คงเป็นมือที่เริ่มชาจนแทบจะไม่เหลือแรงเหนี่ยวรั้ง
ขืนเป็นแบบนี้ต้องโดนดูดเข้าไปแน่...อิงศรคิด
เด็กหนุ่มเพิ่มแรงบีบที่แขนแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
แขนซ้ายที่กำด้ามดาบอยู่ไม่ใช่ข้างถนัดแต่ถ้าไม่ใช้มือขวาก็คงคว้ามือซีลอร์ดไม่ได้
“นี่ช่วยหาทางทำอะไรกับมันหน่อยเถอะ”
เสียงของอิซานามิดังมา
หล่อนยังกอดขาเขาไว้อย่างเหนียวแน่นจนรู้สึกอึดอักเล็กน้อย
“แล้วใช้ท่าประตูแบบที่ใช้จัดการตัวเมื่อกี้กับมันไม่ได้เหรอ”
“ไม่ไหวหรอกตัวมันใหญ่เกินไปแถมตอนนี้ยังเป็นหลุมดำด้วยข้าส่งความมืดกลับไปสู่ความมืดไม่ได้หรอกนะแบบนั้นมันย้อนแย้งเกินไป”
ก็หมายความว่าพวกเขาต้องทู่ซี้อยู่แบบนี้จนกว่าหลุมดำจะหยุดเองเท่านั้น
ไม่รู้ว่ามือของเขาจะทนได้ถึงตอนนั้นหรือเปล่า
“...”
ไม่ไหวแน่...อิงศรตัดพ้ออยู่ในใจ
เด็กหนุ่มรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองดีว่าอีกไม่ช้ามือจะต้องหลุดจากด้ามดาบอย่างแน่นอนเพราะตอนนี้ก็เริ่มจะสัมผัสความรู้สึกของมือที่กำด้ามดาบไว้ไม่ได้แถมสียังซีดลง
มันเริ่มชาแล้ว...
ตอนนั้นเองหน้าต่างเมล์ก็เปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
======================
Subject:
@Clipius Death Timing Delivery
From:
???
Detail:
นี่คือฉบับสุดท้ายจงรีบไปก่อนที่เจ้าจะสูญเสียทุกอย่าง
เวลาก่อนที่ความสิ้นหวังจะมาเยือนเจ้าเหลืออีกแค่
[00:00:20]
======================
คงเพราะเวลานับถอยหลังใกล้จะหมดลงเมล์ที่คล้ายกับเมล์ตัวจับเวลาตายแต่ไม่ระบุผู้ส่งถึงได้เปิดขึ้นมาเองโดยเหลือเวลาอยู่เพียงยี่สิบวินาที
ซีลอร์ดที่มองเห็นเมล์ฉบับนั้นก็กำลังทำหน้าประหลาดใจ
ประหลาดใจที่เมล์นั่นอิงศรก็ได้รับด้วยแต่ที่น่าตกใจกว่าคือเมล์ฉบับที่เขาเห็นจากอลิสซึ่งเขียนแบบเดียวกันเอาไว้นับเวลาถอยหลังหมดไปแล้วแต่เมล์ของอิงศรกลับไม่ใช่
แล้วทันใดนั้นเอง...
ก็มีหน้าจอเปิดซ้อนขึ้นมาอีกบนหน้าจอแสดงรูปภาพแห่งความตาย
เป็นภาพที่ซีลอร์ดถูกดูดหายเข้าไปในหลุมดำซึ่งไม่เหมือนกับภาพที่อลิสแสดงให้เห็นภาพนั้นเป็นตัวเขาที่โดนอลิสสังหารจนเลือดท่วม
ตีความได้ว่าอาคาชิกเรคคอร์ดอาจจะสร้างเมล์ทำนายไว้สองฉบับแต่แบบนั้นมันก็ย้อนแย้งเกินไปหน่อยถ้าผลการทำนายแม่นยำหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ฉบับที่สองก็ไม่น่าจะถูกส่งไปหาอิงศรเพราะเขาควรจะต้องตายด้วยน้ำมือของอลิสแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าอลิสที่เป็นเดธอาคานาร์อาจจะสร้างฉบับปลอมออกมาขึ้นชื่อว่าอาคานาร์แห่งความตายย่อมทำนายความตายได้อยู่แล้วจึงไม่น่าแปลกใจ
เมล์ของอิงศรจึงน่าจะเป็นของจริงที่ส่งโดยใครซักคนซึ่งมีอำนาจเข้าถึงอาคาชิกเรคคอร์ดเช่นเดียวกันบางทีอาจจะเป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่
เช่นนั้นเขาก็ต้องตายที่นี่ชะตากรรมได้ถูกกำหนดเอาไว้อย่างนั้นแม้จะไม่เชื่อว่าวันนี้จะมาถึงก็ตามทีแต่มือของอิงศรก็ทำท่าจะไม่ไหวแล้ว
"อิงศรจับด้วยสองมือน่าจะดีกว่านะ"
ซีลอร์ดพูด
"หา? พูดอะไรของนายฟะถ้าจับสองมือได้ป่านนี้ฉันทำไปนานแล้ว"
"ถ้างั้นก็ปล่อยมือผมเถอะ"
อิงศรที่ได้ยินคำพูดนั้นก็ถลึงตามองมาทางนี้
"นี่นายคิดจะทำอะไรกันแน่"
แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"แทนที่จะหลุดไปกันหมดนี่ปล่อยมือผมแล้วยื้อต่อไปจนถึงที่สุดจะดีกว่า"
ซีลอร์ดก็ตอบอย่างจริงจังเช่นกัน
"ที่พูดนั่นนายเอาจริงเรอะ"
ซีลอร์ดพยักหน้า
"ก่อนหน้าที่อิงศรจะเข้ามาที่นี่ผมถูกเสียงนั่นบอกให้เลือกชะตากรรม
บางทีนี่คงเป็นชะตากรรมของผม แต่อิงศรเธอยังต้องเดินต่อไป
ก้าวต่อไปข้างหน้าแล้วไปแสดงความตั้งใจนั้นกับเหล่าแอดมินิสเทรเตอร์ให้ได้ล่ะ"
สิ้นคำซีลอร์ดก็ปล่อยมือที่จับทำให้เหลือแค่แรงดึงจากฝ่ายอิงศรรั้งไว้แค่ฝ่ายเดียว
"คำพูดที่เหมือนกับสั่งเสียนั่นมันอะไรกัน!"
อิงศรตะคอกแล้วแรงดึงของฝ่ายนั้นก็เพิ่มขึ้นอิงศรกัดฟันเค้นแรงที่มีดึงซีลอร์ดกลับมา
" 'นี่เป็นโชคชะตาของผม' เรอะ!
อะไรกันน่ะนั่น...ตั้งแต่แรกแล้วนายเป็นคนที่เข้ามาป่วนในชีวิตฉันบอกเรื่องใหญ่อย่างพระเจ้ากับการทดสอบบ้าๆ
นั่นทำให้ชะตาชีวิตฉันเปลี่ยนไปไหนถึงไหนแล้วคิดว่าพูดแค่นั้นจะเชื่อรึไง!"
ไม่รู้ว่าเพราะพลังแฝงยามคับขันหรือเพราะความมุ่งมั่นของอิงศรกันแน่แต่ซีลอร์ดก็ถูกดึงลงมา
เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนแขนขวาของเด็กหนุ่มแขนนั่นมองเห็นมัดกล้ามที่ผ่านการฝึกฝนนูนขึ้นมาอย่างชัดเจนหรือก็คือเป็นแรงกำลังที่เค้นออกมาจนหยดสุดท้ายจริงๆ
ความพยายามนั่นทำให้ซีลอร์ดแสดงสีหน้าลังเล
"..."
ลังเลว่าควรจะยอมรับชะตากรรมที่นี่เพื่ออิงศรหรือสู้ต่อไปเพื่องานในฐานะผู้จับตาดูสวนแห่งที่สอง
"เปลี่ยนมันสิ!
ถ้าบอกว่านี่คือชะตากรรมของนายงั้นก็เปลี่ยนมันสิคราวนี้ตานายแล้วแสดงความตั้งใจที่จะก้าวต่อไปให้ฉันเห็นเซ่!"
ความมุ่งมั่นของอิงศรเกือบจะดึงผู้ถูกลืมเลือนกลับมาจากโชคชะตาได้
ทว่าดาบของอิงศรไม่ได้มีความมุ่งมั่นอย่างเดียวกัน
ใบดาบที่เป็นเพียงสิ่งของไร้หัวใจไม่สามารถสัมผัสถึงความมุ่งมั่นอันนั้นได้และมันกำลังจะหลุดออกจากดินที่ปัก
แต่เดิมก็ไม่คิดว่าดาบเล่มเดียวจะรั้งน้ำหนักของสามคนได้อยู่แล้วดังนั้นซีลอร์ดจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่สมควรทำ
ผู้ถูกลืมเลือนกล่าว...
"เป็นแค่มนุษย์อย่างเธอน่ะให้เครื่องมือแบบผมช่วยก็พอแล้ว”
แล้วสะบัดมือจนหลุดจากอิงศร
ระยะห่างของดาบกับพื้นหยุดนิ่งลง
แต่ระยะห่างระหว่างเขากับเพื่อนคนสุดท้ายกลับมีแต่จะเพิ่มขึ้น
"...ลาก่อน"
...ซีลอร์ดกล่าวเป็นคำสุดท้าย
***ยังคงอยู่ในช่วงงานเต็มมืออาทิตย์นี้เลยต้องขอเลื่อนเวลาลงไปหนึ่งวันครับดังนั้นอีกตอนจะไปลงวันศุกร์แทน จนกว่าจะพ้นเดือนแห่งงานไปคงต้องเป็นโรคเลื่อนไปซํกระยะ TwT***
ความคิดเห็น